เรื่องทั้งหมดโดย key8news

นนทบุรี.เทศบาลเมืองบางคูวัดได้รับรางวัล ท้องถิ่นที่มีศักยภาพสูง ปี 2567

เทศบาลเมืองบางคูวัด จ.นนทบุรี ได้รับรางวัล ท้องถิ่นที่มีศักยภาพสูง ปี 2567


   ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า นายวีระ กล่ำสนอง นายกเทศมนตรีเมืองบางคูวัด พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาฯ หัวหน้าส่วนราชการเข้ารับรางวัลท้องถิ่นที่มีศักยภาพสูง ประจำปี 2567 (Local Award 2024) ซึ่งเทศบาลเมืองบางคูวัด ได้รับรางวัลท้องถิ่นที่มีศักยภาพสูงระดับดีมาก (Gold ซึ่งเทศบาลเมืองบางคูวัด เป็นหนึ่งในเทศบาล ที่ได้รับรางวัล อันทรงเกียรติ จาก กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ณ อาคารศูนย์ประชุมวายุภักษ์ ห้องวายุภักษ์ 5-6 ชั้น 5 โรงแรมเซ็นทาราไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ถนนแจ้งวัฒนะกรุงเทพมหานคร

นายวีระ กล่ำสนอง นายกเทศมนตรีเมืองบางคูวัด

  นายวีระ กล่ำสนอง นายกเทศมนตรีเมืองบางคูวัด เปิดกับผู้สื่อข่าว ภายหลังเข้ารับรางวัล อันทรงเกียรตินี้ว่า ตนและคณะผู้บริหาร รู้สึกดีใจอย่างยิ่ง ที่ได้รับการคัดเลือกให้รับรางวัล ในครั้งนี้ จากนโยบายที่ตนแถลงต่อสภาไว้นั้น ได้มอบหมายให้ ว่าที่ร้อยตรี สมชาย ทองมี ปลัดเทศบาลเมืองบางคูวัด หัวหน้าส่วนราชการ ต่างๆรวมถึงเจ้าหน้า ผู้ปฎิบัติงานทุกคน ที่ให้ความร่วมมือ ทุ่มเท กำลังกายกำลังใจ ปฎิบัติงาน กันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จนทำให้เทศบาลเมืองบางคูวัด ได้ผ่านการพิจารณา จากคณะกรรมการ ตัดสินให้ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้

นายวีระ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ตนขอขอบคุณ ข้าราชการประจำ และเจ้าหน้าที่ ทุกคนที่ให้ความร่วมมือ สนองนโยบาย ที่ตนเคยแถลงไว้กับสภาฯ เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และจะทำต่อไป ตามกฏระเบียบอย่างเคร่งครัด เพื่อประโยชน์ และการดำรงชีพ ประกอบอาชีพ อย่างมีคุณภาพ และยั่งยืนสืบไป

   ประพฤติ อรรฆธน ภาพ-ข่าว

ราชบุรี. ไทย มอญ พม่า แห่ขอหวยบ่วงนาคบาศเพียบหวังเสี่ยงโชคเลขเด็ด

ราชบุรี ยังแน่นสำนักสงฆ์พุปะหังวงษ์วนาราม อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ไทย มอญ พม่า แห่ขอหวยทั่วสารทิศ นำไข่ไก่มาถวายบ่วงนาคบาศ หลังมีโชค มีลาภ ไปเมื่องวดที่ผ่านมาถูกกันจนเงินสะพัดนับล้าน

วันที่ 29 ก.ย. 67 ที่สำนักสงฆ์พุปะหังวงค์วนาราม ต.ยางหัก อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี สืบเนื่องจากเมื่องวดประจำวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา มีผู้ที่ถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว 37 เลขท้าย 3 ตัว 008 และ 408 จากขอบ่วงนาคบาศ หรือ งูกินหาง ได้รับโชคกันไปเป็นจำนวนมาก จากการจุดธูป แต่ละคนได้โชคตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนบาท รวม ๆ แล้วเงินสะพัดประมาณ 2 – 3 ล้านบาท และยังมีคนถูกสลากพลัส ทั้งเลขท้าย 2 ตัว และ 3 ตัว ถึง 87 ใบรับเป็นแสนบาท ก็เดินทางมาแก้บนด้วย

  ขณะที่ตลอดทั้งวันจนถึงช่วงค่ำ ยังมีคอหวย ทั้งชาวไทย มอญ พม่า ผู้ใช้แรงงาน ได้ทยอยเดินทางมา นำข้าวสาร 5 กิโลกรัม ไข่ไก่ 9 ฟอง และเหรียญจำนวน 9 บาท ใส่พานถวายบ่วงนาคบาศ และจุดธูปขอเลข เพื่อหวังเสี่ยงโชคในงวดประจำวันที่ 1 ตุลาคม 2567 นี้ จนแน่นไปด้วยประชาชนเต็มศาลา ทั้งนี้ทางสำนักสงฆ์พุปะหังวงษ์วนาราม ได้อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ด้วยการนำขันโตก พาน และภาชนะไว้สำหรับใส่ข้าวสารและไข่ไก่ ส่วนคนที่ถูกเมื่องวดที่ผ่านมาก็มาแก้บนด้วยไข่ไก่ และยังมาขอเลขอีกครั้งในงวดนี้

  อย่างไรก็ตาม ภายหลังมีการถวายข้าวสาร ไข่ไก่แล้ว สายตาทุกคนจับจ้องรอลุ้นเลขจากธูปสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ที่มีการจุดเพื่อให้เห็นตัวเลขขึ้นมาว่าจะออกเป็นเลขอะไร โดยทุกคนจ้องมองลุ้นกันตั้งแต่เริ่มจุดธูป ไฟจะไหม้ธูปไปทีละน้อยจนเห็นเป็นตัวเลขทีละตัวโผล่ออกมาจนครบ 3 ตัว ต่างคนต่างนำโทรศัพท์มือถือถ่ายภาพเลขกันไว้เพื่อนำไปเสี่ยงโชคสร้างบรรยากาศคึกคักเป็นอย่างมาก ส่วนเลขที่ได้จะเป็น 27 – 28 – 23 – 25 – 59 – 94 – 235 – 594  เป็นต้น

  กลุ่มชาวมอญ และพม่า ผู้ใช้แรงงาน กล่าวว่า บ้านอยู่ประเทศพม่า มาทำงานรับจ้างเผากะลา ในพื้นที่อำเภอปากท่อ ได้เลขจากการจุดธูป 235 เคยซื้อลอตเตอรี่รัฐบาลไทย เคยถูก 2 ตัว แต่ไม่เคยถูก 3 ตัว วันนี้ได้มาถวายข้าวสาร จึงมาขอโชคจากบ่วงนาคบาศ ได้ไหว้พร้อมกันกับเพื่อน ๆ เพราะมาทำบุญที่นี่บ่อยอยู่แล้ว และยืนยันว่างวดนี้ได้แน่ ๆ

   สำนักสงฆ์พุปะหังวงค์วนาราม มีธรรมชาติที่สวยงาม เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งได้อันเชิญพระบรมสารีริกธาตุ จากประเทศศรีลังกา คือ พระกรด้านขวา ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาประดิษฐานไว้ที่ในเจดีย์ โดยมีประมุขสงฆ์สูงสุดจากประเทศศรีลังกาได้อันเชิญมาไว้ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ เมื่อหลายปีก่อน และยังมีรูปปั้นเป็นที่ประดิษฐานขององค์พญานาคมี ชื่อว่าพญาวาสุกรีนาคราชสีทองอร่าม 9 เศียร แผ่พังพานอยู่ด้านชายเขา ส่วนด้านหน้ามีองค์พญาดำแสนสิริจันทรานาคราช หรือ องค์ดำแสน มีผิวกายสีดำน่าเกรงขาม ถัดมาก็จะมีองค์ท้าวเวสสุวรรณที่ทรงอิทธิฤทธิ์ บริเวณภายในสำนักสงฆ์ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้านในถ้ำให้ประชาชนได้กราบสักการะขอพร ขอโชค ขอลาภเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกหลายจุดยังเป็นที่ประดิษฐานขององค์พญานาคมี ชื่อว่าพญาวาสุกรีนาคราชสีทองอร่าม 9 เศียร แผ่พังพานอยู่ด้านชายเขา ส่วนด้านหน้ามีองค์พญาดำแสนสิริจันทรานาคราช หรือ องค์ดำแสน มีผิวกายสีดำน่าเกรงขาม ถัดมาก็จะมีองค์ท้าวเวสสุวรรณที่ทรงอิทธิฤทธิ์ บริเวณภายในสำนักสงฆ์ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้านในถ้ำให้ประชาชนได้กราบสักการะขอพร ขอโชค ขอลาภเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกหลายจุด
   

  บ่วงนาคบาศ มีลักษณะงูกินหาง เป็นวงกลม มีการลงรักปิดทองคำไว้บริเวณลำตัว และส่วนหัวหลายจุด ตามตำราโบราณเชื่อกันว่า เป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่พบเห็นได้ยากมาก เป็นเครื่องรางแห่งโชคลาภ และป้องกันภัย เรียกว่าราชแห่งทรัพย์สมบัติ นำพาโชคลาภและเงินทองมาแก่ผู้ที่บูชา มีเมตตามหานิยม ใครมีจะช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัย ค้าขายดี มีกินมีใช้ ไม่มีวันอด บนโต๊ะจะมีบายศรีคู่ ซ้าย ขวา มีการนำไข่ไก่ดิบ 9 ฟองวางไว้บนพาน หรือ โตก ด้านในจะใส่ข้าวสาร และเงิน 9 บาท อธิฐานขอโชคลาภ สุดแล้วแต่ดวงบุญของแต่ละคน ซึ่งมีชาวบ้านต่างหลั่งไหลนำไข่ไก่มาถวายเพื่อขอโชคลาภกันตลอดทั้งวันอย่างไม่ขาดสาย

  ภาพ-ข่าว พันธุ์ – จรรยา แก้วนุ้ย จ.ราชบุรี

ท่องเทื่ยวนครปฐมจัดงาน Coffee Gallery Fest ชวนคอกาแฟมาชิมชมช้อป 27-29 กันยายน ที่เซ็นทรัลนครปฐม

ท่องเทื่ยวและกีฬาจังหวัดนครปฐม จัดงาน Coffee Gallery Fest ชวนคอกาแฟมาชิมชมช้อป

ชมคลิปhttps://drive.google.com/file/d/14p7dQc46uJMwmTXlMeNB5GZGtC2br47U/view?usp=drivesdk

ที่ลานโปโมชั่น ชั้นG ศูนย์การค้าเซ็นทรัลนครปฐม ต.สนามจันทร์ อ.เมืองนครปฐม น.ส.อโรชา นันทมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เปิดงาน ”ปฐมนคร Coffee Gallery Fest “ ระหว่างวันที่ 27-29 กันยายนนี้ มีนางสาวกิรดา ลำโครัตน์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครปฐม รายงาน ว่าจังหวัดนครปฐมเป็นจังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานครมีความหลากหลายด้านการท่องเที่ยว สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากมาย เช่น องค์พระปฐมเจดีย์ วัดไร่ขิง พระราชวังสนามจันทร์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมี สถานที่แสดงงานศิลปะ และร้านกาแฟสวย ๆ จำนวนมาก ทำให้นครปฐมได้รับการขนานนามว่าเป็น”เมืองหลวงแห่งร้านคาเฟ่” รวมทั้งร้านอาหารที่ขึ้นชื่ออีกมากมาย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นที่ดึงดูดแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนจังหวัดนครปฐม นอกจากนี้จังหวัดนครปฐมยังมีศิลปินที่มีชื่อเสียงด้านศิลปะมากมาย สมควรแก่การเผยแพร่และแลกเปลี่ยนความคิดการแสดงออกทางศิลปะที่หลากหลาย และประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมการจัดกิจกรรมภายใต้โครงการส่งเสริมการการท่องเที่ยวเชิงอาหารและวัฒนธรรมท่องเที่ยวที่หลากหลาย (Smart Tourisn)

จังหวัดนครปฐม “ปฐมนคร” Cafe & Gallery Fest ในครั้งนี้
กิจกรรมในงานประกอบด้วย การออกร้านจำหน่ายกาแฟ เครื่องดื่ม อาหารสินค้าด้านศิลปะ ของที่ระลึก ของดี ของจังหวัดนครปฐม จากผู้ประกอบการร้านค้า ชุมชนท่องเที่ยวของจังหวัด 40 บูท การจัดแสดงนิทรรศการผลงานด้านศิลปะของศิลปินที่เป็นที่มีชื่อเสียงของจังหวัดนครปฐม พร้อมทั้งมีการแสดงดนตรีของศิลปินที่มีชื่อเสียง “น้องกีต้าร์ สิริขวัญ “ แชมป์ดวลเพลงชิงทุนช่อง One 10 สมัย การแสดงดนตรีสดจากเยาวชนในพื้นที่ และการบรรยายให้ความรู้และสาธิตการชงกาแฟ (Coffee Basic) พร้อมสอนการชงกาแฟสำหรับผู้เข้าร่วมงานที่สนใจ จากกูรูด้านกาแฟภาคตะวันตก”โรงคั่วกาแฟอมตะลา” ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครปฐม

ราชบุรี. นายก อบจ.ราชบุรี ตรวจพื้นที่กาดวิถีคูบัวเตรียมปรับปรุงโฉมใหม่


  นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา นายก อบจ.ราชบุรี พา 2 รองนายกฯ เลขา และเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมตลาดวิถีชุมชนคูบัว หลังแถลงนโยบายเสร็จ พร้อมหารือแนวทางปรับปรุงพื้นที่ทรุดโทรมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวโฉมใหม่

      นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี นายธนวัชร นิติกาญจนา รองนายก อบจ. นายชิตสกนธ์ รังษีเสริมสุข รองนายก อบจ. พร้อมสมาชิก อบจ. ผู้บริหาร อบจ. ชุดใหม่ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมกาดวิถีชุมชนคูบัว ซึ่งตั้งอยู่ภายในวัดโขลงสุวรรณคีรี ต.คูบัว อ.เมือง โดยมีพระครูใบฎีกาสุพจน์ ธีรวโส เจ้าอาวาสวัดโขลงสุวรรณคีรี นายประยง พิมเพราะ นายก อบต.คูบัว นายอดุลย์ พิมพ์เพราะ กำนัน แบะผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงชาวบ้านเป็นพ่อค้า แม่ค้าภายในกาดวิถีชุมชนคูบัวมารอต้อนรับ

โดยตลาดแห่งนี้ เริ่มก่อตั้งมาเมื่อปี 2560 มีลักษณะการสร้างออกแบบเป็นวิถีไท- ยวน ตกแต่งสถานที่คล้ายภาคเหนืออย่างสวยงามร่มรื่น ด้านข้างมีโบราณสถานหมายเลข 18 สมัยทวารวดี ร้านค้าชุมชนก่อสร้างเป็นซุ้มไม้ไผ่ออกแนววิถีอนุรักษ์ธรรมชาติ แต่ขณะนี้มีสภาพทรุดโทรมไปตามกาลเวลา อีกทั้งมาเจอปัญหาสถานการณ์โควิด 19 ทำให้มีนักท่องเที่ยวลดน้อยลง ทางวัดและชุมชนไม่มีงบประมาณในการปรับปรุงซ่อมแซมพัฒนาพื้นที่ จึงทำให้เกิดชุมชนประสบปัญหาด้านรายได้ และความเป็นอยู่ หลังเดินเยี่ยมดูสภาพพื้นที่แล้ว ทางคณะได้หารือกับเจ้าอาวาสวัด และนายอบต.คูบัว เพื่อหาแนวทางร่วมกันพัฒนา

  โดยชาวบ้านที่เป็นแม่ค้าขายของภายในกาดวิถีชุมชน เสนอขอให้ทาง อบจ. เร่งสนับสนุนงบประมาณเข้ามาปรับปรุงโดยเร็ว เพื่อให้ทันช่วงปลายปีนี้ ซึ่งจะเป็นช่วงไฮซีซั่น จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวต่างจังหวัด โดยเฉพาะช่วงวันหยุดเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้เกิดผลดีกับกาดวิถีชีวิตคูบัว ทำให้ชาวบ้านมีรายได้จากการค้าขาย ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง

  นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา นายก อบจ.ราชบุรี กล่าวว่า ต้องประสานงานระหว่าง 3 ฝ่าย ได้แก่ วัด อบต. อบจ. ร่วมกันเพื่อพัฒนาตลาดแห่งนี้ เป็นโครงการเดิมที่มีอยู่แล้ว ตลอดเวลาที่สร้างมาไม่ได้มีการบูรณะรักษาแต่อย่างใด นักท่องเที่ยวก็ยังหายไปจะทำอย่างไรที่จะให้นักท่องเที่ยวกลับมา ที่นี่มีความพร้อมเรื่องการวางรูปแบบไว้ แต่มีปัญหาเรื่องชำรุดทรุดโทรม เป็นสิ่งที่ผู้บริหารต้องมาร่วมคิดร่วมทำดูแผนงานเพื่อดึงนักท่องเที่ยวกลับมา อบจ.ให้ความสนใจและตั้งใจที่จะมาพัฒนาตรงนี้ด้วย และถือเป็นวันแรกที่ได้แถลงนโยบายว่าจะพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใน จ.ราชบุรี และจะสร้างรายได้อย่างไรให้กับประชาชนชาวราชบุรี หลังจากได้มาฟังเจ้าอาวาสพูดถึงประวัติของตลาดแล้วทำให้รู้ว่า แนวทางจะต้องดำเนินการอย่างไรเพื่อพัฒนาตลาดให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชนต่อไป
สำหรับเรื่องงบประมาณยังไม่ได้กำหนด เพียงแต่จะดูเรื่องแผนงานว่าต้องการให้เป็นรูปแบบไหนบ้าง เช่น กิจกรรมการแสดง ร้านค้าต่างๆ จึงนำไปเป็นเรื่องของการกำหนดงบประมาณดำเนินการ ส่วนเรื่องการประชาสัมพันธ์คงต้องอาศัยสื่อมวลชนมาช่วย และ อบจ.ก็จะพยายามพัฒนาทีมงานประชาสัมพันธ์ เพื่อให้คนทั้งประเทศได้รับรู้ว่า แหล่งท่องเที่ยวของ จ.ราชบุรี มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง

ภาพ-ข่าว พันธุ์ – จรรยา แก้วนุ้ย จ.ราชบุรี

ผู้ว่าฯ นครปฐมชื่นชมทีมกู้ภัย-มธ. ที่ไปช่วยเหลือพี่น้องประสบอุทกภัยภาคเหนือและอีสาน

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ชื่นชมทีมกู้ภัย-มธ. ที่ไปช่วยเหลือพี่น้องประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

วันที่ 25 กันยายน 67 ที่ห้องประชุมศาลากลางนครปฐม ต.ถนนขาด อ.เมืองนครปฐม นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม กล่าวชื่นชม และมอบประกาศเกียรติคุณอาสาสมัคร เจ้าหน้าที่มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม มูลนิธิหลวงพ่อสมหวัง วัดกลางบางพระ มูลนิธิกู้ภัยพรานพิทักษ์ มูลนิธิร่วมกตัญญูนครปฐม มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง (เขตชาญธน) ทีมตอบโต้ภัยพิบัติฯจังหวัดนครปฐม (N.D.R.T) ทีม Volunteer Rescue Team Thailand องค์กรสาธารณกุศล ของจังหวัดนครปฐมที่ได้ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ผู้ป่วย อีกทั้งช่วยลำเลียงอาหาร เวชภัณฑ์ รวมถึงเสนอแนะหารือ การรับมืออุทกภัยในจังหวัดนครปฐม และการปฎิบัติงานร่วมมือกันในทุกภาคส่วน ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

นายเทิดศักดิ์ นัดสูงวงศ์ หัวหน้าชุดปฎิบัติภารกิจ มูลนิธิหลวงพ่อสมหวัง กล่าวว่า ในส่วนของมูลนิธิหลวงพ่อสมหวัง สนับสนุนเรือ รถเทรนเลอร์ รถยก และกำลังพล เข้าช่วยเหลือพร้อมกับคณะสงฆ์จังหวัดนครปฐม ตั้งโรงครัว ทำอาหารให้แก่พี่น้องประชาขน ผู้ประสบภัย ตั้งแต่วันแรกที่ได้รับการร้องขอสนับสนุน ที่จ.เชียงราย และจังหวัดภาคเหนือที่ประสบภัยจนถึงจ.หนองคาย

โดยพวกเราในนามขององค์สาธารภัย เราทำงานด้วยใจรักและอุดมการณ์ วันนี้รู้สึกดีใจมากที่จังหวัดนครปฐม โดยผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านเห็นความสำคัญ และเชิดชูเกียรติพวกเรา ทำให้พวกเรามีขวัญใจ ในการทำงานเพื่อสังคมต่อไป ซึ่งการมอบประกาศเกียรติคุณ นี้เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้รับจากจังหวัดนครปฐม ซึ่งก็เป็นความภาคภูมิใจของพวกเราทุกคน

ภาพ-ข่าว ทวีพล หลิมชัยสุวรรณ ฅนข่าวนครปฐม

ราชบุรี – รวมกลุ่มศิลปินระดับโลกรวมพลังจิตอาสาสอนเทคนิควาดรูปจากสีน้ำให้นักเรียน จ.ราชบุรี

   กลุ่มศิลปินระดับโลก อดีตข้าราชการบำนาญและศิลปินวาดภาพอิสระใช้เวลาว่างมาเป็นจิตอาสาสอนนักเรียนโรงเรียนวัดบางลี่ ( วุฒิพันธุ์วิทยา ) อ.เมือง จ.ราชบุรี เรียนรู้เทคนิคศิลปะวาดภาพสีน้ำด้วยอุปกรณ์ง่าย ๆ

เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 67 ที่โรงเรียนวัดบางลี่ (วุฒิพันธุ์วิทยา ) ต.โคกหม้อ อ.เมือง จ.ราชบุรี จัดกิจกรรมสอนศิลปะวาดภาพด้วยเทคนิคแบบง่าย ๆ โดยได้เชิญอดีตข้าราชการบำนาญและศิลปินนักวาดภาพมืออาชีพ เคยมีผลงานการประกวดในระดับประเทศและระดับโลกมาสอนให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 – มัธยมศึกษาปีที่ 3 อาทิ อาจารย์สุรินทร์ สหวิศิษฏ์ อดีตข้าราชการครู เคยสอนอยู่ที่โรงเรียนวัดใหญ่ศรีสุพรรณ เขตธนบุรี อาจารย์บัญญัติ พวงทอง ศิลปินวาดภาพอิสระ เคยนำผลงานไปร่วมการแข่งขันหลายประเทศ อาจารย์อุดม นิลรัตน์สุวรรณ อดีตข้าราชการสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง นางประนอม ไชยอ่อน อดีตครูโรงเรียนดรุณาราชบุรี และเพื่อน ๆ จิตอาสามาช่วยกันสอนเด็ก ๆ

  โดยได้คัดเลือกนักเรียนที่มีความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 60 คน โดยการแบ่งกลุ่มชั้นออกเป็น 2 กลุ่ม สอนเทคนิคเบื้องต้นการใช้สีน้ำแบบใช้ฟองน้ำเป็นอุปกรณ์ง่าย ๆ มาช่วย อีกกลุ่มเป็นการใช้พู่กันในการลงสี ซึ่งจะมีความแตกต่างกัน ภาพจะดูมีความอ่อน ความกลางและความเข้มของสี มีความลึก ความตื้น มีมิติของภาพในการวาดซึ่งแบ่งออกเป็น 3 มิติ เป็นลักษณะการวาดเป็นวิวทัศน์ต่าง ๆ สอนเทคนิคการลงสี การใช้ฟองน้ำปาดลงบนกระดาษให้เปียกชุ่ม รอเวลา แล้วจึงลงสีให้ดูมีน้ำหนักของภาพไล่ไปเป็นระดับ เช่น การลงสีภูเขา ลงสีต้นไม้ที่มองแล้วจะให้แสงที่แตกต่างกัน เป็นเทคนิคการวาดภาพศิลปะเบื้องต้นที่ให้ความรู้ที่ถูกต้อง

อาจารย์ สุรินทร์ สหวิศิษฏ์ อายุ 69 ปี อดีตข้าราชการครูโรงเรียนวัดใหญ่ศรีสุพรรณ เขตธนบุรี

  อาจารย์ สุรินทร์ สหวิศิษฏ์ อายุ 69 ปี อดีตข้าราชการครูโรงเรียนวัดใหญ่ศรีสุพรรณ เขตธนบุรี เปิดเผยว่า ให้ความรู้เด็กเกี่ยวกับเรื่องเทคนิคสีน้ำ ให้เด็กเข้าใจว่าภาพเปียกบนเปียกคืออะไร การระบายกระดาษให้เปียกก่อน หรือ เอาน้ำทากระดาษให้เปียกแล้วจึงใช้สีเปียกลงไป เป็นเทคนิคสีน้ำขั้นพื้นฐานที่เด็กต้องรู้และทำความเข้าใจ ถ้ารู้จักเทคนิคเหล่านี้แล้วเด็กก็จะได้ทำสีน้ำได้ง่ายขึ้น เด็กได้ความรู้พอประมาณ ได้เพลิดเพลินกับงานศิลปะมากยิ่งขึ้น

อาจารย์บัญญัติ พวงทอง หรือ อาจารย์อู๊ด อัมพวา ศิลปินวาดภาพอิสระ

อาจารย์บัญญัติ พวงทอง หรือ อาจารย์อู๊ด อัมพวา ศิลปินวาดภาพ กล่าวว่า เป็นกระบวนการเริ่มต้นเทคนิคการใช้สีน้ำ ให้เด็กรู้จักการใช้สีที่บางใส ให้เกิดการเปรียบเทียบระหว่างสีโปสเตอร์กับสีน้ำ ซึ่งเป็นเชื้อน้ำเหมือนกัน แต่วิธีการเขียนสีน้ำควรจะบางใส จะให้น้ำเป็นตัวเดินเรื่องให้เด็กได้รู้กระบวนการเป็นหลักเป็นเทคนิคเบื้องต้น ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้นั้นจะใช้ฟองน้ำ สีน้ำจริงๆต้องมีแปรง มีพู่กันหลายแบบ แต่เด็กต่างจังหวัดจะขาดอุปกรณ์พวกนี้ จึงให้เด็กสามารถหยิบใช้ฟองน้ำที่หาง่ายเอามาแทนแปรงที่มีราคาแพงได้ ซึ่งเด็กก็ทำได้ดีระดับหนึ่ง ส่วนทักษะยังคงต้องไปฝึกต่ออีก จากการสอนวันนี้มีแววหลายคน โดยสีน้ำเป็นเทคนิคที่ยาก อุปกรณ์บางอย่างก็ยังไม่เอื้ออำนวยในการสอนเท่าที่ควร มีลักษณะเปื่อยง่าย จะต้องมีเกรดในการเลือกนำมาใช้ แต่ถือว่าเด็กทำได้ดี

  ดร.จักรพงศ์ มัตสยะวนิชกูล ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดบางลี่ ( วุฒิพันธุ์วิทยา ) กล่าวว่า ทางโรงเรียนอยากให้เด็กมีทักษะกระบวนการด้านศิลปะ และยังเป็นความต้องการของเด็กส่วนใหญ่ด้วยในการอยากเรียนรู้และตอนนี้มองว่าเด็กเป็นอะไรที่สำคัญ ถ้าได้เรียนตรงศิลปะเป็นพื้นฐานที่มีอาจารย์มีความรู้ความสามารถมาสอน ก็จะนำความรู้ติดตัวนำไปใช้ในชีวิตประจำวันหรือนำไปใช้ในอนาคตต่อไปได้


อย่างไรก็ตามจากการสอนเรียนสีน้ำวันนี้ มีการแบ่งกลุ่ม 2 กลุ่ม เรียนสลับกัน ช่วงเช้าและช่วงบ่ายระหว่างการใช้พู่กันและฟองน้ำมาเป็นเทคนิคในการลงสีเบื้องต้น กลุ่มแรกใช้ฟองน้ำจุ่มน้ำปาดลงบนกระดาษ มีการวาดภาพวิวทิวทัศน์ ภูเขา ต้นไม้ การลงสีค่อนข้างอ่อน มีการแบ่งออกเป็น 3 มิติ ส่วนการวาดภาพโดยใช้พู่กันจุ่มน้ำปาดลงบนกระดาษวาดวิวทะเล ต้นไม้ มีเรือจอดอยู่ในทะเล ลักษณะการใช้อุปกรณ์ที่แตกต่างกัน ส่งผลให้สีที่ลงน้ำหนักเข้มในภาพมีความแตกต่างกันกับการใช้ฟองน้ำ ซึ่งเด็ก ๆ จะได้รับวิชาความรู้ทั้ง 2 เทคนิคแบบง่าย ๆ ของการเรียนวาดภาพด้วยสีน้ำ ซึ่งสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปเรียนในสาขาวิชาในมหาวิทยาลัยในอนาคตต่อไป

ภาพ-ข่าว พันธุ์ – จรรยา แก้วนุ้ย จ.ราชบุรี

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดงานวันศาสนูปถัมภ์ และวันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ครบปีที่ 22

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดงานวันศาสนูปถัมภ์ และวันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ครบปีที่ 22

วันที่ 23 กันยายน 2567 ที่หอประชุมพุทธมณฑล อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม สมเด็จพระพุฒาจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์งานวันศาสนูปถัมภ์ และวันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ครบปีที่ 22 โดยมี นางสาวอโรชา นันทมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม นายอำเภอพุทธมณฑล ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ร่วมพิธี

นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

  นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาตอ เป็นหน่วยงานรัฐ ไม่สังกัดกระทรวงหรือทบวง ภายใต้บังคับบัญชาขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี สถาปนาขึ้นเมื่อวานที่ 3 ตุลาคม 2545 ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 มีภารกิจเกี่ยวกับการดำเนินงานสนองงานคณะสงฆ์และรัฐ โดยการทำนุบำรุง ส่งเสริมกิจการพระพุทธศาสนาให้การอุปถัมภ์ คุ้มครองและส่งเสริมพัฒนางานพระพุทธศาสนาดูแล รักษาจัดการศาสนสมบัติ พัฒนาพุทธมณฑลให้เป็นศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนา รวมทั้งให้การสนับสนุน ส่งเสริมพัฒนาบุคลากรทางพระพุทธศาสนา

  ทั้งนี้ได้ประกอบพิธีทำบุญทักษิณานุปทาน อุทิศกุศลแก่ท่านพุทธศาสนนูปถัมภกที่ล่วงลับไปแล้ว และพิธีทำบุญเนื่องในวันคล้ายสันสถาปนาสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ 3 ตุลาคม เพื่อความเป็นสิริมงคล และเป็นขวัญกำลังใจแก่บุคคลากรของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ รวมทั้งเพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทิตาธรรม ต่อผู้มีสาธารณูปการทำให้หน่วยงานเจริญก้าวหน้ามาจนถึงปัจจุบัน พร้อมมอบรางวัลพุทธาคุณาการ บุคลากรต้นแบบ ดีเด่น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2567 อีกด้วย

ชมคลิป.https://drive.google.com/file/d/1AJX1I1pmLCwg_LOG1eOfacPUMEmK7l4M/view?usp=sharing

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ภาพ/ข่าว

ราชบุรี – กกต.รับรองนายก อบจ. เตรียมแถลงนโยบายสานงานต่อวันที่ 26 กันยายนนี้

   คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดราชบุรี ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งให้ นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด จ.ราชบุรี หลังได้รับการเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 ด้วยคะแนนเสียง 237,976 คะแนน เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2567 ที่ผ่านมา


  ได้ฤกษ์งามยามดี นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด จ.ราชบุรี พร้อมด้วยนางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ภรรยา นายสุพจน์ ยอดรัก ที่ปรึกษา นายกฯ และคณะผู้บริหารของ อบจ.ราชบุรีชุดใหม่ ประกอบด้วย นายธนวัชร นิติกาญจนา รองนายก อบจ. นายชิตสกนธ์ รังสีเสริมสุข รองนายก อบจ. นายดุสิต จิรภัทรากร นายวรวัฒน์ น้อยโสภา นายชาคริสณ์ กรปัญญากุล เลขานุการนายก อบจ.ราชบุรี ได้เดินทางมาทำงานวันแรกที่ตึกองค์การบริหารส่วนจังหวัด

ทั้งนี้ทุกคนได้พร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลือง โดยเริ่มแรกเข้าสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งประดิษฐานอยู่ด้านหน้าตึกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เพื่อความเป็นสิริมงคล

จากนั้นได้ขึ้นไปยังห้องรับรองชั้น 2 มีผู้นำท้องถิ่นหลายคนได้นำพระพุทธรูป และช่อดอกไม้ มามอบเพื่อแสดงความยินดีกับนายวิวัฒน์ นิติกาญจนา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด จ.ราชบุรี พร้อมเปิดตัวทีมบริหารชุดใหม่ในการทำงานพัฒนาท้องถิ่น จ.ราชบุรี นอกจากนี้ทีมบริหารได้แจ้งว่าจะมีการนัดเปิดประชุมสภาพร้อมแถลงนโยบายครั้งแรกในวันที่ 26 กันยายน 2567 นี้

     ภาพ-ข่าว พันธุ์ – จรรยา แก้วนุ้ย จ.ราชบุรี

ราชบุรี – รพ.กรุงเทพเมืองราชเตรียมจัดกิจกรรมวิ่งเพื่อหัวใจและสมอง( Run with the Flow 2024 สนามที่ 4 อุทยานหินเขางู)

  โรงพยาบาลกรุงเทพเมืองราชเตรียมจัดกิจกรรม Run with the Flow 2024 สนามที่ 4 อุทยานหินเขางู ในวันที่ 20 ตุลาคมที่อุทยานหินเขางู เพื่อนำเงินรายได้จากค่าสมัครหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วมอบให้มูลนิธิเวชดุสิตฯ

   โรงพยาบาลกรุงเทพเมืองราช เตรียมจัดกิจกรรม Run with the Flow 2024 สนามที่ 4 อุทยานหินเขางู อ.เมือง จ.ราชบุรี ในวันที่ 20 ตุลาคม 2567 ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 11 กันยายน โรงพยาบาลกรุงเทพเมืองราช ได้มาตั้งบูธประชาสัมพันธ์งานวิ่ง Run with the Flow 2024 วิ่งเพื่อหัวใจและสมอง ที่สนามกีฬากลางจังหวัดราชบุรี มีผู้สนใจเข้าร่วมสมัครกันอย่างต่อเนื่อง

โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้มูลนิธิเวชดุสิตฯ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ต่อไป สำหรับการวิ่งแบ่งออกเป็นระยะ 5 กิโลเมตร และ 10.5 กิโลเมตร โดยระยะทาง 5 กิโลเมตรมีค่าสมัคร 500 บาท ระยะทาง 10.5 กิโลเมตร มีค่าสมัคร 650 บาท นักวิ่งจะได้เสื้อที่ระลึกพร้อมเหรียญรางวัล ระยะ 10.5 กิโลเมตร ปล่อยตัวเวลา 06.00 น. ระยะทาง 5 กิโลเมตรปล่อยตัว 06.15น.

  นอกจากนี้ทางโรงพยาบาลยังเปิดโอกาสบริการตรวจสุขภาพราคาพิเศษสำหรับนักวิ่งทุกท่านเบื้องต้นเพื่อค้นหาความเสี่ยงของโรคด้วยผลเลือด ปัสสาวะ และเอกซเรย์ปอด ราคา 1,500 บาท (ไม่รวมค่าสมัครวิ่ง) แพ็กเกจตรวจสุขภาพความผิดปกติของปอด หลอดเลือดแดง การกระจายของเลือด ภาวะน้ำท่วมปอด หัวใจล้มเหลว Ches X-ray ราคา 590 (ไม่รวมค่าสมัครวิ่ง) แพ็กเกจตรวจหาคราบหินปูนที่หลอดเลือดแดงของหัวใจ สาเหตุการตีบของหลอดเลือด CT Coronary Calcium Score ราคา 4,500 บาท ( ไม่รวมค่าสมัครวิ่ง) ทางโรงพยาบาลจะจัดส่งคูปองตรวจสุขภาพไปให้ทางE-mail ภายใน 7 วัน หลังจากขั้นตอนการชำระเงินได้รับการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว สามารถรับบริการได้ที่ศูนย์สุขภาพโรงพยาบาลกรุงเทพเมืองราช ชั้น 2 โทร 032-322274 -80 ต่อ 218 , 233

  ขอขอบคุณภาพ-ข่าว พันธุ์ – จรรยา แก้วนุ้ย จ.ราชบุรี

ราชบุรี. ม.ราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จ.ราชบุรี มอบทุนนักศึกษาเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ 119 ทุน กว่า 5 แสนบาท

ราชบุรี – มอบ 119 ทุนนักศึกษาเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ อธิการบดี ม.ราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จ.ราชบุรี ร่วมกับคณะกรรมการส่งเสริมกิจการ คสม. มอบทุนแก่นักศึกษาเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ จำนวน 119 ทุน รวมกว่า 5 แสนบาท

  เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 67  ผศ. ดร.ชัยฤทธิ์ ศิลาเดช อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จ.ราชบุรี เป็นประธานมอบทุนการศึกษาแก่นักศึกษา ทุนละ 5,000 บาท จำนวน 119 ทุน รวมเป็นเงิน 595,000 บาท แก่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยฯ ที่ห้องประชุมอาคารอำนวยการ มหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง โดยมี ผศ.อรรถพล อุสายพันธ์ รองอธิการบดี พร้อมคณบดี และผู้บริหารของมหาวิทยาลัยฯ นายขจร สุทธิ์วนิช นางชื่นจิตต์ เจริญงาม นางกมรวรรณ ดาวประกายมงคล ที่ปรึกษา คสม. นายเรืองชัย เนตรปฐมพร ประธานคณะกรรมการฯ ดร.อภิวัฒน์ วังวิวัฒน์ รองประธาน คสม.

  และคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คสม. และผู้มีอุปการคุณอีกหลายท่าน ที่ร่วมสนับสนุนทุนการศึกษาจำนวนดังกล่าว ที่ได้เดินทางมามอบทุนการศึกษาด้วยตัวเอง อาทิ ผู้บริหารโรงแรม ผู้บริหารบริษัท เจ้าของโรงงาน และห้างร้านต่าง ๆ นอกจากนี้ นายพัฒนพงศ์ ชื่นชอบ นายอำเภอจอมบึง ได้ร่วมมอบเงินสมทบมาอีก 10 ทุน จำนวน 50,000 บาท เพื่อเป็นทุนการศึกษาแก่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยฯ ด้วย

  ผศ.ดร.ชัยฤทธิ์ ศิลาเดช อธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง เปิดเผยว่า ต้องขอขอบคุณคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงทุกท่าน โดยประธาน คสม. อยู่ในคณะมาตั้งแต่ต้น มีหลายบทบาทหน้าที่ เป็นศิษย์เก่า เป็นนายกสมาคมศิษย์เก่า และเป็นประธาน คสม. มาสองสมัยของมหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง ส่วนเรื่องทุนการศึกษานั้น ได้ให้โอกาสแก่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยฯ เฉลี่ยปีละ 100 ทุน เกือบ 20 ปีมาแล้ว ส่วนหนึ่งได้สำเร็จการศึกษาและไปทำหน้าที่เป็นพลเมืองดี เป็นผู้นำของชุมชน เป็นผู้นำทางการศึกษาหลายท่าน หลังจากที่ได้ดูประวัติผู้ที่ได้รับทุนบริจาค จากคณะกรรมการ คสม.จอมบึง โดยนักศึกษามาจากทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย ถ้าจะแบ่งสัดส่วนเขตต่างจังหวัดประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ ในพื้นที่ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ หลายคนที่ คสม.ได้บริจาคทุนการศึกษาไป ซึ่งจะมีกระบวนการคัดกรองมาแล้ว รวมทั้งของนายอำเภอจอมบึงที่กรุณามามอบให้อีก 10 ทุน ขอให้นักศึกษาใช้เงินอย่างคุ้มค่าที่สุด และอยากให้ทุกคนมีผลงานที่จะเดินต่อไป ยังมีอีกหลายช่องทาง เช่น อยากมีงานทำ ก็จะมี คณะกรรมการ คสม. มีช่องทางที่สามารถช่วยได้ เพื่อให้ทุกคนอยู่ที่มหาวิทยาลัยฯจนจบการศึกษา

  ทั้งนี้ภายหลังการรับมอบทุนแล้ว นายสมบูรณ์ วิชัยบุญ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คสม. ผู้ตรวจประวัติในการคัดสรรค์นักศึกษาที่เข้ารับทุน ได้กล่าวให้โอวาทกับนักศึกษาว่า ทุกคนที่ได้รับทุน ก็ให้นำเงินที่ได้ไปใช้จ่ายด้านการศึกษาอย่างเหมาะสม เพื่อต่อยอดการศึกษาที่ดีในอนาคตต่อไป ขณะที่ทางด้านตัวแทนนักศึกษา ก็ได้กล่าวขอบคุณทางมหาวิทยาลัยฯ และคณะกรรมการ คสม. ว่าเงินที่ได้จำนวน 5,000 บาท จะนำไปใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็นสำหรับการศึกษาที่แท้จริง


ขอขอบคุณภาพ-ข่าว พันธุ์ – จรรยา แก้วนุ้ย จ.ราชบุรี

ราชบุรี – สุดยอดศิลปินสีน้ำ’ชาวราชบุรี’ ผลงานมากมายจากรางวัลสีน้ำระดับโลก


    ศิลปะจากปลายพู่กัน ศิลปิน ฉายา อ.อู๊ด อัมพวา ชาว อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ได้รับเชิญไปแสดงภาพเขียนสีน้ำในต่างแดน มีผลงานมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไฉนคนไทยไม่ส่งเสริม

อาจารย์ บัญญัติ พวงทอง (อู๊ด อัมพวา)

  ภาพวาดสีน้ำสวย ๆ ที่แขวนโชว์อยู่ภายในบ้านเลขที่ 51 / 2 ต.วันดาว อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ของ อ.อู๊ด อัมพวา หรือ อาจารย์ บัญญัติ พวงทอง วัย 61 ปี ผู้เป็นศิลปินที่เคยคว่ำหวอดอยู่ในวงการเบื้องหลังการทำงานอยู่ฝ่ายฉากกำกับศิลป์ โดยใช้ศิลปะมาประกอบฉากการแสดงของ อ. อู๊ด อัมพวา ที่เคยทำงานร่วมกับศิลปินดาราหลายคน อยู่เบื้องหลังจัดหาอุปกรณ์ประกอบฉากให้กับรายการก่อนบ่ายคลายเครียดในอดีต และอดีตผู้อยู่เบื้องหลังการทำมิวสิคเพลงเพื่อชีวิตให้กับ นายสุรชัย จันทิมาธร หรือ น้าหงา คาราวาน เมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา

  จากนั้นได้ผันตัวเองมาใช้ชีวิตการวาดรูปที่ตัวเองชอบ ทั้ง สีน้ำ สีน้ำมัน กับหลากหลายแนวรูปแบบตามจินตนาการ ความคิดที่ไม่เคยหยุดนิ่ง อุปกรณ์การวาดภาพแต่ละชิ้นล้วนมีคุณภาพเพื่อสรรสร้างผลงานออกมาอย่างวิจิตรงดงามหาชมได้ยาก ทั้งการใช้เทคนิคการวาด การใช้สี มุมมองของแต่ละภาพมีมิติ ดูแล้วบ่งบอกถึงความรู้สึกได้ว่า วาดภาพเหล่านั้นมีคุณค่าเป็นอย่างดี หลายภาพที่ถูกนำไปแสดงยังต่างประเทศมากมาย เช่น ภาพวาดคนกับม้าซึ่งได้รับรางวัลที่ประเทศสิงคโปร์ สื่อถึงความหมายรวมใจเป็นหนึ่ง หมายถึง คนกับม้าจะต้องรวมใจเป็นหนึ่งจึงจะไปด้วยกันได้ ถือเป็นภาพที่บอกเล่าเรื่องราวแสดงถึงอารมณ์ในรูปที่วาดให้สื่อออกมาจนได้รับรางวัลเหรียญทองแดงมาแล้ว

  อาจารย์ อู๊ด หรือบัญญัติ พวงทอง เล่าถึงงานวาดภาพว่า มีความรู้จาการเรียนศิลปะและตั้งใจที่จะมาทำอาชีพนี้ แต่ช่วงนั้นทำงานบริษัทไว้หลายแห่ง และได้ห่างออกมาเพราะไม่ใช่งานตรงที่อยากทำ จึงหันมาทำร้านวาดรูป ช่วงนั้นวาดสีน้ำมัน สีอะคลิลิค เพื่อความอยู่รอด ส่วนมาใช้สีน้ำช่วง 15 ปีที่แล้ว เพราะมีศิลปินรุ่นใหญ่แนะนำให้ไปทางการวาดรูปด้วยสีน้ำ จากการที่ได้มาเห็นงานวาดหลายแบบ จึงใช้สีน้ำมายาวนานหลายปี ตระเวนแสดงไปหลายแห่งที่ต่างประเทศ อีกทั้งในประเทศไทยเวทีจะน้อยไม่ค่อยมีงานจัดแสดงสีน้ำ กลายเป็นว่าเราต้องทำส่งต่างประเทศอย่างเดียว ช่วงนั้นรับงานช่างเขียนอุโบสถด้วย ได้ค่าแรงมาก็ทุ่มกับสีน้ำหมด ส่งงานแต่ละประเทศต้องใช้เงินขั้นต่ำ 2 – 3 พันบาทต่อชิ้น จะมีค่าขนส่ง ค่าติดตั้งงานในต่างประเทศ ค่าสูจิบัตร เป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องให้แต่ละแห่งในการจัดแสดงผลงาน ส่วนงานตัวเองเป็นงานแลนด์สเคป ส่วนใหญ่ของสีน้ำ เป็นวิวทั่วไป ทุ่งนา ป่าเขา ยังมีซิตี้สเคป จำพวกเมืองต่าง ๆ ชอบทุกงานที่ทำ

  โดยประเทศที่ได้รับรางวัลที่ 1 คือ ที่ประเทศอินเดีย เป็นภาพเด็กยากจนกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ อาจสื่ออารมณ์ของความหิว มีความหมายในรูปนั้น ได้รางวัลเหรียญทอง ไม่มีเงินรางวัลให้ แต่เขาจะดูแลเรื่อง ค่าเครื่องบินไปกลับ ค่าเป็นอยู่ร่วมงาน ได้เกียรติบัตร ได้รางวัลเป็นอุปกรณ์การวาดภาพกลับมา ส่วนเรื่องที่ประทับใจคือ ได้มีโอกาสไปสอนการวาดภาพที่ประเทศสเปน พร้อมกับนำรูปไปขายที่นั่นด้วย รวม ๆ ขายครั้งนั้นเป็นเงินหลักแสนบาท ส่วนรูปที่ราคาแพงสุดที่เคยขายได้เป็นไซส์เล็กราคาภาพละ 80,000 บาท ส่วนใหญ่งานขนาดใหญ่ ๆ จะไม่ค่อยมีคนซื้อเพราะไม่มีที่ติด ขณะที่ภาพวาดออกมาเล็กที่สุด ซึ่งนำไปแสดงที่ประเทศอินเดีย มีขนาด 4 ซม. x 8 ซม. หรือประมาณเท่ากับใบนามบัตร เป็นงานเทศกาลสีน้ำที่แสดงงานจะมีชิ้นนี้ที่มีขนาดเล็กสุด ตอนนี้กำลังทำอีกชิ้นหนึ่งที่เล็กกว่านี้ โดยมีผู้จัดคนเดียวกัน รูปเล็กในการเขียนต้องใช้กล้องขยายเข้ามาช่วย เวลาเขียนต้องเอากล้องขยายบังและเอาพู่กันแทรกไว้หลังกล้องขยายเขียน มีการเขียนภาพที่เล็กสุดแบบนี้เพียงแค่ตนเองและอาจารย์อีกท่านหนึ่งเท่านั้น

  อ.อู๊ด อัมพวา ยังเคยเป็นจิตอาสาเคยมีโครงการทำมาตั้งแต่ก่อนโควิด 19 จะมีศิลปินอยู่ในกลุ่มประมาณ 5-6 คน เมื่อก่อนจัดตอนวันเกิดจะไปสอนฟรี ให้แก่เด็ก ป. 1 – ป. 6 พอช่วงโควิดก็ไปต่อไม่ได้ จึงหยุดยาวเรื่อยมา คงมีบางแห่งที่เชิญไปสอนเป็นวิทยากรพิเศษ แต่ถ้ามีโครงการดี ๆ สามารถบอกมาไปสอนให้ได้

  อ.อู๊ด มองว่าประเทศไทยให้ความสำคัญเรื่องนี้น้อยไป ซึ่งเคยไปหลายประเทศมาแล้ว เช่น ประเทศจีนที่ให้ความสำคัญมาก จะดึงดูดหัวใจคนได้ คนถ้ามีศิลปะในหัวใจจะใช้ชีวิตไปได้สวยงาม เคยสอนลูกจากที่ช่วงหนึ่งที่เคยเกเร ได้จับไปเรียนศิลปะ ไปขัดเกลาจิตใจออกมาใช้ชีวิตได้สวยงาม มองว่าศิลปะสมัยนี้เปิดกว้าง ไม่จำเป็นต้องมาวาดภาพแบบนี้ รุ่นใหม่จะใช้สมองมากกว่ามือ ทุกคนมีศิลปะอยู่ในหัวใจอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่มีเวที หรือ มีคนสนับสนุน ไม่ส่งเสริม ทำให้เสียดายโอกาส อาจจะโดนอย่างอื่นดึงออกไป ถ้ามีผู้ใหญ่ในวงการช่วยสนับสนุนสามารถดึงคนเหล่านี้กลับมาได้ ส่วนผลงานที่วาดไว้ตอนนี้มีอยู่ 200 – 300 ชิ้น ที่ยังไม่ได้ใส่กรอบ และที่แสดงอยู่ต่างประเทศก็ยังมี ซึ่งต้องพัฒนาไปเรื่อย ๆ ก็อาจจะจัดแสดงเดี่ยวอีกสักครั้งหนึ่งก่อนที่จะหมดแรง คงจะมีอีกชุดที่กำลังรวบรวมอยู่
วันนี้จึงถือเป็นโอกาสดี มีเด็กน้อยสนใจมาหัดเรียนศิลปะการวาดภาพจากสีน้ำ ด้วยเทคนิคต่าง ๆ เป็นภาพดอกไม้ ใช้กระดาษเฉพาะใช้พู่กันจุ่มน้ำปาดลงบนพื้นกระดาษให้ชุ่ม มีเทคนิคการต้องรอให้กระดาษแห้งหมาดได้ที่ แล้วจึงใช้พู่กันแต่งแต้มสีสันลงไป แต่ละสีมีความหนัก เบา ไม่เท่ากัน ทำให้ภาพออกมาดูมีมิติได้อารมณ์ นอกจากนี้ยังมีการแสดงการวาดภาพด้วยเกรยอง เรียกง่าย ๆ คือ เป็นแท่งถ่านสีดำรูปร่างสี่เหลี่ยม ใช้ปาด ลาก ถูก หรือ ขีดเขียนไปตามความคิดที่เห็นตรงหน้า ใช้เวลาเพียง 5-6 นาที ต่อ 1 รูป ให้หันหน้าเอียงประมาณ 45 องศา ทำให้ภาพออกมาดูมีอารมณ์ ดูมีมิติ และความสวยงามเสมือนจริง

   ประเทศไทย มีสุดยอดศิลปิน ด้านศิลปะสีน้ำจากปลายพู่กันเช่นนี้ แล้วไฉนหน่วยงานราชการไทยถึงไม่คิดส่งเสริม มารอให้ต่างชาติแย่งชิงความได้เปรียบไป ขณะที่นักศึกษาคนรุ่นใหม่ที่เรียนจบด้านศิลปะ ต้องไปละเลงภาพแสดงออกถึงความสามารถอยู่ริมกำแพงอย่างนั้นหรือ
  สำหรับสนใจสามารถ เข้ามาศึกษาชมงานศิลปะ หรือ มาเรียนรู้เทคนิคการวาดภาพได้ที่บ้านอาจารย์ อู๊ด อัมพวา ติดต่อไปที่.   โทร 089-7526181

ขอขอบคุณ ภาพ-ข่าว พันธุ์ – จรรยา แก้วนุ้ย จ.ราชบุรี

อบจ.นครปฐม เพิ่มคุณภาพทางการศึกษา สพม.มอบคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตเพื่อการเรียน

องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม เพิ่มคุณภาพทางการศึกษา สพม.มอบคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตเพื่อการเรียน

วันที่ 4 กันยายน 2567 ที่ห้องประชุมชั้น 3 โรงเรียนราชินีบูรณะ ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ดร.สุเนตร ขวัญดำ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครปฐม เป็นประธานมอบคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตเพื่อการศึกษา ให้แก่ตัวแทนนักเรียน โรงเรียนราชินีบูรณะ อ.เมืองนครปฐม โรงเรียนภัทรญาณวิทยา อ.นครชัยศรี โรงเรียนวัดไร่ขิง อ.สามพราน โรงเรียนกำแพงแสนวิทยา อ.กำแพงแสน โรงเรียนบางเลนวิทยา อ.บางเลน โรงเรียนคงทองวิทยา อ.ดอนตูม และโรงเรียนรัตนโกสินทร์สมโภชฯ อ.พุทธมณฑล เพื่อใช้ในการเรียน การสอนในระดับมัธยม ให้เกิดประสิทธิภาพทางการศึกษา ของนักเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครปฐม

  ดร.สุเนตร ขวัญดำ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครปฐม กล่าวว่า ในนามของผู้บริหารการศึกษา ขอขอบคุณองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม ที่ให้ความสำคัญด้านการศึกษา สร้างให้นครปฐมเป็นเมืองแห่งการศึกษา และเป็นความโชคดีของนักเรียนที่ได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์การเรียน(แท็บเล็ต) และอยากจะสื่อสารถึงลูกๆนักเรียนทุกคนว่าครูเองก็ดีใจที่ได้รับการสนับสนุน และเป็นการสนับสนุนอย่างทั่วถึง และทราบว่าเป็นหนึ่งเดียวของประเทศที่ให้การสนับสนุนการศึกษา และขอให้ลูกๆนักดรียนทุกคน นำอุปกรณ์การศึกษา(แท็บเล็ต)ที่ได้นี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการศึกษาเพื่ออนาคตของเรา

  ด้านว่าที่ร้อยตรีมนต์เมืองใต้ รอดอยู่ ผู้อำนวยการโรงเรียนราชินีบูรณะ ประธานเครือข่ายส่งเสริมประสิทธิภาพการจัดการมัธยมศึกษาจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า โรงเรียนราชินีบูรณะ มีนักเรียนกว่า3,000คน ได้ทำเรื่องของการสนับสนุนคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต เพื่อการเรียนการสอนอาจจะดูมากกว่าโรงเรียนอื่น เนื่องจากเราเป็นโรงเรียนต้นแบบที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการเรียนการสอน เพราะการพัฒนาด้านการศึกษาต่องรอบรู้ ก้าวไกล ทันต่อสังคม และเป็นการลดการใช่เอกสาร หนังสือ วันนี้เราจะร่วมกันสร้างระบบการศึกษาแบบก้าวหน้าไปพร้อมกัน ให้นครปฐมเป็นเมืองแห่งการศึกษา ดังความตั้งใจของนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม ที่อยากเห็นลูกหลานนครปฐมได้รับการศึกษาที่ยั่งยืน และมีมาตรฐานเท่าเทียมกัน

ขณะที่นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ กล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณสนับสนุนการศึกษาด้านคอมพิงเตอร์แท็บเล็ต เพื่อการศึกษานี้เป็นการผ่านงบประมาณของสภาอบจ.นครปฐม ที่เห็นพ้องต้องกันที่ให้การสนับสนุนการศึกษาของนครปฐม ให้เท่าเทียม และนี่เป็นเหตุผลที่ อบจ.นครปฐม ไม่คิดจะสร้างหรือโอนโรงเรียนมาอยู่กับ อบจ. เพราะทุกโรงเรียน นักเรียนทุกคนคือลูกหลานของพวกเรา ลูกหลานของคนนครปฐมเท่าเทียมกัน เพราะการศึกษาเป็นรากฐานที่มั่นคงของเยาวชน และประเทศชาติ

ขอบคุณภาพ-ข่าว ทวีพล หลิมชัยสุวรรณ คนข่าวนครปฐม

นครปฐม.โครงการสุขใจมอบถุงยังชีพ ผู้ป่วยติดเตียง 800 ถุง งบกว่า 500,000 บาท

โครงการสุขใจที่ได้แบ่งปัน จัดโครงการปีที่ 2 ตามแนวคิด”สุขใจที่ได้แบ่งปัน”ให้กับผู้มีรายได้น้อยและผู้ป่วยติดเตียงเพื่อเป็นการบรรรเทาช่วยเหลือรายจ่ายในครัวเรือน

นายอนุชา สะสมทรัพย์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 5 จังหวัดนครปฐม

  วันที่.30.ส.ค.67 เวลา.10.00.น ที่หอประชุมเฉลิมพระเกรีรติ 60 พรรษามหาราชินี อำเภอนครชัยศรี จ.นครปฐม นายอนุชา สะสมทรัพย์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 5 จังหวัดนครปฐมเป็นประธานนพิธีพร้อมด้วยนายอารุช เอมโอฐ นายอำเภอนครชัยศรี  ดร.พระครูปฐมชยาภิวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดใหม่สุปดิษฐาราม อำเภอนครชัยศรี และ นางสุรภาพร จิรักษา (เจ้หนิง ชัยศรี)

ได้ร่วมกันบริจาคสิ่งของช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงและผู้มีรายได้น้อย(สุขใจที่ได้แบ่งปัน) ในเขตพื้นที่อำเภอนครชัยศรี จำนวน 800 ชุดๆ ละ 750 บาท โดยประสานไปยังเทศบาลหรือองค์การบริหารส่วนตำบลทั้งหมด 25 แห่งในอำเภอนครชัยศรี เป็นผู้รับไปส่งต่อถึงมือผู้ป่วยติดเตียงและครอบครัวที่มีรายได้น้อยต่อไป

ขอบคุณ ภาพ-ข่าว กชมน ศรีทรัพย์

ผู้ว่าฯ นครปฐม พร้อมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์น้ำ การบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำท่าจีน

ผู้ว่าฯ นครปฐม พร้อมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์น้ำ การบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำท่าจีน

       วันที่ 30 สิงหาคม 2567 เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมโครงการชลประทานนครปฐม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย นางสาวอโรชา นันทมนตรี นายธีรยุทธ์ จันทร์ดิษฐวงษ์ นายอรรถวุฒิ พึ่งเนียม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม  โครงการชลประทานนครปฐม โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาทุกแห่ง นายอำเภอทุกอำเภอ แขวงทางหลวงนครปฐม แขวงทางหลวงสมุทรสาคร และแขวงทางหลวงชนบท  สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด สถานีอุตุนิยมวิทยานครปฐม กลุ่มประสานงานลุ่มน้ำท่าจีน สทนช.ภาค 2 และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดนครปฐม (อุทกภัย) ปี 2567 ครั้งที่ 2/2567  เพื่อติดตามสภาพภูมิอากาศสถานการณ์น้ำและการระบายน้ำ รวมถึงการบริหารจัดการน้ำกลุ่มลุ่มน้ำท่าจีน


      ซึ่งจังหวัดนครปฐม ได้เตรียมรับสถานการณ์ผลกระทบจากภาวะลานีญา ช่วงเดือนกันยายน-กลางเดือนพฤศจิกายน ประกอบกับร่องมรสุมเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลาง ผลกระทบจากพายุหมุนเขตร้อน 1-2 ลูก จะทำให้ฝนตกชุกไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน 2567 นอกจากนี้โครงการชลประทานนครปฐม ได้แจ้งเตือนสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงที่ปากน้ำท่าจีน ช่วงปลายเดือนสิงหาคม  และเดือนกันยายน 2567 มี 3 ช่วงเวลา ดังนี้ 1.ระหว่างวันที่ 30-31 สิงหาคม และ 1-5 กันยายน 2567 2.ระหว่างวันที่ 15-18 กันยายน 2567 3. ระหว่างวันที่ 21-22 กันยายน 2567 ทั้ง 3 ช่วงจะส่งผลกระทบกับพื้นที่ อ.สามพราน นครชัยศรี และอำเภอบางเลน ทั้งนี้ตามสถิติระดับน้ำทะเลหนุนสูงที่ปากแม่น้ำท่าจีน มีค่าตั้งแต่ 1.35 เมตร ขึ้นไป จะส่งผลกระทบในเขตพื้นที่จังหวัดนครปฐม บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกแนวคันกั้นน้ำ อ.สามพราน นครชัยศรี และ อ.บางเลน เกิดสถานการณ์น้ำเอ่อล้นตลิ่งนอกแนวคันกั้นน้ำ

  นายธันยา จรูญสมาธิศักดิ์ ผู้อำนวยการกลุ่มประสานงานลุ่มน้ำท่าจีน กล่าวว่า สถานการน้ำในแม่น้ำท่าจีนขณะนี้ มีปริมาณค่อนข้างสูง เช่นพื้นที่ลุ่มต่ำในพื้นที่อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ในหลายพื้นที่น้ำค่อนข้างจะเต็มตลิ่งแล้ว ทั้งนี้ได้ประสานขอความร่วมมือหากในช่วงน้ำทะเลหนุนสูงขอให้ลดการระบายน้ำลงมายังจังหวัดนครปฐม  เนื่องจากเข้าสู่สถานการณ์ฤดูน้ำหลากแล้ว นอกจากนี้ พื้นที่การเกษตร แปลงนาข้าว ในหลายพื้นที่ เช่น จังหวัดชัยนาท จังหวัดสุพรรณบุรี ได้เร่งเก็บเกี่ยวเพื่อเตรียมเป็นพื้นที่รองรับน้ำ ในช่วงเดือนตุลาคมซึ่งจะเป็นช่วงน้ำสูงสุด และคาดการณ์ว่าสถานการณ์น้ำไม่ถึงขั้นวิกฤตเมื่อเทียบกับในช่วงปี 2554 ที่ผ่านมา

ด้านนายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม (ผู้อำนวยการจังหวัดนครปฐม) ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการดังนี้
โครงการชลประทานนครปฐม ชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับการระบายน้ำ ให้ประชาชนเข้าใจ โดยเฉพาะเมื่อถึงระดับที่ต้องเคลื่อนย้ายทรัพย์สิน ขึ้นที่สูง หรืออพยพโยกย้ายไปยังที่ปลอดภัย  และติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ที่ได้รับจัดสรรใหม่ ประจำจุดพื้นที่เสี่ยง เพื่อเร่งระบายน้ำให้สอดคล้องกับช่วงน้ำทะเลหนุนสูง โดยในช่วงบ่ายวันนี้ จะจัดประชุมชี้แจงผู้รับผิดชอบในการควบคุมเปิด-ปิด ประตูระบายน้ำทุกแห่ง เพื่อวางแผนการระบายน้ำทั้งระบบ นอกจากนี้ มอบให้โครงการชลประทานนครปฐม สรุปข้อมูล ความคืบหน้า ของคลองลัดต่างๆ  ว่าดำเนินการในขั้นตอนใด พบปัญหาอุปสรรคอย่างไร โดยให้รายงานในการประชุมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดนครปฐม (อุทกภัย) ครั้งต่อไป
แขวงทางหลวงนครปฐม ประสานแขวงทางหลวงสมุทรสาคร เตรียมจัดทำแนวป้องกัน ไม่ให้น้ำท่วมขังถนนบรมราชชนนี ในช่วงฝนตกหนักอีก 2 เดือนข้างหน้านี้
ทุกอำเภอจัดกิจกรรม big cleaning day  ทำความสะอาด ขุดลอกคูคลอง กำจัดผักตบชวา กระตุ้นให้ประชาชนในพื้นที่ ตื่นตัวช่วยกันป้องกันน้ำท่วมบ้านเรือนตนเอง ทั้งในระยะสั้น และระยะยาวตลอดไป ทั้งนี้ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดนครปฐม (อุทกภัย) จะได้ติดตามสถานการณ์ อย่างใกล้ชิด เพื่อเร่งแก้ปัญหา ช่วยเหลือ บรรเทาผลกระทบความเดือดร้อนของประชาชนโดยทันที

ชมคริป.https://drive.google.com/file/d/1_YGpXT7XI7TL7kGJlTeOWjEw2XjpJ9gK/view?usp=sharing

 
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ภาพ/ข่าว       

พิธีเททองรูปเหมือนสมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังสี จำนวนสามองค์อัญเชิญประดิษฐานสามภาค

วันที่ 17 สิงหาคม 2567 เวลา13.09 น.ที่โรงหล่อวิเชียร ตำบลสามควายเผือก อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม

รศ.ดร.จุฑามาศ สัตยวิวัฒน์ จากสถาบันวิจัยจุฬาลงกรณ์
เป็นประธานในการประกอบพิธีเททองหล่อรูปเหมือนสมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังสี ร่วมด้วย ศ.นพ.ประเสริฐ บุญเกิด คณะแพทยศาตร์รพ.รามาธิบดี โดยมี นพ.สวรรค์ กาญจนะ อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลอำเภอเบตง เป็นประธานดำเนินการ่วมกับพุทธศาสนิกชนที่มีความศรัทธา ร่วมพิธีมากมายในการนี้ ได้กราบนิมนต์พระภิกษุ จากวัดสามควายเผือก จำนวน 5 รูป มาร่วมเจริญพระพุทธมนต์

  ในพิธีเททองหล่อรูปเหมือนสมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังสี
คณะผู้จัดสร้างจึงขออนุโมทนาบุญแก่พุทธศาสนิกชนทุกท่านที่มาร่วมสร้างรูปเหมือนสมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังสี จำนวนสามองค์ในครั้งนี้ สำหรับองค์สมเด็จฯ ที่สร้างเป็นเนื้อทองเหลืองปิดทองคำแท้ขนาด 29 นิ้ว เพื่ออัญเชิญไปถวายวัดต่างๆดังนี้
1.ถวายวัดพะโคะ อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ประดิษฐาน ณ.อาคารปฎิบัติธรรม เฉลิมพระเกียรติวิมุตติราชจักรี
2.ถวายวัดระฆังโฆษิตาราม กรุงเทพมหานคร
3.ถวายวัดในภาคเหนือ
ซึ่งในขณะนี้ได้ประสานงานไปแล้วส่วนจะเป็นวัดในจังหวัดใด นั้นกำลังประสานให้ทางวัดนั้นๆ ตอบกลับมาก่อน

  นายแพทย์สวรรค์ กาญจนะ ประธานดำเนินการร่วมกับพุทธ ศาสนิกชนทั่วประเทศกล่าวว่า ปฎิมากรในการสร้างครั้งนี้โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดอกเตอร์ฐิติพันธุ์ จันทร์หอม ผู้อนุญาตจัดสร้างโดย พระครูปุญญาพิศาลเจ้าอาวาสวัดราชประดิษ(พะโคะ)เจ้าอาวาส วัดพะโคะ และจะประกอบพิธีพุทธาภิเษก ในวันเสาร์ 7 กันยายน 2567
ณ วัดแดง อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เวลา 19.09 น. จึงขอบคุณผู้มีจิตเป็นกุศลที่มาร่วมพิธี เททองหล่อหลวงปู่โตในครั้งนี้ ขออานิสงฆ์นี้ ได้อำนวยพรให้ทุกท่าน ทุกครอบครัว มีความสุข เจริญด้วย ลาภยศ สารเสริญสืบไป นายแพทย์สวรรค์ กล่าวในที่สุด

ขอขอบคุณภาพ-ข่าว ประพฤติ อรรฆธน

ชาวบ้านให้คะแนนผ่านครึ่ง รัฐเข็นโครงการแก้ปัญหาริมราง

ชาวบ้านให้คะแนนผ่านครึ่ง รัฐเข็นโครงการแก้ปัญหาริมราง  เหตุผู้มีอำนาจเจียดงบโครงการไม่สอดคล้องแผนงาน ทำบ้านคนจนไม่เสร็จตามเป้าเจอโรคเลื่อนถามหา เครือข่ายยืนยันเฝ้าจับตาจัดสรรที่อยู่อาศัยใหม่เป็นรายกรณีให้ตรงใจชาวบ้าน

  นายอัภยุทย์ จันทรพา ที่ปรึกษาเครือข่ายสลัม 4 ภาคและที่ปรึกษาเครือข่ายชุมชนคนเมืองผู้ได้รับผลกระทบรถไฟ หรือ ชมฟ. กล่าวถึงการดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบราง 35 จังหวัด 300 ชุมชน 27,084 ครัวเรือน (2566-2570) ว่า วันนี้หากถามพวกเราว่าพอใจไหมกับสิ่งที่รัฐบาลกำลังช่วยเหลืออยู่ ถ้าคะแนนเต็ม 10 ชาวบ้านคงให้ 6 คะแนน เพราะต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควร กว่าที่ชาวบ้านจะมีที่ดินที่ถูกต้องตามกฎหมายและได้มีที่อยู่อาศัยกันครบทุกคน นอกจากนี้ขอฝากไปถึงหน่วยงานรัฐ สำนักงบประมาณควรจัดสรรงบให้สอดคล้องกับแผนโครงการดังกล่าวเพื่อให้ขบวนการช่วยชาวบ้านไม่สะดุด เราอยากให้ผู้มีอำนาจทำตามแผนการดำเนินโครงการฯระยะ 5 ปี (2566-2570)เพราะถ้างบไม่มาตามแผนหรือจัดสรรให้น้อย การทำงานในโครงการอาจต้องเลื่อนออกไปอีก เท่ากับที่อยู่อาศัยใหม่ชาวบ้านก็เลื่อนออกไปด้วย อยากให้เข้าใจหัวอกคนจนด้วยว่าที่อยู่อาศัยทำให้คนมีหลักประกันในชีวิตถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวบ้านกังวลที่สุดเวลานี้

นายอัภยุทย์ ยังกล่าวถึงผลกระทบจากการพัฒนาระบบรางในบริเวณชุมชนริมทางรถไฟบางซื่อ กม.11 ว่า พื้นที่แห่งนี้เดิมทีเคยมีพนักงานการรถไฟเกษียณแล้ว แต่ไม่มีที่อยู่อาศัยประกอบกับเป็นครอบครัวขยายด้วย จึงได้มาบุกเบิกที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ย่านนี้สร้างบ้าน ต่อมามีชาวบ้านจากต่างจังหวัดที่มาหางานทำในเมืองเข้ามาจับจองพื้นที่สร้างบ้านร่วมด้วยจนกลายเป็นชุมชน 3 ชุมชนได้แก่ ชุมชนบ้านพักรถไฟบางซื่อ ชุมชนพัฒนา กม.11 ชุมชนริมทางรถไฟ กม.11 ต่อมาการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีแผนต้องการนำที่ดินริมทางรถไฟย่านนี้ไปพัฒนาเป็นศูนย์กลางการคมนาคมและธุรกิจ ทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ ต้องย้ายออกไปอยู่ที่อื่น ชาวบ้านจึงมีการรวมตัวเคลื่อนไหวในนาม “ชุมชนคนเมืองผู้ได้รับผลกระทบรถไฟ”หรือ ชมฟ.เพื่อให้เกิดพลังในการเรียกร้องปกป้องสิทธิชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบราง

ทั้งนี้ปี 2563 ชาวบ้านรวมกลุ่มเป็นเครือข่าย ชมฟ. มีข้อเสนอขอเช่าที่ดิน รฟท.ให้ถูกต้องตามกฏหมาย พร้อมผนวกรายชื่อชุมชนที่ตกสำรวจได้เข้าร่วมโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อยในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาระบบราง จากนั้นปี 2566 คณะรัฐมนตรี (ครม.)มีมติปลดล็อกเงื่อนไขที่เป็นปัญหาและขยายจำนวนชุมชนที่ได้เข้าร่วมโครงการฯ เป็น 300 ชุมชนทั่วประเทศ โดยชาวบ้านขอให้รัฐบาลหาที่อยู่ใหม่ใกล้ๆที่อยู่เดิมจะได้สอดคล้องกับวิถีชาวบ้าน เพราะถ้าไปอยู่ไกลจากพื้นที่เดิมก็เหมือนถอนรากถอนโคนชาวชุมชน อย่างไรก็ตามขณะนี้แม้ว่าในทางนโยบาย รฟท.จะยอมรับเงื่อนไขชาวบ้านและดำเนินการให้เป็นมาตรฐานทั่วประเทศแต่ทางปฏิบัติเครือข่ายชาวบ้านจำเป็นต้องดูสภาพปัญหาเป็นรายกรณีด้วยโดยเจรจาหาจุดลงตัวให้สอดคล้องกันมากที่สุด.

จังหวัดนครปฐม จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2567

จังหวัดนครปฐมจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2567

วันที่ 12 สิงหาคม 2567 ที่ศาลากองอำนวยการ องค์พระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานฝ่ายฆราวาสในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2567

โดยมี พระธรรมวชิรเจติยาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 14 รองเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร นำคณะสงฆ์สวดเจริญพระพุทธมนต์ พร้อมด้วยนายกเหล่ากาชาดจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชนชาวจังหวัดนครปฐม ร่วมพิธีในครั้งนี้


จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม นำหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ และประชาชน ร่วมทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง โดยพระธรรมวชิรเจติยาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 14 รองเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร นำพระสงฆ์สามเณร 99 รูป รับบิณฑบาต ณ บริเวณลานหน้าพระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ องค์พระปฐมเจดีย์ เพื่อถวายพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อีกทั้งแสดงออกถึงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ตลอดจนเป็นการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการทำกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา


สำหรับในวันนี้ จังหวัดนครปฐมได้จัดกิจกรรรมต่างๆ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประกอบด้วย พิธีทำบุญตักบาตร กิจกรรมจิตอาสาพัฒนาและปรับปรุงภูมิทัศน์ ภายในศูนย์ราชการจังหวัด พิธีเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตภาวนาถวายพระราชกุศล และพิธีถวายเครื่องราชสักการะ วางพานพุ่ม และจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล ณ บริเวณลานหน้าพระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ องค์พระปฐมเจดีย์ ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม – ภาพ/ข่าว

รร.ราชินีบูรณะยกย่อง ‘แม่ฉอ้อน’ เป็นแม่ยอดเยี่ยม “เพชรราชินี” เนื่องในวันแม่แห่งชาติ

โรงเรียนราชินีบูรณะ ยกย่อง”แม่ฉอ้อน”แม่อดีตนายกฟลุ๊ค เป็นแม่ยอดเยี่ยม ”เพชรราชินี”เนื่องในวันแม่แห่งชาติ

คุณแม่ฉอ้อน คุปตวัช มารดานายกองตรีเอกพันธุ์ คุปตวัช

วันที่ 9 สิงหาคม 67 ที่ห้องประชุมใหญ่ชั้น 3 โรงเรียนราชินีบูรณะ อ.เมืองนครปฐม ว่าที่ร้อยตรี ดร.มนต์เมืองใต้ รอดอยู่ ผู้อำนวยการโรงเรียนราชินีบูรณะ พร้อมคณะครู อาจารย์ โรงเรียนราชินีบูรณะ จัดงานวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม ขึ้นเพื่อระลึกถึงพระคุณของ แม่ผู้ให้กำเนิด โดยวันที่ 12 สิงหาคม ของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญของคนไทย และทางโรงเรียนราชินีบูรณะ ได้จัดกิจกรรมวันแม่แห่งชาติ และคัดเลือกแม่ดีเด่น ประจำปี 2567 จำนวน 80 คน (ม.1-ม.6) และได้คัดเลือกแม่ยอดเยี่ยมแห่งปี “เพชรราชินี” ให้คุณแม่ฉอ้อน คุปตวัช มารดานายกองตรีเอกพันธุ์ คุปตวัช ประธานคณะการการสถานศึกษาโรงเรียนราชินีบูรณะ อดีตนายกเทศมนตรีนครนครปฐม

โดย ว่าที่ร้อยตรี ดร.มนต์เมืองใต้ รอดอยู่ ผู้อำนวยการโรงเรียนราชินีบูรณะ มอบโล่เกียรติยศ ให้แก่คุณแม่ฉอ้อน คุปตวัช อายุ 85 ปี รองประธานกรรมการบริษัทในเครือสหอรพรรณ ทำธุรกิจขนส่งกับบริษัท SCG ประกอบธุรกิจขนส่ง โรงโม่ จัดจำหน่ายรถบรรทุกฮีโน่ สถานีน้ำมัน ธุรกิจโรงไฟฟ้านครปฐมไบโอแมส และโรงแรมเวล

ทั้งนี้วันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยประเทศไทยกำหนดให้วันที่ 12 สิงหาคม 2519 เป็น “วันแม่แห่งชาติ”โดยคณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้กำหนดวันแม่ขึ้นโดยถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็น “วันแม่แห่งชาติ” เป็นโอกาสดีที่ลูก ๆ อาจเพิ่มความพิเศษในการแสดงความรักและความกตัญญูต่อแม่ หรือ พ่อ และคนในครอบครัวทุกคนที่เรารัก ใส่ใจกันให้มากขึ้น ทำได้อย่างไรบ้างนั้น อาจเริ่มจากสิ่งเหล่านี้

คุณแม่ฉอ้อน มอบเงิน 10,000 บาทให้แก่นักแสดงหญิง โรงเรียนราชินีบูรณะ

ขอบคุณ ภาพ-ข่าว ทวีพล ฅนข่าวนครปฐม

จังหวัดนครปฐม จัดพิธีเปิดและมอบรางวัลเยาวชนคนเก่งและดี TO BE NUMBER ONE “เป็นหนึ่งโดยไม่ที่ไม่พึ่งยาเสพติด

จังหวัดนครปฐมจัดพิธีเปิดและมอบรางวัลเยาวชนคนเก่งและดี TO BE NUMBER ONE “เป็นหนึ่งโดยไม่ที่ไม่พึ่งยาเสพติด

นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม

       วันที่ 8 สิงหาคม 2567 ที่ลานกิจกรรม ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัลนครปฐม นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานเปิดกิจกรรมพร้อมมอบรางวัลเยาวชนคนเก่งและดี TO BE NUMBER ONE “เป็นหนึ่งโดยไม่ที่ไม่พึ่งยาเสพติด โดยมีนายธีรยุทธ์ จันทร์ดิษฐวงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ครู อาจารย์ ผู้ปกครอง และเยาวชนร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

นายแพทย์วิโรจน์ รัตนอมรสกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครปฐม


    นายแพทย์วิโรจน์ รัตนอมรสกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า ตามที่จังหวัดนครปฐม ได้ดำเนินงานโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด TO BE NUMBER ONE ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาสิริวัฒนาพรรณวดี มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจของเยาวชนให้ทางไกลจากยาเสพติด และพัฒนาศักยภาพ ให้เป็นที่ยอมรับและมีคุณค่าต่อสังคม


         สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐม จึงได้จัดงานประกวดเพื่อค้นหาสมาชิกเยาวชนคนเก่งและดี TO BE NUMBER ONE จังหวัดนครปฐม โดยวัตถุประสงค์ เพื่อรณรงค์ สร้างกระแส และเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนได้แสดงความสามารถ และพัฒนาตนเอง ให้เป็นคนเก่ง และดี รวมถึงเพื่อคัดเลือกตัวแทนเยาวชนสมาชิก TO BE NUMBER ONE ระดับจังหวัด โดยกิจกรรมในงานนี้ได้แบ่งการประกวดเป็น 2 ประเภท ด้วยกัน คือ


1) การประกวด TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE
2) การประกวด TO BE NUMBER ONE IDOL
สำหรับผลการการประกวด การประกวด To BE NUMBER ONE
1) TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE ประเภททีม
          รุ่น Junior อายุ 6 – 9 ปี ได้แก่
– รางวัลชนะเลิศ ทีมดัลเบิลTR  รร.ไทยรัฐวิทยา4
– รางวัลรองชนะเลิศ ทีมนาฎราชจูเนียร์  รร.วัดกงลาด

           รุ่น Pre-Teenage อายุ 9 ปีขึ้นไป-14 ปี ได้แก่
-รางวัลชนะเลิศ ทีมโกสป่ะคะ SWC  รร.ศรีวิชัยวิทยา
-รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 ทีมวีอาร์ นาฎราช รร.วัดกงลาด
-รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 ทีม TR4. รร.ไทยรัฐวิทยา4
          รุ่น Teenage อายุ 14 ปีขึ้นไป – 22
-รางวัลชนะเลิศ ทีมA Way New รร.กาญจนาภิเษก นครปฐม
-รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 ทีมนาฏราช  รร.สามพรานวิทยา
-รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 ทีมDay dream.  รร.สิรินธรราชวิทยาลัย

2.)รางวัล TO BE NUMBER ONE IDOL  จำนวน 8 รางวัล ได้แก่
1.หมายเลข 17 รร.วัดห้วยจรเข้
2.หมายเลข 9  รร.ศรีวิชัยวิทยา
3.หมายเลข 13 รร.รัตนโกสินทร์สมโภช
4.หมายเลข 53 รร.สาธิตมหาวิทยาลัยศิลปกร
5.หมายเลข 32 รร.กาญจนาภิเษกวิทยาลัย
6.หมายเลข 65 รร.ราชนีบูรณะ
7.หมายเลข 48 รร.รัตนโกสินทร์สมโภช
8.หมายเลข 31 รร.กาญจนาภิเษกวิทยาลัย

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ภาพ/ข่าว

ร.ร.กาญจนาภิเษกวิทยาลัย นครปฐม จัดกิจกรรมค่ายคุณธรรมนำชีวิตสดใส

โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย นครปฐม (พระตำหนักสวนกุหลาบมัธยม) จัดกิจกรรมค่ายคุณธรรมนำชีวิตสดใสโครงการส่งเสริมให้ผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรม ตามหลักเบญจวิถี และมีความสุขบนพื้นฐานความเป็นไทย เพื่อให้นักเรียนนำธรรมะที่ได้รับไปใช้ในชีวิตประจำวัน และรู้รักสามัคคี เป็นผู้มีระเบียบวินัย มีคุณธรรมจริยธรรม และศีลธรรมอันดีงาม

หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล

วันที่ 6 สิงหาคม 2567 ที่ห้องประชุมพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย นครปฐม (พระตำหนักสวนกุหลาบมัธยม) จังหวัดนครปฐม หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล เลขาธิการมูลนิธิศรีสวางควัฒน ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารีและประธานพิพิธภัณฑ์วังวรดิศและหอสมุดสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมผู้เรียนให้มีคุณธรรม จริยธรรม ตามหลักเบญจวิถี (เทิดทูนสถาบัน กตัญญู บุคลิกดี มีวินัย ให้เกียรติ) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กิจกรรมค่ายคุณธรรมนำชีวิตสดใส และบรรยายพิเศษ เรื่อง “ความเพียร ซื่อตรง เป็นสุภาพชน คือ นวัตกรรมเพื่อการสืบสาน รักษา และต่อยอด” ให้แก่ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 4 ของโรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย นครปฐม (พระตำหนักสวนกุหลาบมัธยม)


โดย นายธีระพงษ์ ภุมมา รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารงานบุคคล โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย นครปฐม (พระตำหนักสวนกุหลาบมัธยม) กล่าวว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มีนักเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 418 คน และมีคณะครูผู้ดูแลนักเรียนจำนวน 24 คนระหว่างวันที่ 6 – 7 สิงหาคม 2567 เพื่อให้นักเรียนนำธรรมะที่ได้รับไปใช้ในชีวิตประจำวัน ตลอดจนรู้รักสามัคคี เป็นผู้มีระเบียบวินัย มีคุณธรรม จริยธรรม และศีลธรรมอันดีงาม และเพื่อให้นักเรียนสามารถจัดทำโครงงานคุณธรรม อันจะเป็นประโยชน์ต่อตนเอง ต่อสังคม และต่อประเทศชาติสืบไป


สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ภาพ/ข่าว

เปิดโครงการจัดทำแผนป้องกันและบรรเทาน้ำท่วม-น้ำแล้งอย่างมีส่วนร่วมของท้องถิ่นและ ประชาชน

คณะกรรมาธิการ สส.นครปฐม เขต 4 เปิดโครงการจัดทำแผนป้องกันและบรรเทาน้ำท่วม-น้ำแล้งอย่างมีส่วนร่วมของท้องถิ่นและ ประชาชน

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 5 ส.ค.67 นายกิตติภณ ปานพรหมมาศ เลขานุการคณะกรรมาธิการ สส.นครปฐม เขต 4 กล่าวเปิด โครงการจัดทำแผนป้องกันและบรรเทาน้ำท่วม-น้ำแล้งอย่างมีส่วนร่วมของท้องถิ่นและ ประชาชน โดยมี นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ นายธันยา จรูญสมาธิศักดิ์ ผู้อำนวยการกลุ่มประสานงานลุ่มน้ำท่าจีน สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 2 นายวรชัย สุขผลธรรม
ผู้อำนวยการส่วนวิศวกรรม สำนักงานชลประทานที่ 11 นายสันติศักดิ์ ศรีวารินทร์
ผู้อำนวยการส่วนวิศวกรรม สำนักงานชลประทานที่ 13 และ นายนิธินันท์ หมดภัย
เลขานุการประจำคณะกรรมาธิการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ที่เมืองรัตติยา ต.คลองนกกระทุง อ.บางเลน จ.นครปฐม

โดยโครงการดังกล่าว ทางคณะกรรมาธิการการบริหารจัดการพรัพยากรน้ำ สถาผู้แทนราษฎจะจัดการสัดการสัมการสัมมา เรื่องการจัดทำแผนป้องกันและบรรเทาน้ำท่วม-น้ำแล้งอย่างมีส่วนร่วมของท้องถิ่น ท้องที่ และภาคประชาชน มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การจัดทำ แผนงานโครงการและฐวนข้อมูลสำหรับบูรณาการแผนงาน เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ (Thai Water Plan : TWP) การจัดทำแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดทำแผนป้องกันและบรรเทาน้ำท่วม-น้ำแล้ง และการประสานความร่วมมือระหว่างท้องถิ่น ท้องที่ และภาคประชาชน ในการจัดทำแผนงาน โครงการที่เกี่ยวข้องกับระบบข้างต้น ตลอดจนรวบรวมข้อมูล
ข้อเท็จจริง รับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะของผู้เข้าร่วมสัมนา เพื่อเตรียมรับมือและป้องกันต่อไป

“เสือป่าราชา”นครปฐมยูไนเต็ด เปิดตัวยิ่งใหญ่ประจำฤดูกาล 2024/2025

จัดยิ่งใหญ่งานแถลงข่าวเปิดตัว สโมสรฟุตบอลนครปฐม ยูไนเต็ด ประจำฤดูกาล 2024/2025 “Umbro x Nakhonpathom United 2024/2025 Jersey Launch”



วันที่ 3 สิงหาคม 2567 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล นครปฐมชั้น G ลานกิจกรรมโซน E คณะผู้บริหารสโมสรนครปฐม ยูไนเต็ด นำโดย ดร.พาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์ ประธานสโมสรฯ (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม) ดร.ชุตินันศ์ สะสมทรัพย์ รองประธานสโมสรฯ นางสาวพิมพ์ชาญา สะสมทรัพย์ ผู้จัดการทีม นางสาวชญาดา สะสมทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและสิทธิประโยชน์ ร่วมแถลงข่าวเปิดตัว สโมสรฟุตบอลนครปฐม ยูไนเต็ด ประจำฤดูกาล 2024/2025 เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์แก่ สื่อมวลชน, แฟนคลับสโมสรฯ และประชาชนผู้ติดตามได้รับทราบความเคลื่อนไหว การเตรียมความพร้อมของทีมในฤดูกาลนี้
           

ทั้งนี้ สโมสรฟุตบอลนครปฐม ยูไนเต็ด ได้ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพ “ไทยลีก 1” รายการ REVO THAI LEAGUE 2024/2025 ซึ่งดำเนินการจัดการแข่งขันโดย บริษัท ไทยลีก จำกัด ภายใต้การกำกับของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีกำหนดการแข่งขันเปิดฤดูกาล 2024/2025 นัดแรก วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป


        สำหรับไฮไลท์ภายในงานพบกับ  การแสดงขบวนพาเหรด ‘Percussion flag parade show with NPTUTD & SSP Mascot’ การเปิดตัวนักกีฬาพร้อมด้วยชุดแข่งขันฤดูกาล 2024/2025 โดยในปีนี้ มาในคอนเซป “It’s Time to ROAR” “ได้เวลาเสือป่าราชาคำราม” แบรนด์เสื้อผ้ากีฬาระดับโลก อย่าง Umbro จากประเทศอังกฤษ ที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน โดยในปีนี้ครบรอบ 100 ปีของแบรนด์ ร่วมกับ 1 ในสโมสรชั้นนำในประเทศไทย อย่าง นครปฐม ยูไนเต็ด ซึ่งทั้ง 2 ได้ร่วมออกแบบเสื้อแข่งทั้งแบบเหย้า แบบเยือน และชุดผู้รักษาประตู สำหรับฤดูกาล 2024/2025 โดยคอลเลคชั่นเสื้อแข่งขันในปีนี้ มีมาให้แฟนบอลได้จับจอง 6 เฉดสีด้วยกัน


           จากนั้นคณะผู้บริหารสโมสรนครปฐม ยูไนเต็ด ได้มอบของที่ระลึก ผู้ให้การสนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ 2024/2025 ประกอบด้วย บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)  บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) บริษัท ไอซ์แอลอีดี จำกัด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) บริษัท ซีอาร์ซี สปอร์ต จำกัด

     และผู้ให้การสนับสนุนภายในจังหวัด ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม ห้างทองมหานคร168 บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด โรงพยาบาลกรุงเทพสนามจันทร์ สถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐม
            นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมพิเศษสำหรับแฟนบอลนครปฐม ยูไนเต็ด ภายในงาน จำหน่ายเสื้อแข่งขัน นครปฐม ยูไนเต็ด ฤดูกาล 2024/2025 รับส่วนลดมูลค่า 100 บาท เมื่อซื้อ หรือ Pre-Order ซึ่งสามารถสั่งจองได้แล้วผ่านทางร้านค้า Official store นครปฐม ยูไนเต็ด และร้านค้า Supersports สาขาเซ็นทรัล นครปฐม และ Sale สินค้าของที่ระลึกฤดูกาล 2023/2024 สูงสุด 50%


           โดยนัดแรก “เสือป่าราชา” นครปฐม ยูไนเต็ด มีนัดออกเยือน “ราชันมังกร” ราชบุรี เอฟซี ณ สนาม ดราก้อน โซล่าร์ ปาร์ค สเตเดียม วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2567 เวลา 18.00 น. แฟนบอลสามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวได้ทาง Official Fan Page : https://www.facebook.com/NakhonpathomUTD

ชมคลิป.https://www.facebook.com/share/v/gp8kQ6mGRYNEEc3d/?mibextid=VuxXZ0

กาญจนบุรี – นักท่องเที่ยวคึกคัก แห่ชมสะพานไม้ฯ เน้นความปลอดภัยการท่องเที่ยวทางเรือ เพราะน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

กาญจนบุรี – สังขละบุรี คึกคักนักท่องเที่ยวชมสะพานไม้ฯ ร่วมตักบาตร อำเภอสังขละบุรี สั่งเพิ่มมาตรการความปลอดภัยการท่องเที่ยวทางเรือ ขณะน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

มีรายงานว่า เช้าวันนี้ (29 ก.ค.) ที่บ้านวังกะ หมู่ที่ 2 ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาร่วมทำบุญใส่บาตรพระสงฆ์ พร้อมเดินชิม ช้อป ชม อาหาร และสินค้าพื้นเมือง รวมทั้งเดินเที่ยวและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกบนสะพานไม้อุตตมานุสรณ์ สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย ท้องฟ้าครึ้มแต่ไม่มีมีฝนตกลง

  นายสุริยะศักดิ์ เหมือนอ่วม นายอำเภอสังขละบุรี ได้ส่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อส. ตำรวจ ตชด มาดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว พร้อมเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำและขยะ เศษกิ่งไม้ ที่ลอยมาติดตอม่อสะพานฯ หลังจาก 3-4 วันที่ผ่านมาในพื้นที่อำเภอสังขละบุรีมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้มีขยะและเศษกิ่งไม้ในแม่น้ำซองกาเลียไหลลงมาติดตอม่อสะพานไม้ฯ จนต้องมีการจัดเก็บไปแล้ว 1-2 ครั้ง

ซึ่งวันนี้จากการลงพื้นที่ของผู้สื่อข่าวยังพบขยะติดตอม่อสะพานบ้างเล็กน้อย กระแสน้ำในแม่น้ำซองกาเลียช่วงที่ไหลผ่านสะพานไม้ฯ มีความแรงลดลง เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมาต่อเนื่องจนถึงเช้าวันนี้ในพื้นที่ไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม

สำหรับที่ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ มีระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยวันละ30-50 ซม. ภายหลังจากเขื่อนวชิราลงกรณหยุดการระบายน้ำตั้งแต่วันที่ 25 ที่ผ่านมา ส่งผลให้อำเภอสังขละบุรีขอความร่วมมือผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวชมเมืองบาดาล เพิ่มมาตรการความปลอดภัยการท่องเที่ยวทางเรือ โดยให้นักท่องเที่ยวทุกคนต้องสวมเสื้อชูชีพ ก่อนลงเรือท่องเที่ยว พร้อมทั้งกำชับให้คนขับเรือขับขี่ด้วยความระมัดระวัง

ขณะที่เขื่อนวชิราลงกรณ รายงานระดับน้ำในเขื่อนวันนี้อยู่ที่147.25 เมตร ปริมาณน้ำ 6,137.36 ล้าน ลบ ม คิดเป็นร้อยละ 69.27 โดยมีปริมาณน้ำไหลเข้า288.11 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถรับน้ำได้อีก 2,722.64 ล้าน ลบ ม (เฉพาะเดือนกรกฎาคม มีน้ำไหลเข้า1.910.21 ล้าน ลบ ม)

ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

จังหวัดนครปฐม.จัดพิธีทางศาสนามหามงคลและพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา

จังหวัดนครปฐมจัดพิธีทางศาสนามหามงคลและพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567


  วันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ที่ศาลากองอำนวยการ  องค์พระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม นางสาวอโรชา นันทมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานประกอบพิธีทางศาสนามหามงคล และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมี นายธีรยุทธ์ จันทร์ดิษฐวงษ์ นายยงยุทธ สวนทอง นายอรรถวุฒิ พึ่งเนียม รองผู้ว่าราชการจังหวัด รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการทหาร ตำรวจ  และประชาชนชาวจังหวัดนครปฐม ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคลและพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล พระสงฆ์ 99 รูป เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567
         

จากนั้น พระธรรมวชิรเจตินาจารย์ รองเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 14 นำพระสงฆ์ สามเณร 99 รูป รับบิณฑบาต ณ บริเวณลานหน้าพระร่วงโรจนฤทธิ์ องค์พระปฐมเจดีย์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 อีกทั้งเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ตลอดจนเป็นการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการทำกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาร่วมกัน โดยมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ
       สำหรับในวันนี้ จังหวัดนครปฐม ได้จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ได้แก่ พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน  และพิธีถวายเครื่องราชสักการะ วางพานพุ่ม และจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล ณ บริเวณลานหน้าพระร่วงโรจนฤทธิ์ องค์พระปฐมเจดีย์ตั้งแต่เวลา 17.30 น. เป็นต้นไป

ชมคลิป.https://drive.google.com/file/d/1vL2neALad-zs9gCTochHOifYyYbkxrsq/view?usp=drivesdk


สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม – ภาพ/ข่าว

กาญจนบุรี – น้ำป่าไหลลงสู่ด้านล่าง เริ่มท่วมเขตอำเภอเมือง อุทยานฯ สั่งปิดน้ำตกเกริงกระเวีย -ไทรโยค

กาญจนบุรี – น้ำด้านบนไหลลงสู่ด้านล่าง เริ่มท่วมเขตอำเภอเมือง แล้ว ส่วนอุทยานแห่งชาติเขาแหลม อุทยานไทรโยค ประกาศปิดน้ำตกเกริงกระเวีย ไทรโยค และ ผอ.เขื่อนวชิราลงกรณ ยันอ่างยังรับน้ำได้อีก พร้อมเน้นย้ำ ปชช. ริมแม่น้ำแควน้อยติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด

  สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จ.กาญจนบุรี เนื่องจากฝนตก ขณะนี้ฝนตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีน้ำป่าไหลหลาก ประกอบกับมีมวลน้ำจากทางเหนือจากทางอำเภอไทรโยค อำเภอทองผาภูมิ ไหลลงมาสู่เขตอำเภอเมือง เป็นจำนวนมาก ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำแควน้อย บริเวณ หมู่ 1 ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง เพิ่มระดับสูงขึ้น ทำให้น้ำไหลเข้าท่วม สถานประกอบการโรงแรมรีสอร์ทในพื้นที่เช่น บ้านไร่ริมแควรีสอร์ท และริมแควการ์เด้นแคมป์รีสอร์ทกาญจนบุรี

ซึ่งขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ได้ระดมกำลังนำเรือท้องแบนเข้าไปขนย้ายสิ่งของของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่อมเอาไปไว้ในที่ปลอดภัยได้ระดับหนึ่ง ขณะนี้อยู่ในช่วงเฝ้าระวังดูระดับน้ำที่จะสูงขึ้น ซึ่งนายสมบูรณ์ แผนสมบูรณ์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี ได้สั่งการให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เฝ้าระวัง แจ้งเตือนชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยง พร้อมเข้าช่วยเหลือเบื้องต้น และรายงานข้อมูลให้อำเภอทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อรวบรวมรายงานสถานการณ์ให้จังหวัดทราบต่อไป

นายอภิสิทธิ์ สมบัติมาศ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ต.ปรังเผล อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ประกาศปิดน้ำตกเกรงกระเวีย สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่อุทยานฯ หลังน้ำป่าในลำห้วยทิพุเย มีกระแสน้ำไหลแรง และสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนท่วม ทางเดิน สะพาน ซุ้มนั่งเล่น บริเวณน้ำตกเกริงกระเวีย หลังจากเกิดฝนตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่ ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ ซึ่งเป็นที่ต้นน้ำของลำห้วยทิพุเย ซึ่งคาดว่าหลังน้ำลดลง 3-4 วันจึงจะสามารถกลับมาเปิดบริการได้ตามปกติ

นอกจากนั้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าที่ประจำอยู่ตามหน่วยพิทักษ์ต่างๆในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขาแหลม รวมทั้งเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวน ให้เพิ่มความระมัดระวังในการปฎิบัติหน้าที่ เนื่องจากช่วงนี้ฝนตกติดต่อกัน ส่งผลให้ระดับน้ำในลำห้วยต่างต่างสูงขึ้น ไหลแรงขึ้น เพื่อป้องกันความสูญเสีย และการได้รับบาดเจ็บในการปฎิบัติหน้าที่

ส่วน นายสาคร สืบสาย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค กล่าวว่าสถานการณ์น้ำในปีนี้ ฝนได้ตกลงมาหลายวันติดต่อกันไม่หยุด จนสภาพน้ำตกไทรโยคที่สวยงาม จมหายไปอยู่ใต้น้ำ ไม่เห็นแสงแดดเลย และทางอุทยานไทรโยคได้ประกาดปิดชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์เข้าสู่ปกติ ที่ต้องปิดเพราะนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วจะไม่ได้ความประทับใจ เพราะนักท่องเที่ยวต้องเสียค่าธรรมเนียมเข้ามาเยี่ยมชม และน้ำช่วงนี้ขึ้นเยอะระบบการทำน้ำประปาของทางอุทยานไทรโยค ได้รับความเสียหาย จึงทำให้มีสีน้ำขุนแดงมาก ไม่สมควรให้นักท่องเที่ยวใช้อุปโภคบริโภค ฝากแจ้งว่าช่วงนี้ให้งดการเข้าไปท่องเที่ยวในอุทยานไทรโยค ก่อนจนกว่าสถานการณ์น้ำจะเข้าสู่ปกติก็จะประกาศแจ้งให้ทราบต่อไป

นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช รอง.ผวจกาญจนบุรี กล่าวว่าสถานการณ์น้ำในพื้นที่ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา บริเวณถนนสาย 323 จากอำเภอทองผาภูมิ ขึ้นไปยังอำเภอสังขละบุรี โดย ร้อยโท ทศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้สั่งการณ์ให้ตนเองและทีมงาน ปภ. นายอำเภอ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ให้เฝ้าติดตามสถานการณ์ น้ำที่ท่วมในพื้นที่จนเวลานี้ถนนสาย 323 ได้คลี่คลายลงแล้ว โดยมีหน่วยงานต่างๆ ช่วยกันดูแลแก้ไขปัญหา และขอฝากไปถึงนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ได้โดยไม่ต้องเป็นห่วงสถานณ์น้ำแล้วมีความปลอดภัย ถนนหนทางทุกเส้นทางสามารถสัญจรไปมาได้ปกติแล้ว ฝากไปถึงนักท่องเที่ยวในวันหยุด 2 – 3 วันนี้ไม่ทราบจะไปท่องเที่ยวที่ใด จังหวัดกาญจนบุรี ก็เชิญชวนเข้ามาท่องเที่ยวได้ โดยมีเส้นทางมอเตอร์เวย์ M 81 จากจังหวัดนครปฐม เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ในช่วงหยุด 3 วันนี้

นายพนม โพธิ์แก้ว สส.เขต 5 แจ้งว่า สถานการณ์น้ำฝนในพื้นที่บริเวณช่วงถนนสาย 323 ได้คลี่คลายแล้ว โดยทางกรมทางหลวงและทหารหน่วย นพค.11 ได้นำรถแบ็กโฮมาขุดเจาะ เพื่อระบายน้ำออกจากผิวการจารจร จนเวลาไม่มีน้ำท่วมขังแล้ว แต่บริเวณช่วงอำเภอไทรโยค ขึ้นมายังอำเภอทองผาภูมิ ยังคงมีน้ำท่วมขังอยู่บ้างฝากขอให้ผู้ใช้รถระมัดระวังด้วย

ชมคลิป. https://drive.google.com/file/d/1Wtq_rogdHCnnT-mSGWdhN_VseUwqHAWg/view?usp=sharing

ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

กาญจนบุรี – น้ำป่าท่วมถนน เกิดดินสไลด์ปิดเส้นทาง พื้นที่อำเภอสังขละบุรี อำเภอทองผาภูมิ

กาญจนบุรี – เกิดปัญหาดินสไลด์ปิดเส้นทาง น้ำป่าท่วมถนน ในพื้นที่อำเภอสังขละบุรี อำเภอทองผาภูมิ หลายหน่วยงานเร่งแก้ไขเพื่อเปิดการจราจร

วันนี้ 26 ก.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุริยะศักดิ์ เหมือนอ่วม นายอำเภอสังขละบุรี ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ อส ประจำจุดตรวจบ้านจงอั่ว ม.4 ต.ปรังเผล .อ.สัขละบุรี จ.กาญจนบุรี ว่าเกิดเหตุดินสไลก์ลงมาปิดถนน 323 (ทองผาภูมิ-สังขละบุรี) จุดเกิดเหตุอยู่เลยน้ำตกเกริงกระเวียขึ้นไปทางอำเภอสังขละบุรี ประมาณ 1กม. ส่งผลให้มีรถยนต์ของประชาชน นักท่องเที่ยว รถประจำทาง รวมทั้งรถบรรทุก ติดอบู่บนถนนมากว่า 100 คัน

จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่แขวงการทางสังขละบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ละเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม เข้าไปดำเนินตัดต้นไม้ กอไผ่ ก่อนจะช่วยกันนำก้อนหินขนาดใหญ่ และดิน ออกไปจากถนน ใช้เวลานานกว่า 2 ชม ต่อมาเจ้าหน้าที่ จึงสามารถเปิดให้รถยนต์สัญจรไปมาได้ตามปกติ

จากการลงพื้นที่พบว่านอกจากจุดดังกล่าวแล้ว ในพื้นที่ใกล้กันยังพบดินและหินสไลด์ลงมาจากภูเขา หลายจุด ทั้งนี้นายสุริยะศักดิ์ ได้ให้แขวงการทางเร่งนำป้ายมาติดเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวได้ทราบ เพื่อป้องกันอุบัติเหตที่อาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากในพื้นที่อำเภอสังขละบุรี มีฝนตกลงมาติดต่อกันมากว่า 5 วันแล้ว ขณะที่ ระดับน้ำในลำห้วยอู่ล่อง ได้เอ่อล้นไหลหลากเข้าท่วมถนน 323 ทองผาภูมิ-สังขละบุรี บริเวณด้านหน้าหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 11 สำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นพค.11) บ้านวังเกรียง ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ระดับน้ำอยู่ที่ประมาณ 80-90 เซนติเมตร ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ส่วนกระกระแสน้ำค่อนข้างไหลเชี่ยว รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ ส่วนรถขนาดใหญ่ต้องใช้ความระมัดระวัง

โดยนายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ ได้สั่งการให้ผู้นำท้องถิ่น ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ ตร.สภ.ทองผาภูมิ เจ้าหน้าที่ ตชด.135 รวมทั้งเจ้าหน้าที่ ปภ.และจิตอาสา ร่วมกันอำนวยความสะดวกด้านการจราจร โดยเทศบาลตำบลท่าขนุน ได้นำป้ายไปติดตั้งเพื่อแจ้งให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทราบล่วงหน้าว่าก่อนถึงจุดน้ำท่วม

สถานการณ์น้ำที่กลับมาท่วมอีกครั้งเป็นผลจากเมื่อคืนที่ผ่านมาต่อเนื่องจนถึงเช้าวันนี้ได้เกิดฝนตกอย่างหนักในพื้นที่ตำบลชะแล ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำลำห้วยอู่ล่อง ส่งผลให้มีปริมาณน้ำจำนวนมากไหลลงมาในลำห้วยอู่ล่องซึ่งเป็นลำห้วยที่ไม่ใหญ่มากนัก ประกอบกับลักษณะของลำห้วยที่คดเคี้ยวทำให้น้ำระบายลงแม่น้ำแควน้อยไม่ทัน จึงเอ่อล้นลำห้วยขึ้นมาท่วมถนน ซึ่งจุดนี้เป็นการท่วมวันที่ 2 แล้ว ซึ่งจุดนี้เมื่อถึงฤดูฝนจะถูกน้ำท่วมซ้ำซากเป็นประจำทุกปี ซึ่งกรมทางหลวงกำลังเร่งดำเนินการหาทางแก้ไข

ขณะที่สำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 7 แจ้งว่า ได้เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ข้อมูลปริมาณน้ำฝนหรือระดับน้ำ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 เวลา 08.05 น. พบว่า สถานีบ้านวังขยาย ตำบลปรังเผล อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี มีปริมาณฝนสะสม 16 ชั่วโมง เท่ากับ 127.0 มิลลิเมตร

ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

กาญจนบุรี – ยังอ่วมอยู่ฝนที่ถล่มหนักน้ำป่าทะลัก บ้านปากแซง อ.ไทรโยค กว่า 20 หลังคาจมบาดาล

กาญจนบุรี – ยังอ่วมอยู่ฝนที่ถล่มหนักเมืองกาญจน์ ทั้งน้ำป่าทะลักทั้งเขื่อนฯ ปล่อยระบายน้ำ บ้านปากแซง อ.ไทรโยค กว่า 20 หลังคาจมบาดาล ชาวบ้านต่างขนของหนีน้ำขึ้นที่สูงตลอดคืน เจ้าหน้าที่ เร่งเข้าช่วยเหลือ สั่งเขื่อนฯ ชะลอระบายน้ำ

หลังจากที่เกิดมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ มีกำลังปานกลาง ทำให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่จ.กาญจนบุรีอย่างหนัก ต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายวัน ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากในหลายพื้นที่ ถนนสาย323 กาญจนบุรี-สังขละบุรี ถูกน้ำท่วมในหลายจุดของพื้นที่ อำเภอไทรโยค อำเภอทองผาภูมิ อำเภอสังขละบุรี ทำให้การคมนาคมเดินทางสัญจรไปมา เป็นไปด้วยความลำบาก บางแห่งระดับน้ำที่ท่วมถนนสูงกว่า 50 ซม.รถเล็กไม่สามารถวิ่งผ่านไปได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณบ้านปากแซง หมู่ 3 ตำบลท่าเสา อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ตั้งแต่เมื่อช่วงดึกเวลา21.30น.ของเมื่อคืนที่ผ่านมา กระแสน้ำในแม่น้ำแควน้อย ได้เอ่อล้นสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีระดับน้ำความสูงเป็นแนวดิ่ง จากริมฝั่งขึ้นมาราว3เมตร ทำให้กระแสน้ำขยายวงกว้าง เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้าน และรีสอร์ท รวมกว่า 20 หลังคาเรือน ชาวบ้านต่างขนข้าวของหนีน้ำท่วม ขึ้นที่สูงอย่างเร่งรีบทุลักทุเล

ด้านนายเนรมิต เหลืองอร่ามฟ้า นายอำเภอไทรโยค หลังทราบเหตุได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ อส.ไทรโยค เข้าช่วยเหลือชาวบ้าน รวมทั้งการไฟฟ้าอ.ไทรโยค ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าตัดกระแสไฟ รวมทั้งถอดหม้อมิเตอร์ที่เสาไฟออกหมด เพื่อป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้า

มีกระแสข่าวว่า เขื่อนวชิราลงกรณหรือเขื่อนเขาแหลม ที่อ.ทองผาภูมิ ได้ทำการระบายน้ำออก เมื่อมวลน้ำจากเขื่อนที่ปล่อย รวมกับน้ำป่าที่ไหลหลาก ทะลักลงแม่น้ำแควน้อย อีกทั้งเขื่อนที่อ.ท่าม่วง ระบายน้ำออกเพียงเล็กน้อย จึงทำให้มวลน้ำมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น เป็นเหตุให้เอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกัน นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ทราบเรื่องความเดือดร้อนที่ชาวบ้านปากแซง อ.ไทรโยคได้รับ ได้ประสานสั่งการในทันทีไปยังเขื่อนวชิราลงกรณ อ.ทองผาภูมิ ให้หยุดระบายน้ำไว้ก่อน และให้เขื่อนอ.ท่าม่วงเปิดประตูระบายน้ำเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดระดับน้ำในแม่น้ำแควน้อย เป็นการบรรเทาความเดือดร้อน แก่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งได้สั่งการให้ป้องกันภัยจังหวัด และเทศบาลน้ำตกไทรโยค เข้าไปช่วยเหลือดูแลชาวบ้านในทันที

ขณะรายงานข่าว ระดับน้ำได้เข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรสูงกว่า 1 เมตร ดูภาพเหมือนกลายเป็นเมืองที่จมบาดาล มูลนิธิกู้ภัยกาญจนบุรี ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยพร้อมเรือ ออกสำรวจบ้านเรือนชาวบ้านเพื่อช่วยเหลือ ขนสิ่งของที่ยังปล่อยให้จมน้ำ เนื่องจากชาวบ้านไม่สามารถนำออกจากบ้านมาได้หมด เหตุเพราะกระแสน้ำเอ่อเข้าท่วมสูงอย่างรวดเร็ว จนขนไม่ทัน ทำได้เพียงนำของที่จำเป็นออกมาจากบ้านมาก่อนเท่านั้น

ต่อมานายเนรมิต เหลืองอร่ามฟ้า นายอำเภอไทรโยค พร้อม ดต.รักประสงค์ แสนสม นายกเทศมนตรีตำบลน้ำตกไทรโยคน้อย ได้นำถุงยังชีพ มาแจกจ่ายให้แก่ราษฎรที่ประสบภัย และสอบถามความเดือดร้อนเพื่อหาทางช่วยเหลือ รวมทั้งได้แจ้งแก่ชาวบ้านเพื่อให้สบายใจว่า นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้ประสานให้เขื่อนวชิราลงกรณชะลอการระบายน้ำแล้ว และให้เขื่อนท่าม่วงระบายน้ำให้มากขึ้น เชื่อว่าวันนี้ระดับน้ำคงไม่เพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิม และอาจจะลดลง ชาวบ้านต่างดีใจ และขอบคุณที่นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา รองผวจ.กาญจนบุรีเข้าช่วยเหลือแก้ไขความเดือดร้อนในทันที.

ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

กาญจนบุรี – เตือนพายุฝนต่อเนื่อง น้ำท่วมมิดถนน รองผู้ว่าฯ ประสบภัยเสียเอง

วันนี้ 25 ก.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี/ผู้อำนวยการจังหวัด กล่าวว่า คืนที่ผ่านมาฝนได้ตกลงมาในพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ ตลอดทั้งคืน ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมถนนทางหลวง 323 สายทองผาภูมิ-สังขละบุรี บริเวณด้านหน้าหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 11 สำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นพค.11)ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ระดับน้ำท่วมอยู่ที่ประมาณ 20-50 เซนติเมตร ส่วนกระกระแสน้ำค่อนข้างไหลเชี่ยว รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ ส่วนรถขนาดใหญ่ต้องใช้ความระมัดระวัง

ซึ่งการพยากรณ์ฝนสะสมรายวัน ทุกๆ 24 ชั่วโมง นับตั้งแต่เวลา 07.00 น. ถึงเวลา 07.00 น.ของวันใหม่ และลมที่ระดับ 925 hPa (750 ม.)10 วันล่วงหน้า ระหว่าง 25 ก.ค.-3 ส.ค.67 init. 2024072412 จากศูนย์พยากรณ์อากาศระยะกลางยุโรป (ECMWF) วิเคราะห์ตามผลจากแบบจำลองฯ เขตสีแดงหมายถึงฝนหนัก สีเขียวหมายถึงฝนเล็กน้อย

ช่วงวันที่ 25 – 27 ก.ค. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังปานกลาง (ดู speed ของลมที่พัดเข้าหาฝั่ง) ทำให้ด้านรับมรสุม ภาคกลางด้านตะวันตก (กาญจนบุรี ราชบุรี อุทัยธานี) ยังมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ฝนที่ตกสะสม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากได้ (ข้อมูลนี้ใช้เป็นแนวทางในการติดตามสภาพอากาศ ยังต้องติดตามด้วยข้อมูลจากผลการตรวจอากาศอื่นๆ ร่วมด้วย (ข้อมูลนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลง ตามข้อมูลนำเข้าใหม่)”นายอธิสรรค์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กำลังเดินทางไปปฏิบัติราชการในพื้นที่อำเภอสังขละบุรี ซึ่งต้องใช้ถนนทางหลวง 323 กาญจนบุรี-สังขละบุรี เมื่อคนขับรถขับไปถึงหน้าหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 11 สำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นพค.11) ที่กำลังถูกน้ำท่วม ทำให้นายวุฒิพงษ์ กลายเป็นผู้ประสบภัยเสียเอง

โดยนายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้นำคลิปวีดีโอขณะขับรถฝ่ากระแสน้ำมาโพสต์ลงในเฟสบุ๊กส่วนตัว พร้อมกับระบุว่า “พอดีระหว่างเดินทางไปราชการที่อำเภอสังขละบุรี มีน้ำป่าไหลหลากข้ามถนนช่วงทางขึ้นสังขละบุรี จุดบริเวณหน้าหน่วย นพค.11 ได้รถท่านนายอำเภอทองผาภูมิ อนุเคราะห์ให้ยืมขึ้นสังขละบุรี แทนเนื่องจากรถเล็ก ไม่สามารถผ่านได้”หลังจากโพสต์ไม่นานมีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่อวยพรขอให้เดินทางปลอดภัย

ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

กาญจนบุรี – ฝนตกตลอดคืนน้ำป่าทะลักท่วม ถ.ทางหลวงสาย 323 ทองผาภูมิ-สังขละบุรี  ทหารพร้อม ปภ.ลงพื้นที่เร่งเข้าช่วยเหลือประชาชน

  ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าเมื่อคืนวันที่ 24 ก.ค. 67 ฝนได้ตกลงมาต่อเนื่องตลอดทั้งคืน ทำให้น้ำในลำห้วยอู่ล่อง ได้เอ่อล้นไหลหลากเข้าท่วมถนน 323 ทองผาภูมิ-สังขละบุรี บริเวณด้านหน้าหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 11 สำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นพค.11)ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ระดับน้ำอยู่ที่ประมาณ 20-50 เซนติเมตร ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ส่วนกระกระแสน้ำค่อนข้างไหลเชี่ยว รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ ส่วนรถขนาดใหญ่ต้องใช้ความระมัดระวัง

  โดยนายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ ได้สั่งการให้ผู้นำท้องถิ่น ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ ตร.สภ.ทองผาภูมิ เจ้าหน้าที่ ตชด.135 รวมทั้งเจ้าหน้าที่ ปภ.และจิตอาสา ร่วมกันอำนวยความสะดวกด้านการจราจร โดยเทศบาลตำบลท่าขนุน ได้นำป้ายไปติดตั้งเพื่อแจ้งให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทราบล่วงหน้าว่าก่อนถึงจุดน้ำท่วม ซึ่งจุดดังกล่าวเมื่อถึงฤดูฝนจะถูกน้ำท่วมซ้ำซากเป็นประจำทุกปี

ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ 25 ก.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่าหลังเกิดเหตุน้ำท่วมถนนสายดังกล่าว นายชาคริต ตันพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ ร่วมกับนายชำนาญ แตงจุด หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาด้านการจราจร ด้วยการให้รถขนาดเล็กทั้งขาไปและกลับ ใช้เส้นทางอ้อมเข้าไปทางด้านในของ หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 11 สำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นพค.11) คาดว่าถ้าไม่มีฝนตกลงมาซ้ำอีก ระดับน้ำจะลดลงสู่สภาวะปกติในเร็วๆนี้

แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลางแจ้งว่า ได้ประกาศแจ้งเตือนให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลับพลันน้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม ระหว่างวันที่ 24-31 กรกฎาคม 2567 ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรีเป็น 1 ในจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะอำเภอเมืองกาญจนบุรี อำเภอสังขละบุรี อำเภอทองผาภูมิ อำเภอศรีสวัสดิ์ อำเภอไทรโยค และอำเภอด่านมะขามเตี้ย

ทั้งนี้หากไม่จำเป็นขอให้ประชาชนงดการเดินทางออกไปก่อน แต่ถ้าหากมีความจำเป็นก็ขอให้ตรวจสอบสภาพอากาศทุกครั้งก่อนออกเดินทาง โดยเฉพาะผู้ที่ใช้รถจักรยานยนต์และรถยนต์ขนาดเล็ก และหากพบเห็นเหตุการณ์ น้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก สามารถแจ้งเหตุผ่านทางโทรศัพท์สายด่วน 1784 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากทะลักจากลำห้วยกุยมั่ง เข้าท่วมพุน้ำร้อนหินดาด พร้อมกันทั้ง 5 บ่อ ทางองค์การบริหารส่วนตำบลหินดาด อ.ทองผาภูมิ จึงประกาศปิดให้บริการนักท่องเที่ยวเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติ

ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

พุทธศาสนิกชนร่วมเวียนรอบองค์พระปฐมเจดีย์  เนื่องในวันอาสาฬหบูชา ประจำปี 2567

พุทธศาสนิกชนร่วมกิจกรรมเวียนรอบองค์พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม เนื่องในวันอาสาฬหบูชา ประจำปี 2567

วันที่ 20 กรกฎาคม 2567 ที่บริเวณพระวิหารหลวง องค์พระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย นางวราภรณ์ เจริญศิริโชตินายกเหล่ากาชาดจังหวัด นายยงยุทธ สวนทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ นักเรียน นักศึกษา และพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดนครปฐม ร่วมพิธีแสดงตนเป็นพุทธมามกะ และเวียนเทียนประทักษิณรอบองค์พระปฐมเจดีย์ เนื่องในวันอาสาฬหบูชา ประจำปี 2567 ซึ่งเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระศาสดาเป็นครั้งแรก โดยแสดงปฐมเทศนา ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร ส่งผลให้เกิดพระสงฆ์รูปแรกขึ้นในพระพุทธศาสนา และเป็นวันแรกที่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ครบเป็นองค์พระรัตนตรัย


สำหรับบรรยากาศที่องค์พระปฐมเจดีย์ในวันนี้ พระธรรมวชิรเจติยาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 14 รองเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร ประธานฝ่ายสงฆ์ แสดงปาฐกถาธรรม พร้อมนำพระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนเวียนเทียนประทักษิณรอบองค์พระปฐมเจดีย์ 3 รอบ


ทั้งนี้พุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกสารทิศ เดินทางมาทำบุญเนื่องในวันอาสาฬหบูชา พร้อมสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ขอพรพระร่วงโรจนฤทธิ์ และหลวงพ่อพระศิลาขาว ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ภายในองค์พระปฐมเจดีย์ เพื่อความเป็นสิริมงคลในการทำงานและการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยในวันนี้พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่นิยมเข้าวัดทำบุญ ตักบาตร ฟังเทศน์ เวียนเทียน ปฏิบัติธรรม รักษาศีลให้บริสุทธิ์ ตลอดจน ลด ละ เลิก อบายมุขทั้งปวง เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา


สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ภาพ/ข่าว

จังหวัดนครปฐม จัดโครงการปศุสัตว์ร่วมใจกำจัดภัยโรคพิษสุนัขบ้า

จังหวัดนครปฐม จัดโครงการปศุสัตว์ร่วมใจกำจัดภัยโรคพิษสุนัขบ้า เฉลิมพระเกียรติศาสตราจารย์
ดร.สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การดำเนินโครงการสัตว์ปลอดโรค
คนปลอดภัย ประจำปี 2567

นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม

วันที่ 11 กรกฎาคม 2567 วัดมงคลประชาราม ตำบลคลองโยง อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานเปิดโครงการปศุสัตว์ร่วมใจกำจัดภัยโรคพิษสุนัขบ้า ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การดำเนินโครงการสัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัย จากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธานศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ประจำปี 2567 โดยมีนายอำเภอพุทธมณฑล นายกเทศมนตรีตำบลคลองโยง หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชน ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

นายวรากร จิตรหลัง ปศุสัตว์จังหวัดนครปฐม

นายวรากร จิตรหลัง ปศุสัตว์จังหวัดนครปฐม กล่าวว่า กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำหนดจัดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 4 – 15 กรกฎาคม 2567 เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี อีกทั้งเพิ่มความครอบคลุมในการผ่าตัดทำหมันและฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้กับสุนัขและแมวให้ประชาชน หรือเจ้าของสัตว์ได้รับบริการอย่างทั่วถึง มีความรู้เรื่องโรคพิษสุนัขบ้า สามารถเฝ้าระวัง ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์เลี้ยง และดูแลตนเองให้ปลอดภัยจากโรคได้ รวมถึงการปลูกจิตสำนึก “เลี้ยง รัก รับผิดซอบ ไม่ทอดทิ้ง พาไปฉีดวัคซีน”

สำหรับการจัดโครงการฯ ในครั้งนี้ นอกจากสุนัขและแมวได้รับการผ่าตัดทำหมันแล้ว ยังสามารถควบคุมจำนวนประชากร อีกทั้งลดจำนวนประชากรสัตว์กลุ่มเสี่ยง และได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ส่งผลให้อัตราการพบโรคพิษสุนัขบ้าลดลง และจำนวนผู้เสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้าเป็นศูนย์ ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจเรื่องโรคพิษสุนัขบ้าและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเลี้ยงสุนัขและแมวอย่างถูกวิธี และดูแลตนเองให้ปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า


สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม – ภาพ/ข่าว

นครปฐม. จัดพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม นำข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นิสิตนักศึกษา กลุ่มชาติพันธุ์ ตลอดจนพสกนิกรประชาชนชาวนครปฐม ประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ “สระน้ำจันทร์” โดยมีริ้วขบวนอัญเชิญไปยังองค์พระปฐมเจดีย์อย่างสมพระเกียรติ

วันที่ 4 กรกฎาคม 2567 ที่บริเวณสระน้ำจันทร์ ตำบลสนามจันทร์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์ของจังหวัดนครปฐม โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม หัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ นิสิตนักศึกษา กลุ่มชาติพันธุ์ ตลอดจนพสกนิกรประชาชนชาวนครปฐม และประชาชนจิตอาสาจำนวนมาก เข้าร่วมประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ เพื่อนำไปประกอบพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567


ในการนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้ถวายความเคารพ ถวายดอกไม้ธูปเทียนแพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หลังจากนั้นเดินไปยังโต๊ะบวงสรวงเพื่อจุดธูปเทียนบูชา ประกอบพิธีพลีกรรมตักน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ คือสระน้ำจันทร์ โดยบัณฑิตผู้ทำพิธีบวงสรวง อ่านโองการบวงสรวง เพื่อบูชาเทพยดา เทพารักษ์ผู้ดูแลรักษาสถานที่น้ำศักดิ์สิทธิ์ สระน้ำจันทร์


ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม โปรยข้าวตอกดอกไม้แล้วอ่านคาถาพลีกรรมตักน้ำ จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมเจ้าหน้าที่เชิญขันน้ำสาคร และตักน้ำจากสระน้ำจันทร์ แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ใส่ขันสาคร พร้อมปิดฝาขันน้ำสาคร ห่อด้วยผ้าขาว และผูกริบบิ้นสีขาว
เสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่เชิญขันน้ำสาครและที่ตักน้ำขึ้นรถ เพื่อเคลื่อนขบวนเชิญน้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ไปตามถนนราชดำเนิน หรือ ถนนต้นสน ผ่านถนนหลังพระ ถนนซ้ายพระ เข้าสู่องค์พระปฐมเจดีย์ ทางประตูด้านหน้าพระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ เก็บรักษา ณ พระวิหารหลวง เพื่อประกอบพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ของจังหวัดนครปฐม  ในวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม 2567 เวลา 16.30 น. ต่อไป


สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ภาพ/ข่าว

นครปฐม. ต้อนรับคณะแรลลี่การกุศล ตามรอยพระบาท ร.3 เส้นทางประวัติศาสตร์สู่เพชรบุรี

จังหวัดนครปฐม ต้อนรับคณะแรลลี่การกุศล ตามรอยพระบาท ร.3 เส้นทางประวัติศาสตร์สู่เพชรบุรี โดยมีกิจกรรมปลูกต้นไม้ เพิ่มพื้นที่สีเขียว บริเวณศาลากลางจังหวัดนครปฐม

วันที่ 29 มิถุนายน 2567 ที่บริเวณศาลากลางจังหวัดนครปฐม นายธีรยุทธ์ จันทร์ดิษฐวงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ให้การต้อนรับ พลเอก คงชีพ ตันตระวาณิชย์ ประธานมูลนิธิเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์, พลเอก จรัล กุลละวณิชย์ ประธานเกียรติคุณมูลนิธิเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ, ดร.สันติภาพ เตชะวณิช รองประธานมูลนิธิเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ, หม่อมหลวงพูนแสง สูตะบุตร รองประธานมูลนิธิเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ และคณะแรลลี่การกุศล ตามรอยพระบาท ร.3 เส้นทางประวัติศาสตร์สู่เพชรบุรี โดยมีกิจกรรมปลูกต้นไม้ เพิ่มพื้นที่สีเขียว ภายในศาลากลางจังหวัดนครปฐม ก่อนเดินทางไปจังหวัดราชบุรี และจังหวัดเพชรบุรี

สำหรับกิจกรรมแรลลี่การกุศล ตามรอยพระบาท ร.3 เส้นทางประวัติศาสตร์สู่เพชรบุรี มูลนิธิเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 29-30 มิถุนายน 2567

เพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่ง สนับสนุนการดำเนินงานเพื่อสาธารณประโยชน์ โดยเส้นทางแรลลี่ เริ่มจากวัดบางไผ่ พระอารามหลวง จังหวัดนนทบุรี เข้าสู่จังหวัดนครปฐม เพื่อสักการะพระร่วงโรจนฤทธิ์ ปลูกต้นไม้ภายในศาลากลางจังหวัดนครปฐม จากนั้นเดินทางต่อไปยังสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด (ในพระบรมราชูปถัมภ์) และวัดโขลงสุวรรณคีรี เมืองโบราณคูบัว จังหวัดราชบุรี หลังจากนั้น คณะแรลลี่เดินทางต่อไปยังวัดคงคาราม วรวิหาร จังหวัดเพชรบุรี เพื่อถวายสักการะ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ซึ่งพระองค์ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดคงคาราม วรวิหาร ระหว่างปี 2367 – 2394 ตามที่จารึกไว้หน้าหอสวดมนต์


สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ภาพ/ข่าว

กาญจนบุรี – ภูมิธรรม ลุยเมืองกาญจน์ เปิดงาน “มหกรรมการค้าชายแดน” ดันมูลค่าการค้าชายแดน-ผ่านแดน แตะ 2 ล้านล้านบาท/ปี ในปี 70

กาญจนบุรี – ภูมิธรรม ลุยเมืองกาญจน์ ยกขบวนสินค้าอุปโภค / บริโภคดาวรุ่ง จัด “มหกรรมการค้าชายแดน” ดันมูลค่าการค้าชายแดน-ผ่านแดน แตะ 2 ล้านล้านบาท/ปี ในปี 70

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

วันนี้ 28 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณลานข้าง อบจ.กาญจนบุรี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “มหกรรมการค้าชายแดน ณ จังหวัดกาญจนบุรี” เพื่อกระตุ้นการค้าชายแดน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย ขยายมูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนเป็น 2 ล้านล้านบาท/ปี ในปี 2570 โดยภายในงานมีการแสดงและจำหน่ายสินค้าของไทยและประเทศเพื่อนบ้าน 130 คูหา อาทิ สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเกษตรและผลไม้ และสินค้าจากวิสาหกิจชุมชน

นอกจากนี้ ยังมีสินค้าธงฟ้าราคาประหยัดจากผู้ผลิตโดยตรง รวมทั้งคูหาให้คำปรึกษาด้านการเงินระหว่างประเทศจาก 3 ธนาคาร ประกอบด้วย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ทั้งนี้ ในปี 2566 การค้าชายแดนและผ่านแดนจังหวัดกาญจนบุรี มีมูลค่ารวมกว่าเจ็ดหมื่นล้านบาท มากเป็นอันดับ 2 ของจังหวัดชายแดนไทยด้านเมียนมา

นายภูมิธรรม กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสําคัญที่จะสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านการผลักดันและส่งเสริมการค้าชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน 4 ประเทศ คือ สปป.ลาว มาเลเซีย กัมพูชา และเมียนมา รวมทั้งการค้าผ่านแดนไปยังประเทศที่สาม คือ จีน เวียดนาม และสิงคโปร์ ควบคู่กับการผลักดันการค้าและการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน อันจะนําไปสู่การสร้างรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน

กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ จึงได้จัดมหกรรมการค้าชายแดน ณ จังหวัดเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการค้าและการลงทุนบริเวณชายแดนเชื่อมโยงระหว่างเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรี นับเป็น 1 ใน 3 จังหวัดชายแดนสำคัญ และกระทรวงพาณิชย์ยังได้ให้ความสําคัญกับการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะการลดภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มทางเลือกให้กับประชาชนในการบริโภคสินค้าราคาประหยัด นอกจากสินค้าคุณภาพ และสินค้านวัตกรรมจากหน่วยงานพันธมิตรที่นํามาแสดงและจําหน่ายภายในงานมหกรรมการค้าชายแดน ณ จังหวัดกาญจนบุรีแล้ว ยังมีสินค้าธงฟ้าราคาประหยัดจากผู้ผลิตโดยตรง มาจัดจําหน่ายให้กับพี่น้องประชาชนเลือกซื้ออีกด้วย

“วันนี้โลกเปลี่ยนแปลงเร็วมาก และมีระเบียบการค้าใหม่ๆเข้ามาให้ความสำคัญกับเรื่องโลกร้อน สีเขียว ความยั่งยืน ขอให้ท่านปรับตัวให้ทัน รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์พร้อมช่วยสนับสนุนอย่างเต็มที่ ก่อนหน้านี้ตนได้ไปคุยกับเบอร์สองของอาลีบาบา จะร่วมมือกันในการพัฒนาชุมชน โดย 1 ใน 10 จังหวัดเป้าหมาย มีจังหวัดกาญจนบุรีด้วย ซึ่งอาลีบาบามีประสบการณ์ที่ทำกับแพลตฟอร์ม Taobao นำสินค้าชุมชนขายผ่านอีคอมเมิร์ซทำให้ชุมชนเข้มแข็ง สร้างงานในชุมชนได้ ถ้าสำเร็จจังหวัดกาญจนบุรีจะสร้างมูลค่าการค้าเพิ่มได้ นอกจากนี้ ตนได้คุยกับพารากอน เพื่อเปิดเวทีให้สินค้าในต่างจังหวัดไปโชว์และขายได้เพิ่มขึ้น กระทรวงพาณิชย์จะหาช่องทางให้ ขอให้ท่านสร้างความเข้มแข็ง ใช้อัตลักษณ์ ทำสินค้าคุณภาพดีให้สามารถแข่งขันได้”นายภูมิธรรมกล่าว

งาน “มหกรรมการค้าชายแดน ณ จังหวัดกาญจนบุรี” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-30 มิ.ย.67 โดยกระทรวงพาณิชย์ กรมการค้าต่างประเทศ และหน่วยงานพันธมิตร 14 หน่วยงาน ซึ่งหลังจากนี้จะมีการจัดงานมหกรรมการการค้าชายแดนอีก 1 ครั้ง ณ จังหวัดสงขลา ในช่วงเดือนสิงหาคม 2567 สำหรับพิธีเปิดวันนี้มีนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน นายแพทย์ประวัติ กิจธรรมกูลนิจ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี ว่าที่ร้อยตรีศุภมงคล บูชาถ่ายเทศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ สส.กาญจนบุรี เขต 1 นายชูศักดิ์ แม้นทิม สส.กาญจนบุรี เขต 2 และนายพนม โพธิ์แก้ว สส.กาญจนบุรี เขต 5 ร่วมด้วย

สำหรับข้อมูลการค้าชายแดนและผ่านแดน 5 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.67) มีมูลค่ารวม 750,275 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.88% เฉพาะการส่งออก มีมูลค่า 437,915 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.04% การค้าชายแดน มีมูลค่ารวม 414,038 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.25% การส่งออก มีมูลค่า 257,268 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.96% และการค้าผ่านแดน มีมูลค่ารวม 336,238 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.66% การส่งออก มีมูลค่า 180,647 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.16% สำหรับสินค้าส่งออกสำคัญผ่านการค้าชายแดน อาทิ น้ำมันดีเซล น้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆ น้ำยางข้น เครื่องคอมฯและอุปกรณ์ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์อื่นๆ เครื่องดื่มอื่นๆ เป็นต้น

ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

กาญจนบุรี – หมอหนุ่ย รมช.คมนาคม ประกาศ ปีหน้ามอเตอร์เวย์ M81 เปิดให้บริการเต็มรูปแบบ

กาญจนบุรี – หมอหนุ่ย รมช.คมนาคม ประกาศ ปีหน้ามอเตอร์เวย์ M81 เปิดให้บริการเต็มรูปแบบ

วันนี้ 28 มิ.ย. 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ หรือหมอหนุ่ย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ออกมาโพสต์เฟสบุ๊ก ว่า “อัปเดตทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 81 (มอเตอร์เวย์ M81) บางใหญ่ – กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กิโลเมตร ขณะนี้งานโยธาคืบหน้า 98.525% งานระบบคืบหน้า 49.15%

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ หรือหมอหนุ่ย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

โดยปัจจุบันเปิดให้ทดลองวิ่งฟรี เฉพาะวันศุกร์ เวลา 15.00 น. ถึง วันอาทิตย์ เวลา 21.00 น. เข้าออกได้เฉพาะด่านฯ นครปฐมตะวันตก และด่านฯ กาญจนบุรี สามารถเข้าออกได้ 2 จุด ได้แก่ 1.ด่านฯ นครปฐมตะวันตก ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม และเยื้องสำนักงานขนส่งนครปฐม และ 2.ด่านฯ กาญจนบุรี ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับโรงเรียนบ้านห้วยตะลุง สถานีตำรวจภูธรหนองขาว และวิทยาลัยเทคนิคกาญจนบุรี

ทั้งนี้ ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มียอดรถวิ่งจำนวนทั้งสิ้น 93,667 คัน แบ่งเป็นฝั่งขาออกจากนครปฐม จำนวน 43,651 คัน และฝั่งขาเข้าจากกาญจนบุรี จำนวน 50,016 คัน ซึ่งถือว่าได้รับผลตอบรับจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี

สำหรับมอเตอร์เวย์ M81 (บางใหญ่ – กาญจนบุรี) ได้เร่งดำเนินการก่อสร้างเพื่อให้เส้นทางเชื่อมต่อกันตลอดเส้นทาง และคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการเต็มรูปแบบได้ในปี 2568

ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

นครปฐม ม.ล.ปนัดดา เปิดโครงการ “ภาษาไทย ภาษาเพลง สื่อรักท่าจีน”

ชมรมเรารักแม่น้ำท่าจีนนครปฐม จัดโครงการ “ภาษาไทย ภาษาเพลง สื่อรักท่าจีน” เพื่อปลุกจิตสำนึกให้โรงเรียนและเยาวชนริมแม่น้ำท่าจีน ได้ซึมซับตระหนักรู้ ตระหนักคิด พร้อมร่วมดูแลแม่น้ำท่าจีน

มล.ปนัดดา ดิศกุล สมาชิกวุฒิสภา และอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม

วันที่ 27 มิถุนายา 2567 ที่ห้องประชุม บริษัท โรงเส้นหมี่ชอเฮง จำกัด อ.สามพราน จ.นครปฐม มล.ปนัดดา ดิศกุล สมาชิกวุฒิสภา และอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานเปิดโครงการ “ภาษาไทย ภาษาเพลง สื่อรักท่าจีน” โดยมี นายแพทย์คงเดช ลีโทชวลิต ประธาน ชมรม เรารักแม่น้ำท่าจีน นครปฐม นางพัชรี เรือนอินทร์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม  นางเด่นศิริ ทองนพคุณ เลขาธิการชมรมเรารักแม่น้ำท่าจีนนครปฐม ผู้บริหารบริษัทโรงเส้นหมี่ชอเฮง จำกัด

  พร้อมด้วย สมาชิกชมรม มูลนิธิลุ่มน้ำท่าจีนนครปฐม  องค์กรผู้สนับสนุนการจัดงาน  คณะครูและเยาวชนทุกโรงเรียนที่มาเข้าร่วมโครงการ เพื่อปลุกจิตสำนึกให้โรงเรียนและเยาวชนริมแม่น้ำท่าจีน ได้ซึมซับตระหนักรู้ ตระหนักคิด พร้อมร่วมดูแลแม่น้ำท่าจีน รวมถึงสอนการนำภาษาไทย มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อ แม่น้ำ  และคูคลองสาขา ในการสร้างสื่อเชิงรุกให้ทันต่อ ยุคสมัย ผ่านบทเพลง และภาพประกอบเพลง และนำบทเพลงพร้อมภาพที่สร้าง มาเป็นสื่อในการประกวดในงานวันอนุรักษ์แม่น้ำคูคลองแห่งชาติ  

นายแพทย์คงเดช ลีโทชวลิต ประธาน ชมรม เรารักแม่น้ำท่าจีน นครปฐม กล่าวว่า  ชมรมเรารักแม่น้ำท่าจีนครปฐม ร่วมสร้างเครือข่ายต่างๆตั้งแต่ ปี2541 โดยมุ่งเน้นไปที่โรงเรียนริมแม่น้ำท่าจีนเป็นหลัก  เพื่อให้โรงเรียนเหล่านั้นตระหนักรู้ ตระหนักคิด พร้อมร่วมดูแลแม่น้ำท่าจีนร่วมกับชมรมโดยใช้วิธี แทรกซึก ผ่านการเรียนการสอนในวิชาต่างๆ  และในปี2567 ชมรมจะใช้ วิชาภาษาไทยในการสื่อสารด้าน  ผลิตสื่ออกมาเป็นบทเพลง ในการร่วมอนุรักษ์แม่น้ำคูคลองสื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือ  ด้วยฝีมือของเยาวชนแต่ละโรงเรียน ที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้ 20โรงเรียนๆละ5คน รวม100 คน  เพื่อเคลื่อนไหวให้สังคมโดยรวมตระหนัก รักแม่น้ำท่าจีน คูคลอง ผ่านจากเสียง การสื่อสารของเยาวชนที่จัดทำขึ้น 


สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ภาพ/ข่าว

นครปฐม.ปักธงร่วมต้านยาเสพติดวันต่อต้านยาเสพติดโลก

นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม

ที่หอประชุม ๑๐๐ ปี โรงเรียนราชินีบูรณะ นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครปฐม เป็นประธานในพิธีเปิดงานเนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก ประจำปี 2567 “ รวมพลังไทย สร้างครอบครัว ชุมชนอุ่นใจ พ้นภัยยาเสพติด เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหาราชา“

ซึ่งจัดโดยสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครปฐม ร่วมกับจังหวัดนครปฐม หน่วยงานการศึกษา และโรงเรียนราชินีบูรณะ โดยมีนายยงยุทธ สวนทอง, นางสาวอโรชา นันทมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ผู้นำชุมชน ผู้บริหารสถานศึกษา คณะครูและนักเรียนเข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก โดยก่อนเข้าสู่พิธีการ ว่าที่ร้อยตรีมนตร์เมืองใต้ รอดอยู่ ผู้อำนวยการโรงเรียนราชินีบูรณะ ประธานเครือข่ายส่งเสริมประสิทธิภาพการจัดการมัธยมศึกษาจังหวัดนครปฐมได้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมพิธี ต่อด้วยการแสดงจินตลีลาเทิดพระเกียรติ “ในหลวงรัชกาลที่ 10” และการแสดงจากนักเรียนกิจกรรม To be number one โรงเรียนราชินีบูรณะ และโรงเรียนวัดกงลาด จากนั้นประธานในพิธีได้เปิดกรวยถวายราชสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นายพัฒนพงษ์ สร้อยอินทรากุล ปลัดจังหวัดนครปฐม กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรม ต่อด้วยประธานในพิธีอ่านสารของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก นำกล่าวประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านยาเสพติด และมอบธงขาวต่อต้านยาเสพติดให้แก่หน่วยงานการศึกษา องค์กรท้องถิ่น ผู้แทนผู้ปกครอง และผู้แทนนักเรียนเพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในการร่วมกันต่อต้านยาเสพติด

จากนั้นประธานในพิธีมอบเกียรติบัตรให้แก่ผู้สนับสนุนการจัดงาน รวมทั้งผู้อำนวยการสถานศึกษา และครูผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด โครงการสถานศึกษาสีขาวปลอดปลอดยาเสพติดและอบายมุข ระดับเงิน ประจำปีการศึกษา 2566 ส่วนช่วงท้ายของพิธีการ ประธานในพิธีได้เยี่ยมชมนิทรรศการกองทุนแม่ของแผ่นดิน โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครปฐม และนิทรรศการของโรงเรียนที่ได้รับรางวัลสถานศึกษาสีขาว ปลอดยาเสพติดและอบายมุข ระดับเพชร ประกอบด้วยโรงเรียนราชินีบูรณะ โรงเรียนวัดสองห้อง โรงเรียนวัดไร่แตงทอง และโรงเรียนวัดเกาะวังไทร ตามลำดับ

ขอบคุณภาพ-ข่าว ทวีพล หลิมชัยสุวรรณ “ฅนข่าวนครปฐม”

ร.ร.ยอแซฟอุปถัมภ์ แถลงจัดคอนเสิร์ตการกุศลครบ 60 ปี การเติบโต เพื่อร่วมพัฒนาสังคม

โรงเรียนยอแซฟอุปถัมภ์ จัดแถลงข่าว คอนเสิร์ตการกุศลฉลองครบรอบ60 ปี ในงาน JOSEPH CONCERT 60th Anniversary of The growth for a Better Society ครบรอบ 60 ปี การเติบโตเพื่อร่วมพัฒนาสังคม

วันที่ 26 มิถุนายน 2567 เวลา 13.00 ที่ ห้องประชุมยอห์นที่ 23 โรงเรียนยอแซฟอุปถัมภ์ นำโดย บาทหลวงสุชาติ อุดมสิทธิพัฒนา ผู้อำนวยการโรงเรียนยอแซฟอุปถัมภ์ อ.สามพราน นครปฐม และ คณะกรรมการบริหารการจัดงานได้จัดแถลงข่าวคอนเสิร์ตการกุศลฉลองครบรอบ60 ปี ในงาน JOSEPH CONCERT 60th Anniversary of The growth for a Better Society ครบรอบ 60 ปี การเติบโตเพื่อร่วมพัฒนาสังคม

โดยจะจัดในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 เวลา 16.00-22.00 ณ สนามฟุตบอลใหญ่ในงานพบกับ 6 ศิลปินดังที่จะมาร่วมงาน นำโดยศิลปินรับเชิญ วง Soulnist จากค่าย wake music ศิษย์เก่ายอแซฟรุ่น 49 monica และ firzter จากค่าย gmm music และศิลปินขวัญใจยอดนิยม นำโดย TATTOOCOLOUR จากค่าย Smallroom THREE MAN DOWN จากค่าย gmm music และ SLOT MACHINE จากค่าย TERO MUSIC

จึงขอเชิญชวน นักเรียน ศิษย์เก่า ท่านผู้ปกครอง และผู้ที่สนใจ ซื้อบัตรได้แล้ววันนี้ บัตรราคา 899 บาท สอบถามเพิ่มเติมโทร 0623124782 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม ที่ เฟสบุค JOSEPH CONCERT และ TIKTOK JOSEPH CONCERT

นอกจากนี้ในโอกาสพิเศษทางโรงเรียนยังมีกิจกรรมอื่นๆ เพิ่มเติมในโอกาสการเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี โรงเรียน เช่น การแข่งขันทักษะและความสามารถทางวิชาการ การแข่งขันกีฬา พิธีกรรมทางศาสนา และ การจัดทำของที่ระลึกครบรอบ ในโอกาสครบรอบ 60 ปี โรงเรียน ติดตามรายละเอียดข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ เฟสบุค JSUPTHAM

บาทหลวง สุชาติ อุดมสิทธิพัฒนา ผู้อำนวยการโรงเรียนยอแซฟอุปถัมภ์ สามพราน นครปฐม เผยว่าทางโรเรียนได้มีการจัดกิจกรรมเพื่อการเฉลิมฉลองในหลายด้าน โดยมีการจัดกิจกรรมทางด้านวิชาการและการจัดคอนเสิร์จการกุศลเพื่อนำรายได้ไปพัฒนาทางด้านการเรียนรู้และอบรมในยุคปัจจุบัน ซึ่งมีศิลปินหลายวงที่ได้มีการเข้ามาร่วมกิจกรรมทางการศึกษา ให้มีคุณภาพมากขึ้น

นายอนุชา สะสมทรัพย์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ลงพื้นที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง

นายอนุชา สะสมทรัพย์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และ ส.ส.นครปฐมเขต 5 ลงพื้นที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง

นายอนุชา สะสมทรัพย์  รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ส.ส.นครปฐมเขต 5 (เสื้อดำ)

วันที่ 26 มิถุนายน 2567 ที่พื้นที่ ตำบลท่าพระยา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม  นายอนุชา สะสมทรัพย์  รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ส.ส.นครปฐมเขต 5 ได้ลงพื้นที่ อบต.ท่าพระยา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม โดยมีนายนิกร ระวังงาม นายก องค์การบริหารส่วนตำบลท่าพระยา ได้ให้การต้อนรับและร่วมมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคให้แก่ผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่ อบต.ท่าพระยา  โดยการตรวจเยี่ยมครั้งนี้ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารสยามชัยหาดทรายขาว ได้ร่วมให้การต้อนรับด้วย
  

นายอนุชา สะสมทรัพย์ ส.ส.นครปฐม เขต 5 และรองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณท่านนายกนิกร ระวังงาม นายก อบต.ท่าพระยา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมคุณวุฒิชัย บุสดี คุณสายเชีย วงษ์วิโรจน์  ผู้บริหารสยามชัยหาดทรายขาว ที่มาประกอบธุรกิจอยู่ในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับและลงพื้นที่ด้วยกัน ทางเราจะติดตามดูแลผู้ป่วยติดเตียงกันอย่างต่อเนื่องครับ

นครปฐม.ประชุมเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัย ปี 2567

จังหวัดนครปฐม ประชุมเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัย ปี 2567

นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม

วันที่ 24 มิถุนายน 2567 ที่ห้องประชุมพิมานปฐม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครปฐม นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย นายธีรยุทธ์ จันทร์ดิษฐวงษ์ นายยงยุทธ สวนทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดนครปฐม (อุทกภัย) ปี 2567 เพื่อติดตาม ประเมิน และวิเคราะห์สถานการณ์อุทกภัย ได้แก่ การติดตามสภาพภูมิอากาศ สถานการณ์น้ำ และการบริหารจัดการน้ำ

ซึ่งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครปฐม ได้ติดตามความคาดหมายลักษณะอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ช่วงเดือนกรกฎาคม ถึงเดือนกันยายน 2567 บริเวณประเทศไทยจะมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และหนักมากในบางแห่ง ซึ่งจะก่อให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก รวมถึงล้นตลิ่งในหลายพื้นที่ ช่วงเดือนสิงหาคม กันยายน และตุลาคม เป็นช่วงที่มีฝนตกชุกหนาแน่นที่สุด และมีโอกาสสูงที่จะมีพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนผ่านบริเวณประเทศไทย


จังหวัดนครปฐม ได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดนครปฐม (อุทกภัย) ปี 2567 เพื่อเป็นศูนย์ควบคุม สั่งการ และอำนวยการหลัก ในการระดมสรรพกำลัง และประสานการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานต่างๆ ให้พร้อมเผชิญเหตุในพื้นที่จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้น
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้สั่งการให้โครงการชลประทานนครปฐม จัดทำผังเส้นทางระบายน้ำให้ชัดเจน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมอบหมายผู้รับผิดชอบ พร้อมเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อประสานงานได้ทันท่วงที

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ภาพ/ข่าว

รมช.กระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ตรวจโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน ช่วงนครปฐม – ชุมพร

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ตรวจราชการโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน ช่วงนครปฐม – ชุมพร และทดสอบการเดินขบวนรถพิเศษท่องเที่ยว SRT ROYAL BLOSSOM เพื่อช่วยเสริมศักยภาพในการเดินทางและการท่องเที่ยวในประเทศ

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

วันที่ 14 มิถุนายน 2567 ที่สถานีรถไฟนครปฐม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน ช่วงนครปฐม – ชุมพร และทดสอบการเดินขบวนรถพิเศษท่องเที่ยว SRT ROYAL BLOSSOM ระหว่างวันที่ 14-15 มิถุนายน 2567

โดยมี นายธีรยุทธ์ จันทร์ดิษฐวงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับ โดยลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างหน้าโครงการก่อสร้างทางคู่ สัญญาที่ 1 ช่วงนครปฐม – หนองปลาไหล ก่อนเดินทางไปยังสถานีรถไฟหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขัน์ และจังหวัดชุมพร ตามลำดับ เพื่อร่วมตรวจเยี่ยมสถานีรถไฟหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้รับมอบขบวนรถโดยสารชนิดนั่งปรับอากาศ Hamanasu (ฮามานะสุ) จากบริษัท Hokkaido Railway Company (JR Hokkaido) ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 10 คัน ซึ่งได้ดำเนินการปรับปรุงตู้โดยสารชุดแรกจำนวน 5 คัน ภายใต้ชื่อ SRT Royal Blossom เพื่อช่วยเสริมศักยภาพในการเดินทางและการท่องเที่ยวในประเทศ

ชมคลิปข่าว  https://drive.google.com/file/d/1Pniw7-gp-Y41T7Ln6qLnpdPRIF2QOjHq/view?usp=drive_link


สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม – ภาพ/ข่าว

นครปฐม. จัดพิธีรับมอบกล้าไม้ ตามโครงการ 72 ล้านต้น พลิกฟื้นผืนป่า เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

จังหวัดนครปฐม จัดพิธีรับมอบกล้าไม้ ตามโครงการ 72 ล้านต้น พลิกฟื้นผืนป่า เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

วันที่ 14 มิถุนายน 2567 ที่ห้องประชุมอภิรมย์ฤดี ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนครปฐม นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานเปิดโครงการ 72 ล้านต้น พลิกฟื้นผืนป่า เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พร้อมมอบกล้าไม้ ต้นรวงผึ้ง ให้แก่ส่วนราชการ จำนวน 26 หน่วยงาน


โดย นายโกสิทธิ์ นิลรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้จัดทำโครงการ 72 ล้านต้นพลิกฟื้นผืนป่าเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

เพื่อเป็นการฟื้นฟูและรักษาสภาพป่าต้นน้ำ รวมถึงการคืนสภาพโครงสร้างของระบบนิเวศให้กับผืนป่าทั่วประเทศ โดยจัดทำโครงการเพื่อรวมพลังจิตอาสาของทุกภาคส่วนในการร่วมกันปลูกป่า และบำรุงรักษาต้นไม้เพื่อคืนธรรมชาติให้มีความอุดมสมบูรณ์ คืนอากาศสะอาดให้กับประชาชน โดยตั้งเป้าหมายจำนวนทั้งสิ้น 72 ล้านต้น พร้อมทั้งบำรุงรักษาต้นไม้ให้เจริญเติบโตงอกงาม อันเป็นการถวายความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ


สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม – ภาพ/ข่าว

โรงพยาบาลระนองออกหน่วยตรวจสุขภาพเชิงรุกแก่ผู้ประกันตนฯ

โรงพยาบาลระนองออกหน่วยตรวจสุขภาพเชิงรุกแก่ผู้ประกันตนภายใต้โครงการส่งเสริมสุขภาพ


เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.67 นายแพทย์นิคม มะลิทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลระนอง ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มงานอาชีวเวชกรรมและเจ้าหน้าที่ ห้องบัตรออกหน่วยตรวจสุขภาพเชิงรุกแก่ผู้ประกันตน

ภายใต้โครงการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเชิงรุกโดยบูรณาการร่วมกับสำนักงานประกันสังคมจังหวัดระนอง ณ บริษัท ไถ่เชียงระนอง จำกัด

นำทีมโดยนายวรฉัตร คงเทียมหัวหน้างานอาชีวเวชกรรมโรงพยาบาลระนอง นางสาวสุภาพร แก้วกอง พยาบาลวิชาชีพ
ผู้เข้ารับบริการตรวจสุขภาพ ซึ่งมีแรงงานไทยและแรงงานสัญชาติ เมียนมาร์ จำนวนทั้งสิ้น 70 ราย

ภาพ-ข่าว ประพฤติ อรรฆธน

กาญจนบุรี – ลงนามข้อตกลงระหว่างมูลนิธิฯ แพทย์ฉุกเฉิน กับ คริตจักรแห่งพระเยซูคริตส์ฯ

กาญจนบุรี – ลงนามข้อตกลงระหว่างมูลนิธิฯ แพทย์ฉุกเฉิน กับ คริตจักรแห่งพระเยซูคริตส์ฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ผ่านมาได้มีพิธีลงนามข้อตกลง ระหว่าง มูลนิธิแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กับ คริสตจักรแห่งพระเยซูคริสต์วิสุทธิชนยุคสุดท้ายในเรื่องการสนับสนุนหุ่นฝึกการทำ CPR ให้กับศูนย์ฝึกอบรมการทำ CPR ที่มีอยู่ทั่วประเทศจำนวน 8 ศูนย์

โดยมี ดร.นายแพทย์ พรเทพ ศิริวรนารังสรรค์ ประธานกรรมการ มูลนิธิแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติในพระราชูปถัมภ์ นาย กุลศักดิ์ โชติยะปุตตะ ประธานมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์และ กรรมการมูลนิธิแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติในพระราชูปถัมภ์ ร่วมรับมอบหุ่นฝึกและได้ทำการมอบหุ่นฝึก CPR ให้กับหัวหน้าศูนย์ฝึกอบรม จำนวน 8 ศูนย์ที่กระจายอยู่ตามภูมิภาคต่างๆของประเทศไทย ณ ห้องประชุมสัตตบงกช อาคารพัฒนาบุคลากรการแพทย์ฉุกเฉิน สถาบันการแพทย์แห่งชาติ

ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

นครปฐม.จัดใหญ่ประกวดสักลายปี 4 ภายใต้คอนเซ็ป ”บัวสี่เหล่า”


นครปฐมจัดใหญ่ประกวดสักลายปี 4 ภายใต้คอนเซ็ป ”บัวสี่เหล่า”

นางสาวสุชาสินี สอดสุข ประธานชมรมช่างสัก (Tattoo) นครปฐม


นางสาวสุชาสินี สอดสุข ประธานชมรมช่างสัก (Tattoo) นครปฐม ในนามผู้จัดงานประกวดรอยสัก จังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า วันที่ 22-23 มิถุนายน 67 นี้ ชมรมช่างสักนครปฐม จะเป็นเจ้าภาพจัดประกวดรอยสักขึ้นที่ ห้องสวัสดี โรงแรมริเวอร์ จ.นครปฐม ซึ่งจัดเป็นปีที่ 4 งานนี้จะมีช่างสักทั้งไทย และช่างสักนานาชาติ เข้าร่วมการแข่งขันในปีนี้การจัดงานประกวด ในภายใต้คอนเซ็ป “บัวสี่เหล่า”

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการส่งเสริม อาชีพช่างสักภายในจังหวัดนครปฐม และช่างสักทั่วไทย มีการเพิ่มทักษะและการเรียนรู้ สุขอนามัยของการทำงานที่ถูกต้อง อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในจังหวัด เพราะนอกเหนือจากช่างสักไทยที่เข้ามาร่วมงานประกวดแล้ว ยังมีช่างสักนานาชาติ เช่น เวียดนาม พม่า เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ออสเตเลีย และชาติอื่นๆ ซึ่งตอนนี้ทางผู้จัดได้นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ภายในจังหวัดนครปฐม ให้ช่างชาวต่างชาติได้รับทราบล่วงหน้าไปบ้างแล้ว

สำหรับในงานนี้ มีจำนวนบูธที่มาร่วมลงในงานกว่า 80 บูธ รวมเฉพาะช่างสักที่จะมาร่วมโชว์ฝีมือประมาณกว่า 170 คน มีทั้งช่างไทย และนานาชาติไม่รวมผู้ติดตาม และกรรมการ สำหรับรวมงานนี้ทั้งผู้ติดตามและกรรมการตัดสินที่เข้ามาร่วมงานน่าจะประมาณ 300-500 คน ที่มาร่วมงาน

ขอบคุณภาพ-ข่าว.ทวีพล ‘ฅนข่าวนครปฐม’

รมต.ว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯเปิดโครงการมหกรรมผู้สูงอายุฯ นครปฐม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดงานมหกรรมผู้สูงอายุ สร้างพฤฒพลังเครือข่ายผู้สูงอายุ  เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

วันที่ 13 มิถุนายน 2567 ที่บริเวณลานหน้าพระร่วงโรจนฤทธิ์องค์พระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานเปิดงานมหกรรมผู้สูงอายุ สร้างพฤฒพลังเครือข่ายผู้สูงอายุ  เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม

โดยมี นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม นายอนุชา สะสมทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม ผู้บริหารกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น ตลอดจน อสม. และประชาชน ร่วมโครงการในครั้งนี้ เพื่อให้ผู้สูงอายุได้เสริมสร้างมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี ตลอดจนกระตุ้นให้ประชาชนและสังคมตระหนักถึงความสำคัญของสถาบันครอบครัว และตระหนักถึงความสำคัญของผู้สูงอายุ

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์


นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยเป็นสังคมสูงอายุ  จึงมีความจำเป็นในการสร้างกิจกรรมทางกายภาพ กิจกรรมฝึกสมองให้ผู้สูงอายุ เพื่อช่วยชะลอความเสื่อมโทรมของร่างกายและสมอง รวมถึงการเตรียมตัวเข้าสภาวะสังคมสูงอายุนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ เช่นการให้ความรู้ การออม การปรับปรุงที่พักอาศัย และการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี ทั้งนี้กระทรวง พม.หวังว่าจังหวัดอื่นก็จะมีกิจกรรมที่ให้ความสำคัญกับผู้สูงอายุแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมพัฒนาทั้งทางกายและดูแลสภาพจิตใจผู้สูงอายุ ดังนั้นการที่จะต้องดูแลตัวเองและคนที่เรารักเป็นหัวใจสำคัญ และการที่สังคมไทยกลายเป็นสังคมสูงอายุ แปลว่าทุกคนต้องหันมาใส่ใจกับผู้สูงอายุ และขอเป็นกำลังใจให้ผู้สูงอายุทุกท่านมีช่วงสูงวัยที่มีความสุขทั้งกายและใจ ทั้งนี้ชาว พม.ทุกคนจะเป็นกำลังสำคัญในการช่วยดูแลทุกท่านตลอดไป

นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายกอง์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม

  นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายกอง์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า จากการคาดประมาณประชากรของประเทศไทย ปี 2553 – 2583 ของสำนักคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช. โดยใช้ข้อมูลสำมะโนประชากรและเคหะ พ.ศ. 2553 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติเป็นฐานในการประมาณ พบว่า ในปี 2583 ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปสูงถึง 20.5 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 32 ของจำนวนประชากรไทยทั้งหมด แต่จะมีประชากรวัยแรงงานเพียง 35.18 ล้านคน เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2553 ที่มีประชากรวัยแรงงานจำนวน 42.74 ล้านคน หรือลดลง 7.6 ล้านคน โครงสร้างประชากรไทยที่เข้าสู่สังคมสูงอายุจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ เนื่องจากการลดลงของจำนวนและสัดส่วนของประชากรวัยแรงงานกระทบกับศักยภาพการผลิต นอกจากนี้ ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ยังขาดการพัฒนาทักษะทั้งในการทำงานและการดำรงชีวิตในสังคมให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ผู้สูงอายุไทยร้อยละ 95 มีความเจ็บป่วยด้วยโรคหรือปัญหาสุขภาพ เช่น โรคความดันโลหิตสูง (ร้อยละ 1) และผู้ป่วยนอนติดเตียง (ร้อยละ 1) ขณะที่มีเพียงร้อยละ 5 ที่ไม่มีโรคหรือปัญหาสุขภาพ

ทั้งนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม ได้บูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วนทั้งภาคราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานเอกชน และองค์กรภาคประชาชน ที่มีภารกิจสอดคล้องต้องกันในการดูแลผู้สูงอายุทั้งในด้านพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านต่างๆ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุและพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ

โดยกำหนดจัดโครงการมหกรรมสุขภาพผู้สูงอายุ สร้างพฤฒพลังเครือข่ายผู้สูงอายุจังหวัดนครปฐม เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ระหว่างวันที่ 13 – 14 มิถุนายน 2567 ตั้งแต่เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป ณ บริเวณลานหน้าพระร่วงโรจนฤทธิ์ องค์พระปฐมเจดีย์ ซึ่งมีกิจกรรมประกอบด้วย การแจกแว่นตาสำหรับผู้สูงอายุ ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ นิทรรศการและกิจกรรมต่างๆ บริการตรวจสุขภาพผู้สูงอายุ คลินิกโรคทั่วไป คลินิกกระดูกและข้อ คลินิกจักษุ คลินิกทันตกรรม คลินิกแพทย์แผนไทย ฯลฯ ประกวดผู้สูงอายุสุขภาพดี ประกวดเต้นบาสโลบ และประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง ลูกกรุง ของผู้สูงอายุ โดยมีเป้าหมายคือการพัฒนาส่งเสริมให้ผู้สูงอายุในทุกระดับได้เข้ามามีส่วนร่วมและได้รับการพัฒนาศักยภาพเพื่อให้สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความรู้และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในสังคมผู้สูงอายุ


สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม – ภาพ/ข่าว

นายก อบจ.นครปฐม แถลงจัดงานมหกรรมสุขภาพผู้สูงอายุเฉลิมพระเกียรติฯ One stop service ให้บริการฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

นายกหนึ่ง อบจ.นครปฐม แถลงจัดงานมหกรรมสุขภาพผู้สูงอายุเฉลิมพระเกียรติฯ One stop service ให้บริการฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

วันที่ 12 มิถุนายน 67 ที่ห้องประชุมชั้น 3 องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมมือกับ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐม เหล่ากาขาดจังหวัดนครปฐม พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครปฐม ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคจังหวัดนครปฐม
องค์การบริหารส่วนตำบลบางแก้ว อ.นครชัยศรี มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์


มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม มหาวิทยาลัยคริสเตียน สำนักงานจัดหางานจังหวัดนครปฐม โรงพยาบาลนครปฐม โรงพยาบาลหลวงพ่อเปิ่น โรงพยาบาลกรุงเทพสนามจันทร์ โรงพยาบาลเทพากร โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียนนครปฐม เครือข่ายชมรมผู้สูงอายุอำเภอเมืองนครปฐม
เครือข่ายชมรมผู้สูงอายุอำเภอกำแพงแสน สมาคมผู้สูงอายุอำเภอสามพราน เครือข่ายชมรมผู้สูงอายุอำเภอบางเลน เครือข่ายชมรมผู้สูงอายุอำเภอพุทธมณฑล เครือข่ายชมรมผู้สูงอายุอำเภอนครชัยศรี เครือข่ายชมรมผู้สูงอายุอำเภอดอนตูม และบริษัท PSV เวอรชู จำกัด ในการร่วมจัดมหกรรมสุขภาพผู้สูงอายุสร้างพฤฒพลังเครือข่ายผู้สูงอายุจังหวัดนครปฐม เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 

นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ กล่าวว่าจากสถานการณ์ปัจจุบัน นครปฐมก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม จึงเห็นถึงความสำคัญ เรื่องของสุขภาพ และการเป็นอยู่ ของผู้สูงอายุ จึงจัดงานมหกรรมสุขภาพผู้สูงอายุ ขึ้นระหว่างวันที่ 13-14 มิถุนายน 2567 เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุ ผู้พิการได้รับการบริการการตรวจสุขภาพแบบครบวงจร ตลอดจนส่งเสริมให้ผู้สูงอายุ ผู้พิการมีสุขภาพอนามัยที่ดีขึ้น โดยภายในงานมีกิจกรรมล้วนเกี่ยวกับผู้สูงอายุทั้งสิ้น ประกอบด้วย คลินิกตรวจสุขภาพ 9 ด้าน คลินิกทัตกรรม ให้บริการถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน เป็นต้น หากมีเคสที่มีความจำเป็นจะต้องส่งโรงพยาบาล ทาง อบจ.นครปฐม จะอำนวยความสะดวกทำเรื่องส่งต่อไปยังโรงพยาบาลให้ทันที นอกจากนั้นยังมีคลินิกกายภาพ คลินิกแพทย์แผนไทย บริการแช่เท้าด้วยน้ำสมุนไพร ตลอดจนบริการตรวจวัดสายตา พร้อมแว่นตาฟรี หากพบเคสที่มีความจำเป็นในการผ่าตัดจะทำเรื่องส่งต่อไปยังโรงพยาบาลต่อไป

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมอื่นๆ เช่นการประกวดร้องเพลงผู้สูงอายุ การประกวดบาสโลบ ศึ่งไม่ใช่จะมาแข่งขันกันเอาจริงเอาจัง เป็นกุสโลบาย ให้ผู้สูงอายุมาออกกำลังกายสนุกสนาน สันทนาการ รวมถึงการออกบูธแบบ One stop service ของกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดนครปฐม โดยร่วมกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครปฐม เปิดรับลงทะเบียนพร้อมตรวจสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ ผู้พิการ

โดยมีทีมแพทย์ตรวจประเมินเพื่อรับกายอุปกรณ์ได้ภายในงาน
จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวนครปฐม ไปร่วมรับบริการฟรี และอย่าลืมนำบัตรประชาชนมาด้วย ระหว่างวันที่ 13-14 มิถุนายน 2567 ณ บริเวณลานหน้าพระร่วงโรจนฤทธิ์ องค์พระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม

กาญจนบุรี – รมว.ยธ.เปิด “มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม”  ไกล่เกลี่ยช่วยเหลือผู้เป็นหนี้ “กยศ.” และ “หนี้ครัวเรือน”

กาญจนบุรี – รมว.ยธ.เปิด “มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม” ครั้งที่ 11 จับมือสถาบันการเงินตั้งโต๊ะ ไกล่เกลี่ยช่วยเหลือผู้เป็นหนี้ “กยศ.” และ “หนี้ครัวเรือน” พร้อมกำชับการไกล่เกลี่ยต้องไม่เอาเปรียบลูกหนี้ เป็นธรรมและความยุติธรรม มุ่งให้ประชาชน หลุดพ้นจากวงจรการเป็นหนี้

วันนี้ (9มิ.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมบุษราคัม องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดงาน “มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม” ครั้งที่ 11 และมหกรรมไกล่เกลี่ยช่วยเหลือหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) และหนี้ครัวเรือน ประจำปี 2567 โดยมีนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนามคม นายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย เขต 1 นายพนม โพธิ์แก้ว สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย เขต 5

นางสาวเอมอร เสียงใหญ่ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นายเสกสรร สุขแสง อธิบดีกรมบังคับคดี สถาบันการศึกษา กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาและบริหารสถาบันการเงิน ร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายรณภพ เวียงสิมมา รอง ผวจ.กาญจนบุรี พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี นายแพทย์ประวัติ กิจธรรมกูลนิจ นายก อบจ.กาญจนบุรี รวมทั้งภาครัฐต่างๆ และประชาชนที่เดินทางมาลงทะเบียนเพื่อแก้ปัญหาหนี้สินร่วม 1,000 คน เข้าร่วม

ทั้งนี้ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวภายหลังว่า การจัดงาน “มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม” ครั้งที่11และมหกรรมไกล่เกลี่ยช่วยเหลือหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) และหนี้ครัวเรือนในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 11 โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และกรมบังคับคดี พร้อมด้วย สถาบันการศึกษา กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา และสถาบันการเงินร่วมกันจัดขึ้น

เพื่อให้ประชาชนที่ประสบปัญหาหนี้สิน ทั้งที่มีคดีก่อนฟ้อง และหลังศาลมีคาพิพากษา ตลอดจนผู้ประสบปัญหาหนี้สินต่างๆ ได้รู้สิทธิตามกฎหมาย เข้าถึงความยุติธรรม รวมถึงสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับการวางแผนและสร้างวินัยทางการเงินให้แก่ประชาชน เพื่อเป็นเกราะป้องกันปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน โดยภายในงาน ประกอบด้วย 3 กิจกรรม คือ 1) การเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย และการสร้างการตระหนักรู้ เกี่ยวกับการวางแผนและสร้างวินัยทางการเงินให้แก่ประชาชน 2) การจัดนิทรรศการประชาสัมพันธ์ ให้คาปรึกษาทางกฎหมายหรือการเงิน 3) การให้บริการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท

ปัจจุบัน หนี้สินครัวเรือน ถือเป็นปัญหาใหญ่ ที่รัฐบาลถือเป็นวาระแห่งชาติ ที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ จากสถานการณ์ประเทศไทยที่กาลังเผชิญภาวะหนี้สินครัวเรือนที่สูงกว่าร้อยละ 90 ของ GDP ถือเป็นความเปราะบางของภาคประชาชนต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงเศรษฐกิจ เนื่องจากหนี้ที่สูง ย่อมส่งผลให้ครัวเรือนมีความสามารถในการใช้จ่ายและลงทุนต่ำ อีกทั้งหากลูกหนี้ไม่สามารถชาระหนี้ได้ พร้อมกันจานวนมาก อาจทาให้เกิดความเสี่ยงต่อเสถียรภาพระบบการเงินได้ในอนาคต

จากวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้น นโยบายแรกที่รัฐบาลได้เร่งดำเนินการ คือ แก้ไขปัญหานี้สินทั้งในภาคเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน โดยรัฐบาลจะลดภาระพี่น้องเกษตรกรด้วยการพักหนี้เกษตรกร ตามเงื่อนไขและคุณสมบัติที่เหมาะสม รวมถึงมาตรการช่วยเหลือประคองภาระหนี้สินและต้นทุนทางการเงิน สาหรับภาคประชาชนที่ครอบคลุมถึงผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด19 ให้ได้มีโอกาสในการฟื้นฟูและกลับมาดำเนินธุรกิจได้อีกครั้ง

นอกจากนี้รัฐบาลจะมีมาตรการในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของกลุ่มอื่นๆ ภายใต้ปรัชญาที่จะไม่ขัดต่อวินัยทางการเงินและไม่ทำให้เกิดภาวะภัยทางจริยธรรม (Moral Hazard) ของผู้มีภาระหนี้สิน ในส่วนมิติของกระบวนการไกล่เกลี่ย คือ การสร้างความยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ การสร้างความปรองดอง การสร้างสันติภาพบนความขัดแย้ง

การจัดงานในวันนี้ จึงถือเป็นงานที่สร้างความยุติธรรมตามความเป็นจริง ตนอยากฝากข้อคิดเรื่องการไกล่เกลี่ยต้องไม่เอาเปรียบลูกหนี้ แต่สิ่งที่ต้องทำ คือ การสร้างความเป็นธรรม ความยุติธรรม และความพึงพอใจให้เกิดขึ้นกับทุกฝ่าย ลูกหนี้ต้องกลับคืนสู่สังคมด้วยความปกติ ด้วยการคืนศักดิ์ศรีให้ลูกหนี้ ในส่วนของการให้ความรู้ด้านกฎหมาย ถือเป็นการติดอาวุธให้กับประชาชนให้ได้รับความรู้ ไม่ต้องถูกเอาเปรียบ ไม่ถูกรังแก มีศักดิ์ศรี ตลอดจนสามารถสร้างสรรค์สังคมและเศรษฐกิจของประเทศให้ดียิ่งขึ้นต่อไป


ด้านนางสาวเอมอร เสียงใหญ่ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวว่า แม้ขณะนี้รายได้ครัวเรือน จะมีแนวโน้มทยอยฟื้นตัวตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่ด้วยภาระหนี้ที่สูง ทำให้ประชาชนจำเป็นต้องนำรายได้ที่เพิ่มขึ้นไปชำระหนี้ที่มีอยู่เดิมก่อน ทำให้ไม่สามารถใช้จ่ายได้อย่างเต็มที่ ซึ่งหากไม่ได้รับการแก้ไข หนี้ครัวเรือน จะเป็นปัจจัยฉุดรั้งการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยได้ในอนาคต

กระบวนการไกล่เกลี่ยหนี้ เป็นหนึ่งในหลักการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนได้อย่างยั่งยืน โดยแนวทางการแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืนจะมี 3 หลักการ คือ ทำครบวงจร ทำให้ตรงจุด และทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ในฐานะหน่วยงานสนับสนุนให้เกิดการไกล่เกลี่ย ตาม พ.ร.บ.การไกล่เกลี่ยภาคประชาชน พ.ศ.2562 ผ่านการดำเนินงานของ ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน ที่มีอยู่ทั่วประเทศ โดยส่งเสริมให้มีการเจรจาหารือกับสถาบันการเงินเจ้าหนี้ ผ่านกระบวนการต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ประสบปัญหาหนี้สินต่างๆ สามารถหลุดพ้นจากวงจรการเป็นหนี้ได้

ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

กาญจนบุรี – ผู้ว่าฯ ประชุมเตรียมจัดการแข่งขันกีฬา “เมืองกาญจน์เกมส์” ครั้งที่ 2/2567

กาญจนบุรี – ผู้ว่าราชการจังหวัดประชุมคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 16 ประจำปี 2567 “เมืองกาญจน์เกมส์” ครั้งที่ 2/2567 เพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพที่ดีของการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้

วันที่ 4 มิถุนายน 2567 ที่ ณ ห้องประชุมแควใหญ่ ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี ร้อยโท ทศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 16 ประจำปี 2567 “เมืองกาญจน์เกมส์” ครั้งที่ 2/2567 พร้อมด้วย นายวุฒิพงษ์ สุภัควนิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายประสิทธิ์ ปิ่มบุญ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกาญจนบุรี คณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาฯ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุมฯ

จังหวัดกาญจนบุรี ได้รับเกียรติจากกรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 16 ประจำปี 2567 “เมืองกาญจน์เกมส์” ในระหว่างวันที่ 18 – 21 มิถุนายน 2567 โดยมีการจัดการแข่งขันและประกวดจำนวน 11 ชนิด ได้แก่ กีฬากรีฑา กีฬากอล์ฟ กีฬาแบดมินตัน กีฬาเปตอง กีฬาวู้ดบอล กีฬาหมากรุกไทย กีฬาตะกร้อ (เซปักตะกร้อ/ตะกร้อเตะทน) การประกวดลีลาศ การประกวดแอโรบิกมวยไทย การประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ (ลูกกรุง/ลูกทุ่ง) และกีฬาเกทบอล

ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีการติดตามความพร้อมในการจัดการแข่งขันกีฬาฯ ของฝ่ายต่าง ๆ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้กล่าวถึง การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาฯ ในครั้งนี้ เราจะต้องมี service mind ในการให้บริการที่ดี ทั้งด้านที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว ความสะดวกสบาย อาหารสะอาด ยกระดับมาตรฐานอาหารสะอาด รสชาติอร่อย หรือ Clean Food Good Taste เน้นมาตรฐานด้านความปลอดภัย รวมถึงฝากให้ผู้ประกอบการด้านต่างๆ คอยดูแลอำนวยความสะดวกให้แก่แขกผู้มาเยือน นักกีฬา นักท่องเที่ยว และให้ทุกภาคส่วนร่วมกันเป็นเจ้าภาพที่ดี อีกทั้งให้ความยุติธรรมในการแข่งขันฯ เพื่อให้เกิดความประทับใจแก่ผู้มาเยือน ทั้งนักกีฬาและนักท่องเที่ยว รวมทั้ง การประชาสัมพันธ์ความหมายของสัญลักษณ์การแข่งขันฯ และมาสคอตของการแข่งขันกีฬาฯ ที่จะสื่อถึงอัตลักษณ์ของจังหวัดกาญจนบุรี ให้ผู้มาเยือนได้รับรู้ต่อไป

สำหรับการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยครั้งที่ 16 ประจำปี 2567 “เมืองกาญจน์เกมส์” จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 18 – 21 มิถุนายน 2567 และพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาฯ ในวันอังคารที่ 18 มิถุนายน 2567 เวลา 17.00 น. ณ สนามกีฬากลางจังหวัดกาญจนบุรี (กลีบบัว) อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี และพิธีปิดการแข่งขันกีฬาฯ ในวันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน 2567 เวลา 15.00 น. ณ อาคารเอนกประสงค์ 4,000 ที่นั่ง สนามกีฬาจังหวัดกาญจนบุรี(กลีบบัว) อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี

ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

นครปฐม. จัดกิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่นธงตราสัญลักษณ์ เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

จังหวัดนครปฐม จัดกิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่นธงตราสัญลักษณ์ เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

วันที่ 4 มิถุนายน 2567 ที่บริเวณพิธีบึงลาดโพธิ์ ตำบลโพรงมะเดื่อ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม รับมอบธงตราสัญลักษณ์เฉลิมพระเกียรติฯ จากจังหวัดราชบุรี นำโดย นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ในกิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่นธงตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมี รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายกเหล่ากาชาดจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ  ข้าราชการและประชาชน ร่วมเคลื่อนขบวนเดิน วิ่ง ปั่นธงตราสัญลักษณ์ เฉลิมพระเกียรติฯ  ออกจากบึงลาดโพธิ์ ไปตามเส้นทางถนนเพชรเกษม ผ่านหน้ามหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ เข้าสู่ถนนราชดำเนิน หรือถนนต้นสน ถึงองค์พระปฐมเจดีย์ รวมระยะทาง 8.5 กิโลเมตร


ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการจัดขึ้น เพื่อให้ทุกภาคส่วนในพื้นที่จังหวัดได้มีส่วนร่วมในการแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการปฏิบัติบูชา โดยน้อมนำแนวทางในเรื่องการดูแลสุขภาพพลานามัยด้วยการออกกำลังกาย โดยกิจกรรมดังกล่าวจะเป็นการเดิน วิ่ง ปั่น ธงตราสัญลักษณ์เฉลิมพระเกียรติฯ เส้นทางละ 72 คัน รวม 10 เส้นทาง ซึ่งจังหวัดนครปฐมอยู่เส้นทางที่ 10  ต้นทางคือ จังหวัดกาญจนบุรี ส่งต่อไปยัง จังหวัดราชบุรี นครปฐม นนทบุรี และกระทรวงมหาดไทยตามลำดับ

สำหรับจังหวัดนครปฐม ได้จัดกิจกรรมเฉลิมฉลองธงตราสัญลักษณ์ ณ ศาลากองอำนวยการ องค์พระปฐมเจดีย์ อีกทั้งนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ การฉายภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย และสารคดีเฉลิมพระเกียรติ ตลอดจนมีการแสดงทางวัฒนธรรม การแสดงพื้นบ้านศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น รำบวงสรวงองค์พระปฐมเจดีย์ การแสดงบาสโลป การแสดงชุดมรดกไทยเทิดไท้องค์ราชัน โดยโรงเรียนเทศบาล 2 วัดเสนหา (สมัครพลผดุง)


จากนั้นในวันที่ 5 มิถุนายน 2567 ประกอบด้วย กิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์และบำเพ็ญสาธารณกุศล บริเวณโดยรอบองค์พระปฐมเจดีย์ การแสดงเฉลิมพระเกียรติ โดยโรงเรียนราชินีบูรณะ การแสดงทางวัฒนธรรมโดยสมาคมผู้สูงอายุในเขตเทศบาลนครนครปฐม การบรรเลงดนตรีบทเพลงพระราชนิพนธ์ โดยโรงเรียน ภ.ป.ร. ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ การแสดงดนตรีลูกทุ่ง โดยโรงเรียนสิรินธรราชวิทยาลัย
หลังจากนั้น ในวันที่ 6 มิถุนายน 2567 ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม นำผู้เชิญธงตราสัญลักษณ์ เคลื่อนขบวนจากศาลากองอำนวยการ องค์พระปฐมเจดีย์ ไปตามเส้นทางถนนเทศา เข้าสู่ถนนเพชรเกษม ไปยังอำเภอนครชัยศรี อำเภอพุทธมณฑล เพื่อส่งมอบให้กับจังหวัดนนทบุรี ณ เทศบาลตำบลศาลากลาง อำเภอบางกรวย ต่อไป

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ภาพ/ข่าว

นครปฐม.จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 99 รูป เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

จังหวัดนครปฐมจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 99 รูป เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2567

นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย นางวราภรณ์ เจริญศิริโชติ นายกเหล่ากาชาดจังหวัด

วันที่ 3 มิถุนายน 25567 ที่บริเวณลานหน้าพระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ องค์พระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย นางวราภรณ์ เจริญศิริโชติ นายกเหล่ากาชาดจังหวัด นางสาวอโรชา นันทมนตรี นายธีรยุทธ์ จันทร์ดิษฐวงษ์ นายยงยุทธ สวนทอง นายอรรถวุฒิ พึ่งเนียม รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวจังหวัดนครปฐมทุกหมู่เหล่า ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง ถวายแด่พระสงฆ์ สามเณร 99 รูป

โดยมีพระธรรมวชิรเจติยาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 14 รองเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร นำพระสงฆ์รับบิณฑบาต เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2567 อีกทั้งเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ตลอดจนเป็นการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการทำกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาร่วมกัน โดยมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ


           สำหรับในวันนี้ จังหวัดนครปฐมได้จัดกิจกรรรมต่างๆ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ประกอบด้วย การจัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาปรับภูมิทัศน์ศูนย์ราชการจังหวัดนครปฐม และพิธีถวายเครื่องราชสักการะ วางพานพุ่ม และพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล ณ บริเวณลานหน้าพระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ องค์พระปฐมเจดีย์ ตั้งแต่เวลา 17.30 น. เป็นต้นไป


สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ภาพ/ข่าว

นครปฐม. ขอเชิญร่วมกิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่น ธงตราสัญลักษณ์ งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ

จังหวัดนครปฐม ขอเชิญเข้าร่วมกิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่น ธงตราสัญลักษณ์ งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ระหว่างวันที่ 4 – 6 มิถุนายน 2567

นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า จังหวัดนครปฐม เตรียมจัดกิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่น ธงตราสัญลักษณ์ งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ  28 กรกฎาคม 2567 ระหว่างวันที่ 4 – 6 มิถุนายน 2567 โดยจะมีกิจกรรมเฉลิมฉลองธงตราสัญลักษณ์ ณ ศาลากองอำนวยการองค์พระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ตั้งแต่วันที่ 4-6 มิถุนายน 2567 ทุกวัน ดังนี้



วันที่ 4 มิถุนายน  2567 เวลา 08.30 น. นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ, เวลา 14.00 น. พิธีเชิญธงตราสัญลักษณ์ ขึ้นบนเวที, เวลา 14.30 น. การแสดงทางวัฒนธรรม การแสดงพื้นบ้านศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น รำวงบวงสรวงองค์พระปฐมเจดีย์  การแสดงบาสโลบ การแสดงชุดมรดกไทย เทิดไท้องค์ราชัน โดย โรงเรียนเทศบาล 2 วัดเสนหา (สมัครพลผดุง), เวลา 15.30 -16.30 น. จัดฉายภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย

วันที่ 5 มิถุนายน 2567 เวลา 08.30 น. นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ, เวลา 09.00 น. จัดฉายภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย  จำนวน 3 รอบ,  เวลา 09.00 น.,10.00 น. และ 11.00 น. , เวลา 09.30 น. กิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ และบำเพ็ญสาธารณกุศล ณ บริเวณรอบองค์พระปฐมเจดีย์, เวลา 13.00 น. การแสดงทางวัฒนธรรม การแสดงพื้นบ้าน ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น  การแสดงเฉลิมพระเกียรติ โดย โรงเรียนราชินีบูรณะ การแสดงทางวัฒนธรรม โดย สมาคมผู้สูงอายุในเขตเทศบาลนครนครปฐม การแสดงดนตรีบทเพลงพระราชนิพนธ์ โดย โรงเรียน ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ การแสดงดนตรีลูกทุ่ง โดย โรงเรียนสิรินธรราชวิทยาลัย

วันที่ 6 มิถุนายน 2566 เวลา 06.30 น. เตรียมเคลื่อนขบวนเพื่อส่งมอบธงให้ จ.นนทบุรี ต่อไป
   
      จังหวัดนครปฐม จึงขอเชิญชวนข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และประชาชน เข้าร่วมกิจกรรมเดิน วิ่ง ปั่น ธงตราสัญลักษณ์ งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ  28 กรกฎาคม 2567 ระหว่างวันที่ 4 – 6 มิถุนายน 2567 อย่างพร้อมเพรียงกัน

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ภาพ/ข่าว

กาญจนบุรี – สั่งเตือนภัย 6 อำเภอ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก-สัตว์มีพิษ หนีน้ำซุกที่นอน

จังหวัดกาญจนบุรี สั่งเตือนภัย 6 อำเภอ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก-สัตว์มีพิษ หนีน้ำซุกที่นอน รองเท้า

นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี

วันที่ 3 มิ.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ผู้อำนวยการจังหวัด กล่าวว่า ด้วยกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลางแจ้งว่า สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศ พบว่ามรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ทำให้มีฝนตกหนักและฝนตกหนักมากบางพื้นที่ บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคกลาง

โดยจังหวัดกาญจนบุรี เป็นจังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง ระหว่างวันที่ 4-11 มิถุนายน 2567 โดยเฉพาะอำเภอเมืองกาญจนบุรี อำเภอสังขละบุรี อำเภอทองผาภูมิ อำเภอศรีสวัสดิ์ อำเภอไทรโยค และอำเภอด่านมะขามเตี้ย รวม 6 อำเภอ

ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ จึงให้ กอปภ.อ. กอปภ.อปท. และหน่วยงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยดำเนินการติดตามสถานการณ์และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า กรณีน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง ให้ติดตามปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่แต่ละจุดอย่างใกล้ชิด

รวมถึงเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักหรือบริเวณฝนสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัยได้ สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะ ถ้ำ น้ำตก ถ้ำลอด หากมีฝนตกหนักมีความเสี่ยงที่จะเกิดภัย ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ ห้ามบุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าว ตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ สามารถแจ้งเหตุผ่านทางโทรศัพท์สายด่วน 1984 หรือแจ้งผ่านไลน์”ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784 โดยดำเนินการเพิ่มเพื่อน Line ID @1784 DDPM ตลอด 24 ชั่วโมง และรายงานการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี ทราบทันทีที่หมายเลขโทรศัพท์ 034-515998 โทรสาร 034-516795 เพื่อรายงานผู้บังคับบัญชาทราบต่อไป

นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า สำหรับปัญหาน้ำท่วมเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีเมื่อถึงฤดูฝน สิ่งที่ประชาชนควรระวังให้มากที่สุดก็คือเรื่องของสัตว์มีพิษ เช่น งู ตะขาบ และแมงป่อง เป็นต้น หากเกิดน้ำท่วมพื้นที่บริเวณโดยรอบ สัตว์มีพิษเหล่าจะนี้อาจจะหนีน้ำเข้ามาอาศัยอยู่ภายในบ้านเรือนของประชาชน ก่อนเข้านอนก็ขอให้ตรวจสอบบนที่นอนให้ดีก่อนว่าสัตว์มีพิษเหล่านี้เข้าไปหลบอยู่หรือไม่ และนอกจากนี้ก่อนสวมใส่รองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าหนังก็ให้ตรวจสอบให้ดีด้วยเช่นกันเพราะบางครั้งสัตว์มีพิษอาจจะเข้าไปอยู่ภายในรองเท้าก็เป็นไปได้ เพราะที่ผ่านมาเคยเป็นข่าวอยู่บ่อยครั้งว่าถูกสัตว์มีพิษกัดอยู่ในรองเท้า

ขณะเดียวกันบ้านเรือนของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ต่ำเคยถูกน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี ก็ขอให้จัดเตรียมกระสอบทรายเอาไว้แต่เนิ่นๆ เมื่อถึงเวลาฉุกเฉินจะทำให้สามารถป้องกันได้อย่างทันท่วงที

ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

นครปฐม. ประชุมร่วมหน่วยงานภาครัฐ -เอกชน แก้ไขปัญหาน้ำท่วมขัง หลังเกิดฝนตกหนัก

รองผู้ว่าฯ นครปฐม ประชุมร่วมหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน แก้ไขปัญหาน้ำท่วมขัง หลังเกิดฝนตกหนัก เมื่อวันที่ 31 พ.ค.67 ที่ผ่านมา


        วันนี้ (1 มิ.ย. 67) เวลา 11.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 2 สำนักงานเทศบาลนครนครปฐม นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม มอบหมายให้ นายธีรยุทธ์ จันทร์ดิษฐวงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ เทศบาลนครนครปฐม สทนช.ภาค 2   ตำรวจภูธรจังหวัด โครงการชลประทานนครปฐม แขวงทางหลวงนครปฐม อำเภอเมืองนครปฐม อำเภอนครชัยศรี อำเภอสามพราน  สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล บิ๊กซีซุปเปอร์สโตร์  ร่วมประชุมหารือการแก้ไขปัญหา สรุปได้ดังนี้

     1.ที่ประชุมรับทราบการแก้ไขปัญหา โดยเทศบาลนครนครปฐม แขวงทางหลวงนครปฐม ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ได้ร่วมกันขุดลอกท่อระบายน้ำก่อนมีสถานการณ์ดังกล่าว และเมื่อเกิดสถานการณ์ก็ได้เร่งดำเนินการระบายน้ำตามแผนการระบายน้ำแล้ว
        ส่วนของตำรวจภูธรจังหวัด เทศบาลนครนครปฐม ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล บิ๊กซีซุปเปอร์สโตร์ ห้างสรรพสินค้าโลตัส ได้ร่วมกันอำนวยความสะดวกด้านการสัญจรแก่ประชาชน ตามข้อสั่งการของผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

     2. ภายหลังการประชุม (เวลา 13.00 -18.00 น.) รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม  นำเจ้าหน้าที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการระบายน้ำ ได้แก่ สทนช.ภาค 2  โครงการชลประทานนครปฐม อำเภอสามพราน สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครปฐม และนายก อบต.บางช้าง ลงพื้นที่สำรวจเส้นทางระบายน้ำ  เพื่อวางแนวทางการระบายน้ำ สรูปได้ 2 แนวทาง ดังนี้

    แนวทางที่ 1 ระบายน้ำลงคลองเจดีย์บูชาและคลองบางแก้ว โดยต้องกำชับให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นเส้นทางผ่านน้ำ เร่งดำเนินการกำจัดผักตบชวา  และสิ่งกีดขวางลำน้ำ เพื่อเพิ่มศักยภาพการระบายน้ำลงสู่แม่น้ำท่าจีนและเนื่องจากปลายน้ำ ณ แม่น้ำท่าจีน ทั้งคลองเจดีย์บูชา และคลองบางแก้ว ระดับน้ำเต็มตลิ่ง ส่งผลให้เกิดการชะลอในการระบายน้ำลงสู่แม่น้ำท่าจีน

    แนวทางที่ 2 ให้เร่งดำเนินการสูบน้ำ ผันน้ำ ทอยน้ำ ไปลงสู่คลองบางระกำ จากตำบลบางแขม ตำบลถนนขาด ตำบลห้วยจรเข้ ผ่านประตูระบายน้ำป่าผี  ลงสู่ช่องทางระบายน้ำ คสล. ตำบลพะเนียด (กว้าง 8 เมตร) ต่อไปยังประตูระบายน้ำบ่อตะกั่ว (กว้าง 4 เมตร) และต่อไปที่ประตูระบายน้ำบางระกำ (กว้าง 4 เมตร) โดยสิ้นสุดที่ประตูระบายน้ำคลองจินดา ซึ่งก่อนถึงประตูระบายน้ำคลองจินดาระยะทางประมาณ 800 เมตร มีสะพานข้ามคลองจินดา สภาพเป็นคอขวด ส่งผลให้ระบายน้ำได้ช้า ทั้งนี้สะพานก่อสร้างไม่เต็มพื้นที่กว้างไม่เต็มลำน้ำ ความกว้างประมาณ 40 เมตร สะพานกว้าง 14 เมตร


         จึงขอให้นายก อบต.บางช้าง และเจ้าหน้าที่โครงการประตูระบายน้ำคลองจินดา ยกบานประตูเร่งระบายน้ำ เนื่องจากปลายคลองจินดาที่ประตูระบายน้ำแห่งนี้ แม่น้ำท่าจีนต่ำกว่าตลิ่งที่ระดับ 1.6 เมตร และกรณีน้ำทะเลหนุนสูงสุดในช่วงนี้ เวลาประมาณ 03.00 น. ณ ตลิ่งแม่น้ำท่าจีนจุดนี้ก็ยังต่ำกว่าระดับตลิ่งถึง 80 ซม. ให้เปิดประตูระบายน้ำตลอดเวลา กรณีน้ำทะเลหนุนระดับน้ำสูงกว่าตลิ่งก็ให้ปิดบานประตูและให้เดินเครื่องสูบน้ำ อัตรา 3 ลบ.ม./วินาที จำนวน 6 เครื่องทันที
         ทั้งนี้ ประตูระบายน้ำป่าผี บ่อตะกั่ว บางระกำ ซึ่งกว้าง 4 เมตร ให้ประสานผู้ถือกุญแจเปิดประตูระบายน้ำด้วย และกำชับให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ทางน้ำไหลผ่านเร่งกำจัดผักตบชวาและสิ่งกีดขวางทางน้ำตามอำนาจหน้าที่ โดยให้นายอำเภอพื้นที่ ได้แก่ อำเภอเมืองนครปฐม อำเภอนครชัยศรี และอำเภอสามพราน กำกับดูแลและรายงานให้จังหวัดทราบ
       อนึ่ง ให้สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม แจ้งข่าวสารสื่อมวลชนทุกช่องทาง สร้างการรับรู้ให้ประชาชนทราบต่อไป

ตร.เมืองนครปฐม แจ้งหลังเหตุฝนตกหนัก ใครเก็บป้ายทะเบียนได้ให้นำมาส่ง และใครหล่นหายให้มาเลือกรับ.จุดเดียวจบที่ สภ.

ตร.เมืองนครปฐม แจ้งหลังเหตุฝนตกหนัก ใครเก็บป้ายทะเบียนได้ให้นำมาส่ง และใครหลุดหายให้มาเลือกรับ.จุดเดียวจบที่ สภ.

วันที่ 1 มิถุนายน 67  ที่ สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.อ.วัชรพัฒน์ กูลรัตน์กิติวงศ์ ผกก.ฝอ.ภ.จว.นครปฐม รรท.ผกก.สภ.เมืองนครปฐม พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร และสายตรวจช่วยกันตรวจสอบตามเส้นทางที่คาดว่าจะมีป้ายทะเบียนรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ของประชาชนตกหล่นในขณะที่ฝนตกหนักกลางดึกเมื่อคืนที่ผานมา ทำให้น้ำท่วมขังสูงนั้น หากใครพบเจอให้เก็บมารวมกันไว้ที่สถานี เพื่อให้เจ้าของมารับป้ายคืน โดยเจ้าของป้ายทะเบียนรถที่หล่นหายสามารถโทรศัพท์ หมายเลข 034-270191 มาสอบถามหมายเลขทะเบียนได้ หากมีป้ายทะเบียนรถยนต์ที่หล่นหาย สามารถนำเอกสาร หรือสำเนารถคันดักล่าวมาขอรับแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์คืนได้เลย หรือหากเจ้าของรถไม่สามารถมาด้วยตนเองได้ ให้ผู้แทนนำเอกสารหรือสำเนามารับได้เลย ณ ห้องประจำวันสถานีตำรวจภูธรเมืองนครปฐม ไม่ยุ่งยากนำเอกสารหรือสำเนามาแสดงจุดเดียวจบ

พ.ต.อ.วัชรพัฒน์ กูลรัตน์กิติวงศ์ กล่าวว่า สภ.เมืองนครปฐม ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร คอยบริการพี่น้องประชาชน ที่ประสบปัญหาน้ำท่วม และจัดทางเลี่ยงเส้นทางที่อาจจะก่อให้เกิดอันตราย และช่วงเวลาเร่งด่วน ได้กำชับให้ตำรวจเข้มงวดกดขันในการจอดรถไม่กีดขวางการจราจร เพื่อเพิ่มช่องทางการระบายรถเพิ่มมากขึ้น

ขอบคุณภาพ-ข่าว ทวีพล “ฅนข่าวนครปฐม”

กาญจนบุรี – ผู้ใหญ่ใจดี มอบข้าวสาร 900 กก.สนับสนุนโครงการอาหารกลางวัน ให้ รร.ช่องสะเดาฯ

เมื่อวันนี้ 28 พ.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวสันต์ สุนจิรัตน์ กำนัน ตำบลช่องสะเดา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน แพทย์ประจำตำบล ร่วมกันเป็นตัวแทนผู้ใหญ่ใจดีคือคุณหนึ่ง เจ้าของเพลินกาล รีสอร์ท นำข้าวสารจำนวน 900 กิโลกรัม ไปมอบให้แก่โรงเรียนบ้านช่องสะเดา (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตอุปถัมภ์ ) หมู่ 1 ต.ช่องสะเดา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี

เพื่อให้ทางโรงเรียนนำไปหุงเป็นอาหารกลางวันให้แก่เด็กนักเรียนในช่วงเปิดเทอม ตามโครงการอาหารกลางวัน เพื่อให้เด็กๆได้รับประทานอาหารกลางวันได้เต็มอิ่มและมีความสุข ซึ่งจะทำให้นักเรียนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เก่งมีความสามารถและเป็นคนดีต่อสังคมในอนาคต

โดยการมอบข้าวสารในวันนี้ นายอำนวย ธรรมรังษี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านช่องสะเดา(การไฟฟ้าฝ่ายผลิตอุปถัมภ์) ได้มอบหมายให้นางวัชรปาณี สืบพิมพาวงศ์ รองผู้อำนวยการโรงเรียนฯ พร้อมเด็กนักเรียนโรงเรียน ร่วมรับมอบ

สำหรับโรงเรียนบ้านช่องสะเดา(การไฟฟ้าฝ่ายผลิตอุปถัมภ์) เป็นโรงเรียนขยายโอกาส สังกัดสำนักนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.)กาญจนบุรี เขต 1 เปิดสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล 1-3 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 และระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 มีนักเรียนรวมกันทั้งหมดประมาณ 380 คน

ภาพ-ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

ศูนย์การเรียนรู้ด้านการปฐมพยาบาลฉุกเฉินและการกู้ชีพขั้นพื้นฐาน มูลนิธิหลวงพ่อสมหวัง หนุนสำนักการศึกษา กทม.อบรมนักเรียน 31,600 คน

ศูนย์การเรียนรู้ด้านการปฐมพยาบาลฉุกเฉินและการกู้ชีพขั้นพื้นฐาน มูลนิธิหลวงพ่อสมหวัง หนุนสำนักการศึกษา กทม.อบรมนักเรียน 31,600 คน

วันที่ 28 พฤษภาคม 67 นายเทิดศักดิ์ นัดสูงวงศ์ ไวยาวัจกร วัดกลางบางพระ เผยว่า พระครูศรีสุตากร เจ้าอาวาสวัดกลางบางพระ ประธานมูลนิธิหลวงพ่อสมหวัง ได้รับเรื่องขออนุญาตให้บุคลากรเป็นวิทยากรอบรมเชิงปฏิบัติการการฝึกทักษะการช่วยเหลือชีวิตเบื้องต้นสำหรับผู้ประสบภัย และการเอาชีวิตรอด จากสำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร ดำเนินโครงการเล่นน้ำได้ ว่ายน้ำเป็น

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครมีทักษะการเอาชีวิตรอดและทักษะว่ายน้ำพื้นฐานหรือช่วยเหลือชีวิตเบื้องต้นจากภัยทางน้ำและเหตุฉุกเฉินในชีวิตประจำวัน และจัดให้มีการอบรมเชิงปฏิบัติการฝึกทักษะการช่วยเหลือชีวิตเบื้องต้นสำหรับผู้ประสบภัยและการเอาชีวิตรอดในนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 31,600 คน แบ่งการอบรม 30 รุ่น รุ่นละ 1วัน ระหว่างวันที่ 23พฤษภาคม – 4 กรกฎาคม 67 ณ โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร หรือสถานที่ ที่เหมาะสม ซึ่งสำนักการศึกษาเห็นว่าหน่วยงานของท่านมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และมีความเชี่ยวชาญโดยตรง จึงขออนุญาตให้ท่านส่งบุคลากร มาเป็นวิทยากรตามโครงการฯ

นายเทิดศักดิ์ กล่าวว่า พระครูศรีสุตากร ประธานมูลนิธิฯ ผู้อำนายการศูนย์การเรียนรู้ด้านการปฐมพยาบาลฉุกเฉินและการกู้ชีพขั้นพื้นฐาน มูลนิธิหลวงพ่อสมหวัง วัดกลางบางพระมอบหมายให้บุคคลากร 9 นาย เป็นทีมวิทยากรออกให้ความรู้ด้านการปฐมพยาบาลฉุกเฉิน การกู้ชีพขั้นพื้นฐาน (CPR. และ AED.)
ให้กับนักเรียนโรงเรียนวัดศรีเอี่ยมอนุสรณ์ โรงเรียนศรีเอี่ยมอนุสรณ์ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร ผู้เข้าอบรมจำนวน 274 ท่าน ตั้งแต่เวลา 08.30-16:30น.และวนไปตามสถานศึกษาที่สำนักการ กรุงเทพมหานคร เตรียมไว้

  ภาพ-ข่าว ทวีพล หลิมชัยสุวรรณ “ฅนข่าวนครปฐม”

กาญจนบุรี.’รวมพลคนกัญชา’ ร้องนายกฯ ค้านการนำกัญชากลับสู่ยาเสพติด

กาญจนบุรี – เครือข่ายวิสาหกิจชุมชน สมาคมกัญชาภูเก็ต เครือข่ายภาคีประชาชน ร้านค้ากัญชาทั่วประเทศและกลุ่มผู้ปลูกกัญชา ร่วมกันเรียกร้องนายกให้ยุติการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ยกเลิกร่าง พ.ร.บ.ปัจจุบัน

วันที่ 28 พ.ค.67 ที่ด้านหน้าองค์การสหประชาชาติ United Nations ถนนราชดำเนิน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร นายวิศารท์ พจน์ประสาท ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนนิคมสมุนไพรสัมพันธ์ตะวันตก นางสาวณัฐธัญรดี ปรีณาภาชัยสิริ รองประธานภาคีเครือข่ายร่าง พรบ.กัญชา กัญชง พ.ศ….ภาคประชาชน CMO Greenwellness Innovation แกนนำกลุ่ม พรบ. กัญชาทางการแพทย์ และ นายปูรณ์วริทธิ์ หวังภัทราวานิชนายกสมาคมกัญชาภูเก็ต นายอร่าม ลิ้มสกุล (ลุงดำ)ผู้เชี่ยวชาญด้านกัญชาและหมอประจำบ้าน ดร.วาทิช ธนาวรัทนนท์ ประธานรุ่น 1กรรมการผู้จัดการGoldenleafThailandพร้อมด้วยนาย อิทธิศักดิ์ เห็นใจชน

ได้ร่วมกันกับนักวิชาการแพทย์แผนไทยแพทย์แผนปัจจุบันรวมถึงภาคีเครือข่ายภาคประชาชนและกลุ่มผู้ค้ากัญชาจากทั่วประเทศกว่า 1,000 คน ได้ทำการยื่นข้อเรียกร้อง และร่าง พรบ.กัญชาภาคประชาชนให้กับนายกรัฐมนตรี พร้อมยื่นข้อเรียกร้อง ลงทะเบียนลงนามผู้คัดค้าน ตามหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์ให้นำกัญชาไปเป็นยาเสพติด แสดงจุดยืนการคัดค้านการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ต่อนายกรัฐมนตรีและกระทรวงสาธารณะสุข โดยข้อเรียกร้องจะประกอบไปด้วย

1.) การขอให้ยกเลิกการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด
2.) ขอให้แก้ไข พรบ. ของการรวบอำนาจ การพิจารณาอนุญาตและข้อกฎหมายของการสอดแทรกการรอนอำนาจหน้าที่ของแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนปัจจุบัน การบังคับด้านการส่งออกที่เลือกปฏิบัติซึ่งจะให้อำนาจหน้าที่กับเจ้าหน้าที่คณะกรรมการอาหารและยาและคณะกรรมการยาเสพติดจนกลายเป็นอำนาจควบคุมเกินจำเป็น
3.) ความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจกว่าสามแสนล้านบาทของพืชเศรษฐกิจที่รัฐบาลและเจ้าหน้าต้องรับผิดชอบ
4.) ความเชื่อมั่นของรัฐบาลกับการใช้กฎหมายอย่างไร้หลักธรรมาภิบาล
5.) ข้อเรียกร้องให้พรรคภูมิใจไทยเสนอตัวเป็นแกนกลางสำหรับการช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวเพราะเป็นนโยบายของพรรคภูมิใจไทยหากเพิกเฉย ภาคีเครือข่ายประชาชนจะยื่นเรื่องยุบพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากการแถลงนโยบายไม่สานต่อให้จบกระบวนการและจะไม่สนับสนุนพรรคนี้อีกต่อไป
6.) ให้นายกรัฐมนตรีทบทวน พรบ. ฉบับนี้และนำร่าง พรบ. กัญชาของประชาชนเข้าสู่วาระการพิจารณา หากข้อเรียกร้องดังกล่าวไม่ได้รับการพิจารณาหรือได้รับการแก้ไขจะกลับมาชุมนุมกันครั้งใหญ่อีกครั้งที่ธรรมเนียบรัฐบาลต่อไป

ภาพ-ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

อบจ.นครปฐม ลงนามบันทึกข้อตกลงการรับเงินกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดนครปฐม

องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วยผู้บริหารท้องถิ่น ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงการรับเงินกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดนครปฐม เพื่อสนับสนุนปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะกึ่งเฉียบพลัน และผู้มีภาวะพึ่งพิงให้มีสุขภาวะที่ดีต่อไป

        วันที่ 29 พฤษภาคม 2567 ที่ห้องประชุมชั้น 3 องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด พร้อมด้วย นายขจรเดช พนคุณชัยกิจ นายกเทศมนตรีตำบลนครชัยศรี นายรุน วิจารณ์ นายกเทศมนตรีตำบลศีรษะทอง นายปรีชา บุญก่ำ นายกเทศมนตรีตำบลดอนยายหอม นายเกรียงไกร อินทรกวี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบัวปากท่า นายเฉลิมพล ซังฮี้ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหินมูล และนางสาวยศณนัญธร ศรีเล็กดี รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลคลองนกกระทุง ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงการรับเงินกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดนครปฐม เพื่อสนับสนุนปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะกึ่งเฉียบพลัน และผู้มีภาวะพึ่งพิงให้มีสุขภาวะที่ดีต่อไป

นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ในฐานะประธานกรรมการกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดนครปฐม

           นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ในฐานะประธานกรรมการกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดนครปฐม  กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่สภาวะสังคมสูงวัย อบจ.นครปฐม ได้เล็งเห็นถึงคงามสำคัญจึงได้ดำเนินงานกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดนครปฐม ตามมติคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดนครปฐม

ในการประชุม ครั้งที่ 5/2567 เมื่อวันจันทร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2567 ได้แก่ โครงการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะกึ่งเฉียบพลัน และผู้มีภาวะพึ่งพิง ประจำปีงบประมาณ 2567 ครั้งที่ 3 จำนวน 5 แห่ง รวมทั้งสิ้น 11 หลัง รวมงบประมาณที่ขออนุมัติทั้งสิ้น 916,514.71 บาท (เก้าแสนหนึ่งหมื่นหกพันห้าร้อยสิบสี่บาทเจ็ดสิบสตางค์) ดังนี้


1.  เทศบาลตำบลนครชัยศรี งบประมาณ 76,000 บาท
2. เทศบาลตำบลศีรษะทอง งบประมาณ 462,000 บาท
3. เทศบาลตำบลดอนยายหอม งบประมาณ 128,424.71  บาท
4. องค์การบริหารส่วนตำบลบัวปากท่า งบประมาณ 199,400 บาท
5. องค์การบริหารส่วนตำบลหินมูล งบประมาณ 50,300 บาท
          โครงการสนับสนุนแพมเพิสสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะพึ่งพิงฯ ขององค์การบริหารส่วนตำบลคลองนกกระทุง จำนวน 7 ราย เป็นเงิน 20,233 บาท
          และโครงการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการฯ
ครั้งที่ 1 จำนวน 19 หลัง งบประมาณทั้งสิ้น 2,316,299.19บาท
ครั้งที่ 2 จำนวน 22 หลัง งบประมาณทั้งสิ้น 2,176,129.01บาท
ครั้งที่ 3จำนวน 11 หลัง งบประมาณทั้งสิ้น 916,514.71 บาท รวมจำนวน 52 หลัง งบประมาณทั้งสิ้น 5,408,942.91 บาท

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม-ข่าว

มรภ.หมู่บ้านจอมบึง จับมือ สส.จ.และ อบจ.ราชบุรี ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ทางวิชาการ เพื่อส่งเสริมพัฒนาทางด้านสาธารณสุขและด้านการศึกษาราชบุรี


มรภ.หมู่บ้านจอมบึง จับมือ สส.จ.ราชบุรี และ อบจ.ราชบุรี ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ทางวิชาการ เพื่อส่งเสริมพัฒนาทางด้านสาธารณสุขและด้านการศึกษาราชบุรี


ผศ.ดร.ชัยฤทธิ์ ศิลาเดช อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงเป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ทางวิชาการระหว่าง มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง กับ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดราชบุรีและองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี โดยนายชิตสกนธ์ รังสีเสริมสุข รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี ตัวแทนนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี นางจิรนาถ บวรธรรมรัตน์ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ ด้านส่งเสริมพัฒนา รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดราชบุรี ตัวแทนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดราชบุรี รศ.ดร.สำราญ สุขแสวง คณบดีวิทยาลัยมวยไทยศึกษาและการแพทย์แผนไทย พร้อมคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย และอาจารย์ประจำวิทยาลัยมวยไทยศึกษาและการแพทย์แผนไทยร่วมพิธี ณ ห้องประชุมเอื้องคำ ชั้น 6 อาคารศูนย์การเรียนรู้ในเมือง มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง (เมืองราชบุรี)

รศ.ดร.สำราญ สุขแสวง คณบดีวิทยาลัยมวยไทยศึกษาและการแพทย์แผนไทยกล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องแต่ละภาคส่วนมีภารกิจที่จะร่วมมือกันส่งเสริมพัฒนาทางด้านสาธารณสุขและด้านการศึกษา เพื่อร่วมกันพัฒนาคุณภาพการสาธารณสุขและการจัดการศึกษาให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติร่วมกันสนับสนุนปัจจัยในการดำเนินกิจกรรม ได้แก่ บุคลากร ห้องปฏิบัติการ สถานที่ฝึกปฏิบัติการและสื่อที่เกี่ยวข้องกับการสาธารณสุข การแพทย์แผนไทยมวยไทยศึกษาและพลศึกษา และอื่นๆ ที่จำเป็นต่อความสำเร็จในการดำเนินกิจกรรม ร่วมกันสนับสนุนการวิจัย นวัตกรรม และการฝึกอบรมทางวิชาการและวิชาชีพในการพัฒนาท้องถิ่น ร่วมกันร่วมกันสนับสนุนภารกิจอื่น ๆ ตามที่ทั้งสามฝ่ายตกลงร่วมกันภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องจะร่วมมือกันและสนับสนุน ส่งเสริมพัฒนาทางด้านสาธารณสุขและด้านการศึกษาแต่ละภาคส่วนจะให้ความร่วมมือ ในการดำเนินงานเพื่อการบรรลุวัตถุประสงค์


ผศ.ดร.ชัยฤทธิ์ ศิลาเดช อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงกล่าวว่า ในการการสร้างบัณฑิตและพัฒนากำลังคนให้เป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม และสมรรถนะที่จำเป็น รองรับสังคมและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ในระดับนานาชาติ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ต้องทำร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมร่วมไปถึงชุมชน ดังนั้น ในการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการครั้งนี้ ระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง กับ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดราชบุรี และองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรีที่จะร่วมมือกันพัฒนาคุณภาพการสาธารณสุข และการจัดการศึกษา ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติต่อไป

ภาพ-ข่าว.รังสี ลิมปิโชติกุล ราชบุรี

กลุ่มชาวบ้าน อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรีพัฒนาพริกกะเหรี่ยงสู่มะม่วงน้ำปลาหวานส่งขายห้างดัง

ราชบุรี – พัฒนาพริกกะเหรี่ยงสู่มะม่วงน้ำปลาหวานส่งขายห้าง กลุ่มชาวบ้าน อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี นำพริกกะเหรี่ยงที่ปลูกในพื้นถิ่น มีคุณลักษณะพิเศษ รสชาติเผ็ดร้อน หอม แตกต่างจากพริกทั่วไป นำมาทำน้ำปลาหวานจิ้มกับผลไม้ ลูกค้าติดใจ มีออเดอร์ส่งขึ้นห้างดังขายทั่วประเทศ

  พื้นที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี อยู่ติดชายแดนไทย – เมียนมา แถบเทือกเขาตะนาวศรี ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง มีชาวบ้านทำมาหากิน ปลูกพืชผัก ผลไม้ ปลอดสารไว้กินเอง เหลือจึงจะขาย โดยเฉพาะมะม่วงมีหลากหลายสายพันธุ์ พอแก่จัดขายไม่ทันก็ร่วงหล่นเกลื่อน ด้วยรสชาติของมะม่วงที่มีทั้งความมัน และอมเปรี้ยว เช่น พันธุ์เขียวเสวย เขียวใหญ่ มันขุนศรี แม่ลูกดก และอีกหลายสายพันธุ์ทำให้การขายราคาไม่ค่อยดี


ทำให้นายมาโนช ดลวิศิษย์ถาวร และ นางนิจทยา วิริยะเกษมสุข สองสามีภรรยา ชาวบ้านหมู่ที่ 3 ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ปลูกมะม่วงผสมผสานกันผลไม้อื่น ๆ ไว้ประมาณ 30 ไร่ และมีของชาวบ้านอีกจำนวนมาก จึงได้คิดค้นสูตรน้ำปลาหวานที่กินกับมะม่วงหรือผลไม้อื่น ๆ ขึ้นมา โดยใช้พริกกะเหรี่ยงที่ปลูกในพื้นถิ่น มีราคาค่อนข้างแพง หากช่วงที่พริกมีราคาแพงราคาประมาณกิโลกรัมละ 400 – 500 บาท เป็นพริกที่มีคุณลักษณะพิเศษแตกต่างจากพริกทั่วไป จะมีความเผ็ดหอม ยิ่งกินก็ยิ่งจะมีรสชาติเผ็ดขึ้นเรื่อย ๆ ที่สำคัญยังมีประโยชน์เพราะสารแคปไซซิน หรือ น้ำมันหอมระเหย ช่วยลดคอลเลสเตอรอลในเลือด ขับเสมหะ ช่วยให้จมูกโล่ง ช่วยลดน้ำหนัก พริกกะเหรี่ยงยังมีวิตามินซี ที่ทำหน้าที่เป็นแอนติออกซิแดนซ์ ซึ่งออกฤทธิ์ต้านการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง เมื่อนำมาปรุงใส่ในน้ำปลาหวานกับเครื่องปรุงต่าง ๆ ทำให้รสชาติหวาน เผ็ด หอม กินกับมะม่วงที่ออกอมเปรี้ยวเล็กน้อยทำถูกปาก ถูกใจ กับเพื่อนบ้าน จนกลายมาเป็นสินค้าของดีที่เริ่มมีนักท่องเที่ยวสนใจเลือกซื้อไปรับประทานกับมะม่วงและผลไม้อื่น ๆ อีกหลายชนิด

นางนิจทยา วิริยะเกษมสุข เจ้าของสูตรน้ำปลาหวานพริกกะเหรี่ยง กล่าวว่า ในกลุ่มจะมีการปลูกมะม่วงแทบทุกบ้าน ซึ่งที่บ้านก็ปลูกมะม่วงไว้ประมาณ 30 ไร่ มีหลายสายพันธุ์ พอนำมะม่วงมากินคู่กับน้ำปลาหวานปรุงจากพริกกะเหรี่ยงแล้วไม่สามารถหยุดได้ ในสูตรใส่กุ้งเนื้อปั่น และมีกุ้งฝอยพร้อมเครื่องปรุงอีกหลายอย่าง สิ่งที่ทำให้น้ำปลาหวานแตกต่างจากที่อื่นนั้นคือจะใช้พริกกะเหรี่ยงเป็นวัตถุดิบทำให้มีรสชาติอร่อย คุณสมบัติคล้ายกับพริกทั่วไปคือ มีความเผ็ด แต่พริกกะเหรี่ยงกินไปแล้วจะค่อย ๆ เพิ่มความเผ็ดขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เกิดความอยากในการรับประทานอีก นอกจากนี้ยังมีความหอม เมื่อมาเจอความหอมของกุ้งคุณภาพดี ทำให้กลิ่นหอมจากกุ้งกับพริกกะเหรี่ยงผสมให้น้ำปลาหวานโดดเด่นไม่เหมือนกับที่อื่น
ที่นี่ปลูกมะม่วงกันมาก เวลาออกลูกมาเยอะส่วนใหญ่จะนำไปกวนเป็นมะม่วงแผ่น และนำออกขายกัน บางส่วนจึงเก็บมะม่วงที่ยังดิบอยู่นำไปขายที่ตลาดก็จะได้ราคาถูก แต่ถ้านำมากินคู่กับน้ำปลาหวานที่ทำขึ้น นำไปจำหน่ายตามแหล่งท่องเที่ยวใน อ.สวนผึ้ง และออกงานต่าง ๆ ตอนนี้ได้รับความสนใจจากห้างซีเจ ติดต่อเข้ามาให้นำไปวางจำหน่าย โดยจะมีการทดลองขายอยู่ประมาณ 41 สาขา หลังผ่านจาก 3 เดือนแล้ว จะขยายการขายเพิ่มอีกรวมเป็น 1,200 สาขาทั่วประเทศ


สำหรับการทำน้ำปลาหวานให้เตรียมเครื่องปรุง เช่น หัวหอมหั่นฝอย กุ้งฝอย พริกกะเหรี่ยง น้ำตาลปึก น้ำปลา โดยนำน้ำเปล่าและน้ำตาลมาเคี่ยวไปเรื่อย ๆจากนั้นใส่หอมที่สับละเอียดลงไปคนให้เข้ากัน แล้วจึงใส่กุ้งเนื้อบด กุ้งฝอยตามลงไป จึงใส่พริกกะเหรี่ยง คนไปเรื่อย ๆ นานประมาณ 40 – 45 นาที ด้วยความร้อน จะเริ่มมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของกุ้งฝอยและพริกกะเหรี่ยงโชยออกมา ใช้การเคี่ยวไฟกลาง และค่อย ๆ ลดเหลือไฟอ่อนลง เมื่อครบเวลาให้ยกลงจากเตาทิ้งไว้ให้เย็นเป็นกรรมวิธีการทำเรียบร้อยเตรียมใส่กระปุกจำหน่าย


สำหรับผู้สนใจหาซื้อพริกกะเหรี่ยงน้ำปลาหวานได้ตามปั๊มน้ำมัน แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญต่าง ๆ เช่น ห้างซีเจบางสาขา ร้านก๋วยเตี๋ยวนายเนี้ยบ พุทธมณฑลสาย 4 ร้านของฝากดอยคำ และอีกหลายแห่ง สนใจติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์ 095-1506159

ขอบคุณภาพ-ข่าว พันธุ์ – จรรยา แก้วนุ้ย จ.ราชบุรี

ตำรวจภาค.7 แถลงข่าวจัดประกวดพระเครื่องประจำปี 67 รายได้มอบทุนการศึกษาบุตร,ธิดา ตำรวจที่เสียชีวิต

ตำรวจภูธรภาค.7 แถลงข่าวจัดประกวดพระเครื่องประจำปี 2567 รายได้มอบทุนการศึกษาแก่บุตร,ธิดา ตำรวจที่เสียชีวิต จากการปฎิบัติหน้าที่

วันที่ 28 พฤษภาคม 2567  ที่หอประชุมชั้น 2 สำนักงานตำรวจภูธรภาค7 ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม พล.ต.ท. นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา อดีตรองผบ.ตร. นายพิศาล เตชะวิภาค (ต้อย เมืองนนท์) อุปนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่อง พระบูชาไทย พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ประธานดำเนินงาน พร้อมด้วยรองผบช.ภ.7 ผบก.ทั้ง 8 ท่านและผู้ให้การสนับสนุนร่วมมอบทุนการศึกษาให้แก่บุตร ธิดา ข้าราชการตำรวจสังกัดตำรวจภูธรภาค 7 ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ 24 ราย  จากจำนวนผู้ได้รับทุนทั้งสิ้น 92 ราย

มหกรรมการประกวดการอนุรักษ์พระเครื่อง พระบูชา และเหรียญพระคณาจารย์ ประจำปี 2567 จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 08.30 -16.30 น. ณ หอประชุมชุณหะวัณ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ชิงถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อม เงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมรางวัลอื่นๆ อีกจำนวนมาก

พล.ต.ท. นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 ประธานจัดงาน กล่าวถึงความเป็นมาของการจัดมหกรรมการประกวดการอนุรักษ์พระเครื่อง พระบูชา และเหรียญพระคณาจารย์ ว่าเริ่มจากปี พ.ศ.2548 พล.ต.ท.ชัยยันต์  มะกล่ำทอง ผบช.ภ.7 ในขณะนั้นได้รับความช่วยเหลือจากสมาคมผู้นิยมพระเครื่อง พระบูชาและเหรียญพระคณาจารย์ เพื่อหารายได้สนับสนุนการปฏิบัติงานข้าราชการตำรวจและเป็นทุนการศึกษาให้กับบุตร ธิดาข้าราชการตำรวจ เพื่อเสริมสร้างขวัญและกำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชา  

ต่อมาปี พ.ศ.2550 หลังการเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ของ ด.ต.สุนทร  ถึกกวย ผบ.หมู่ (ป.)สภ.สามพราน จ.นครปฐม  พล.ต.ท.วรพงษ์  ชิวปรีชา ผบช.ภ.7 ในขณะนั้นได้ริเริ่มนำเงินรายได้จากการประกวดพระมาจัดตั้งกองทุน เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้บุตร ธิดาข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเป็นการช่วยเหลือครอบครัวตำรวจที่ขาดเสาหลัก และตอบแทนคุณงามความดีให้กับตำรวจกล้า ที่สละชีวิตพิทักษ์สันติราษฎร์

โดยตั้งเป้าให้ทุนทุกคนตั้งแต่ระดับอนุบาล จนจบปริญญาตรี  เริ่มมีการมอบทุนครั้งแรกในปี พ.ศ.2551 ถึงปัจจุบัน ได้มอบทุนการศึกษาไปแล้วทั้งสิ้นเป็นเงินจำนวน 23,840,000 บาท ซึ่งที่ผ่านมามีบุตร ธิดา ข้าราชการตำรวจที่ได้รับทุนสำเร็จการศึกษาไปแล้ว จำนวน 27ราย ประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว และรับราชการ ทั้งครู พยาบาล อาจารย์มหาวิทยาลัย  ตำรวจและอาชีพอื่นๆ นับว่าเงินจากกองทุนดังกล่าวมีประโยชน์มาก ซึ่งความสำเร็จทั้งหมดมาจากพี่น้องประชาชนเข้าร่วมชมและส่งพระเข้าร่วมประกวด  เป็นผลพวงจากการช่วยเหลือของสมาคมผู้นิยมพระเครื่อง พระบูชาและเหรียญพระคณาจารย์  

ในวันดังกล่าวนี้ ได้มีตัวแทนบุตร ธิดาที่มารับทุนการศึกษา กล่าวขอบคุณ และมอบมาลัยให้แก่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค7 และผู้ใหญ่ใจดีที่มีส่วนร่วมในการจัดหารายได้สมทบทุนกองทุนการศึกษาให้แก่บุตร ธิดาตำรวจที่เสียชีวิต

ขอบคุณภาพ-ข่าว ทวีพล หลิมชัยสุวรรณ“ฅนข่าวนครปฐม”

กาญจนบุรี – นายอำเภอท่ามะกา จัดกิจกรรมโครงการรักษ์ภูผามหานที สร้างฝายชะลอน้ำในพื้นป่าชุมชนบ้านหนองหิน เขาสูง

  ที่ป่าชุมชนบ้านหนองหินหมู่ที่1ตำบลเขาสามสิบหาบอำเภอท่ามะกาจังหวัดกาญจนบุรี นางอรทัย วงศ์วัชรมงคลนายอำเภอท่ามะกา เดินทางมาเป็นประธานในกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัว 72 พรรษา ในโครงการ “รักษ์ภูผา มหานที”สร้างฝายชะลอน้ำ โดยมี สจ.จำรูญ ศรีธรรมรงค์ ดร.รหัส แสงผ่องประธานป่าชุมชนบ้านหนองหิน เขาสูงแจ่มฟ้า นายอุทัย ม่วงน้อย กำนันตำบลเขาสามสิบหาบ นายวรรณวิเศษณ์ กาญจนประดิษฐ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ตำบลเขาสามสิบหาบ ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้กาญจนบุรี ผู้อำนวยการอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้กาญจนบุรี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองหิน กำนันตำบลเขาสามสิบหาบ คณะป่าชุมชนบ้านสระเศรษฐี คณะทำงานฝายชะลอน้ำ scgp โรงงานวังศาลาประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรีผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติกาญจนบุรี

นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาสามสิบหาบ ผู้อำนวยการโรงเรียนท่ามะกา บุญศิริคณะป่าชุมชนบ้านหนองหินเขาสูง คณะผู้บริหาร scgp และจิตอาสา ร่วมในพิธีสร้างฝายชะลอน้ำในพื้นป่าชุมชนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว72พรรษามหานที ป่าชุมชนบ้านหนองหิน เขาสูง ตำบลเขาสามสิบหาบ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี มีอาชีพเกษตรกรรมมีผลผลิตจากป่าชุมชนเป็นแหล่งอาหารและสร้างรายได้ให้กับชุมชน

โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากการสร้างฝายชะลอน้ำโดยได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการพัฒนาและได้รับการสนับสนุนส่งเสริมจาก scgp โรงงานวังศาลาในการสานต่อโครงการสร้างฝายชะลอน้ำตามแนวพระราชดำริในโครงการรักษ์ภูผามหานทีมาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับการสร้างฝายชะลอน้ำในพื้นที่ป่าชุมชนบ้านหนองหินเขาสูงนี้ริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบันดำเนินการมาแล้วทั้งสิ้น 1,613 ฝายสามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมช่วงหน้าฝนลดจำนวนการเกิดไฟป่าไม้มีความสมบูรณ์มีต้นไม้หนาแน่นและประชาชนมีรายได้จากการเก็บหน่อไม้และเก็บเห็ดกิจกรรมสร้างฝายชะลอน้ำในครั้งนี้มีแผนการสร้างฝายชะลอน้ำจำนวน 20 ฝายโดยมีเครือข่ายป่าชุมชนและผู้เข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 180 คนเพื่อเป็นการปลูกฝังการอนุรักษ์การบริหารจัดการน้ำและป่าไม้ให้กับชุมชนและเยาวชนในพื้นที่ให้มีความตระหนักในความสำคัญและเห็นคุณค่าของป่าต่อไป

ภาพ-ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

กาญจนบุรี – นายอำเภอท่ามะกา จัดกิจกรรมโครงการรักษ์ภูผามหานที สร้างฝายชะลอน้ำในพื้นป่าชุมชนบ้านหนองหิน เขาสูง

  ที่ป่าชุมชนบ้านหนองหินหมู่ที่1ตำบลเขาสามสิบหาบอำเภอท่ามะกาจังหวัดกาญจนบุรี นางอรทัย วงศ์วัชรมงคลนายอำเภอท่ามะกา เดินทางมาเป็นประธานในกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัว 72 พรรษา ในโครงการ “รักษ์ภูผา มหานที”สร้างฝายชะลอน้ำ โดยมี สจ.จำรูญ ศรีธรรมรงค์ ดร.รหัส แสงผ่องประธานป่าชุมชนบ้านหนองหิน เขาสูงแจ่มฟ้า นายอุทัย ม่วงน้อย กำนันตำบลเขาสามสิบหาบ นายวรรณวิเศษณ์ กาญจนประดิษฐ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ตำบลเขาสามสิบหาบ ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้กาญจนบุรี ผู้อำนวยการอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรี ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้กาญจนบุรี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองหิน กำนันตำบลเขาสามสิบหาบ คณะป่าชุมชนบ้านสระเศรษฐี คณะทำงานฝายชะลอน้ำ scgp โรงงานวังศาลาประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดกาญจนบุรีผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติกาญจนบุรี

นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาสามสิบหาบ ผู้อำนวยการโรงเรียนท่ามะกา บุญศิริคณะป่าชุมชนบ้านหนองหินเขาสูง คณะผู้บริหาร scgp และจิตอาสา ร่วมในพิธีสร้างฝายชะลอน้ำในพื้นป่าชุมชนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว72พรรษามหานที ป่าชุมชนบ้านหนองหิน เขาสูง ตำบลเขาสามสิบหาบ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี มีอาชีพเกษตรกรรมมีผลผลิตจากป่าชุมชนเป็นแหล่งอาหารและสร้างรายได้ให้กับชุมชน

โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากการสร้างฝายชะลอน้ำโดยได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการพัฒนาและได้รับการสนับสนุนส่งเสริมจาก scgp โรงงานวังศาลาในการสานต่อโครงการสร้างฝายชะลอน้ำตามแนวพระราชดำริในโครงการรักษ์ภูผามหานทีมาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับการสร้างฝายชะลอน้ำในพื้นที่ป่าชุมชนบ้านหนองหินเขาสูงนี้ริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบันดำเนินการมาแล้วทั้งสิ้น 1,613 ฝายสามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมช่วงหน้าฝนลดจำนวนการเกิดไฟป่าไม้มีความสมบูรณ์มีต้นไม้หนาแน่นและประชาชนมีรายได้จากการเก็บหน่อไม้และเก็บเห็ดกิจกรรมสร้างฝายชะลอน้ำในครั้งนี้มีแผนการสร้างฝายชะลอน้ำจำนวน 20 ฝายโดยมีเครือข่ายป่าชุมชนและผู้เข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 180 คนเพื่อเป็นการปลูกฝังการอนุรักษ์การบริหารจัดการน้ำและป่าไม้ให้กับชุมชนและเยาวชนในพื้นที่ให้มีความตระหนักในความสำคัญและเห็นคุณค่าของป่าต่อไป

ภาพ-ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

นครปฐม. ผบช.ภ.๗ ลงนามแต่งตั้งนายกฟลุ๊ค เป็นที่ปรึกษาเป็นตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.7 ลงนามแต่งตั้งนายกฟลุ๊ค นครปฐมเป็นที่ปรึกษา

ด้วยคำสั่งตำรวจภูธรภาค ๗ ที่ ๒๙๖/๒๕๖๗เรื่อง แต่งตั้งที่ปรึกษาผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๗ ด้วยตำรวจภูธรภาค ๗ มีภารกิจสำคัญที่จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งในด้านความมั่นคง การป้องกันปราบปรามอาชญากรรม การสืบสวนสอบสวนคดีอาญา รวมถึงการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค ๗

ซึ่งจะต้องมีการบริหารจัดการในด้านต่างๆ ให้สามารถรองรับการขับเคลื่อนงานตามนโยบายที่สำคัญต่างๆ ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันเพื่อให้การปฏิบัติราชการของตำรวจภูธรภาค ๗ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๖๖ แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๖๕ จึงแต่งตั้งที่ปรึกษาผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๗ จำนวน ๔ราย

นายกองตรีเอกพันธ์ คุปตวัช หรือนายกฟลุ๊ค (อดีตนายกเทศมนตรีนครนครปฐม)

  โดยมีนายกองตรีเอกพันธ์ คุปตวัช หรือนายกฟลุ๊ค (อดีตนายกเทศมนตรีนครนครปฐม) เป็น 1 ใน 4 ราย ตามบัญชีรายชื่อที่แนบคำสั่งนี้ โดยมีหน้าที่ในการให้ข้อมูลและให้คำปรึกษาแก่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๗ ในภาพรวมของตำรวจภูธรภาค ๗ ตลอดจนร่วมวางแผน กำหนดยุทธศาสตร์การชับเคลื่อนหน่วยงาน รวมทั้งการร่วมกิจกรรมร่วมประชุม หรือดำเนินการ อื่นๆ ที่ได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๗

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๗

รวมพลังคนราชบุรีไม่ทิ้งเด็กคนไหนไว้ข้างหลัง All for Education Ratchaburi Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน

กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา จัดงานรวมพลังคนราชบุรีไม่ทิ้งเด็กคนไหนไว้ข้างหลัง All for Education Ratchaburi Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน

นางวริษฐา สงวนเสริมศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี
นายศักดิ์ชัย พิศาลผล นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี

ที่ริมเขื่อนรัฐประชาพัฒนา นางวริษฐา สงวนเสริมศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดงานกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาฯ โดยมีนายศักดิ์ชัย พิศาลผล นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี ศาสตราจารย์ ดร.สมพงษ์ จิตระดับ กรรมการบริหาร(กสศ.) นายพัฒนะพงษ์ สุขมะดัน ผู้ช่วยผู้จัดการ กสศ. สมัชชาการศึกษาจังหวัดราชบุรี ศึกษาธิการจังหวัดราชบุรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรีเขต 1 และเขต 2 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาราชบุรี สถาบันอุดมศึกษา หอการค้าจังหวัดราชบุรี ผู้บริหารบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ผู้แทนหน่วยงานทุกภาคส่วนในจังหวัดราชบุรี ภาคีเครือข่ายด้านการศึกษาภาคประชาสังคม ผู้ร่วมงานทั้ง 10 อำเภอ เข้าร่วมงานในครั้งนี้

งานนี้จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อนำเสนอผลการดำเนินโครงการ Ratchaburi Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน ที่ขับเคลื่อนโดยสมัชชาการศึกษาจังหวัดราชบุรี เทศบาลเมืองราชบุรี หน่วยงานทุกภาคส่วนในจังหวัดราชบุรี โดยได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) สร้างการรับรู้ของคนราชบุรี และระดมความร่วมมือของทุกภาคส่วน ในจังหวัดราชบุรี เพื่อก้าวต่อไปในการบรรลุเป้าหมาย Ratchaburi Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียนอย่างยั่งยืน ภารกิจนี้จำเป็นอย่างมากที่ต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนในจังหวัด ดังภูมิปัญญาของชาวแอฟริกาที่ว่า It takes a village to raise a child การสร้างเด็กคนหนึ่งต้องอาศัยคนทั้งหมู่บ้าน


ดังนั้น ความเข้มแข็งและความร่วมมือ ร่วมใจของทุกคนในชุมชน ในท้องถิ่น ถือเป็นหัวใจสำคัญในการส่งเสริมระบบคุ้มครองทางสังคมในระบบการศึกษาทุกด้าน (social protection in education system) ได้แก่ ความมั่นคงทางอาหาร (food security) ความพร้อมและความปลอดภัยในการเดินทางไปโรงเรียนของนักเรียน (travel security) ความพร้อมและความปลอดภัยของสถานศึกษาและครู (school security) ความพร้อมของชุมชนท้องถิ่น (community security) เป็นระบบที่จะสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่เด็กราชบุรีทุกคน

จึงได้ให้ความสำคัญต่อประเด็นการศึกษาและการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง เราต้องไม่ปล่อยให้เกิดการสูญเสีย หรือปล่อยให้เด็กเยาวชนหลุดออกจากระบบการศึกษา หรือไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพแม้แต่คนเดียว เพราะเด็กทุกคนเป็นมนุษย์ทองคำ เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า ในปีการศึกษา 2561 นี้ จะเป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือ โดยเทศบาลเมืองราชบุรีจะให้การสนับสนุนในภารกิจ Ratchaburi Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน จะเป็นเทศบาลแรกที่เป็นต้นแบบการขยายการศึกษาภาคบังคับไปจนถึงชั้นมัธยมศึกษา เพื่ออนาคตที่ดีให้แก่เด็กของเราต่อไป

  ภาพ-ข่าว รังสี ลิมปิโชติกุล ราชบุรี

นครปฐม “เปิดเมืองแห่งความศรัทธา” รำบวงสรวงสักการะองค์พระปฐมเจดีย์  นางรำ 1500 คน ร่วมพิธีเพื่อความเป็นสิริมงคล ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป

จังหวัดนครปฐม จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว “เปิดเมืองแห่งความศรัทธา” ครั้งแรกของการรำบวงสรวงสักการะองค์พระปฐมเจดีย์ โดยมีผู้รำแต่งกายด้วยผ้าไทยสีเหลือง  1500 คน ร่วมพิธีเพื่อความเป็นสิริมงคล ตลอดจนขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป

วันที่ 24 พฤษภาคม 2567 ที่บริเวณลานพระร่วงโรจนฤทธิ์ องค์พระปฐมเจดีย์ นางสาวอโรชา นันทมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานเปิดกิจกรรม “เปิดเมืองแห่งความศรัทธา” จังหวัดนครปฐม ประจำปี 2567 โดยจัดพิธีบวงสรวงพระบรมสารีริกธาตุ พระร่วงโรจนฤทธิ์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดนครปฐมและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ องค์พระปฐมเจดีย์ ตลอดจนเหล่าเทพยดาอารักษ์ เทพธรรมบาลปกปักรักษาองค์พระปฐมเจดีย์ที่คุ้มครองดูแลพี่น้องชาวจังหวัดนครปฐม ทั้งเป็นที่เคารพสักการะของพี่น้องชาวไทยและชาวต่างชาติมาเป็นเวลาช้านาน

โดยมี นายธีรยุทธ์ จันทร์ดิษฐวงษ์ นายอรรถวุฒิ พึ่งเนียม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม นางวราภรณ์ เจริญศิริโชติ นายกเหล่ากาชาดจังหวัด รองนายกเหล่ากาชาด คณะกรรมการและสมาชิกเหล่ากาชาด หัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐ เอกชน และประชาชน ร่วมพิธีในครั้งนี้
  

  นอกจากนี้ มีพิธีเจริญพระพุทธมนต์เพื่อน้อมสักการะแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพระรัตนตรัย เหล่าเทพยดาที่ได้คุ้มครองชาวจังหวัดนครปฐม และรำถวายสักการะพระบรมสารีริกธาตุและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตอยู่ ณองค์พระปฐมเจดีย์ จากนั้น นางสาวอโรชา นันทมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้นำพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดนครปฐม จากทั้ง 7 อำเภอ แต่งกายด้วยเสื้อสีเหลือง สไบน้ำเงิน นุ่งผ้าชื่นหรือโจงกระเบนสีน้ำเงิน จำนวน 1,430 คน รำบวงสรวงในครั้งนี้ ซึ่งเชื่อว่าในการทำพิธีครั้งนี้ จะนำมาซึ่งความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และครอบครัว อีกทั้งเป็นการขอพรให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองปกปักรักษาให้ครอบครัวอยู่ร่มเย็นเป็นสุขทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรืองเป็นสิริมงคลสืบไป


นอกจากนี้ยังมีการเปิดงาน SME นครปฐม ครั้งที่ 2 โดยสมาพันธ์ SME ไทย จังหวัดนครปฐม จัดขึ้นระหว่างวันที 24 – 31 พฤษภาคม 2567 ณ บริเวณลานหน้าพระร่วงโรจนฤทธิ์ องค์พระปฐมเจดีย์
…………………………
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ภาพ/ข่าว

กาญจนบุรี – กอล์ฟ อัครนันท์ สส.เพื่อไทย เขต 1 เผยงบแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากผ่านแล้ว 200 ล้านบาท

กาญจนบุรี – กอล์ฟ อัครนันท์ สส.เพื่อไทย เขต 1 เผยงบแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากผ่านแล้ว 200 ล้านบาท ระหว่างดำเนินงาน อาจลำบากด้านการจราจร ขอ ปชช.เข้าใจ

วันนี้ 23 พ.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย เขต 1 เปิดเผยว่า ชุมชนเมืองกาญจนบุรี ในเขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี เทศบาลตำบลท่ามะขาม เทศบาลเมืองปากแพรก อำเภอเมืองกาญจนบุรี และเทศบาลตำบลท่าล้อ อำเภอท่าม่วง ตั้งอยู่บริเวณจุดบรรจบ ของแม่น้าแควใหญ่กับแม่น้าแควน้อย ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำแม่กลอง โดยตั้งอยู่ทางด้านเหนือน้ำของเขื่อนแม่กลอง ประมาณ 10 กิโลเมตร

ปัจจุบันพื้นที่ชุมชนเมืองกาญจนบุรีทางฝั่งทิศเหนือของแม่น้ำแม่กลองและแม่น้ำแควใหญ่ประสบปัญหาน้ำท่วมในฤดูฝนเป็นประจำเกือบทุกปี โดยพื้นที่น้าท่วมซ้ำซาก ประกอบด้วย พื้นที่ตามแนวถนนแสงชูโต ถนนพัฒนากาญจน์ ทางรถไฟ ถนนเลี่ยงเมือง และที่ลุ่มต่ำบริเวณทุ่งท่าล้อ

โดยสาเหตุของน้ำท่วมเกิดจากปริมาณน้ำหลากที่ไหลมาจากเขาพัง เขาใหญ่ และเขาหัวล้าน ทางด้านทิศเหนือของพื้นที่ ซึ่งปริมาณน้ำหลากดังกล่าวบางส่วนมีแนวการระบายน้ำไปลงแม่น้ำแควใหญ่ทางทิศใต้ และบางส่วนระบายไปลงทุ่งท่าล้อทางทิศตะวันออก โดยแนวการระบายน้ำไปลงแม่น้ำแควใหญ่ ตัดผ่านตัวเมืองกาญจนบุรี แต่ไม่มีทางระบายน้ำสายหลัก และมีทางรถไฟและถนนแสงชูโตขวางแนวการระบายน้ำตามธรรมชาติ จึงทาให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขังตามแนวถนนแสงชูโตและถนนพัฒนากาญจน์ ซึ่งมีแนวเลียบทางรถไฟตลอดแนว

ข้อเสนอเพื่อขอรับการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาอุปสรรค การพัฒนา/เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานจากรัฐบาล สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดกาญจนบุรี จึงจัดทำโครงการการพัฒนาระบบระบายน้ำและป้องกันน้ำท่วม พื้นที่ชุมชนท่าล้อ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในช่วงที่มีปริมาณน้ำมาก สร้างเส้นทางการระบายน้ำ หรือพื้นที่บำบัดน้ำให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำฝนในช่วงนั้นๆ และสร้างระบบการจัดการน้ำที่ดีในอนาคต”นายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ กล่าว

นายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาผมได้ปรึกษาหารือรวมทั้งอภิปรายในสภาเพื่อให้รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีได้ทราบถึงปัญหาและอุปสรรคข้อเท็จจริง รวมถึงความเดือดร้อนของพี่น้องชาวกาญจนบุรีมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้อนุมัติงบประมาณในการนำมาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

สิ่งที่น่ายินดีที่สุดคือคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณ ปี 2567 ให้กับกรมโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดกาญจนบุรี กระทรวงมหาดไทย ดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ชุมชนตามผังเมืองรวมเมืองกาญจนบุรี งานระบายน้ำบ้านหัวนาล่าง ถนนพัฒนากาญจน์ ระยะที่ 1 ในวงเงินงบประมาณ 200 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

คาดว่าจะเริ่มดำเนินโครงการในเร็วๆนี้ ซึ่งช่วงดำเนินการก่อสร้างอาจจะทำให้เกิดปัญหาทางด้านการจราจร แต่ขอให้ทุกคนใจเย็นๆ เพราะเมื่อโครงการแล้วเสร็จ จะทำให้แก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากได้ในระยะยาว และเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนน้ำก็จะไม่ท่วมอีกต่อไป สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ลงพื้นที่มาตรวจราชการด้วยตัวเองเมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา

ภาพ-ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี /ปรีชา ไหลวารินทร์

กาญจนบุรี – อุทยานฯเขื่อนศรีนครินทร์ ประกาศเปิดแหล่งท่องเที่ยวน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นแล้ว หลังเกิดสถานการณ์น้ำหลากจนสีขุ่น

อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ประกาศเปิดแหล่งท่องเที่ยวน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นแล้ว หลังเกิดสถานการณ์น้ำหลากจนสีขุ่น

นายคุณากร บุญเกื้อสง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์

วันนี้ 23 พ.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายคุณากร บุญเกื้อสง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ได้ประกาศปิดแหล่งท่องเที่ยว และการพักค้างแรมในอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ เป็นการชั่วคราว สาเหตุเนื่องจากขณะนั้นเกิดสถานการณ์น้ำป่าไหลหลาก ทำให้ปริมาณน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว กอปรกับน้ำมีสีขุ่นและไหลเชี่ยว จึงเกรงว่าอาจเกิดอันตรายต่อนักท่องเที่ยวได้

ปัจจุบันสถานการณ์ ได้เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว จึงขอเปิดการท่องเที่ยวบริเวณน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น บ้านพักนักท่องเที่ยวลานกางเต็นท์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์โทร 034-540316 หรือติดต่อทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ E-mail: Khueansrinagarindra_np@hotmail.com หรือทางเพจ Facebook อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์

รายงานว่า สำหรับอัตราค่านำยานพาหนะเข้าไปท่องเที่ยวน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ รถจักรยาน เข้าฟรี รถจักรยานยนต์ ราคา 20 บาท รถยนต์ 4 ล้อ 30 บาท รถยนต์ 6 ล้อ 100 บาท และรถยนต์ 6 ล้อขึ้นไปแต่ไม่เกิน 10 ล้อ ราคา 200 บาท

อัตราค่าบริการสำหรับยานพาหนะ ประเภทเรือ รวมทั้งขนาดบรรทุกผู้โดยสาร ประเภทเรือเร็ว 1-30 คน ราคา 50 บาท 31-60 คน ราคา 100 บาท 61-100 คน ราคา 200 บาท และ 101 คนขึ้นไป ราคา 500 บาท เรือประเภทเพลาใบจักรยาว 1-20 คน ราคา 20 บาท 21-40 คน ราคา 50 บาท 41 คนขึ้นไป ราคา 80 บาท และเรือประเภทบรรทุกผู้โดยสารขนาดใหญ่ 1-100 คน ราคา 100 บาท 101-300 คน ราคา 500 บาท และ 301 คนขึ้นไป ราคา 2,500 บาท

ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

‘ตักบาตรข้าวหลาม’ วันวิสาขบูชา ฟื้นฟูวัฒนธรรมงานบุญ สนับสนุนสินค้าชุมชน

คนนครปฐมแห่ตักบาตรข้าวหลาม เนื่องในวันวิสาขบูชา ที่วัดพระงาม อ.เมืองนครปฐม เป็นโครงการฟื้นฟูวัฒนธรรมงานบุญ และสนับสนุน”ข้าวหลาม” ซึ่งเป็นสินค้าชุมชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 22 พฤษภาคม 2567 ที่วัดพระงาม พระอารามหลวง ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมืองนครปฐม พระอุดมธรรมเมธี (ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดพระงาม พระอารามหลวง นำพระสงฆ์ที่จำพรรษาวัดพระงาม เดินลงจากเนินเขาพระงาม (ด้านทิศเหนือของวัด) เพื่อบิณฑบาต จากประชาชนที่มารอทำบุญตักบาตรเนื่องในวันวิสาขบูชา ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 โดยการตักบาตรวันวิสาขบูชา ของวัดพระงาม พระอารามหลวงนี้ จะแตกต่างจากที่อื่นคือ ประชาชนจะนำข้าวหลามที่เผาจากกระบอกไม้ไผ่ มาใส่บาตรพระสงฆ์ พร้อมกับข้าวปลาอาหารอื่นๆ ด้วย เป็นการสืบสานวัฒนธรรม ของชาวบ้านพระงามที่เป็นชุมชนทำข้าวหลามมายาวนานกว่า 100 ปี ปัจจุบันยังมีรุ่นลูก รุ่นหลานของชาวชุมชนพระงาม มารวมตัวกันหวังฟื้นฟู และอนุรักษ์วัฒนธรรมตักบาตรข้าวหลามไว้สืบต่อไป

นายรัฐพล ไหลธนานนท์ รองนายกเทศมนตรีนครนครปฐม ดร.วิรัตน์ ปิ่นแก้ว อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม นายสมพงศ์ มุดา ประธานชุมชนริมคลองพระงาม เทศบาลนครนครปฐม ได้ให้ความสำคัญการฟื้นฟู และอนุรักษ์วัฒนธรรม ตักบาตรข้าวหลามนี้ และพร้อมให้การสนับสนุนกิจกรรม วัฒนธรรมประเพณี ที่ทรงคุณค่านี้ให้คงอยู่คู่ชุมชนพระงาม และวัดพระงาม พระอารามหลวง ตลอดไป

  นางนกแก้ว อายุ70 ปี ชาวบ้านชุมชนพระงาม กล่าวว่า รู้สึกขนลุก และปลื้มใจมากที่วันนี้ได้เห็นการตักบาตรข้าวหลามของพวกเราชาวพระงามกลับมา และขอบใจลูกๆหลานๆที่เห็นความสำคัญ ไม่ทิ้งวัฒนธรรมของคนเฒ่าคนแก่ในอดีต

พุทธศาสนิกชนจังหวัดนครปฐม พร้อมใจแต่งกายชุดขาว ร่วมพิธีเวียนเทียนรอบองค์พระปฐมเจดีย์และรอบองค์พระประธานพุทธมณฑล เนื่องในวันวิสาขบูชา ปี 2567

พุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดนครปฐม พร้อมใจแต่งกายชุดขาว ร่วมพิธีบำเพ็ญกุศล และเวียนเทียนรอบองค์พระปฐมเจดีย์และรอบองค์พระประธานพุทธมณฑล เนื่องในวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลกประจำปี 2567

วันที่ 22 พฤษภาคม 2567 นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม นำพุทธศาสนิกชน ร่วมพิธีบำเพ็ญกุศล และ เวียนเทียนประทักษิณรอบองค์พระปฐมเจดีย์ เนื่องในวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก ประจำปี 2567 ที่ศาลากองอำนวยการ องค์พระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม โดยมี พระครูปฐมเจติยาทร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร ประธานสงฆ์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วย นายกเหล่ากาชาดจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารสถานศึกษา ครู อาจารย์ นักเรียน นักศึกษา และประชาชน แต่งกายด้วยชุดขาวร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

และในวันเดียวกัน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ก็ได้จัดกิจกรรมบำเพ็ญกุศลและทำบุญตักบาตร เนื่องในวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก ประจำปี 2567 เช่นเดียวกัน

โดยที่บริเวณลานหน้าองค์พระประธานพุทธมณฑล อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นประธานพิธีบำเพ็ญกุศลและทำบุญตักบาตร โดยมีนางสาวอโรชา นันทมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

สำหรับวันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และเป็นวันสำคัญของโลก ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน โดยในปีนี้ รัฐบาลและมหาเถรสมาคม ได้เห็นชอบให้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมกับคณะสงฆ์ หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน องค์กรต่างๆ ในจังหวัดนครปฐม และพุทธศาสนิกชน จัดกิจกรรมส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ระหว่างวันที่ 20-22 พฤษภาคม 2567 โดยมีกิจกรรมประกอบด้วย ขบวนธรรมยาตราและขบวนแห่บุปผชาติ พิธีเจริญพระพุทธมนต์นานาชาติ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พิธีทำบุญตักบาตร พิธีเวียนเทียน การแสดงพระธรรม เทศนา บรรยายธรรม และการปฏิบัติธรรมของฆราวาส เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชา


สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม-ข่าว

กาญจนบุรี – ฝนถล่ม 3 ชั่วโมง น้ำป่าสูง 2 เมตร ไหลท่วมหมู่บ้านรถเสียนับ 10 คัน

เกิดฝนถล่มในพื้นที่อำเภอบ่อพลอย 2 ชั่วโมง น้ำจากภูเขาไหลบ่าสูงกว่า 2 เมตร เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน จนตั้งตัวไม่ทัน รถยนต์หรูบีเอ็มดับบิว รวมถึงรถกระบะจำนวน 10 คัน ถูกน้ำท่วมมิดหลังคาจมอยู่ใต้น้ำ บริเวณบ้านใหม่ หมู่ที่ 7 ตำบลทุ่งมะสัง อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี น้ำยังท่วมข้ามถนนสายบ้านทุ่งมะสัง – ลาดหญ้า ทำให้การจารจรใช้งานได้เลนเดียวทำให้จารจรติดกันยาว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดพายุฝนกระหน่ำบริเวณเขตอำเภอเมือง และอำเภอบ่อพลอยอย่างหนัก ทำให้บริเวณบ้านใหม่ หมู่ที่ 7 ตำบลทุ่งมะสัง อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี โดยบริเวณที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 7 ระดับน้ำสูงกว่าเอว และน้ำป่าได้ไหลเชียวหลากมาเร็วมาก ไหลจากภูเขาลงมา เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน อย่างไม่ได้ตั้งตัวระดับน้ำบางจุดสูงกว่า 2 เมตร ประชาชนไม่ทันขนย้ายสิ่งของถูกน้ำท่วมจมใต้น้ำในพริบตา โดยมีรถหรูยี่ฮ้อบีเอ็ม ดับเบิ้ลยู รวมถึงรถกระบะ ที่จมอยู่ใต้น้ำจำนวน 10 คัน รวมถึงสิ่งของอื่นๆ และน้ำได้ไหลบ่าท่วมถนนสายบ้านทุ่งมะสัง – ลาดหญ้า ซึ่งเป็นถนนสายหลัก ระดับน้ำสูงรถเล็กผ่านได้ลำบาก ทำให้การจารจรติดกันยาว

นายกฤต มังกะโรทัย ปลัดอำเภอบ่อพลอย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยบ่อพลอย และมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ระดมกำลังกว่า 50 นาย พร้อมเรือท้องแบนจำนวน 3 ลำ ลงพื้นที่เร่งช่วยเหลือประชาชนขนย้ายสิ่งของที่ถูกน้ำท่วมไปยังพื้นที่สูงได้บางส่วนแล้ว โดยระดับน้ำยังทรงตัวเนื่องจากมีสิ่งของไปปิดบังเส้นทางไหลของน้ำ ทางผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 จึงต้องนำรถแบ็กโฮ มาทำการขุดเจาะให้เส้นทางไหลของน้ำสะดวกยิ่งขึ้น และชาวบ้านในพื้นที่แจ้งว่า อยู่มากว่า 20 ปี เพิ่งมาเจอน้ำท่วมเป็นครั้งแรก ไม่เคยคาดคิดมาก่อนจะเจอแบบนี้ ส่วนมูลค่าความเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้ ต้องรอให้น้ำลดลงก่อนประกอบกับเป็นเวลาค่ำต้องรอวันรุ่งขึ้นเป็นช่วงกลางวัน

สำหรับ นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ผู้อำนวยการจังหวัด เปิดเผยว่า ด้วยกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง กอปรกับกรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศฉบับที่ 1 (93/2567 ลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2567 เวลา 15.00 น. โดยแจ้งว่า ในช่วงวันที่ 20-23 พฤษภาคม 2567 ลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับในช่วงวันที่ 22-26 พฤษภาคม 2567 จะมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณอ่าวมะตะบัน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้น ทำให้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ด้านตะวันตก ของภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันตก และก็เกิดฝนตกลงมาในพื้นที่ตามที่เฝ้าระวังจริงๆ

ภาพ-ข่าวภูมิภาค.กาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

สมาคมธรรมศาสตร์ จ.กาญจนบุรี มอบรถเข็นวิลแชร์ 15 คันให้ผู้พิการและผู้ยากไร้

สมาคมธรรมศาสตร์ จ.กาญจนบุรี มอบรถเข็นวิลแชร์ 15 คันให้ผู้พิการและผู้ยากไร้

วันนี้ 20 พฤษภาคม 2567 ที่สมาคมธรรมศาสตร์ กาญจนบุรี จัดทำกิจกรรม CSR โครงการ มธ.กาญจน์ ร่วมใจเพื่อสังคม มอบรถเข็นวีลแชร์ให้แก่ผู้พิการและผู้ยากไร้ ปี 2567 จำนวน 15 คัน นำโดย ร้อยโท ทศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ในฐานะนายกสมาคมธรรมศาสตร์ กาญจนบุรี พร้อมด้วย นายสรรเพชญ ศลิษฏ์อรรถกร นางนพวรรณ พิพิธธนาบรรพ์ นำคณะกรรมการ และสมาชิกฯ ทำพิธีส่งมอบรถเข็นวิลแชร์ มีผู้พิการที่มารับด้วยตัวเอง และญาติมารับแทน

โดยมีสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.กาญจนบุรี ประสานท้องถิ่นจัดส่งรถเข็นวิลแชร์ ไปให้ผู้พิการและผู้ยากไร้ในตำบลและอำเภอต่างๆ ที่ห้องโถงชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี

ร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ นายกสมาคมธรรมศาสตร์ กาญจนบุรี กล่าวว่า ในวันนี้ก็สืบเนื่องจากทางสมาคมธรรมศาสตร์ มีกิจกรรมช่วยเหลือสังคมหลายๆ ด้านด้วยกัน อันนี้ก็เป็นอีกด้านหนึ่งที่ทางสมาคมธรรมศาสตร์คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ กับผู้ที่ยังไม่มีรถวีลแชร์เพื่อใช้ประโยชน์ในการดูแลตัวเองและการประกอบอาชีพ ก็คือผู้พิการที่ไม่สามารถเดินได้

ก็ในโอกาสนี้ผมในนามตัวแทนและได้รับการสนับสนุนจากท่านพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในการที่จะดูข้อมูลของผู้พิการที่เหมาะสมที่จะได้รับรถวีลแชร์ ก็อยากให้ผู้พิการและพี่เลี้ยงผู้พิการ ได้นำรถวีลแชร์นำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิตของผู้พิการ อีกสิ่งหนึ่งก็คือถ้าสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการประกอบอาชีพ ก็จะเป็นประโยชน์แก่สังคมและพี่น้อง สำหรับผู้พิการและผู้ยากไร้ ที่มารับรถเข็นวีลแชร์ต่างดีใจ ที่ได้รถเข็นวีลแชร์ เพื่อสะดวกในการเดินทางและการใช้ชีวิต

ภาพ-ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

กาญจนบุรี – ศาลเยาวชนและครอบครัวกาญจนบุรี เปิดศูนย์สร้างเสริมคุณภาพครอบครัว เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

  ศาลเยาวชนและครอบครัวกาญจนบุรี เปิดศูนย์สร้างเสริมคุณภาพครอบครัว เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ

ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกาญจนบุรี จับมือ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตั้ง 2 ศูนย์ ศูนย์สร้างเสริมคุณภาพครอบครัว ศูนย์ติดตามด้วยความห่วงใย เพื่อสร้างเสริมความเข้มแข็ง ประคับประคอง สงเคราะห์ ช่วยเหลือเด็ก เยาวชนและครอบครัว เป็นการสร้างเสริมทัศนคติที่ดีในการดูแลกันในสังคมกาญจนบุรี

วันนี้ 21 พ.ค.2567  ที่บริเวณศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกาญจนบุรี นางกนกพร ศิลาภากุล ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกาญจนบุรี จัดพิธีเปิดศูนย์สร้างเสริมคุณภาพครอบครัว ศูนย์ติดตามด้วยความห่วงใย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมี นางจันทร์จิรา พัฒนศิริ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเกียรติมาร่วมงานเพื่อการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน พร้อมคณะผู้พิพากษาสมทบ ผู้ประนีประนอม ผู้อำนวยการฯ และบุคลากรของศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกาญจนบุรี เข้าร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียง

ทั้งนี้ นางกนกพร ศิลาภากุล ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า เป็นที่ทราบดีอยู่แล้วว่าปัญหาในครอบครัวนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและต้องการได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ซึ่ง“ศูนย์สร้างเสริมคุณภาพครอบครัว“ และ “ศูนย์ติดตามด้วยความห่วงใย” เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ของศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกาญจนบุรี ได้แสดงถึงการเล็งเห็นความสำคัญของเด็ก เยาวชนและครอบครัวในยุคปัจจุบันนี้

ดังนั้น การเปิดศูนย์ทั้ง 2 ศูนย์ในครั้งนี้ ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกาญจนบุรี ต้องการสร้างเสริมความเข้มแข็ง ทั้งประคับประคอง สงเคราะห์ ช่วยเหลือเด็ก เยาวชนและครอบครัวที่ไม่ใช่เป็นการติดตามอย่างการคุมประพฤติ แต่เป็นการสร้างเสริมทัศนคติที่ดีในการดูแลกันในสังคมต่อไป



ภาพ-ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

นายกฟลุ๊ค นครปฐม ควงคุณแม่บริจาคเงิน 500,000 บาท ซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้ รพ.นครปฐม

นายกองตรีเอกพันธุ์ คุปตวัช (นายกฟลุ๊ค) อดีตนายกเทศมนตรีนครนครปฐม ควงคุณแม่ฉอ้อน บริจาคเงิน 500,000 บาท ให้โรงพยาบาลนครปฐม เพื่อซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์

วันที่ 21 พฤษภาคม 2567 ที่ตึกตติยภูมิ (ตึกโรคหัวใจ) โรงพยาบาลนครปฐม นางฉอ้อน คุปตวัช รองประธานกรรมการบริหารบริษัท เครือสหอรพรรณ จำกัด นายกองตรีเอกพันธุ์ คุปตวัช (นายกฟลุ๊ค) อดีตนายกเทศมนตรีนครนครปฐม ได้บริจาคเงินจำนวน 500,000 บาท ให้โรงพยาบาลนครปฐม เพื่อจัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์

นายแพทย์สุรชัย โชคครรชิตไชย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม รับมอบ

โดยมีนายแพทย์สุรชัย โชคครรชิตไชย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม รับมอบเพื่อนำไปจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ในการบริการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลนครปฐม ตามประสงค์ของผู้บริจาคต่อไป

นายแพทย์สุรชัย โชคครรชิตไชย และ นายกองตรี เอกพันธุ์ คุปตวัช

นายกองตรี เอกพันธุ์ คุปตวัช กล่าวว่า ผมกับคุณแม่ฉอ้อนเราสองคน ชอบสนับสนุนสถานพยาบาล และสถานศึกษา ปีละ 1 ล้านบาท อย่างในปีนี้เราสองคนบริจาคให้โรงพยาบาลนครปฐม 500,000 บาท และเตรียมให้สถานศึกษาอีกตามความตั้งใจของคุณแม่ ที่ปรารถนาที่จะช่วยเหลือสังคมผ่านสองสถาบันนี้ เพราะการให้ของเราสองคนเท่ากับเราได้ช่วยเหลือ สนับสนุนคนได้เป็นร้อยเป็นพัน ในแต่ละคราว

ด้านผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม กล่าวขอบคุณคุณแม่ฉอ้อน และนายกฟลุ๊ค ด้วยความเคารพยิ่งที่เห็นความสำคัญการบริการด้านการแพทย์ ด้วยการบริจาคเงินสนับสนุนซื้อเครื่องมือแพทย์ในครั้งนี้

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศสาธารณรัฐฝรั่งเศส ได้ทรงร่วมพิธีเปิดและทรงร่วมการประชุมเชิงวิชาการ ในหัวข้อ “สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ บุคคลสำคัญของโลก

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศสาธารณรัฐฝรั่งเศส ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ร่วมพิธีเปิดและทรงร่วมการประชุมเชิงวิชาการ ในหัวข้อ “สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ บุคคลสำคัญของโลก และศาสตราจารย์ ยอร์ช เซเดส์” ณ ศูนย์ค้นคว้าและวิจัย สถาบันภาษาและอารยธรรมตะวันออกแห่งชาติ กรุงปารีส

ในการนี้ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล สมาชิกวุฒิสภา ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ บุคคลสำคัญของโลก และความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์”

อนึ่ง นักการทูต นักประวัติศาสตร์โบราณคดี ครูอาจารย์ นักศึกษา และชาวฝรั่งเศส เป็นจำนวนมาก ผู้เข้าร่วมการประชุมเชิงวิชาการในครั้งนี้ ต่างมีความตื้นตันใจ มีความซาบซึ้งในคำกล่าวสุนทรพจน์ของ ม.ล.ปนัดดา ที่ทำให้ตระหนักทราบได้ว่าราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐฝรั่งเศสมีความสัมพันธ์อันดีงามมาช้านาน และพระบรมวงศานุวงศ์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ทุกพระองค์ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอันเปี่ยมล้นต่อชาวฝรั่งเศส ความเป็นกัลยาณมิตรระหว่างสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ องค์ปฐมเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย กับศาสตราจารย์ ยอร์ช เซเดส์ นักวิชาการชาวฝรั่งเศส ถือเป็นกรณีศึกษาที่ประชาชนทั้งสองประเทศไม่สามารถลืมเลือนได้

กาญจนบุรี – วงการกัญชาสะเทือนช็อกไปทั้งวงการหลังลงทุนไปกว่าพันล้าน แต่มีข่าวนายกรัฐมนตรี จะแก้ประกาศกัญชากลับสู่ยาเสพติด

กาญจนบุรี – กัญชาสะดุ้งสะเทือนช็อกไปทั้งวงการลงทุนไปกว่าพันล้านเศร้ามากๆ!! ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนนิคมสมุนไพรสัมพันธ์ตะวันตกใหญ่ ข่าวนายกรัฐมนตรี แก้ประกาศกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด

จากกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งแก้ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ให้นำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 และให้ออกกฎกระทรวงอนุญาตให้นำกัญชาไปใช้ประโยชน์เฉพาะทางการแพทย์และสุขภาพ เท่านั้น

ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนนิคมสมุนไพรสัมพันธ์ตะวันตก ฝากไปถึงรัฐบาลคิดดีแล้วหรือ ที่ลงทุนปลูกกัญชาทำถูกขั้นตอนของรัฐบาล สุดท้ายให้นำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 และให้ออกกฎกระทรวงอนุญาตให้นำกัญชาไปใช้ประโยชน์เฉพาะทางการแพทย์และสุขภาพ เท่านั้น

การลงทุนเป็นพันล้านวอนให้หันกลับมาศึกษาใหม่ ทางกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนนิคมสมุนไพรสัมพันธ์ตะวันตก เดือดร้อนหนักแน่หากไม่แก้ไข เราไม่ได้มองรัฐบาลใคร เรามองว่าเป็นรัฐบาลไทย และเราก็อยู่ภายใต้กฎหมายทุกประการ รัฐบาลทำแบบนี้เป็นเรื่องที่เศร้ามากๆ

นายวิศารท์ พจน์ประสาท ประธานบริหารนิคมอุตสาหกรรมกัญชาทางการแพทย์แห่งประเทศไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 67 นายวิศารท์ พจน์ประสาท ประธานบริหารนิคมอุตสาหกรรมกัญชาทางการแพทย์แห่งประเทศไทยและประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนนิคมสมุนไพรสัมพันธ์ตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า หากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งแก้ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ให้นำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 และให้ออกกฎกระทรวงอนุญาตให้นำกัญชาไปใช้ประโยชน์เฉพาะทางการแพทย์และสุขภาพ นั้น เรื่องนี้มีผลกระทบเดือดร้อนหนักแน่นอน เพราะเป็นเครือข่ายใหญ่ ทุกอย่างทางการแพทย์ ก็ต้องกลับไปสู้เหมือนเดิม เพราะมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การนำกัญชาไปใช้รักษาโรค ต้องกลับม้เริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ดังนั้นหากนายก จะนำกลับไปก็ต้องมาแก้ข้อกฎหมาย ข้อบังคับใหม่ทั้งหมดอีก แต่ที่แน่ๆ เราผู้ปลูกกัญชากระทบแน่นอน แต่จะเป็นรูปแบบใด กลุ่มเครือข่ายรับได้ตามที่รัฐบาลไทยสั่งการณ์ลงมา ฝากรัฐบาลต้องมองย้อนกลับไปด้วยว่าทำไมเครือข่ายต้องมาปลูกกัญชา ที่ปลูกเพราะรัฐบาลอนุญาตให้ปลูก การปลูกกัญชา ก็เป็นนโยบายของรัฐบาล จึงมาลงทุนทำการปลูกกัญชา

การลงทุนในเรื่องการปลูกกัญชาไปกว่า 1 พันล้านบาท ตั้งใจเพื่อนำกัญชาไปเป็นพืชเศรฐกิจตัวใหม่เพื่อรักษาโรค แต่เมื่อนายกรัฐมนตรี จะนำกลับไป ก็ต้องมากำหนดว่าทิศทางจะไปอย่างไร เพราะเราลงทุนไปเพราะรัฐบาลเป็นผู้อนุญาตและส่งเสริมสนับสนุนให้เราทำเราก็ทำ เรื่องนี้ทางรัฐบาลก็แจกกัญชาไปจำนวนนับล้านต้น แล้ววันนี้มาบอกว่ากัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษ อย่างนี้ความเชื่อมั่นของรัฐบาลอยู่ตรงไหน ไม่ได้มองว่ารัฐบาลเป็นของใคร แต่ตนเองมองว่าเป็นรัฐบาลไทย อย่างนี้ประเทศไทยจะอยู่ได้อย่างไร

ถ้าหากมาเปรียบเทียบกัญชา กับ คาสิโน มันไม่ได้แตกต่างอะไรเลย รัฐบาลกำลังสนับสนุนให้มีคาสิโน อย่างนี้เราจะอยู่กันอย่างไร เส้นทางกัญชาไม่ได้แตกต่างกับคาสิโนแม้แต่น้อย ดังนั้นต้องหันมาควบคุมกันใหม่น่าจะดีกว่า การไปนำเข้าจากต่างประเทศเรื่องนี้ไม่น่าจะถูกต้องเท่าใดนัก ทางต่างประเทศเขาได้เปลี่ยนการนำกัญชาไปใช้เขากำหนดอายุเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง ทางกลุ่มผู้ปลูกกัญชาเขาก็มีการเคลื่อนไหวแล้วในเรื่องนี้ วันนี้ทางการแพทย์ยังไปไม่ถึงไหน โดนบีบทุกรูปแบบ หากมาเจอปัญหาอีกทุกอย่างเสียหายหมด

สุดท้ายฝากไปถึงรัฐบาลไทยให้มองปัญหาในทุกมิติ แล้วอยากให้มองกัญชา เทียบเคียงกับการทำบ่อนคาสิโน ซึ่งมันไม่ได้แตกต่างกันเลย อยู่ดีๆ ไม่ใช่เราจะขึ้นมาปลูกกัญชา รัฐบาลเป็นผู้อนุญาตให้เราปลูกเราก็ปลูก สุดท้ายวันนี้ท่านกลับมาบอกว่าเป็นยาเสพติด ท่านยังไม่ทราบเลยว่าการควบคุมจะปฏิบัติกันอย่างไร รัฐบาลออกมาประกาศเช่นนี้ทำให้กระแสการตลาดของเราผันผวนหมด ทุกวันนี้เราก็ขาดทุนกันอยู่แล้ว มาซ้ำเติมให้เราหนักไปกว่าเดิมมากยิ่งขึ้น จึงขอฝากวิงวอนไปยังรัฐบาลให้มองไปทุกมิติทุกๆด้าน ตนเองไม่ได้สนใจว่าเป็นรัฐบาลของใคร ถือว่าเป็นรัฐบาลของไทย ตนเองก็อยู่ภายใต้รัฐบาลของท่าน แต่ท่านก็ต้องหันมามองเราด้วยเช่นเดียวกัน

ภาพ-ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

คณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรีฯ เยี่ยมดูงาน จ.นครปฐม

คณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร เดินทางมาเยี่ยมศึกษาดูงาน จ.นครปฐม

   ที่สถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์) อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม  นายอนุชา สะสมทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) นครปฐม พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ให้การต้อนรับคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร ที่ได้เดินทางมาศึกษาดูงาน ที่สถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์) โดยมีประธานสภาอบจ. สมาชิกสภา อบจ. รก.ปลัดอบจ. และเจ้าหน้าที่ อบจ.นครปฐม ร่วมให้การต้อนรับด้วย

อนึ่งการเดินทางมาศึกษาดูงาน สถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์) ทางคณะกรรมาธิการกิจการฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อที่คณะศึกษาดูงาน เพื่อจะได้นำสิ่งที่ได้รับจากการมาดูงานเป็นข้อมูลในการส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุและผู้เปราะบางต่อไป

สุดรันทด!! สองพี่น้องเป่าขลุ่ยส่งแม่ขึ้นสวรรค์

สุดรันทด!! สองพี่น้องมีแค่ใจกับแรงกาย เป่าขลุ่ยต่อหน้าศพแม่ส่งแม่ก่อนส่งขึ้นสวรรค์

  ผู้สื่อข่าวได้รับทราบจากทางโซเชียลว่า ที่วัดบางน้อยใน ต.บางหลวง อ.บางเลน จ.นครปฐม เรื่องที่ นายชิตณรงค์ จูมัจฉะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางหลวง ได้โพสต์คลิปเด็กชายหญิง เป่าขลุ่ย ต่อหน้าที่ตั้งศพของแม่ พร้อมเขียนข้อความว่า “ เห็นสองพี่น้องเป่าขลุ่ย ให้แม่ในงานศพของแม่ทำให้แม่เป็นครั้งสุดท้าย”

    จึงเดินทางไปที่ศาลาสวดศพวัดดังกล่าว เห็นบรรยากาศการจัดงานศพเป็นไปด้วยความเศร้าโศกและเรียบง่าย
ผู้สื่อข่าวได้ พูดคุยกับ น.ส.ปัชชญา นิ่มอนงค์ 16 ปี เรียนอยู่ กศน. กระทุ่มล้ม เล่าทั้งน้ำตานองหน้าเสียงสั่นเครือ ว่าแม่คือนางสวนีย์ สว่างวงศ์ อายุ 37 ปี เสียชีวิตด้วยอาการป่วยหลายโรค ตนมีพี่น้องทั้งหมด 5 คน ก่อนหน้านี้ที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ไม่เคยได้ใช้ชีวิตอยู่กับแม่ ต้องอยู่กับยายที่ ต. กระทุ่มล้ม อ.สามพราน จ.นครปฐม หนูและน้องชาย คือ ดช.พุทธพิทักษ์ นิ่มอนงค์ อายุ 14 ปี (ตอนนี้บวชเณรหน้าไฟให้แม่) ก่อนหน้าไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตอยู่กับแม่ สิ่งที่ทำให้แม่ได้คือมีแค่ใจและเเรงเป่าขลุ่ย เพลงหนึ่งเดียวคือแม่ ซึ่งมีความหมายรำลึกถึงพระคุณของแม่ และแสดงความรักให้กับแม่เป็นครั้งสุดท้าย

ชมคลิป.

หนูกับน้อง ย้ายไปอยู่ที่ตำบลกระทุ่มล้มตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถม และได้มีโอกาสเรียนเป่าขลุ่ย จึงไม่เคยได้มีโอกาสสักครั้งที่เป่าขลุ่ยให้แม่ฟัง นี่คือสิ่งเดียวและสิ่งสุดท้ายอยากให้แม่ได้ฟังเสียงขลุ่ยนี้ เป็นการส่งแม่ขึ้นสวรรค์ไปพร้อมกับเสียงขลุ่ย

มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มอบถุงพระราชทานให้แก่ประชาชนผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่ อ.สามพราน

มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มอบถุงพระราชทานให้แก่ประชาชนผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่จังหวัดนครปฐม

วันที่ 16 พฤษภาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยพสกนิกรผู้ได้รับผลกระทบจากอัคคีภัย ในพื้นที่อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ประธานกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ประจำจังหวัด นำถุงพระราชทานของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มามอบให้แก่ราษฎรผู้ประสบอัคคีภัย เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น และเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ได้รับผลกระทบ ในพื้นชุมชนริมน้ำ.หมู่ที่ 8 ตำบลสามพราน อำเภอสามพราน

ณ ศูนย์พักพิงผู้ประสบอัคคีภัยเทศบาลเมืองสามพราน (โรงเรียนเทศบาล 1 บ้านสามพราน) อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม โดยมี นายกเหล่ากาชาดจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมพิธี นายนพดล คำนึงเนตร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครปฐม ในฐานะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการฝ่ายบรรเทาทุกข์ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ประจำจังหวัด กล่าวว่า จังหวัดนครปฐม ได้เกิดสถานการณ์อัคคีภัยเมื่อวันที่.14 พฤษภาคม.2567 เวลาประมาณ.14.30 น. เป็นชุมชน ริมน้ำ หมู่ที่ 8 ตำบลสามพราน อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม จำนวน 24 หลัง บ้านเรือนได้รับความเสียหายทั้งหลัง จำนวน 11 หลัง และได้รับความเสียหายบางส่วน จำนวน 13 หลัง จึงได้ขอรับความอนุเคราะห์ถุงพระราชทานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำไปมอบแก่ราษฎรผู้ประสบอัคคีภัย เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น และเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากอัคคีภัยในครั้งนี้ โอกาสนี้

นางวราภรณ์ เจริญศิริโชติ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม/ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย นางศุภวรรณ จันทร์ดิษฐวงษ์ นางวรณัน สวนทอง นางศิริลักษณ์ พึ่งเนียม นางกัญจนา สร้อยอินทรากุล รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม ได้มอบถุงยังชีพ พร้อมมอบเงินให้แก่ผู้ประสบอัคคีภัย บ้านเสียหายทั้งหลัง (เป็นเจ้าของ) จำนวน 7 ราย ๆ ละ 10,000 บาท บ้านเสียหายบางส่วน จำนวน 4 ราย ๆ ละ 5,000 บาท และบ้านเช่าเสียหาย จำนวน 13 ราย ๆ ละ 3,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 129,000 บาท เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ และบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น นอกจากนี้ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนรปฐม ได้มอบเงินสงเคราะห์ผู้ประสบปัญหาทางสังคมกรณีฉุกเฉิน รายละ 3,000 บาท พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ และผู้นำท้องถิ่น ร่วมให้กำลังใจแก่ครอบครัวผู้ประสบอัคคีภัยในครั้งนี้

สำหรับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ก่อตั้งเป็นมูลนิธิขึ้น เพื่อช่วยบรรเทาทุกข์แก่ประชาชนผู้ได้รับความทุกข์ยากเดือดร้อนจากเหตุสาธารณภัยต่างๆ อย่างทันท่วงที ตลอดจนสงเคราะห์ด้านการศึกษาด้วยการมอบทุนการศึกษาแก่เด็กกำพร้าที่ครอบครัวประสบสาธารณภัย และเด็กที่เรียนดีในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ได้ยึดถือพระราชดำริมาปฏิบัติเป็นเวลา 58 ปี ดังพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ได้ทรงวางรากฐานการดำเนินงานของมูลนิธิไว้ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปณิธานอย่างแน่วแน่ ที่จะสืบสาน รักษา ต่อยอด ในการดำเนินงานของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ทรงห่วงใยผู้ประสบสาธารณภัย และทรงรับสั่งให้นำการช่วยเหลือ ส่งกลับประชาชนผู้ประสบสาธารณภัยอย่างรวดเร็วและทั่วถึง


สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม – ภาพ/ข่าว

งานบุญตักบาตรข้าวหลาม วันวิสาขบูชาฟื้นฟูวัฒนธรรม วัดพระงามฯ นครปฐม

งานบุญตักบาตรข้าวหลาม วันวิสาขบูชาฟื้นฟูวัฒนธรรม วัดพระงามฯ นครปฐม

วันวิสาขบูชา ปีนี้ตรงกับวันพุธ ที่ 22 พฤษภาคม พุทธศักราช 2567 ขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชน ร่วมฟื้นฟูประเพณี”ตักบาตรข้าวหลาม” วัดพระงามพระอารามหลวง ตั้งแต่เวลา 08.00 น. โดยพระสงฆ์จากพระอารามหลวง จะลงจากภูเขาลงมาตามบันได เพื่อรับบิณฑบาตข้าวหลามจากญาติโยม ซึ่งในอดีตเคยมีผู้กล่าวขานไว้ ว่าชุมชนพระงาม (ตรงข้ามวัดพระงามทางทิศเหนือ)เป็นชุมชนเผาข้ามหลาม ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน ได้ใส่บาตรพระสงฆ์ด้วยข้าวหลามที่เผาจากเตาใหม่ๆ หอมกรุ่น แต่ด้วยวิถีชีวิต กาลเวลาเปลี่ยน ผู้คนดั้งเดิมจากไปเหลือคนรุ่นลูก รุ่นหลาน ขึ้นมาทดแทนทำให้วัฒนธรรมจางหาย

  นายสมพงศ์ มุดา ประธานชุมชนริมคลองวัดพระงาม เทศบาลนครนครปฐม เปิดเผย ว่าชุมชนริมคลองวัดพระงาม และถนนคนเดินทวารวดีศรีปฐมนคร ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ฟื้นกิจกรรมตักบาตรข้าวหลาม เพื่อให้เกิดการกระตุ้น จิตสำนึกรักถิ่นฐาน บ้านเรือนห้องแถวไม้สองชั้นริมคลองเจดีย์บูชา ชุมชนนี้มีที่มาที่ลึกซึ้ง ในอดีตเป็นชุมชนไทย จีน ผสมผสานกัน อยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพระราชวังสนามจันทร์ เป็นชุมชนที่อยู่คู่กับป่าช้าวัดพระงาม เรียกว่าคนกับผีอยู่กันมาด้วยดีกว่า100 ปีเลยทีเดียว

นายสมพงศ์ มุดา ประธานชุมชนริมคลองวัดพระงาม เทศบาลนครนครปฐม ได้ขอเชิญชวนในวันวิสาขบูชานี้ มาร่วมตักบาตรข้าวหลาม ฟื้นวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าร่วมกัน หากไม่สะดวกหรือหาข้าวหลามไม่ทัน ทางคณะกรรมการชุมชน ได้เตรียมข้าวหลาม และขนมไทย จำหน่าย

จิบกาแฟชิวๆ ชมนกบินที่ “ชอนตะวัน คาเฟ่ Chorntawan Cafe”

ข่าวเด็ดเก็บมาเล่าทริปนี้ขอแนะนำ “ชอนตะวัน คาเฟ่” Chorntawan Cafe ร้านกาแฟแสนชิว จิบกาแฟไปเพลินๆ นั่งชม นั่งเล่นกับนกแสนสวยแบบสบายๆ

  ผู้สื่อข่าวสายชิวได้เดินทางไปที่ “ชอนตะวัน คาเฟ่” Chorntawan Cafe เพื่อพูดคุยกับเจ้าของถึงการเปิดคาเฟ่แห่งนี้ พร้อมพาไปชมนกบินโชว์ ของกลุ่ม รวมกันเฉพาะกิจ นกบินอิสระ

วัชรภัสร์ ดอกคำ หรือ ก๊อต  เจ้าของร้าน’ชอนตะวันคาเฟ่

    วัชรภัสร์ ดอกคำ หรือ ก๊อต อายุ 25ปี เจ้าของร้านชอนตะวันคาเฟ่ เล่าว่า ร้านตั้งอยู่ที่ 198 หมู่ 4 ต.บ้านยาง อ.เมือง จ.นครปฐม มีแนวคิดที่จะเปิดร้าน คือ ส่วนตัวที่บ้านมีธุรกิจอยู่แล้ว อยากหาแพชชั่นใหม่ๆ ให้กับตัวเอง ถ้าไปสานงานต่อในครอบครัวก็จะได้บริหารไม่เต็มที่ และไม่ได้ทำอะไรแปลกใหม่ตามแนวคิดของตัวเอง เลยอยากหาอะไรที่มันท้าทายในตัวเอง

จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดร้านชอนตะวันคาเฟ่ บนพื้นที่กว่า 20 ไร่ เปิดกิจการมาตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 67
เป็นคาเฟ่สไตล์มินิมอล โทนสีขาว มีมุม ถ่ายรูปหลากหลายมุม โดยเฉพาะสาวๆ คนไหนที่รักการถ่ายรูปไม่ควรพลาด เหมาะสำหรับ พาครอบครัวมาพักผ่อน นั่งรับลมยามเย็น ชมพระอาทิตตกดิน สำหรับร้านยังสามารถพาน้องหมาน้องแมวมาได้อีกด้วย

โดยที่ร้านมีจำหน่ายทั้งเครื่องดื่มและอาหาร จุดเด่นของร้านคือ เบเกอรี่ โฮมเมด และมีอาหารเสริมขึ้นมา ส่วนกาแฟเป็นกาแฟที่คัดสรร มาอย่างดีพื่อไว้คอยบริการลูกค้า
ในส่วนของเมนูที่ทุกคนมาแล้วต้องสั่งคือกาแฟ ในทุกๆ เมนูเลย จุดเด่นของกาแฟที่นี่คือความหอม ละมุน ในส่วนของเค้กก็ทุกรสชาติเหมือนกัน ทำสดใหม่ลูกค้ามาแต่ละครั้งจะได้ชิมเค้ก แบบใหม่หมุนเวียนไปเรี่อยๆไม่ซ้ำแน่นอน

หลังจากที่เปิดมาได้ซักระยะลูกค้าตอบรับดี โดยวิธีปากต่อปาก ทำให้มีลูกค้าหมุนเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย ทางคาเฟ่ กำลังเตรียมสถานที่ ให้แพะแคระมินิปิ๊กมี่ ไว้ให้ลูกค้าได้ถ่ายรูปแล้วในส่วนของสัตว์อื่นๆ ก็จะทยอยเพิ่มขึ้นมา

ที่ร้านจะเป็นร้านขนาดกลาง เน้นบรรยากาศธรรมชาติ สงบร่มรื่น อาหารอร่อย ร้าน ชอนตะวันคาเฟ่-Chorntawan Cafe” เปิดวันอังคาร – วันอาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 10:00 – 20:00 น.

จิรัฎฐ์ บัณฑูรธนานันท์  ตัวแทนของกลุ่มนกบินอิสระ

     จิรัฎฐ์ บัณฑูรธนานันท์ 44 ปี ตัวแทนของกลุ่ม รวมกันเฉพาะกิจ นกบินอิสระ กล่าวว่า ได้นำนกมาบิน เกือบ 40 ตัว มาบินโชว์ที่คาเฟ่ พร้อมเล่าว่า กลุ่มของเราเป็นกลุ่มนกบินอิสระที่เราเลี้ยงโดยไม่กักขัง สามารถปล่อยเขาไปบินและเรียกเค้ากลับมาได้ เป็นการรวมกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์กันใช้ชีวิตใกล้เคียงกัน วันนี้ได้มาบินที่นี่เพราะที่นี่เป็นคาเฟ่เปิดใหม่ สถานที่สวยงามมาก

ส่วนนกที่นำมาบินในวันนี้เป็นนกแก้วมาคอร์ มีหลายสายพันธุ์ เช่น สายพันธุ์ บลูแอนด์โกมาคอล ,กรีนวิงค์ มาคอว์ ,สกาเล็ต ส่วนนกเล็กก็จะเป็น ซันคอนัวร์ นกฮันท์มาคอร์ การเลี้ยงนกก็เหมือนเราเลี้ยงสุนัขเลี้ยงแมว การเลี้ยงสัตว์ทำให้จิตใจเราดี ใจเย็น และได้ทำกิจกรรมกับครอบครัว การที่เริ่มเลี้ยงนกเรารู้สึกทึ่ง ที่เห็นคนอื่นเลี้ยงแล้วสามารถปล่อยให้นกบินและนกบินกลับมานั่นคือจุดเริ่มต้นการเลี้ยงนก และทำให้ได้เพื่อนเพิ่มโดยปริยาย เริ่มจากอายุ 20-55 ปี ถึงอายุต่างแต่ทุกคนเป็นเพื่อนกัน เพื่อนต่างวัย วันนี้รู้สึกประทับใจมากสถานที่สวยบรรยากาศดี และกลับนำนกมาที่นี่แน่นอน สามารถติดตามได้ที่เพจ “รวมกันเฉพาะกิจ นกบินอิสระ” ว่าในแต่ละสัปดาห์ เราจะไปบินนกโชว์กันที่ไหน

เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวช่วยผู้ประสบเหตุไฟไหม้ตลาดสามพราน

เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวช่วยผู้ประสบเหตุไฟไหม้ตลาดสามพราน

สืบเนื่องจากเหตุการณ์ไฟไหม้ตลาดเก่าริมน้ำสามพราน เขตเทศบาลเมืองสามพราน จ.นครปฐม เสียหายหลายคูหา ทำให้พี่น้องประชาชนที่ต้องเป็นผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์เพลิงไหม้นี้หลายครอบครัวได้รับความลำบาก

พระพิพัฒน์ศึกษากร เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เจ้าอาวาสวัดบางช้างเหนือ เข้าดูที่เกิดเหตุไฟไหม้

   พระพิพัฒน์ศึกษากร เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เจ้าอาวาสวัดบางช้างเหนือ พร้อมคณะเดินทางมายังจุดเกิดเหตุเพลิงไหม้ชุมชนตลาดเก่าริมน้ำสามพราน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ประชาชนที่ประสบอัคคีภัย

เบื้องต้นได้ประสานงานกับทางคณะสงฆ์เข้าให้การช่วยเหลือ เบื้องต้นก่อนด้วยการให้ พระครูศรีสุตากร ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เจ้าอาวาสวัดกลางบางพระ หลวงพ่อสมหวัง นำหน่วยบรรเทาสาธารณภัย มูลนิธิหลวงพ่อสมหวังจัดตั้งโรงครัวชั่วคราว เพื่อประกอบอาหารให้กับชาวบ้านที่เดือดร้อน โดยใช้สถานที่สมาคมการกุศลสามพราน ตลาดสามพราน ใกล้จุดเกิดเหตุ และยังมอบ ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำดื่ม และเครื่องดื่ม เพื่อบรรเทาทุกข์ในเบื้องต้น

ภาพ-ข่าว ทวีพล หลิมชัยสุวรรณ

แปลกแต่จริง.น้ำตกสีดำไหลลงสู่ถ้ำธารลอด อุทยานแจ้งแล้วเกิดจากอะไร

อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์กาญจนบุรี แจ้งหลังโซเชียลนำคลิปน้ำสีดำไหลหลากลงสู่ถ้ำธารลอด  เผ่ยปมฝนตกหนักทำให้เกิดเหตุน้ำสีดำเพราะอะไร

นายถิรายุ เกลี้ยงสอาด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีสื่อสังคมออนไลน์นำคลิปวีดีโอ สภาพน้ำป่าสีดำไหลหลากมาจากภูเขา ลงสู่ถ้ำธารลอด โดยในข่าวเผยให้เห็นสภาพน้ำป่าที่ไหลลงมาจากภูเขา ซึ่งมีสีดำ ดูน่ากลัว เนื่องจากเป็นเศษขี้เถ้าที่เกิดจากไฟไหม้ป่า แล้วมีฝนตกทำให้น้ำฝนชะเอาเศษขี้เถ้าสีดำไหลลงมาด้วย นั้น

   นายอนันต์ โพธิ์พันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ได้มอบหมายให้ตน พร้อมเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ เดินทางไปตรวจสอบพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุตามข้อมูลข้างต้น พบพื้นที่บริเวณตามคลิปในข่าวดังกล่าว อยู่บริเวณบริเวณน้ำตกสไลเดอร์ ในเขตบริการหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ฉส.2 (เขากำแพง) อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ โดยคลิปดังกล่าว เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 เวลาประมาณ 14.30 น. ซึ่งขณะนั้นได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ ต.เขาโจด อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ตั้งแต่เวลาประมาณ 12.00 – 14.00 น.

โดยวัดปริมาณน้ำฝนบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ ได้ปริมาณ 58 มิลลิเมตร จนทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากในลำห้วยบริเวณน้ำตกสไลเดอร์ ชะล้างตะกอนดินในพื้นที่ป่าลงสู่แหล่งน้ำตามธรรมชาติซึ่งจะเกิดขึ้นเป็นปกติในระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 3-4 ชั่วโมง ระดับน้ำก็จะกลับคืนสู่สภาวะปกติ

ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวบริเวณน้ำตกสไลเดอร์ อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ ได้ปิดให้บริการด้านการท่องเที่ยวชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2567 จนถึงปัจจุบัน เนื่องจากปัญหาภัยแล้งและไม่เหมาะกับการให้บริการด้านการท่องเที่ยว โดยเมื่อเข้าสู่ภาวะปกติจะเปิดให้บริการอีกครั้ง

ปัจจุบัน ปริมาณน้ำในลำห้วยสายต่างๆ ภายในเขตบริการ อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ ได้เข้าสู่ภาวะปกติ สามารถลงเล่นได้ตามปกติ ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ ได้จัดเจ้าหน้าที่เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในเขตบริการอย่างใกล้ชิด และจะให้คำแนะนำกับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ ได้รับทราบข้อมูลข้อเท็จจริงต่อไป

ภาพ-ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

สพป.ราชบุรี เขต 1 นำร่อง จัดการศึกษา 1 โรงเรียน 3 แบบเพื่อความเสมอภาค

   สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 1 ราชบุรี นำร่อง จัดการศึกษา 1 โรงเรียน 3 แบบ เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
  

ดร.บรรเจิด อุ่นมณีรัตน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 1

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 พฤษภาคม 2567 ณ.ห้องประชุมปักษาสวรรค์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 1 โดย ดร.บรรเจิด อุ่นมณีรัตน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 1(สพป.เขต1ราชบุรี) ดร.สิทธิพล พหลทัพ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธมศึกษาราชบุรี (สพม.ราชบุรี) ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์ประยูร สุธาบูรณ์ ดร.เนตรดาว ยั่งยุบล คุณผลิพร ธัญญอนันต์ผล ผู้แทนกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับ คณะครูจากโรงเรียนในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 1 และโรงเรียนในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาราชบุรี ร่วมประชุมวิพากษ์ร่างคู่มือเพื่อขับเคลื่อนพัฒนา 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ ในการจัดการศึกษาที่ยืดหยุ่น ไร้รอยต่อ ภายใต้โครงการแก้ปัญหาเด็กนอกระบบการศึกษาและเด็กตกหล่นให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา

  ดร.บรรเจิด อุ่นมณีรัตน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 1 กล่าวว่า การลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เป็นประเด็นสำคัญประการหนึ่งที่กำหนดไว้ในแผนปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา เนื่องจากปัจจุบันเด็กไทยยังขาดโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษา สะท้อนได้ จากความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาที่มีอยู่ในระดับสูง เด็กได้เข้าเรียนไม่ครบทุกคน มีปัญหาการออกกลางคัน ผู้เรียนที่มีความต้องการเป็นพิเศษ ยังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสม ความแตกต่างในเชิงคุณภาพของ โรงเรียนในแต่ละบริบทพื้นที่ รวมถึงสภาพแวดล้อมและสภาพทางเศรษฐกิจของแต่ละครัวเรือน ส่งผลต่อการ เข้าถึงการศึกษายิ่งท้าให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาเพิ่มมากขึ้น

  โดยที่ผ่านมานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ประกาศนโยบายตั้งเป้าหมาย Thailand Zero Dropout เด็กและเยาวชนทุกคนไม่หลุดจากระบบการศึกษา “ รัฐบาลมุ่งมั่นให้เด็กทุกคนไม่หลุดจากระบบการศึกษา ตั้งเป้าหมาย Zero Dropout แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา พัฒนาการเรียนที่ยืดหยุ่นให้ตรงความต้องการ เน้นทักษะอาชีพ และทักษะชีวิต ใครที่หลุดจากระบบจะให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา” ซึ่ง รัฐธรรมนูญมาตรา 54 กำหนดให้รัฐต้องดำเนินการให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาเป็น เวลา12 ปี ตั้งแต่ก่อนวัยเรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับอย่างมีคุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย

  ดร.บรรเจิด กล่าวเพิ่มเติม ว่า การลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา โดยวิธีการ การจัดการศึกษา 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ หมายถึง การจัดการการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นและ ผสมผสานทั้งการศึกษา ในระบบโรงเรียน การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย อย่างไร้รอยต่อ เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม ห้องเรียนสร้างโอกาสสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ หมายถึงห้องเรียนที่สถานศึกษามุ่งเน้นการจัดการเรียนรู้เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาที่มีความยืดหยุ่น บูรณาการ ไร้รอยต่อและสอดคล้องกับความสนใจ ความถนัดและสภาพปัญหาของผู้เรียนแต่ละบุคคลตามศักยภาพ โดยนักเรียนกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ คือนักเรียนที่เสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษาและโรงเรียนได้ ติดตามให้กลับมาเรียน หรือนักเรียนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงในการออกกลางคันสูง ตามสภาพปัญหาและสาเหตุต่างๆ ที่มีความประสงค์จะเข้าเรียนในห้องเรียนสร้างโอกาส และเด็กกลุ่มตกหล่น ซึ่งการจัดการศึกษาที่ยืดหยุ่น คือ การศึกษาที่มีรูปแบบ วิธีการจัดการศึกษา โครงสร้างหลักสูตร เนื้อหาวิธีการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผล มีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของ บุคคลแต่ละกลุ่มและมีอิสระสามารถเลือกเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ตามความ สนใจ ความพร้อม ศักยภาพ และ โอกาส ได้ทุกเวลาทุกสถานที่ ซึ่งจะนำไปสู่การศึกษาที่ไร้รอยต่อ ที่มีความเชื่อมโยงระหว่างรูปแบบการจัดการศึกษาในระบบ การศึกษา นอกระบบและการศึกษา และตามอัธยาศัย

ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ กล่าวว่า เด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษามีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่วงจรอันตราย 3 เรื่อง เป็น แรงงานรายได้ต่ำ มีความเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพ การค้าประเวณีโดยเฉพาะเด็กผู้หญิง และยุวอาชญากรที่ ตกอยู่ในวังวนยาเสพติดและลักขโมย เพราะฉะนั้นหลักการจัดการศึกษาเพื่อปวงชน (Education for All) เป็นการจัดการศึกษาเพื่อให้ประชาชนทุกคน ทุกช่วงวัยตั้งแต่เด็กปฐมวัย วัยเรียน วัยทำงาน และผู้สูงวัย มีโอกาสในการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อให้แต่ละบุคคล ได้พัฒนาตามความพร้อมและความสามารถให้บรรลุขีดสูงสุด มีความรู้ ทักษะ และ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ในการดำรงชีวิต และการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม รวมทั้งมีสมรรถนะในการทำงาน เพื่อการประกอบอาชีพตามความถนัดและความสนใจ สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ อันจะนำไปพัฒนาตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ แผนการศึกษาแห่งชาติ จึงต้องกำหนดเป้าหมายการจัดการศึกษาที่ครอบคลุม โดยไม่ปล่อยปละละเลยหรือทิ้งใครไว้ข้างหลัง (No one left behind) และหลักการจัดการศึกษาเพื่อความเท่าเทียมและทั่วถึง (Inclusive Education) เป็นการจัดการศึกษาสำหรับผู้เรียนทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้เรียนกลุ่มปกติ กลุ่มด้อยโอกาสที่มีความยากลำบากและขาดโอกาส เนื่องด้วยสภาวะทางเศรษฐกิจและภูมิสังคม ซึ่งรัฐต้องดูแลจัดสรรทรัพยากรทางการศึกษา สนับสนุนผู้เรียนกลุ่มนี้ ให้ได้รับการศึกษาตามศักยภาพและความพร้อมอย่างเท่าเทียม กลุ่มที่มีความ ต้องการเป็นพิเศษ ซึ่งหมายรวมกลุ่มผู้มีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา สังคม อารมณ์ การ สื่อสารและการเรียนรู้หรือร่างกายพิการ หรือทุพพลภาพ รวมทั้งบุคคลซึ่งไม่สามารถพึ่งตนเองได้ หรือไม่มี ผู้ดูแล รัฐต้องจัดให้บุคคลดังกล่าวมีสิทธิและโอกาสได้รับการศึกษาร่วมกับเด็กปกติในกรณีที่สามารถเรียนได้ เพื่อให้เขาได้มีโอกาสเรียนรู้ แลกเปลี่ยนความรู้ความคิด และปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่นในสังคม หรือจัดให้เป็นพิเศษตามระดับความบกพร่อง

นอกจากนี้ บุคคลซึ่งมีความสามารถพิเศษรัฐต้องจัดรูปแบบการศึกษาที่ เหมาะสม โดยคำนึงถึงความสามารถของบุคคลนั้น ด้วยเหตุผลสำคัญคือบุคคลที่มีความสามารถพิเศษเป็น ทรัพยากรที่สำคัญของประเทศ หากจัดการศึกษารูปแบบปกติอาจทำให้ไม่สามารถพัฒนาบุคคลดังกล่าวให้มีความรู้ความสามารถตามศักยภาพของเขาได้ รัฐจึงมีหน้าที่ลงทุนพิเศษสำหรับบุคคลเหล่านี้ และถือเป็นสิทธิ ของบุคคลซึ่งมีความสามารถพิเศษที่จะได้รับบริการทางการศึกษาที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนาศักยภาพของตน แผนการศึกษาแห่งชาติจึงต้องกำหนดยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนาที่ครอบคลุมการดูแลและพัฒนา บุคคลทุกกลุ่มเป้าหมายอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ศ.ดร.สมพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย

รังสี ลิมปิโชติกุล จ.ราชบุรี ภาพ-ข่าว

กาญจนบุรี – จนท.อุทยานฯ ทองผาภูมิ พร้อมสัตวแพทย์ ติดตามดูและรักษาช้างป่า 2 แม่ลูกป่วย

     นายรัชสิต จงจรัสพร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ค.67 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ได้รับแจ้งจาก พระครูภาวนาสุทธาจารย์ (หลวงพ่อสาคร ธัมมาวุโธ) เจ้าอาวาสวัดเวฬุวันวนาราม (วัดเวฬุวัน) ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ ว่าพบช้างป่าเพศเมียมีอาการผิดปกติบริเวณแก้มด้านซ้ายบวมขนาดใหญ่ ทำให้กินอาหารลำบาก โดยช้างตัวดังกล่าวหากินกับลูกอีก 1 ตัว จากนั้นจึงได้รายงานไปยังนายอนันต์ โพธิ์พันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 ทราบ และได้มอบหมายให้นายมานะ เพิ่มพูล ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการสุขภาพและคลินิกสัตว์ป่าเข้าดำเนินการลงพื้นที่ เพื่อทำการรักษา

โดยนายทนงศักดิ์ อิวบาง หัวหน้าฝ่ายจัดการสัตว์ป่า น.ส. ลักษณา ประสิทธิชัย นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) พร้อมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อติดตามหาช้างป่าตัวดังกล่าวจนกระทั่งพบ จากนั้นจึงได้ทำการยิงยาปฏิชีวนะจำนวน 2 เข็ม และยาฆ่าเชื้อจำนวน 2 เข็ม บริเวณสะโพกหลังและจะเฝ้าติดตามอาการอย่างต่อเนื่องทุกวัน

เช้าวันนี้ (3 พค 67) เวลา 06.00 น.คณะเจ้าหน้าที่ได้ออกติดตามช้างเพื่อที่จะฉีดยาลดการอักเสบ และยาฆ่าเชื้ออีกครั้งหนึ่ง พบอาการบาดเจ็บของช้างมีลักษณะแผลเป็นก้อนบวมที่กรามบนข้างซ้าย คาดว่าเกิดจากภายในช่องปาก ไม่ใช่เกิดจากภายนอกทะลุเข้าไปด้านใน ซึ่งช้างมีลักษณะยืนเคี้ยวอาหารลำบาก และมีน้ำลายไหลออกมา จากการสังเกตพฤติกรรมหลักๆของช้างพบว่าส่วนใหญ่ทั้งวันจะเดินหากินอยู่กับลูกเพียง 2 ตัว แต่นานๆครั้งจะมีช้างป่าตัวอื่น 1-2 ตัว เข้ามายืนอยู่ด้วย

และนอกจากนี้พบว่าสุขภาพของลูกช้างไม่ทราบเพศ อายุประมาณ 2 ปี มีสุขภาพที่แข็งแรง สามารถกินอาหารหยาบ เช่น ใบไม้ ต้นไม้เป็นส่วนหลักได้ตามปกติโดยสังเกตได้จากมูลของลูกช้าง สำหรับแนวทางการรักษาแม่ช้างนั้นเจ้าหน้าที่จะให้ยาฆ่าเชื้อ และยาลดอักเสบ จากการติดตามผลการตอบสนองจากการรักษา พบว่ามีอาการดีขึ้น อาการบวมลดลง ซึ่งจะทำการรักษาโดยการยิงยาฉีดฆ่าเชื้อ และยาลดอักเสบอย่างต่อเนื่อง

วันที่ 9 พ.ค. 67 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการสุขภาพและคลินิกสัตว์ป่า ร่วมกันติดตามร่องรอยช้าง เพื่อจะดูผลการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ ยาลดอักเสบ และวิตามิน ที่ทำการรักษาเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 67 โดยได้ติดตามร่องรอยบริเวณที่ช้างออกหากินบริเวณแปลงมันสำปะหลัง ต้นส้าน และแปลงปลูกป่าสักองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.)ทองผาภูมิ

ผลไม่ปรากฏพบตัวช้างตามบริเวณที่ออกหากิน โดยเริ่มติดตามหาตั้งแต่ 05.00 น. – 09.00 น.ก็ยังไม่พบ เจ้าหน้าที่จึงได้ถอนกำลังออกมาเนื่องจากหลังจากเวลา 09.00 น. เป็นเวลาที่ช้างหลบเข้านอนบริเวณป่าน้ำซับซึ่งเป็นที่รก ค่อนข้างอันตรายและยากต่อการปฏิบัติงานติดตามหาช้าง

รอจนถึงเวลา 16.30 น.ซึ่งเป็นเวลาที่ช้างป่าออกหากิน เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิจึงเข้าดำเนินการติดตามช้างอีกครั้งหนึ่ง เริ่มตั้งแต่แหล่งอาหาร และแหล่งที่ช้างหลบนอน แต่ก็ไม่พบการเคลื่อนไหว จนกระทั่งเวลา 17.45 น.ฝนได้ตกลงมา จึงพบช้างป่าสองแม่ลูกอยู่ที่บริเวณแปลงมันสำปะหลัง แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปถ่ายรูปในระยะใกล้ได้ จนเวลา 18.50 น.จึงได้ยุติการติดตาม

นายรัชสิต จงจรัสพร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เปิดเผยว่า ต่อมาเวลา 17.15 น.ของวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ร่วมกับ หลวงปู่สาครและ นายปฐม แหนกลาง อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านปากลำห้วยปิล็อก พบช้างป่าสองแม่ลูกกำลังยืนตากฝนหากินอยู่ที่บริเวณไร่มัน 6 ไร่ ท้องที่หมู่ 5 ต.ห้วยเขย่ง อ.ทองผาภูมิ พบว่าอาการเจ็บป่วยดีขึ้น แก้มที่บวมยุบลง แต่ยังมีน้ำลายไหลเล็กน้อย อาการกินอาหารดีขึ้น ดูร่าเริง สรุปอาการโดยรวมดีขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเจ้าหน้าที่จะเฝ้าติดตามและสังเกตดูอาการอย่างใกล้ชิดทุกวัน

ภาพ-ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

กาญจนบุรี พบแลนด์มาร์คใหม่”น้ำตกที่ไม่ใช่น้ำตก”

  อากาศร้อนจนสุดจะทนไหว  นักท่องเทื่ยวต้องหาแหล่งเทื่ยวใหม่ดับร้อนพบ “น้ำตกที่ไม่ใช่น้ำตก” แลนด์มาร์คแห่งใหม่ อ.ท่ามะกา

นักท่องเทื่ยว ทนแรงจากโซเชียลไม่ไหวเดินทางมุ่งหน้ามาไปยังที่หมู่ 2 ตำบลพงตึก อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งที่นี่ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดังและฮิตมากในขณะนี้ ซึ่งเมื่อใครมาก็จะถ่ายภาพถ่ายคลิปแชร์ลงในโลกออนไลน์ในสื่อต่างๆ จึงทำให้เกิดการแชร์ต่อๆกันไปอย่างรวดเร็ว ประกอบกับในช่วงนี้สภาพอากาศร้อนเกิน 40 องศา บางวันพุ่งไปเกือบ 50 องศา ทนร้อนไม่ไหวต่างต้องหาจุดคลายร้อนกันไป

สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ลักษณะจะคล้ายกับน้ำตกทั่วๆไปที่เกิดตามธรรมชาติ แต่น้ำตกที่นี่นั้นไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ แต่เกิดจากการขุดช่องน้ำจากคลองชลประทาน เพื่อระบายลงสู่แม่น้ำแม่กลอง จึงทำให้การเดินทางของน้ำสายนี้ที่วิ่งมาจากคลองชลประทานลงมานั้นเป็นทางลาดชันจึงทำให้ปลายสายก่อนจะลงแม่น้ำนั้นมีความแรงจึงเกิดคล้ายเหมือนน้ำตกทั่วๆไป

สถานที่ท่องเที่ยวตรงจุดนี้ชาวเน็ตเรียกกันว่าน้ำตกวัดปากบาง เพราะอยู่ใกล้กับวัดปากบางโดยห่างจากวัดราว 200 ม. จึงทำให้นักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวน้ำตกนั้นจอดที่สนามที่วัดได้เลย สถานที่นี้เดิมทีมีแค่ชาวบ้านระแวกนี้เท่านั้นที่รู้ว่าเป็นเส้นทางน้ำไหล จากคลองลงสู่แม่น้ำแม่กลอง ก็ไม่ได้มีใครสนใจอะไรเพราะเมื่อก่อนทางเข้าก็จะเป็นป่ารกปกคลุมไปด้วยต้นไม้จำนวนมาก มีก็แค่ชาวบ้านแถวนั้นที่ลงมาหาปลาบ้าง ตกปลาบ้าง จนเริ่มมีช่องทางที่จะเดินลงไปถึงข้างด้านล่างของแม่น้ำ พอเริ่มมีช่องทางที่ใหญ่ขึ้น ก็เริ่มมีชาวบ้านลงไปเล่นน้ำกันก็มีถ่ายรูปลงในโซเชียลในสื่อต่างๆ แต่ก็ยังไม่ได้คนเยอะอะไรมากมาย จนมาถึงปีนี้ที่มีฤดูร้อนที่อากาศร้อนมาก จึงทำให้คนนั้นเสาะหาที่เล่นน้ำใหม่ๆ ที่เที่ยวที่พักผ่อนหย่อนใจ จึงทำให้ที่นี่มีนักท่องเที่ยวเริ่มที่จะเข้ามาเที่ยวกันเรื่อยๆ และหลังจากที่เที่ยวก็ได้เก็บภาพเก็บคลิปลงในสื่อต่างๆ

อุโบสถมหาอุด เป็นอุโบสถเก่าแก่อายุหลายร้อยปี

จึงทำให้ทุกวันนี้น้ำตกวัดปากบางเป็นที่ที่หนึ่งที่ใครก็อยากจะมาเที่ยวมาเล่นน้ำ แล้วตอนนี้ไม่ได้มีแค่นักท่องเที่ยวที่เป็นคนในจ.กาญจนบุรีไปแล้ว ที่มาเที่ยวยังมีจังหวัดข้างเคียง เช่นสุพรรณบุรี นครปฐม ราชบุรี ก็แวะเวียนเข้ามาเที่ยวที่น้ำตกนี้กันอย่างคึกคัก จนทำให้เดี๋ยวนี้มีร้านค้ามากมายนับสิบๆร้าน แล้วทุกร้านบอกว่าขายดีมาก ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างดีใจที่มีคนเข้ามาเที่ยวกันเยอะมากทำให้เกิดรายได้ในชุมชน ในวันหยุดช่วงเสาร์และวันอาทิตย์ นักท่องเที่ยวจะมากันตั้งแต่ 7.00 น. ยาวไปจนถึง 17:00 น. ก็จะเริ่มถยอยกลับกันเรื่อยๆ ใครที่กลัวว่าลูกว่ายน้ำไม่เป็นไม่แข็งนั้น จุดนั้นก็มีให้เช่าเสื้อชูชีพ ค่าเช่าก็ชุดละ 20 บาท ใครที่ไม่ได้เตรียมที่นั่งมาก็มีเสื่อไว้ให้บริการในราคา 20 บาทเช่นกัน

ซึ่งในตอนนี้ทางองค์การบริหารส่วนตำบลพงตึก โดยมี ร.ต.อ. อธิพัฒน์ อนันท์พรหมมา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลพงษ์ตึก ได้เข้ามาดูแลในเรื่องต่างๆเพื่อจะอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวกันอย่างมากมาย และจะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดียิ่งขึ้นกว่านี้ เพราะที่นี่ถื่อว่าสวยมากๆที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ให้คนทั่วประเทศได้รู้จัก เพราะทัศนียภาพโดยรวมนั้นสวย มีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น มีหาดทรายให้นั่งกว้างขวาง บวกกับตัวน้ำตกที่สวยมากและน้ำไม่ลึก จึงเหมาะแก่การผลักดันให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวต่อไป ส่วนใครที่อยากไหว้พระก่อนที่จะมาเล่นน้ำตกหรือขากลับก็แวะไหว้พระขอพร ก็ที่วัดปากบางได้เลย เพราะที่วัดนี้มีโบสถ์มหาอุด เป็นโบสถ์เก่าแก่หลายร้อยปี ด้านในมีหลวงพ่อพระพุทธศรีมงคลประดิษฐานอยู่ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เคารพนับถือของชาวบ้านในละแวกนี้เป็นอย่างมาก

ภาพ-ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

หนุ่มใหญ่แสนน่ารักมากประสบการณ์ทั้งด้านโรงแรมและร้านอาหาร ไอเดียสุดแหล่ม!!! เนรมิตรค่าเฟ่&ร้านอาหาร ” BANN KERO ” ใจกลางทุ่งนาเขียวขจี

      หนุ่มใหญ่สุดแสนน่ารักมากประสบการณ์ทั้งด้านโรงแรมและร้านอาหาร ไอเดียสุดแหล่ม!!! เนรมิตรค่าเฟ่&ร้านอาหาร ” BANN KERO ” ใจกลางทุ่งนาเขียวขจี โอบล้อมด้วยขุนเขา วิวนี้ใครพลาดเช็กอินตกเทรนด์แน่นอน

   สำหรับทุกวันนี้นักท่องเที่ยวสายคาเฟ่มากมาย ที่เสาะแสวงหาคาเฟ่ที่มีความสงบ ร่มเย็น ร่มรื่น ที่อยู่ใจกลางธรรมชาติอย่างแท้จริง ใครล้ำนำก่อนเพื่อน เข้าเช็กอินก่อน… กับคาเฟ่ที่นี่เปิดก้าวเข้าสู่เดือนที่ 2 “BANN KERO” ด้วยบรรยากาศแนวแบบบ้านๆ ออกลูกทุ่งๆ ที่อยู่ใจกลางทุ่งนาอันเขียวขจี แถมโอบล้อมด้วยขุนเขาอันเป็นธรรมชาติแบบเรียบง่าย สงบ ร่มรื่น บรรยากาศดีมากมาย แบบนั่งชิวกลางวัน ยามเย็น จนถึงพลบค่ำที่มีการประดับไฟเส้นสีเหลืองนวลสบายตาที่สวยงามอีกแบบในยามค่ำคืน และจุดถ่ายรูปต่างๆ บนสะพานที่เดินผ่านทุ่งนาอันเขียวขจีมีความสวยงามแบบยากจะปฏิเสธอีกด้วย

คุณอิทธิพัทธ์ สวัสดิ์สุข หรือคุณเคโระ เปิดเผยว่า สำหรับแรงบันดาลใจ และแนวการทำร้านก็แต่งแนวสไตล์นอร์ดิก แบบลูกทุ่งลูกทุ่ง แบบเรียบง่าย รองรับเพื่อนมาเที่ยวบ้าน ซึ่งด้วยสถานที่ก็อยู่กลางทุ่งนา แนวอาหารก็เป็นแบบพื้นบ้านลูกทุ่งลูกทุ่ง อาหารแนวสไตล์เมืองกาญจน์ ที่มีความเผ็ด รสจัด สดสะอาด มาที่นี่ได้ชมทุ่งนา ชมภูเขา ชมธรรมชาติต่างๆ

การเดินทางก็ไม่ไกลจากตัวเมืองมาก ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ออกจากตัวเมืองข้ามสะพานสมเด็จพระสังฆราชวิ่งตรงมาเรื่อยๆก่อนขึ้นเขาปูน จะมีเบี่ยงขวาเรียบแนวภูเขา วิ่งตรงมาเรื่อยๆไม่เกิน 200 เมตรอยู่ขวามือ ทางร้านก็จะแบ่งเป็น 2 part ก็คือแนวคาเฟ่เปิดตั้งแต่ 08.00น. ถึง 17.00น.

  ส่วนแนวร้านอาหารเริ่มตั้งแต่ 10.00น. ถึง 21.00น. ครัวก็จะปิด 3 ทุ่ม ลูกค้าก็สามารถนั่งต่อชิลๆได้เรื่อยๆ ที่สำคัญช่วงเย็นๆก็จะมีดนตรีสด

  จุดเด่นของทางร้าน ก็คือบ้าน “BAAN KERO” ก็คือบ้านของทุกคน พร้อมจะเปิดรับทุกๆคน ที่จะเข้ามานั่งทานกาแฟทานอาหาร ก็พร้อมยินดีต้อนรับ ซึ่งด้วยประสบการณ์ส่วนตัวของตนเองก็รู้ว่า ลูกค้ามาร้านอาหารต้องการอะไรเป็นส่วนใหญ่ ด้วยเพราะเมืองกาญจน์เป็นเมืองที่มีอากาศร้อนมาก ทางเราก็จะมีมุมกับห้องแอร์เย็นฉ่ำๆ ส่วนช่วงเย็นก็จะชิวๆกับบรรยากาศโอเพ่นแอร์ไว้คอยสำรองความสุขให้กับทุกท่าน

  สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ FB : BAAN KERO TikTok : BANN KERO Home made food & Cafe โทร. 095 – 6059695

ภาพ-ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

9 องค์กร ครูเพลง-ศิลปิน ร่วมลงนามยก 11 พฤษภาคม เป็น”วันเพลงลูกทุ่งไทย”

   9 องค์กร ลงนามร่วมกันประกาศให้วันที่ 11 พฤษภาคม เป็น”วันเพลงลูกทุ่งไทย” โดยเริ่มปี 67 นี้ เป็นปีแรกในการประกาศเจตนารมและให้ความสำคัญของเพลงลูกทุ่งไทย อย่างเป็นทางการ

วันที่ 11 พฤษภาคม 67 ที่วัดไร่ขิง พระอารามหลวง จ.นครปฐม ศิลปินแห่งชาติ ครูเพลง ศิลปินนักร้องและคนในวงการเพลงลูกทุ่ง และ9 องค์กร ประกอบด้วยสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ประยงค์ ชื่นเย็น ศิลปินแห่งชาติ นายกสมาคม, สมาคมนักแต่งเพลงแห่งประเทศไทย ศรีสุภางค์ อินทร์ไทร นายกสมาคม, สมาคมนักเพลงลูกทุ่งแห่งประเทศไทย บริพันธ์ ชัยภูมิ นายกสมาคม, สมาคมนักร้องลูกทุ่งแห่งประเทศไทย ทศพล หิมพานต์ นายกสมาคม, สมาคมศิลปินตลกแห่งประเทศไทย โอบะ เสียงเหน่อ นายกสมาคม, สมาคมนักแต่งเพลงลูกทุ่งประเทศไทย อณิวัชร์ พนม (วิไล พนม) นายกสมาคม, สมาคมวงดนตรีประเทศไทย สุเทพ เภาพันธ์ นายกสมาคม, พิพิธภัณฑ์เพลงลูกทุ่ง เจนภพ จบกระบวนวรรณ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์และชมรมคนรักลูกทุ่ง กิตติศักดิ์ สายน้ำทิพย์ ประธานชมรมพร้อมด้วย ศิลปินแห่งชาติและครูเพลง นคร ถนอมทรัพย์, ชัยชนะ บุญนะโชติ, ดอย อินทนนท์ ฯลฯ ได้ร่วมกันจัดพิธีไหว้ครู ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับบูรพาจารย์ในวงการเพลงลูกทุ่ง ผู้ล่วงลับและเป็นการรวมพลศิลปินชื่อดังในวงการเพลงลูกทุ่งไทย เพื่อลงนามประกาศให้วันที่ 11 พฤษภาคม เป็น “วันเพลงลูกทุ่งไทย

โดยในช่วงเช้าได้มีพิธีทางสงฆ์โดยได้นิมนต์ พระธรรมวชิรานุวัตร เจ้าคณะภาค 14 เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวงเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ โดยมีพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม คณะสงฆ์จากวัดต่างๆ เข้าร่วมสวดบังสุกุล ให้กับครูเพลง ศิลปินเพลงผู้ล่วงลับ อาทิ สุรพล สมบัติเจริญ , ไวพจน์ เพชรสุพรรณ , พุ่มพวง ดวงจันทร์ , ยอดรัก สลักใจ , สายัน สัญญา , ศรเพชร ศรสุพรรณ , ชลธี ธารทอง , ล้อต๊อก ฯลฯ

จากนั้นเป็นการจัดพิธีการในการร่วมมือของ 9 องค์กร โดยมีศิลปินแห่งชาติ ครูเพลง ศิลปินเพลง และคนในวงการเพลงลูกทุ่ง วงการตลกและนักแสดง เข้าร่วมลงนามอย่างเป็นทางการ เพื่อประกาศให้วันที่ 11 พฤษภาคมของทุกปี เป็น “วันเพลงลูกทุ่งไทย” โดยถือในปี พ.ศ.2567 เป็นปีแรกของการเริ่มต้น ท่ามกลางความยินดีของผู้เข้าร่วมภายในงาน

ความสำคัญในวันนี้ของวงการเพลงลูกทุ่งไทย เนื่องจาก วันที่ 11 พฤษภาคม 2507 มีการออกอากาศรายการเพลงลูกทุ่ง ทางช่อง 4 บางขุนพรหม โดยอ.จำนง รังสิกุล เป็นผู้จัดทำรายการและเป็นผู้ริเริ่ม ร่วมด้วย ครูนคร ถนอมทรัพย์ พาวงจุฬารัตน์ นำทีมโดย ชาย เมืองสิงห์ ไปแสดงในรายการ และต้นปีเดียวกัน ผ่องศรี วรนุช ได้ออกทีวีครั้งแรกในรายการ “เพลงชาวบ้าน” ร่วมกับศิลปินรุ่นพี่ ทูล ทองใจ และ พร ภิรมย์ ทำให้คนทั่วไปได้รู้จักเพลงลูกทุ่งมากขึ้น จึงกำหนดให้ วันที่ 11 พฤษภาคมของทุกปี เป็น “วันเพลงลูกทุ่งไทย

นักธุรกิจชาวจีน บินตรงมาไทยนำไข่ไก่ 9,000 ฟอง แก้บนหลวงพ่อสมหวัง หลังขอลูกได้สมใจ

นักธุรกิจชาวจีน บินตรงมาไทยนำไข่ไก่ 9,000 ฟอง แก้บนหลวงพ่อสมหวัง หลังขอลูกได้สมใจ

วันที่ 10 พฤษภาคม 67 ที่วัดกลางบางพระ หลวงพ่อสมหวัง ต.บางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม Mr. Xushnang wanghqiyi ชื่อเล่นว่า “โจ” นักธุรกิจชาวจีน พร้อมภรรยา และบุตรชาย อายุ 3 ปี นำไข่ไก่จำนวน 9,000 ฟอง ประทัด 10,000 นัด มาถวายหลวงพ่อสมหวัง เพื่อเป็นการแก้บน ที่เคยมากราบไหว้หลวงพ่อสมหวัง เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว โดยขอพรว่าอยากมีบุตร หลังจากนั้นกลับไปเมืองจีน ภรรยาตั้งครรภ์ และคลอดบุตรผู้ชาย ตามที่ขอ แต่ยังไม่สามารถมาแก้บนได้เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด กระทั่งปัจจุบันลูกชาย อายุ 3ปีแล้วจึงพากันบินมาเมืองไทย และมาแก้บนตามที่ขอไว้และสมหวัง

  นายเทิดศักดิ์ นัดสูงวงศ์ ไวยาวัจกร วัดกลางบางพระ หลวงพ่อสมหวัง กล่าวว่า ได้รับการประสานจากไกด์ ว่าเสี่ยโจ นักธุรกิจชาวจีน และภรรยาจะมาขอแก้บนหลวงพ่อสมหวัง ด้วยไข่ไก่ 9,000 ฟอง ประทัด 10,000 นัด และนิมนต์พระสงฆ์สวดชัยมงคลให้พรด้วย จึงให้เจ้าหน้าที่เตรียมสถานที่ อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้มีจิตศรัทธา ที่จะมาแก้บนดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้เป็นวันพืชมงคล มีประชาชนมากราบไหม้ขอพรหลวงพ่อสมหวัง จำนวนมากและเมื่อทราบว่านายโจ นักธุรกิจชาวจีน มาแก้บน ตามที่ได้ขอไว้สมหวัง แบะจุดประทัด 10,000 นัด จึงเฝ้ารอส่องเลขผ้าแดงหัวประทัด “ มั่งมี มั่งคั่ง” 136 / 98 เพื่อหวังโชคลาภด้วย

“ผ้าลายปูรณฆฏาศรีทวารวดีใหญ่” เรือนจำกลางนครปฐม ได้รับคัดเลือกให้เป็นสุดยอดผ้าจังหวัดนครปฐม ประจำปี 2567

“ผ้าลายปูรณฆฏาศรีทวารวดีใหญ่” เรือนจำกลางนครปฐม ได้รับพิจารณาคัดเลือกจากคณะกรรมการ ให้เป็นสุดยอดผ้าจังหวัดนครปฐม ประจำปี 2567

นางสาวอโรชา นันทมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 ที่ห้องประชุม ศาลากลางจังหวัดนครปฐม นางสาวอโรชา นันทมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย คณะกรรมการประกวดสุดยอดผ้าจังหวัดนครปฐม ประจำปี 2567 ประกอบด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการจากหน่วยงานต่างๆ ชมรมแม่บ้านมหาดไทย และผู้แทนภาคเอกชน ร่วมพิจารณาคัดเลือกผ้าทอ ผ้าพิมพ์ลาย จากหน่วยงาน ผู้ประกอบการ OTOP และช่างทอผ้าทั้ง 7 อำเภอ ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดนครปฐม ส่งเข้าประกวด จำนวน 14 ราย ตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงมหาดไทย โดยพิจารณาให้คะแนนผ้า จากลวดลาย ความคิดสร้างสรรค์ สะท้อนความเป็นภูมิปัญญาไทย มีรูปแบบ สีสันสวยงาม ตรงกับความต้องการของตลาด อีกทั้งมีเอกลักษณ์ตามคุณสมบัติของประเภทผ้าที่สะท้อนความเป็นภูมิปัญญาไทย มีความคิดสร้างสรรค์ต่อยอดจากภูมิปัญญาไทย มีความสม่ำเสมอของสีและเนื้อผ้า สีไม่ตก ไม่ด่าง มีเอกลักษณ์ตามคุณลักษณะของผลิตภัณฑ์ ตลอดจนโครงสร้าง ลวดลาย เนื้อผ้ามีความหนาแน่น สม่ำเสมอตลอดทั้งผืนผ้า ปราศจากตำหนิและรอยเปื้อน ริมผ้ามีความเรียบร้อยตลอดทั้งผืน และมีขนาด สัดส่วน เหมาะสมต่อการใช้งาน

สำหรับผลการประกวดสุดยอดผ้า ประจำปี 2567 อันดับที่ 1 ได้แก่ ผ้าไหม ลายปูรณฆฏาศรีทวารวดีใหญ่ จากกองงานฝึกวิชาชีพทอผ้า เรือนจำกลางนครปฐม อันดับที่ 2 ได้แก่ ผ้าไหมมัดหมี่ต่อตีนจก จากกลุ่มผ้าทอศรีอุทุมพร ตำบลโพรงมะเดื่อ อำเภอเมือง อันดับที่ 3 ได้แก่ ผ้ายกขิด ลายปูรณฆฏาศรีทวารวดีเล็ก จากกองงานฝึกวิชาชีพทอผ้า เรือนจำกลางนครปฐม และ ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน ย้อมสีธรรมชาติ จากกลุ่มทอผ้าวงเดือนผ้าจกไท-ยวน ตำบลห้วยม่วง อำเภอกำแพงแสน

ในส่วนของผ้าลายปูรณฆฏาศรีทวารวดีใหญ่ ที่ได้รับการพิจารณาคัดเลือกจากคณะกรรมการฯ ให้เป็นสุดยอดผ้าจังหวัดนครปฐม ประจำปี 2567 ได้รับแรงบันดาลใจมาจากลายผ้าอัตลักษณ์ประจำจังหวัดนครปฐม
“ปูรณฎาศรีทวารวดี” หมายถึง จังหวัดนครปฐมเป็นดินแดนอารยธรรมสมัยทวารวดีที่มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งสภาพแวดล้อม พืชพรรณ ธัญญาหาร มีความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ โดยมีองค์ประกอบลายหลัก คือลายหม้อน้ำปูรณะฏะ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์มงคลที่มีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤต หมายถึงการกำเนิดชีวิตที่มีความสมบูรณ์ มั่งคั่ง โดยลวดลายดังกล่าวปรากฎอยู่บนเหรียญตราและประติมากรรมประตับบนโบราณวัตถุสมัยทวารวดี และมีลายประกอบ คือกวางหมอบ อันเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของความเป็นดินแดนแห่งพระพุทธศาสนา ผสมกับลายเอกลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์


สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม-ข่าว

นครปฐม จัดนิทรรศการ “ทวารวดี มีชีวิต ที่นครปฐม” เพื่อสร้างจิตสำนึกรักท้องถิ่น และสร้างการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจสังคมได้อย่างยั่งยืน

จังหวัดนครปฐม จัดนิทรรศการ “ทวารวดี มีชีวิต ที่นครปฐม” เพื่อสร้างจิตสำนึกรักท้องถิ่น และสร้างการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจสังคมได้อย่างยั่งยืน ภายใต้นิทรรศการทวารวดีมีชีวิตที่นครปฐม

  วันที่ 8 พฤษภาคม 2567 นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานเปิดนิทรรศการ “ทวารวดี มีชีวิต ที่นครปฐม” ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-13 พฤษภาคม 2567 ที่ลานกิจกรรม ชั้น G เซ็นทรัลนครปฐม โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บริหารหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ประธานมูลนิธิหนึ่งน้ำใจ One Love Foundation อธิการบดี และคณะทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ส่วนราชการ ภาคการศึกษา ภาคเอกชน และเครือข่ายท้องถิ่น ร่วมพิธีในครั้งนี้

  ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุน ด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กล่าวว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ได้รับทุนสนับสนุนโครงการวิจัย “ทวารวดีนครปฐม” สร้างคุณค่า สร้างมูลค่า สร้างจิตสำนึกรักท้องถิ่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างกลไกและเครือข่ายความร่วมมือในการอนุรักษ์พัฒนา และสร้างสรรค์คุณค่าความสำคัญของอารยธรรมทวารวดีในจังหวัดนครปฐม ตลอดจนสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และการบริการจากทุนวัฒนธรรมทวารวดีที่มีคุณค่า และมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ตลอดจนพัฒนาศักยภาพและยกระดับผู้ประกอบการและผู้สืบทอด ผู้สร้างสรรค์ทุนทางวัฒนธรรมทวารวดีอย่างยั่งยืน

  นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชนเพื่อความยั่งยืนและสร้างจิตสำนึกรักท้องถิ่น ทั้งนี้โครงการวิจัยได้ดำเนินงานมาถึงในส่วนของการจัดนิทรรศการเผยแพร่ความรู้สู่สาธารณชนในจังหวัดนครปฐม เพื่อสร้างจิตสำนึกรักท้องถิ่น และสร้างการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจสังคมได้อย่างยั่งยืน ภายใต้นิทรรศการทวารวดีมีชีวิตที่นครปฐม ซึ่งในนิทรรศการประกอบด้วย การนำเสนอผลงานวิจัย การออกแบบผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์จากทุนวัฒนธรรมทวารวดี การสนทนาทางวิชาการ กิจกรรมการแสดง และกิจกรรมให้ความรู้

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม – ภาพ/ข่าว

นครปฐมเตรียมจัด”SME FESTIVAL THAILAND ครั้งที่ 2″ โชว์ซอฟเพาวเวอร์ ของดี 7 อำเภอ

นครปฐมเตรียมจัด”SME FESTIVAL THAILAND ครั้งที่ 2″ โชว์ซอฟเพาว์เวอร์นครปฐม

นางสาวอโรชา นันทมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม

วันที่ 8 พฤษภาคม 67 ที่ลานหน้าวิหารพระร่วงโรจน์ฤทธิ์ฯ ด้านทิศเหนือขององค์พระปฐมเจดีย์ วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม นางสาวอโรชา นันทมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม แถลงข่าวงาน “SME FESTIVAL THAILAND ครั้งที่ 2” มีนายสมศักดิ์ ธีรภาพสกุลวงศ์ ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยจังหวัดนครปฐม นางสาวกิรดา ลำโครัตน์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครปฐม นางสาวผ่องพรรณ ศิริวัฒนาวงศา ททท.สนง.ราชบุรี นายกันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย ร่วมแถลงความเป็นมาและการเตรียมงานที่ยิ่งใหญ่นี้

นางสาวอโรชา นันทมนตรี กล่าวว่าสมาพันธ์ SME ไทยจังหวัดนครปฐม ได้กำหนดจัดงาน “SME FESTIVAL THAILAND ครั้งที่ 2” ขึ้นระหว่างวันที่ 24 – 31 พฤษภาคม 2567 ณ บริเวณด้านหน้าองค์พระปฐมเจดีย์ (ทิศเหนือ) ซึ่งภายในงานมีกิจกรรมการออกร้านและนำผลิตภัณฑ์ของดี ของทั้ง 7 อำเภอ มาจำหน่ายและแสดงเพื่อส่งเสริมและผลักดันผู้ประกอบการเพิ่มยอดขาย และกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัด พร้อมทั้งสร้างความภูมิใจให้คนรุ่นใหม่ในการเป็นผู้ประกอบการ ซึ่งภายในงานมีบูธร้านค้าจำนวนมาก ทั้งของกินของใช้ที่นำมาจำหน่ายภายในงาน มีร้านค้า ร้านอาหาร ชื่อดังมากมายของจังหวัดนครปฐมมาประชันกัน ซึ่งไฮไลต์แต่ละวันจะเป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ชุมชนของแต่ละอำเภอมาแสดง และจำหน่าย ซึ่ง SME ในแต่ละอำเภอจะคัดสรรนัมเบอร์วันของแต่ละอำเภอมาโชว์

  และในวันที่ 24 พฤษภาคม มีนางรำกว่า1,000 ชีวิต มาร่วมรำบวงสรวงหน้าวิหารพระร่วงโรจน์ฤทธิ์ โดยจะใช้ลานปูนชั้นล่างเป็นสถานที่รำบวงสรวง ซึ่งเป็นการรวมนางรำของจังหวัดนครปฐมที่มากที่สุดและเป็นการแสดงถึงความสามัคคี ร่วมสืบสานศิลปวัฒนธรรมที่สวยงามของจังหวัด และความเป็นสิริมงคลต่อผู้รำ การรำบวงสรวงในครั้งนี้ ผู้รำจะแต่งกายด้วยเสื้อสีเหลือง สไบสีน้ำเงิน และนุ่งผ้าถุงหรือนุ่งโจงสีน้ำเงิน

นายสมศักดิ์ ธีรภาพสกุลวงศ์ กล่าวว่าวันที่ 24 พฤษภาคม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม มาเป็นประธาน “เปิดเมืองแห่งความศรัทธา” จังหวัดนครปฐม ประจำปี 2567 จัดโดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครปฐม ณ บริเวณลานหน้าพระร่วงโรจนฤทธิ์ องค์พระปฐมเจดีย์ เป็นการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและนวัตกรรมใหม่ ชมขบวนแห่ที่ตกแต่งอย่างสวยงามสุดอลังการของ 7 อำเภอ ที่นำเสนออัตลักษณ์ของอำเภอที่เป็น Soft Power มาแห่โชว์รอบองค์พระปฐมเจดีย์

โดยในวันที่ 24 พ.ค.67 เวลา 20.00 น. จะมีพิธีเปิดงาน SME FESTIVAL THAILAND ครั้งที่ 2 อย่างเป็นทางการ “จึงขอเชิญนักท่องเที่ยวทุกท่าน รวมถึงพี่น้องชาวนครปฐม และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเที่ยวชมงาน SME PESIVAL THALAND ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 24 – 31 พฤษภาคม 2567  นี้

กาญจนบุรี – นายทุนมีหนาว!! ธนดล ที่ปรึกษา รมว.เกษตร เตรียมย้อนลุยกาญจน์ อีกรอบเผยรู้ชื่อนายทุนฮุบที่ สปก.หมดแล้ว

กาญจนบุรี – นายทุนมีหนาว!! ธนดล ที่ปรึกษา รมว.เกษตร เตรียมย้อนลุยกาญจน์ อีกรอบเผยรู้ชื่อนายทุนฮุบที่ สปก.หมดแล้ว

จากกรณีนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์/ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนการตรวจสอบและพิจารณาความผิดเกี่ยวกับผู้ได้รับการจัดที่ดินและผู้ถือครองที่ดินโดยมิชอบในเขตปฏิรูปที่ดิน(สปก.)พร้อมด้วยนายวินัย เมฆดำ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ “พญานาคราช” กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ได้ลงพื้นที่สนามกอล์ฟไมด้า กอล์ฟ คลับ หมู่ 7 ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อพิจารณาความผิดเกี่ยวกับการถือครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน (สปก.) เนื้อที่ประมาณ 139 ไร่ ที่สนามกอล์ฟชื่อดัง ซื้อที่ สปก.จากราษฎร จำนวน 11 ราย นำมาใช้ประโยชน์ โดยคณะของนายธนดลฯลงพื้นที่เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา

ซึ่งในวันดังกล่าวผู้สื่อข่าวได้ถามว่าสนามกอล์ฟใครเป็นเจ้าของ…นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ฯ ตอบว่า ไม่ทราบครับ..เราเข้ามาตรวจสอบโดยใช้พระราชบัญญัติปฏิรูปที่ดิน ปี 2518 มาตรา 23 ที่ให้อำนาจ ปทจ.จังหวัดฯ หรือปฏิรูปที่ดินจังหวัดในการแสดงเอกสารสิทธิแล้วเข้าไปดูเฉพาะพื้นที่ที่เป็นของ สปก.ส่วนในพื้นที่ที่เขามีเอกสารสิทธิเราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่ครั้งนี้เรามีหลักฐานที่ชัดเจนเราจึงเข้ามาตรวจสอบ

เรียนพี่น้องสื่อมวลชน…อยากให้เอาคำพูดของผมไปออกข่าวว่า..ผมลงมาในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ผมได้ทราบว่ามีนายทุนที่ไหนบ้าง..ถ้าพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ไม่เป็นพื้นที่ตามพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2481 ซึ่งเป็นเขตทหาร น่าจะมีการบุกรุกที่ดินที่เยอะมาก อันนี้ต้องขอขอบคุณทางทหารเอาไว้ด้วยนะครับ ส่วนเรื่องของนายทุนที่ผมมาในวันนี้ ผมได้ไปตรวจสอบเจอแล้ว เดี๋ยวผมจะกลับไปที่กรุงเทพฯเพื่อไปทำการบ้านแล้วผมจะกลับมาลุยใหม่

  ที่ผ่านมานั้น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ ได้แต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการตรวจสอบและพิจารณาความผิดเกี่ยวกับผู้ได้รับการจัดที่ดินและผู้ถือครองที่ดินโดยมิชอบในเขตปฏิรูปที่ดิน (สปก.) ขึ้นมา โดยมีนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ เป็นประธานคณะทำงาน นายสุรชัย ยุทธชนะ รองเลขาธิการ ส.ป.ก. เป็นรองประธานคณะทำงาน

มีนายสราวุธ เบญจกุล (อดีตเลขาธิการศาลยุติธรรม) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ (หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์) นายชวลิต ชูขจร (อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) นายวีระชัย นาควิบูลย์วงศ์ (อดีต เลขาธิการ ส.ป.ก.) นายสรรเสริญ อัจจุตมานัส (อดีต เลขาธิการ ส.ป.ก. )นายเอกรัฐ พลชื่อ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) รวมถึงนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ (ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม)เป็นคณะที่ปรึกษา

และนอกจากนี้ยังมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจ แห่งชาติ กระทรวงกลาโหม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI.)คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน(สผผ.)รวมทั้ง กรมที่ดิน และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นคณะทำงานอีกด้วย

ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

นายกหนึ่ง อบจ.นครปฐม ปรับปรุงดูแลมอบบ้านกลุ่มเปราะบาง

นายกหนึ่ง นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ หรือนายกหนึ่ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม ปรับปรุงดูแลมอบบ้านกลุ่มเปราะบาง

   นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ หรือนายกหนึ่ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม (นายกอบจ.นครปฐม) ประธานกรรมการกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วยคณะกรรมการกองทุนฯ สมาชิกสภา อบจ., เจ้าหน้าที่ อบจ., พัฒนาสังคมและความมั่นของของมนุษย์จังหวัด, สาธารณสุขจังหวัด และผู้นำชุมชนตำบลดอนยายหอม อำเภอเมืองนครปฐม และตำบลบางแก้ว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เพื่อมอบบ้านที่ได้ดำเนินการปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว 3 หลัง และลงพื้นที่สำรวจบ้านเพื่อประเมินสภาพแวดล้อมอีก 2 หลัง เพื่อหาแนวทางในการปรับปรุงให้เหมาะสมกับผู้อาศัยซึ่งเป็นผู้เปราะบางต่อไป

  นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม ให้ความสำคัญกับเรื่องสาธารณสุข และความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน รวมถึงกลุ่มเปราะบาง ซึ่งทุกครานายกหนึ่งจะเดินทางลงพื้นที่ด้วยตนเอง เพื่อสะดวกและรวดเร็วในการพิจารณา ดำเนินการ ให้ทันถ้วงที

สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย  จัดอบรมโครงการรณรงค์สร้างวินัยทางการเงิน

สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย – นครปฐม จัดอบรมโครงการรณรงค์สร้างวินัยทางการเงิน ให้แก่สมาชิกผู้ที่มีความสนใจด้านการสร้างวินัยและการวางแผนทางการเงิน เพื่อรณรงค์ให้เกิดกระแสการสร้างวินัยทางการเงินให้เกิดขึ้นในสังคมทุกระดับ เพื่อเสริมสร้างคุณธรรมและจริยธรรมทางการเงิน

นางสาวอโรชา นันทมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม

ที่โรงแรมไมด้า แกรนด์ ทวารวดี นครปฐม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทยนครปฐม  ได้จัดอบรมโครงการรณรงค์สร้างวินัยทางการเงิน ให้แก่สมาชิกผู้ที่มีความสนใจด้านการสร้างวินัย และการวางแผนทางการเงิน โดยมีนางสาวอโรชา นันทมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานเปิดโครงการ พร้อมมอบเกียรติบัตรให้แก่ผู้ที่เข้ารับการอบรม และคุณฐิตินันท์ วัธนเวคิน ประธานฝ่ายรณรงค์สร้างวินัยการเงิน สหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครปฐม ร่วมโครงการอบรมในครั้งนี้

นางสาวณัฏฐ์ปภาณ จันทร์ละมูล นายกสมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย – นครปฐม

นางสาวณัฏฐ์ปภาณ จันทร์ละมูล นายกสมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย – นครปฐม กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการครั้งนี้ว่า จาสภาพปัญหาเศรษฐกิจหลังช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ซึ่งอยู่ในห้วงของการฟื้นฟูเศรษฐกิจทั่วทั้งโลก วินัยทางการเงิน การวิเคราะห์สถานการณ์ตลาด และการบริหารทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดเป็นทักษะสำคัญที่จำเป็นในการดำรงชีวิตสำหรับคนทุกคนจึงนำมาสู่การจัดโครงการรณรงค์สร้างวินัยทางการเงินในครั้งนี้ เพื่อรณรงค์ให้เกิดกระแสการสร้างวินัยทางการเงินให้เกิดขึ้นในสังคมทุกระดับ ตลอดจนเสริมสร้างคุณธรรมและจริยธรรมทางการเงิน รวมถึงเพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีทักษะในการบริหารจัดการการเงินของตนเองอย่างมีวินัย โดยกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วยผู้ที่มีความสนใจด้านการสร้างวินัยและการวางแผนทางการเงิน รวมจำนวน 60 คน


สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม – ภาพ/ข่าว

ราชบุรี – ตาลปัตรสานจากเชือกกล้วยผลิตภัณฑ์ลดโลกร้อน จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรสุขใจ กรับใหญ่ อ.บ้านโป่ง

ราชบุรี – ตาลปัตรจากเชือกกล้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ลดโลกร้อน
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรสุขใจ กรับใหญ่ 111 อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี มีไอเดียนำต้นกล้วยมาแปรรูปผลิตเสื่อและตาลปัตรพระ พวงหรีด ผลิตภัณฑ์สร้างรายได้แก่ครัวเรือน และยังช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง

   ต้นกล้วยถือเป็นพืชที่มีประโยชน์ทุกส่วน ทั้งผล ใบ และลำต้น ทำให้วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรสุขใจกรับใหญ่ 111 ต.กรับใหญ่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี โดยนางณัฐวรรณ ธรรมสว่างจิตร ประธานกลุ่มฯ มองเห็นคุณค่าและจุดเด่นของต้นกล้วย จึงมีแนวคิดนำมาสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยการเลือกต้นกล้วยที่มีอายุประมาณ 5-8 เดือน เรียกว่ากล้วยสาว นำมาตัดเป็นท่อนๆ ละประมาณ 70 ซม. จากนั้นลอกกาบด้านนอกที่มีลายสีคล้ำทิ้งไป เอาแต่กาบที่มีลักษณะสีขาวนวล ใช้มีดกรีดเป็นเส้นบาง ๆ นำไปตากแดดประมาณ 2 ครั้ง ก็จะได้เส้นใยจากกาบกล้วยที่มีลักษณะไม่แห้งมากนัก โดยต้นกล้วยสาวจะมีข้อดี เมื่อนำไปทอเสื่อหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จะมีความนิ่ม คงทน สีสันสวยงาม และมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ


นางณัฐวรรณ ธรรมสว่างจิตร อายุ 52 ปี ประธานวิสาหกิจชุมชนเกษตรสุขใจ กรับใหญ่ 111 กล่าวว่า ที่บ้านปลูกกล้วยอยู่แล้ว สิ่งที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ คือแม่มีความรู้เรื่องการทอผ้า ทอเสื่อ อยู่แล้ว จึงมีแนวคิดนำต้นกล้วยมาทอเสื่อ และเป็นช่วงการได้รับโอกาสจากมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง เข้ามาช่วยดูแลเรื่ององค์ความรู้ จากที่ทางกลุ่มเคยมีการรวมตัวจากกองทุนบทบาทพัฒนาสตรีตำบลกรับใหญ่รวมตัวปลูกกล้วยน้ำว้า มีการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ คงเหลือต้นกล้วยที่ตัดทิ้งไว้มองว่าจะเอาไปทำอะไรดี จึงเป็นที่มาของการนำมาทอเสื่อจากเส้นใยกาบกล้วย ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง หาช่องทางการตลาดให้ ส่วนข้อดีของเสื่อที่ทำมาจากเชือกกล้วย คือ ประหยัดต้นทุน คุณภาพไม่ด้อยไปกว่าต้นกก การรักษาไม่ยุ่งยาก และมีความพิเศษของกลิ่นหอม หากถูกอากาศเย็น ๆ จะมีความนิ่มและหอม ตอนนี้มีการพัฒนาจากเสื่อเพิ่มเติม เช่น พวงหรีด อาสนะสงฆ์ ตาลปัตร เรียกง่าย ๆ คือ ชุดบวชพระใหม่ลดโลกร้อน


ผศ.ปรียาพร ทองผุด สาขาวิชาศิลปศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง กล่าวว่า โครงการส่งเสริมพลังชุมชนขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ได้รับมอบหมายจาก ผศ.ดร.ชัยฤทธิ์ ศิลาเดช อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ทำงานภายใต้ยุทธศาสตร์ราชภัฏเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ได้ทำงานในพื้นที่กรับใหญ่และพื้นที่โดยรอบ พบว่าชุมชนมีอาชีพหลายหลากหลาย ต้องการความรู้และส่งเสริมเรื่องผลิตภัณฑ์ชุมชนนำไปสู่รายได้ จึงให้ชุมชนที่มีทุนเดิมอยู่แล้ว ร่วมมือกันตั้งอยู่บนพื้นฐานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ใช้องค์ความรู้เข้ามาช่วยส่งเสริม โดยมีภาคีเครือข่ายเข้ามาช่วยดูแลขับเคลื่อน ในเรื่องการทอเสื่อ และนำเสื่อมาแปรรูปเป็นอาสนะพระ พวงหรีด ตาลปัตร จากเดิมมีอาชีพการเย็บผ้าไตรอยู่แล้ว ในพื้นที่ปลูกกล้วยและขายผลกล้วย มีการนำมาแปรรูปเป็นกล้วยตาก คิดว่าต้นกล้วยที่ต้องเผาทิ้งเกิดมลภาวะน่าจะนำมาทำเป็นเชือกกล้วย แล้วใช้ทุนภูมิปัญญาเดิม นำเชือกกล้วยมาทอเป็นเสื่อ ทางมหาวิทยาลัยฯได้มาช่วยเรื่องการพัฒนาให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อหากลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มเติมให้ มีการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่าย เช่น สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด ให้ชุมชนไปออกบูธจำหน่ายสินค้า เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ในการนำเข้ามาปรับปรุงทำให้งานที่ทำอยู่มีการพัฒนายิ่งขึ้นไป

สำหรับการทอเสื่อ ก็จะใช้กี่ทอเสื่อที่ทำขึ้น นำขึ้นรูปทอทีละเส้น โดยใช้ไม้นำเชือกกล้วยค่อย ๆ สอดเชือกเข้าที่กี่ เอาเชือกล้วยด้านที่เรียบขึ้นมาไว้ด้านบน การทอ 1 บล็อกจะใช้เชือกกล้วยประมาณ 16 เส้น ขณะทอจะต้องตีฟืมให้มีน้ำหนักเสมอกัน เพื่อให้ลวดลายออกมาสวยงามไม่บิดเบี้ยว การทอเสื่อ 1 ผืน จะใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน นอกจากนี้ยังมีการนำเชือกกล้วยไปทำเป็นกระเป๋าถือ กระเป๋าสะพาย ที่รองแก้ว อาสนะพระ ตาลปัตร และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้สวยงามแปลกตา ที่สำคัญยังมีคุณภาพดี และยังเป็นมิตรต่อส่งแวดล้อมอีกด้วย


ผู้สนใจที่จะศึกษาเรียนรู้สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ นางณัฐวรรณ ธรรมสว่างจิตร ประธานวิสาหกิจชุมชนเกษตรสุขใจ กรับใหญ่ 111 เบอร์ 063 – 3544693

พันธุ์ – จรรยา แก้วนุ้ย จ.ราชบุรี ภาพ-ข่าว

กาญจนบุรี – นายทุนมีหนาว!! ธนดล ที่ปรึกษา รมว.เกษตร เตรียมย้อนลุยกาญจน์ อีกรอบเผยรู้ชื่อนายทุนฮุบที่ สปก.หมดแล้ว

กาญจนบุรี – นายทุนมีหนาว!! ธนดล ที่ปรึกษา รมว.เกษตร เตรียมย้อนลุยกาญจน์ อีกรอบเผยรู้ชื่อนายทุนฮุบที่ สปก.หมดแล้ว

จากกรณีนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์/ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนการตรวจสอบและพิจารณาความผิดเกี่ยวกับผู้ได้รับการจัดที่ดินและผู้ถือครองที่ดินโดยมิชอบในเขตปฏิรูปที่ดิน(สปก.)พร้อมด้วยนายวินัย เมฆดำ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ “พญานาคราช” กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

ได้ลงพื้นที่สนามกอล์ฟไมด้า กอล์ฟ คลับ หมู่ 7 ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อพิจารณาความผิดเกี่ยวกับการถือครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน (สปก.) เนื้อที่ประมาณ 139 ไร่ ที่สนามกอล์ฟชื่อดัง ซื้อที่ สปก.จากราษฎร จำนวน 11 ราย นำมาใช้ประโยชน์ โดยคณะของนายธนดลฯลงพื้นที่เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา

ซึ่งในวันดังกล่าวผู้สื่อข่าวได้ถามว่าสนามกอล์ฟใครเป็นเจ้าของ…นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ฯ ตอบว่า ไม่ทราบครับ..เราเข้ามาตรวจสอบโดยใช้พระราชบัญญัติปฏิรูปที่ดิน ปี 2518 มาตรา 23 ที่ให้อำนาจ ปทจ.จังหวัดฯ หรือปฏิรูปที่ดินจังหวัดในการแสดงเอกสารสิทธิแล้วเข้าไปดูเฉพาะพื้นที่ที่เป็นของ สปก.ส่วนในพื้นที่ที่เขามีเอกสารสิทธิเราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่ครั้งนี้เรามีหลักฐานที่ชัดเจนเราจึงเข้ามาตรวจสอบ

เรียนพี่น้องสื่อมวลชน…อยากให้เอาคำพูดของผมไปออกข่าวว่า..ผมลงมาในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ผมได้ทราบว่ามีนายทุนที่ไหนบ้าง..ถ้าพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ไม่เป็นพื้นที่ตามพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2481 ซึ่งเป็นเขตทหาร น่าจะมีการบุกรุกที่ดินที่เยอะมาก อันนี้ต้องขอขอบคุณทางทหารเอาไว้ด้วยนะครับ ส่วนเรื่องของนายทุนที่ผมมาในวันนี้ ผมได้ไปตรวจสอบเจอแล้ว เดี๋ยวผมจะกลับไปที่กรุงเทพฯเพื่อไปทำการบ้านแล้วผมจะกลับมาลุยใหม่

  ที่ผ่านมานั้น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ ได้แต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการตรวจสอบและพิจารณาความผิดเกี่ยวกับผู้ได้รับการจัดที่ดินและผู้ถือครองที่ดินโดยมิชอบในเขตปฏิรูปที่ดิน (สปก.) ขึ้นมา โดยมีนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ เป็นประธานคณะทำงาน นายสุรชัย ยุทธชนะ รองเลขาธิการ ส.ป.ก. เป็นรองประธานคณะทำงาน

มีนายสราวุธ เบญจกุล (อดีตเลขาธิการศาลยุติธรรม) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ (หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์) นายชวลิต ชูขจร (อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) นายวีระชัย นาควิบูลย์วงศ์ (อดีต เลขาธิการ ส.ป.ก.) นายสรรเสริญ อัจจุตมานัส (อดีต เลขาธิการ ส.ป.ก. )นายเอกรัฐ พลชื่อ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) รวมถึงนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ (ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม)เป็นคณะที่ปรึกษา

และนอกจากนี้ยังมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจ แห่งชาติ กระทรวงกลาโหม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI.)คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน(สผผ.)รวมทั้ง กรมที่ดิน และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นคณะทำงานอีกด้วย

ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี / ปรีชา ไหลวารินทร์

ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติคณะสงฆ์ จ.นครปฐม มอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ผู้ประสบอัคคีภัย

ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติคณะสงฆ์จังหวัดนครปฐม รุดมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ผู้ประสบอัคคีภัย ชาว ต.ไทยาวาส

วันที่ 6 พฤษภาคม 67 ที่บ้านเลขที่ 19 หมู่ที่ 3 ต.ไทยาวาส อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ซึ่งเป็นบ้านของนายชาติ หงส์เจียมจันทร์  พระครูศรีสุตากร ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เจ้าอาวาสวัดกลางบางพระ (หลวงพ่อสมหวัง) ประธานหน่วยบรรเทาสาธารณภัยหลวงพ่อสมหวัง วัดกลางบางพระ ผู้ประสานงานดำเนินการศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติคณะสงฆ์จังหวัดนครปฐม พร้อมคณะสงฆ์

   ได้เป็นตัวแทน มอบสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค และเงินช่วยเหลือ ให้แก่นายชาติ หงส์เจียมจันทร์ ผู้ประสบอัคคีภัย(ไฟไหม้) เพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนที่ได้รับความเสียหาย และได้รับความเดือดร้อนในเบื้องต้นการที่คณะสงฆ์ได้เข้าช่วยเหลือ และบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนที่ได้รับความเสียหาย เดือดร้อนจากอัคคีภัยครั้งนี้     

   สืบเนื่องจากได้รับมอบหมายจาก พระธรรมวชิรานุวัตร เจ้าคณะภาค 14 เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ประธานอำนวยการศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติคณะสงฆ์จังหวัดนครปฐม และพระธรรมวชิรเจติยาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 14, พระพิพัฒน์ศึกษากร เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม, พระศรีวิสุทธิวงศ์ รองเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม รองประธานอำนวยการฯ, พระครูปุญญาภิสันท์ เจ้าคณะอำเภอบางเลน/หัวหน้างานสาธารณสงเคราะห์, พระครูสังวรสาธุวัตร เจ้าคณะตำบลสัมปทวน และพระครูศรีสุตากร ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เจ้าอาวาสวัดกลางบางพระ ให้ได้รับการช่วยเหลือ และบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนเป็นการเบื้องต้นในครั้งนี้ ซึ่งทางคณะสงฆ์ก็ได้ปฎิบัติกันมาต่อเนื่องอยู่แล้ว.