
เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 64 ที่วิหารพระพุทธเมตตาประทานพร วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เป็นประธานในการจัดพิธีเปลี่ยนผ้าครอง ย้ายสังขาร หลวงพ่อพูล เข้าสู่ศาลาหลวงพ่อพูลหลังใหม่ ที่งดงามด้วยกระเบื้องโมเสคสีทองอร่ามทั่วทั้งศาลา เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดนครปฐม

โดยเป็นพิธีการเปิดศาลาหลวงพ่อพูล อย่างเป็นทางการหลังก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ โดยมีเพียงคณะสงฆ์ ศิษยานุศิษย์ที่ใกล้ชิด รวมถึงเจ้าหน้าที่ของวัดไผ่ล้อมเข้าร่วมในพิธี ด้วยมาตราการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 โดยผู้ร่วมพิธีนั้นได้ผ่านการฉีดวัคซีนโควิด-19 จำนวน2เข็ม มาแล้วทุกคน

ศาลาหลวงพ่อพูลหลังใหม่แห่งนี้ภายใน จะประดิษฐาน ด้วยรูปเหมือน หลวงพ่อพูล นั่งบนหนุมาน อุ้มโลงแก้วหีบทอง บรรจุสังขารของท่านเองที่ไม่เน่าเปื่อยเป็นเวลากว่า 16 ปี หน้าตักกว้าง 3 เมตร สูง 5 เมตร องค์ใหญ่ที่สุดในโลก ประติมากรรมอันวิจิตร หนึ่งเดียว ที่ พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้รังสรรค์จัดสร้าง กตัญญุตาต่อ อาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชา อบรมสั่งสอนศิษย์ ให้ปฎิบัติในหลักพระพุทธศาสนา เพื่อรำลึกถึงคุณ งามความดีที่ท่านได้สร้างไว้ คุณูปการ พร้อมเปิดให้ศิษยานุศิษย์ ประชาชนเข้ากราบไหว้ขอพร รวมทั้งยังมี เนสเซอรี่กุมารทองสมบัติวัดไผ่ล้อม กุมารคู่บุญบารมีของหลวงพ่อพูล ตั้งอยู่ข้างรูปเหมือน หลวงพ่อพูล นั่งบนหนุมาน อุ้มโลงแก้วหีบทอง ทางด้าน พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน)


เจ้าอาวาวัดไผ่ล้อม กล่าวว่า ในการจัดพิธีการเปลี่ยนผ้าครอง สังขารหลวงพ่อพูล และการเคลื่อนย้ายสังขาร จากวิหารหลวงพ่อพระพุทธประทานพร ไปตั้งในศาลาหลวงพ่อพูลในครั้งนี้ ได้มีการวางแผนมานาน ซึ่งที่ตั้งของศาลาหลวงพ่อพูลที่ได้นำสังขารท่านไปประดิษฐานตรงจุดเดิมที่เคยเป็นที่ตั้งของกุฏิของหลวงพ่อพูล ท่านเอง ในการออกแบบอาตมาก็ได้ทำตามนิมิตที่เป็นภาพ คือการที่มีรูปหล่อหลวงพ่อพูลที่สร้างขึ้นมาเป็นงานที่ละเอียดมีความเหมือนกับท่านยังคงมีชีวิต และนั่งอยู่บนหนุมาน ถือว่าหนุมานเป็นตัวแทนของความกตัญญู ก็เปรียบเสมือนอาตมาที่ตลอดระยะเวลาที่หลวงพ่อพูลท่านยังมีชีวิติอยู่ อาตมาก็ได้มีการสนองงานของหลวงพ่อพูลในวัดไผ่ล้อมด้วยความตั้งใจมาโดยตลอดและแม้หลวงพ่อพูลท่านได้ละสังขารแล้ว 16 ปี อาตมาก็ยังคงสานต่อภารกิจในวัดไผ่ล้อมอย่างต่อเนื่องเสมอมา ส่วนโลงกระจกที่รูปหล่อท่านอุ้มไว้เป็นการที่แสดงให้เห็นถึงบารมีของท่านที่สังขารไม่มีการเน่าเปื่อย และเนื้อผิวก็ยังคงออกเป็นสีทองอร่ามมากขึ้นทุกปี โดยยังมีเส้นผมที่งอกออกมาด้วย จึงได้ตั้งใจนำมาประดิษฐาน เพื่อให้ประชาชนได้มาเห็นถึงบารมีของหลวงพ่อพูลที่ท่านเป็นครูบาอาจารย์ที่สร้างแต่ความดีมาตลอดการครองชีวิตในร่มกาสาวพัสตร์ และเปิดให้ประชาชนได้เข้ามากราบไหว้ขอพร เพื่อเป็นมงคลชีวิตตลอดไป




KEY8 NEWS•PRESS 141021