คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวภูมิภาค

กฟภ.กาญจนบุรี จับผู้ลักลอบใช้ไฟฟ้าเสียหายเกือบ 10 ล้านบาท

กฟภ.กาญจนบุรี ถูกลักลอบใช้ไฟฟ้าเสียหายเกือบ 10 ล้านบาทภายในติดแอร์เย็นฉ่ำ!! PEA ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบการละเมิดการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัฒนา มหารมย์ ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ นุชสาย ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาเมืองกาญจนบุรี ร่วมกับ พันตำรวจเอก สุรยุทธ เมฆมังกร ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี นำกำลังเจ้าหน้าที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี และส่วนเกี่ยวข้องร่วมกันนำหมายค้นของศาลจังหวัดกาญจนบุรี เข้าตรวจค้น จุดที่ 1 หมู่บ้านพฤกษากาญจน์ ทาวน์ 2 บ้านเลขที่ 80/61 หมู่ 1 ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี และ จุดที่ 2 บ้านเลขที่ 75 ตำบลบ้านเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี

จากการเข้าตรวจสอบพบมีการละเมิดการใช้ไฟฟ้า โดยขณะตรวจค้นวัดค่าใช้งานรวมได้ 53 kW โดยภายในพบชุดคอมพิวเตอร์ ขุดบิทคอย จำนวนกว่า 21 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์ประกอบหลายรายการ มูลค่าของกลางและความเสียหายในการลักลอบใช้ไฟฟ้า ทั้งสิ้นกว่า 8 ล้านบาท พร้อมทั้งนำผู้ครอบครองสถานที่ไปยัง สภ. เพื่อทำการสอบสวนและขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป

การลักลอบใช้ไฟฟ้านั้น PEA สามารถตรวจพบได้จากฐานข้อมูลการใช้ไฟฟ้าของ PEA การละเมิดการใช้ไฟฟ้านอกจากจะเป็นการกระทำผิดตามกฎหมายในคดีแพ่งและอาญาแล้ว ยังเป็นการติดตั้งระบบไฟฟ้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน อาจก่อให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร รวมถึงเกิดเพลิงไหม้ เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้

สำหรับประชาชนผู้เป็นเจ้าของอาคารปล่อยเช่า ควรตรวจสอบผู้เช่าว่ามีการใช้งานอาคารในลักษณะผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งหากผู้ใดพบเห็นการละเมิดการใช้ไฟฟ้าที่ผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ 1129 PEA Contact Center หรือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในพื้นที่

สำหรับในการเข้าตรวจสอบการลักลอบใช้กระแสไฟฟ้าในครั้ง เนื่องจากได้มีชาวบ้านในหมู่บ้านแจ้งว่า ได้สงสัยภายในห้องบ้านหลังดังกล่าว ที่ไม่มีคนอยู่อาศัยนานๆ จะมาสักครั้ง แต่เกิดมีเสียงดัง ชาวบ้านเกรงจะเกิดอันตราย จึงแจ้งการไฟฟ้าให้ตรวจสอบ และก็ไม่เคยเห็นการขนอุปกรณ์ทั้งหมดเข้าไปในช่วงเวลาใด คาดว่าน่าจะช่วงที่เพื่อนบ้านออกไปทำงานกันหมดแล้วขนเข้ามา อุปกรณ์ถึงมากมายขนาดนี้ และคาดว่าเจ้าของบ้านน่าจะใช้อุปกรณ์สั่งการณ์ทางมือถือ เนื่องจากบางครั้งมีเสียงดังรบกวนจนน่ากลัว ทำให้เกิดการรบกวนคนในหมู่บ้าน ทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งเกิดผิดสังเกตุ

และสำหรับบ้านหลังนี้เมื่อหลายปีที่ผ่านมา ก็ได้เกิดเพลิงไหม้จนอุปกรณ์คล้ายๆ กันวอดเสียหายไปจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ไม่ได้สงสัยว่าอุปกรณ์ที่ถูกไฟไหม้เสียหายในครั้งนั้น คืออุปกรณ์เดียวกันในการลักลอบใช้ไฟฟ้านี้ก็เป็นได้ จากนั้นทางเจ้าของบ้านได้มาทำการปรับปรุงบ้านขึ้นมาใหม่ แล้วก็กลับมาประกอบในการลักไฟฟ้าใช้จนมาถูกตรวจจับได้ในครั้งนี้ และเกิดการสงสัยจากเสียงที่ดังโดยไม่มีคนพักอาศัยอยู่ในบ้าน ชาวบ้านจึงได้แจ้งไปยังทางเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า ทางเจ้าหน้าที่จึงเข้าไปตรวจสอบพร้อมหมายศาล จนพบว่าบ้านดังกล่าวมีการลักลอบการใช้ไฟฟ้า โดยภายในบ้านพบอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการกระทำผิดอยู่เป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการตรวจยึดทั้งหมด ส่งไปทำการตรวจสอบว่าอุปกรณ์เหล่านั้นใช้ประกอบการกระทำผิดในรูปแบบใดบ้างต่อไป


ข่าว-ภาพ ปรีชา ไหลวารินทร์ กาญจนบุรี

กฟภ.กาญจนบุรี จับผู้ลักลอบใช้ไฟฟ้าเสียหายเกือบ 10 ล้านบาท

กฟภ.กาญจนบุรี ถูกลักลอบใช้ไฟฟ้าเสียหายเกือบ 10 ล้านบาทภายในติดแอร์เย็นฉ่ำ!! PEA ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบการละเมิดการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวัฒนา มหารมย์ ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ นุชสาย ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาเมืองกาญจนบุรี ร่วมกับ พันตำรวจเอก สุรยุทธ เมฆมังกร ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี นำกำลังเจ้าหน้าที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี และส่วนเกี่ยวข้องร่วมกันนำหมายค้นของศาลจังหวัดกาญจนบุรี เข้าตรวจค้น จุดที่ 1 หมู่บ้านพฤกษากาญจน์ ทาวน์ 2 บ้านเลขที่ 80/61 หมู่ 1 ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี และ จุดที่ 2 บ้านเลขที่ 75 ตำบลบ้านเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี

จากการเข้าตรวจสอบพบมีการละเมิดการใช้ไฟฟ้า โดยขณะตรวจค้นวัดค่าใช้งานรวมได้ 53 kW โดยภายในพบชุดคอมพิวเตอร์ ขุดบิทคอย จำนวนกว่า 21 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์ประกอบหลายรายการ มูลค่าของกลางและความเสียหายในการลักลอบใช้ไฟฟ้า ทั้งสิ้นกว่า 8 ล้านบาท พร้อมทั้งนำผู้ครอบครองสถานที่ไปยัง สภ. เพื่อทำการสอบสวนและขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป

การลักลอบใช้ไฟฟ้านั้น PEA สามารถตรวจพบได้จากฐานข้อมูลการใช้ไฟฟ้าของ PEA การละเมิดการใช้ไฟฟ้านอกจากจะเป็นการกระทำผิดตามกฎหมายในคดีแพ่งและอาญาแล้ว ยังเป็นการติดตั้งระบบไฟฟ้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน อาจก่อให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร รวมถึงเกิดเพลิงไหม้ เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้

สำหรับประชาชนผู้เป็นเจ้าของอาคารปล่อยเช่า ควรตรวจสอบผู้เช่าว่ามีการใช้งานอาคารในลักษณะผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งหากผู้ใดพบเห็นการละเมิดการใช้ไฟฟ้าที่ผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ 1129 PEA Contact Center หรือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในพื้นที่

สำหรับในการเข้าตรวจสอบการลักลอบใช้กระแสไฟฟ้าในครั้ง เนื่องจากได้มีชาวบ้านในหมู่บ้านแจ้งว่า ได้สงสัยภายในห้องบ้านหลังดังกล่าว ที่ไม่มีคนอยู่อาศัยนานๆ จะมาสักครั้ง แต่เกิดมีเสียงดัง ชาวบ้านเกรงจะเกิดอันตราย จึงแจ้งการไฟฟ้าให้ตรวจสอบ และก็ไม่เคยเห็นการขนอุปกรณ์ทั้งหมดเข้าไปในช่วงเวลาใด คาดว่าน่าจะช่วงที่เพื่อนบ้านออกไปทำงานกันหมดแล้วขนเข้ามา อุปกรณ์ถึงมากมายขนาดนี้ และคาดว่าเจ้าของบ้านน่าจะใช้อุปกรณ์สั่งการณ์ทางมือถือ เนื่องจากบางครั้งมีเสียงดังรบกวนจนน่ากลัว ทำให้เกิดการรบกวนคนในหมู่บ้าน ทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งเกิดผิดสังเกตุ

และสำหรับบ้านหลังนี้เมื่อหลายปีที่ผ่านมา ก็ได้เกิดเพลิงไหม้จนอุปกรณ์คล้ายๆ กันวอดเสียหายไปจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ไม่ได้สงสัยว่าอุปกรณ์ที่ถูกไฟไหม้เสียหายในครั้งนั้น คืออุปกรณ์เดียวกันในการลักลอบใช้ไฟฟ้านี้ก็เป็นได้ จากนั้นทางเจ้าของบ้านได้มาทำการปรับปรุงบ้านขึ้นมาใหม่ แล้วก็กลับมาประกอบในการลักไฟฟ้าใช้จนมาถูกตรวจจับได้ในครั้งนี้ และเกิดการสงสัยจากเสียงที่ดังโดยไม่มีคนพักอาศัยอยู่ในบ้าน ชาวบ้านจึงได้แจ้งไปยังทางเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า ทางเจ้าหน้าที่จึงเข้าไปตรวจสอบพร้อมหมายศาล จนพบว่าบ้านดังกล่าวมีการลักลอบการใช้ไฟฟ้า โดยภายในบ้านพบอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการกระทำผิดอยู่เป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการตรวจยึดทั้งหมด ส่งไปทำการตรวจสอบว่าอุปกรณ์เหล่านั้นใช้ประกอบการกระทำผิดในรูปแบบใดบ้างต่อไป


ข่าว-ภาพ ปรีชา ไหลวารินทร์ กาญจนบุรี

‘นายกไก่’ เมืองราชบุรี จัดเล่นว่าวกลางน้ำ ริมเขื่อนรัฐประชาพัฒนา

นายกไก่ ” ศักดิ์ชัย พิศาลผล ” นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี จัดให้อีกครั้งเล่นว่าวกลางน้ำ ริมเขื่อนรัฐประชาพัฒนา

ที่หน้าหอนาฬิกา โอ่งมังกรพ่นน้ำ และสะพาน M 4 กลางแม่น้ำแม่กลอง นายศักดิ์ชัย พิศาลผล นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี ได้เปิดงานกิจกรรมการเล่นว่าวกลางน้ำบริเวณริมเขื่อนรัฐประชาพัฒนา ตรงข้ามค่ายภาณุรังษี โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันเสาร์ที่ 27 และอาทิตย์ที่ 28 เม.ย. 67 ตั้งแต่เวลา 15.00 น. ถึงค่ำ มีขึ้นโชว์ทั้งว่าวไทย ๆ ว่าวแฟนซี ว่าวการ์ตูน ว่าวสาย ว่าวไฟ

จึงขอเชิญเที่ยวชมและเล่นว่าวกันได้ และมีว่าวชนิดต่าง ๆ มาจำหน่าย เพื่อเป็นการสร้างสีสันการท่องเที่ยวสองฝั่งแม่น้ำแม่กลอง ทั้งฝั่งเทศบาลเมืองราชบุรี และงานท่องเที่ยวสักการะศาลหลักเมืองฝั่งกรมการทหารช่วง งานนี้มีว่าวสวย ๆ ขึ้นให้ชมกันมากมายอีกเช่นเคย

ภาพ-ข่าว พันธุ์-จรรยา แก้วนุ้ย ราชบุรี

‘นายกไก่’ เมืองราชบุรี จัดเล่นว่าวกลางน้ำ ริมเขื่อนรัฐประชาพัฒนา

นายกไก่ ” ศักดิ์ชัย พิศาลผล ” นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี จัดให้อีกครั้งเล่นว่าวกลางน้ำ ริมเขื่อนรัฐประชาพัฒนา

ที่หน้าหอนาฬิกา โอ่งมังกรพ่นน้ำ และสะพาน M 4 กลางแม่น้ำแม่กลอง นายศักดิ์ชัย พิศาลผล นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี ได้เปิดงานกิจกรรมการเล่นว่าวกลางน้ำบริเวณริมเขื่อนรัฐประชาพัฒนา ตรงข้ามค่ายภาณุรังษี โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันเสาร์ที่ 27 และอาทิตย์ที่ 28 เม.ย. 67 ตั้งแต่เวลา 15.00 น. ถึงค่ำ มีขึ้นโชว์ทั้งว่าวไทย ๆ ว่าวแฟนซี ว่าวการ์ตูน ว่าวสาย ว่าวไฟ

จึงขอเชิญเที่ยวชมและเล่นว่าวกันได้ และมีว่าวชนิดต่าง ๆ มาจำหน่าย เพื่อเป็นการสร้างสีสันการท่องเที่ยวสองฝั่งแม่น้ำแม่กลอง ทั้งฝั่งเทศบาลเมืองราชบุรี และงานท่องเที่ยวสักการะศาลหลักเมืองฝั่งกรมการทหารช่วง งานนี้มีว่าวสวย ๆ ขึ้นให้ชมกันมากมายอีกเช่นเคย

ภาพ-ข่าว พันธุ์-จรรยา แก้วหนุ่ย ราชบุรี

อำนาจเจริญ.เชิญสิ่งของพระราชทานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มอบแก่ครอบครัวของผู้ประสบอัคคีภัย

  จังหวัดอำนาจเจริญ เชิญสิ่งของพระราชทานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มอบแก่ครอบครัวของผู้ประสบอัคคีภัย

  วันที่ 24 เมษายน 2567 เวลา 14.30 น. ว่าที่พันตรีอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ มอบหมายให้นายเสนีย์ ส้มเขียวหวาน รองผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ปฏิบัติหน้าที่แทน ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ประจำจังหวัดอำนาจเจริญ เชิญสิ่งของพระราชทาน มอบให้แก่ครอบครัวผู้ประสบอัคคีภัย จำนวน 1 ราย พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจ นายทองม้วน เสือสา ที่อยู่อาศัยประจำไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 2 ตำบลพระเหลา อำเภอพนา จังหวัดอำนาจเจริญ

ในการนี้นางขนิษฐา แห่งธรรม นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอำนาจเจริญ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เข้าร่วมในพิธี โดยมีคณะเหล่ากาชาดจังหวัดอำนาจเจริญ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด หัวหน้าส่วนราชการระดับอำเภอ ผู้บริหารท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ร่วมในพิธีด้วย ยังความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณแก่ผู้ประสบภัย

ขอบคุณ.ภาพข่าว/นายทิพกร หวานอ่อน

ราชบุรี – ชื่นชม 2 เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าลุยโคลนช่วยนกติดหล่มโคลน

  ชื่นชม 2 เจ้าหน้าที่ลุยโคลนช่วยนกติดหล่ม
เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าพุน้ำร้อน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี ลุยโคลนช่วยนกติด โคลนตมในอ่างเก็บน้ำอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน หลังเกิดสถานการณ์ภัยแล้ง น้ำแห้งขอดช่วยรอดชีวิตหวุดหวิด คาดบินหากินน้ำหรือลูกปลาในอ่างจนเกิดติดหล่ม


เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 67  รับแจ้งว่ามี 2 เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าพุน้ำร้อน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี จ.ราชบุรี ที่ลุยโคลนลึกลงไปช่วยเหลือนกชนิดหนึ่ง ที่พบเจอโดยบังเอิญหลังนกตัวดังกล่าวบินลงไปกินน้ำ หรือจับปลาจนติดโคลนตม ภายในอ่างเก็บน้ำอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน หมู่ที่ 5 ต.ยางหัก อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ซึ่งมีสภาพที่แห้งขอดเหลือน้ำติดก้นอ่างจนมีโครนตมจำนวนมากจากภาวะปัญหาภัยแล้ง ทำให้สัตว์ป่าหลายชนิด ทั้งสัตว์กลีบ สัตว์เลื้อยคลาน นก และสัตว์อื่น ๆ ได้รับผลกระทบไม่มีน้ำกิน


โดยนายชาตรี วงษ์ทอง และนายวิรัตน์ มหาทรัพย์ เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าพุน้ำร้อน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี ได้มาพบเห็นนกกำลังอยู่ในสภาพดิ้นรณติดอยู่ในโครนตมอย่างทุรนทุราย เพื่อให้หลุดพ้นจากการติดโคลนตมอยู่นานหลายชั่วโมง มีสภาพอิดโรย โดยเจ้าหน้าที่ได้ลุยโครนลงไปช่วยจับตัวมาวางบนกิ่งไม้ยาวแล้วค่อย ๆ ลากขึ้นมาทีละนิดเพื่อนำขึ้นฝั่ง ใช้น้ำล้างตัวเอาโคลนออกจนสะอาด พบว่านกลำตัวสีแดงขนสีดำ แกมเขียว ปากใหญ่สีแดงแหลมคม คล้ายปากเหยี่ยว หลังล้างน้ำอาการดีขึ้น ลืมตาได้ และเริ่มมีดิ้น ใช้ปากจิกได้ แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นนกชนิดใด


นายชาตรี วงษ์ทอง ผู้ที่ลุยโครนลงไปจับขึ้นมา กล่าวว่า เห็นนกติดโคลนใกล้จะตายจึงลงไปช่วย สาเหตุคาดว่าคงลงไปกินน้ำ หรือหากินลูกปลา จนเกิดพลัดตกลงไปในโครนตมโดยไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ จึงได้ลงไปช่วยแล้วค่อย ๆ ประคองนกขึ้นมา ไม่อยากให้ปีก ขา เกิดอาการบาดเจ็บได้ ก่อนหน้านี้เคยพบเก้งมาติดโคลน ด้วย จึงไล่ต้อนให้ขึ้นฝั่งไปได้ก่อน ส่วนนกภาพรวมอาการปกติ ตัวแห้งดีแล้ว จึงปล่อยคืนธรรมชาติต่อไป

พันธุ์ – จรรยา แก้วนุ้ย  จ.ราชบุรี ภาพ-ข่าว

สมาชิกวุฒิสภา เปิดโครงการค่ายเยาวชนสู่สากล  แลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางภาษาและวัฒนธรรม ระหว่างนักศึกษาของไทยและนักศึกษาจากนานาชาติ

สมาชิกวุฒิสภา เปิดโครงการค่ายเยาวชนสู่สากล (International Youth Camp) เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางภาษาและวัฒนธรรม ระหว่างนักศึกษาของไทยและนักศึกษาจากนานาชาติ ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ จังหวัดนครปฐม

หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล สมาชิกวุฒิสภา

เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 ห้องประชุม อาคารวิทยบริการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล สมาชิกวุฒิสภา, รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์, รองประธานคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา เป็นประธานเปิดโครงการค่ายเยาวชนสู่สากล (International Youth Camp)

โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร. อุดมวิทย์ ไชยสกุลเกียรติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ผู้บริหาร คณาจารย์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้สำหรับค่ายเยาวชนสู่สากล (International Youth Camp) กองกลาง งานวิเทศสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 - 30 เมษายน 2567 เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางภาษาและวัฒนธรรม และความหลากหลายทางชนชาติ ก่อให้เกิดการสร้างเครือข่ายความร่วมมือต่างๆ ร่วมกันต่อไปในอนาคต ระหว่างนักศึกษาของไทยและนักศึกษาจากนานาชาติ ที่ส่งผลต่อการสร้างการเปลี่ยนแปลง ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ นักศึกษาได้ความรู้และโอกาส ในการพัฒนาทักษะทางวิชาชีพ พัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถของตนเอง

  เพื่อสามารถแข่งขัน และสามารถเป็นผู้ประกอบการในระดับสากลได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังได้เรียนรู้ วัฒนธรรมของนานาประเทศอีกด้วย โอกาสนี้ หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล กล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อพิเศษเรื่อง "ความจงรักภักดีของประชาชนชาวไทยที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์" โดยมีเยาวชนจากประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการฯ ประกอบด้วย สาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศเกาหลี ประเทศเวียดนาม ประเทศอินเดีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประเทศมาเลเซีย ประเทศเยอรมนี ประเทศไทย และไต้หวัน รวมทั้งสิ้น จำนวน 60 คน


สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม – ภาพ/ข่าว

สมาชิกวุฒิสภา เปิดโครงการค่ายเยาวชนสู่สากล  แลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางภาษาและวัฒนธรรม ระหว่างนักศึกษาของไทยและนักศึกษาจากนานาชาติ

สมาชิกวุฒิสภา เปิดโครงการค่ายเยาวชนสู่สากล (International Youth Camp) เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางภาษาและวัฒนธรรม ระหว่างนักศึกษาของไทยและนักศึกษาจากนานาชาติ ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ จังหวัดนครปฐม

หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล สมาชิกวุฒิสภา

เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 ห้องประชุม อาคารวิทยบริการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล สมาชิกวุฒิสภา, รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์, รองประธานคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา เป็นประธานเปิดโครงการค่ายเยาวชนสู่สากล (International Youth Camp)

โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร. อุดมวิทย์ ไชยสกุลเกียรติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ผู้บริหาร คณาจารย์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้สำหรับค่ายเยาวชนสู่สากล (International Youth Camp) กองกลาง งานวิเทศสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 - 30 เมษายน 2567 เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางภาษาและวัฒนธรรม และความหลากหลายทางชนชาติ ก่อให้เกิดการสร้างเครือข่ายความร่วมมือต่างๆ ร่วมกันต่อไปในอนาคต ระหว่างนักศึกษาของไทยและนักศึกษาจากนานาชาติ ที่ส่งผลต่อการสร้างการเปลี่ยนแปลง ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ นักศึกษาได้ความรู้และโอกาส ในการพัฒนาทักษะทางวิชาชีพ พัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถของตนเอง

  เพื่อสามารถแข่งขัน และสามารถเป็นผู้ประกอบการในระดับสากลได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังได้เรียนรู้ วัฒนธรรมของนานาประเทศอีกด้วย โอกาสนี้ หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล กล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อพิเศษเรื่อง "ความจงรักภักดีของประชาชนชาวไทยที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์" โดยมีเยาวชนจากประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการฯ ประกอบด้วย สาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศเกาหลี ประเทศเวียดนาม ประเทศอินเดีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประเทศมาเลเซีย ประเทศเยอรมนี ประเทศไทย และไต้หวัน รวมทั้งสิ้น จำนวน 60 คน


สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม – ภาพ/ข่าว

เกษตรนครปฐม หนุนเกษตรกรผลิตพืชปลอดสาร ก้าวแรกสู่การพลิกโฉมระบบเกษตรสู่ความยั่งยืน

เกษตรนครปฐม หนุนเกษตรกรผลิตพืชปลอดสาร ก้าวแรกสู่การพลิกโฉมระบบเกษตรสู่ความยั่งยืน

นางสาวธนนันท์ ศรีสุวะ เกษตรจังหวัดนครปฐม มอบหมายให้ เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรจังหวัดนครปฐม และเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอพุทธมณฑล สนับสนุนเกษตรกรต้นแบบที่ทำการผลิตพืชปลอดสารพิษ “นายจรัญ มั่นคงดี (ลุงต๋อย)” เกษตรกรที่มีความตั้งใจผลิตพืชปลอดสารพิษมาอย่างยาวนานกว่า 10 ปี ฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย เพื่อยืนยันที่จะผลิตพืชผักโดยไม่ใช้สารเคมี ปรับเปลี่ยนมาเป็นการใช้สารอินทรีย์ เพราะมีความเชื่อว่า ทุกคนควรรับประทานอาหารที่ปลอดภัย จึงตั้งใจแน่วแน่ในการที่จะเป็นเกษตรกรต้นน้ำ เป็นผู้ผลิตวัตถุดิบที่ปลอดสารพิษ ในพื้นที่ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม


จากการสัมภาษณ์ เกษตรกรกล่าวว่า ได้เริ่มทำเกษตรปลอดสารพิษมาตั้งแต่ พ.ศ. 2551 จากการทำร่วมกับ คุณลำพึง ศรีสาหร่าย เกษตรกรต้นแบบที่ริเริ่มทำเกษตรปลอดสารพิษ จากหัวใจสีเขียว เริ่มต้นเข้ามาปลูกผักบนเนื้อที่ 4 ไร่ ด้านข้างของคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล เนื่องจากได้รับโอกาสจากมหาวิทยาลัยมหิดล สนับสนุนพื้นที่ในการปลูกผักปลอดสารเคมีในรั้วมหาวิทยาลัย เพื่อให้บุคลากรภายในมหาวิทยาลัย และผู้มาเยือนจากภายนอกได้มีโอกาสบริโภคผักที่ปลอดภัย

การทำสวนผัก มีลักษณะการปลูกแบบยกร่อง เน้นปลูกผักตามฤดูกาล เป็นพืชผักสวนครัวมากกว่า 20 ชนิด เช่น คะน้า แฟง โหระพา ผักโขม ถั่วพู กะหล่ำปลี เป็นต้น แม้ว่าช่วงแรกผลผลิตจะยังไม่เป็นที่น่าพอใจ แต่ได้มีการพัฒนาจนคุณภาพเป็นที่น่าพอใจ เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภค โดยเห็นว่าผักของที่สวนอร่อยกว่าผักที่ใช้สารเคมีทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นรสชาติ เนื้อสัมผัส และที่สำคัญความเชื่อมั่นต่อผลผลิตที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ หลังจากที่ คุณลำพึง ศรีสาหร่าย เสียชีวิตลง ลุงต๋อย ก็ได้ดำเนินกิจกรรมภายในสวน โดยการบริหารงานของลูกชายคุณลำพึง ศรีสาหร่าย ต่อมาจนถึงปัจจุบัน

   โดยยึดหลักที่ว่า การทำเกษตรปลอดสารพิษ ไม่ใช้สารเคมี เน้นสร้างและบำรุงดินให้มีคุณภาพ การใช้สารชีวภัณฑ์ ปุ๋ยหมัก และน้ำหมักชีวภาพ เพื่อสร้างพืชที่แข็งแรง ทนต่อโรคและแมลง สร้างระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ มีศัตรูธรรมชาติ ตัวห้ำ ตัวเบียน ช่วยในการจัดการโรคและแมลงขณะนี้ผักภายในสวน นอกจากจะเป็นผักสวนครัวตามฤดูกาลแล้ว ยังเป็นผักที่ปลูกตามความต้องการจากผู้บริโภค มีวางจำหน่ายบริเวณหน้าร้าน “ผักปลอดสารพิษเพื่อสุขภาพ” ด้านหน้าของคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม


เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรจังหวัดนครปฐม และสำนักงานเกษตรอำเภอพุทธมณฑล ได้ให้ความสำคัญกับการทำเกษตรปลอดสารพิษ ได้มีการสนับสนุนทั้งองค์ความรู้ และการเชื่อมโยงเครือข่ายต่างๆ ในด้านการผลิต การแปรรูป และการตลาด พร้อมหนุนเกษตรกรผลิตพืชปลอดสาร ก้าวแรกสู่การพลิกโฉมระบบเกษตรสู่ความยั่งยืน

นครปฐม.นายก อบจ.ร่วมสืบสานวัฒนธรรมไทยทรงดำ อ.กำแพงแสน

นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพร้อมภริยา ร่วมงานวัฒนธรรมไทยทรงดำ อำเภอกำแพงแสน

วันที่ 17 เมษายน 2567 ที่ศูนย์วัฒนธรรมไทดำ (วัดลาดปลาเค้า) ต.สระสี่มุม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายกอบจ.นครปฐม พร้อมด้วย นางวิลาสินี สะสมทรัพย์ ภริยา และสมาชิกสภา อบจ., หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ อบจ.นครปฐม ร่วมเป็นประธานเปิดโครงการ “ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นไทยทรงดำ อ.กำแพงแสน ประจำปี 2567 

งานประเพณีวัฒนธรรมชาวไทยทรงดำครั้งนี้ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐมกล่าวว่า อบจ.ตระหนักถึงความสำคัญในกิจกรรมวัฒนธรรมประเพณี ของชาวนครปฐมทุกเชื้อชาติ เรายินดีการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นไทยทรงดำและวัฒนธรรมท้องถิ่นอื่นๆ ด้วย เพื่อให้สืบทอดถึงลูกถึงหลานในอนาคตต่อไปเป็นอย่างดี

นครปฐม.นายก อบจ.ร่วมสืบสานวัฒนธรรมไทยทรงดำ อ.กำแพงแสน

นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพร้อมภริยา ร่วมงานวัฒนธรรมไทยทรงดำ อำเภอกำแพงแสน

วันที่ 17 เมษายน 2567 ที่ศูนย์วัฒนธรรมไททรงดำ (วัดลาดปลาเค้า) ต.สระสี่มุม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายกอบจ.นครปฐม พร้อมด้วย นางวิลาสินี สะสมทรัพย์ ภริยา และสมาชิกสภา อบจ., หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ อบจ.นครปฐม ร่วมเป็นประธานเปิดโครงการ “ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นไทยทรงดำ อ.กำแพงแสน ประจำปี 2567 

งานประเพณีวัฒนธรรมชาวไทยทรงดำครั้งนี้ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐมกล่าวว่า อบจ.ตระหนักถึงความสำคัญในกิจกรรมวัฒนธรรมประเพณี ของชาวนครปฐมทุกเชื้อชาติ เรายินดีการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นไทยทรงดำและวัฒนธรรมท้องถิ่นอื่นๆ ด้วย เพื่อให้สืบทอดถึงลูกถึงหลานในอนาคตต่อไปเป็นอย่างดี

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ  เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิด “ห้องสมุดพร้อมปัญญา” เรือนจำกลางนครปฐม

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิด “ห้องสมุดพร้อมปัญญา” เรือนจำกลางนครปฐม

วันที่ 16 เมษายน 2567 เวลา 13.29 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิด “ห้องสมุดพร้อมปัญญา” เรือนจำกลางนครปฐม โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงนครปฐม ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่ง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครปฐม ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม รองปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครปฐม นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม และผู้อำนวยการสถาบันกักกันนครปฐม เฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จ

ในการนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานเข็มที่ระลึกแก่ผู้บริหารและผู้มีอุปการคุณสนับสนุนการดำเนินงาน “ห้องสมุดพร้อมปัญญา” พร้อมทอดพระเนตรการแสดงชุดระบำไดโนเสาร์และลำตัด จากนั้น ทรงเปิดแพรคลุมป้าย “ห้องสมุดพร้อมปัญญา” ซึ่งเป็นห้องสมุดลำดับที่ 31 พร้อมทอดพระเนตรการดำเนินงาน “ห้องสมุดพร้อมปัญญา” เรือนจำกลางนครปฐม ซึ่งเป็นโครงการที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานให้ เพื่อเป็นแหล่งการเรียนรู้และพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขัง ตลอดจนเจ้าหน้าที่ในเรือนจำทั่วประเทศ ได้รู้หนังสือ อ่านออก เขียนได้ และรักการอ่าน ทำให้ผู้ต้องขังเกิดความคิดและปัญญาที่ดี นอกจากเป็นการพัฒนาคนที่มีคุณภาพกลับคืนสู่สังคมแล้ว ยังมีมูลน่าเชื่อว่าผู้มีการศึกษาสูง จะช่วยลดการกระทำความผิดลงได้ และไม่กระทำผิดซ้ำ โดยมีสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ฯ เข้ามาสนับสนุนการดำเนินงาน

สำหรับห้องสมุดแห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้ในรูปแบบห้องสมุดเชิงสร้างสรรค์ หรือ Creative Library เป็นการออกแบบแนวคิดห้องสมุดเชิงสร้างสรรค์ โดยผู้ต้องขังร่วมกันพัฒนา และออกแบบห้องสมุด ตั้งแต่วัสดุอุปกรณ์ของห้องสมุด เช่น ชั้นหนังสือ ที่แสดงหนังสือ โต๊ะ เก้าอี้ โดยการฉลุลาย การเชื่อมเหล็ก และการวาดภาพผ่านลายเส้น ภายในห้องสมุดประกอบด้วยมุมความรู้ต่าง ๆ เช่น มุมซ่อมหนังสือด้วยการเย็บกี่, มุม มสธ., มุมหนังสือทั่วไป, มุมหนังสือพระราชนิพนธ์, มุมเฉลิมพระเกียรติ และห้องอ่านหนังสือเสียง ซึ่งพบว่านิตยสารและวารสาร National Geographic และ The Secret มียอดการยืมสูงสุด โอกาสนี้ พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ถวายของที่ระลึก แล้วพระราชทานถุงพระราชทานแก่ผู้แทนผู้ต้องขังชาย-หญิง

จากนั้น ทอดพระเนตรกิจกรรมและนิทรรศการฝึกวิชาชีพผู้ต้องขัง ซึ่งเป็นภาคีเครือข่ายของเรือนจำกลางนครปฐม มีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้ามาร่วมสนับสนุนภารกิจ ด้านการพัฒนาพฤตินิสัย การฝึกทักษะอาชีพที่มีความหลากหลาย เช่น การสาธิตการออกแบบลายผ้า การตัดเย็บ และการทอผ้าแบบครบวงจร การสาธิตการทำอาหารไทย และกระทงจากผ้าประดิษฐ์ โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ เข้ามาช่วยสอนการออกแบบลวดลายกระทง เช่น ลายรังแตน และลายเล็บมือนาง การสาธิตการทำเบเกอรี และอาหารนานาชาติ ประกอบด้วยการสอนทำคุกกี้ โดยโรงเรียนจิตรลดาวิชาชีพ สถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา สูตรเบเกอรี โดยเรือนจำกลางนครปฐม และฟูดสไตลิสต์ สุทธิพงษ์ สุริยะ หรืออาจารย์ขาบ จากพิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต จังหวัดบึงกาฬ พร้อมด้วยเชฟแบรด ที่มาช่วยสอนการทำเบเกอรีและการออกแบบอาหารต่าง ๆ ให้ดูทันสมัย ผลงานการฝึกอาชีพเปเปอร์มาเช ด้วยการนำกระดาษเหลือใช้มาปั้นเป็นตุ๊กตารูปสัตว์ต่าง ๆ

นอกจากนี้ มีผลงานการเรียนรู้การฝึกวิชาชีพช่างเชื่อม จากวิทยาลัยสารพัดช่างนครปฐม การสาธิตการฝึกอบรมและทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาช่างเชื่อมอาร์กโลหะด้วยมือ มีผู้ต้องขังเข้าอบรม 496 คน, นิทรรศการฝึกวิชาชีพช่างไม้และการแกะสลัก, นิทรรศการฝึกอาชีพศิลปะบำบัดด้วยการวาดภาพ, ผลงานการฝึกอาชีพ การถักเชือกมาคราเม ซึ่งเป็นการถักจากเชือกในรูปแบบต่าง ๆ เช่น กระเป๋า ตุ๊กตา ผ้าคลุมโต๊ะ การถักโครเชต์ตุ๊กตา ซึ่งผู้ต้องขังมีพื้นฐานการถักโครเชต์มาก่อน จากนั้นมาแกะแบบแล้วถักเป็นตุ๊กตารูปต่าง ๆ ตามจินตนาการ ผลงานจากการฝึกวิชาชีพด้านการเพาะพันธุ์ปลาสวยงามและการประดิษฐ์หินเทียมจากเศษวัสดุเหลือใช้ นิทรรศการฝึกวิชาชีพศิลปะบำบัดด้วยการปั้นพระ การออกแบบทรงผมชายและหญิง สำหรับผลงานของผู้ต้องขังจะนำไปจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้า เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ผู้ต้องขัง นำไปใช้เป็นทุนสะสมหลังพ้นโทษ ซึ่งผู้ต้องขังมีโอกาสเรียนรู้วิชาชีพผ่านระบบออนไลน์ เมื่อเรียนจบสามารถรับวุฒิบัตรวิชาชีพ จากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานผ่านระบบออนไลน์

ทั้งนี้ เรือนจำกลางนครปฐม มีอำนาจการควบคุมผู้ต้องขังที่กำหนดโทษจำคุกตั้งแต่ 15 ปี ถึงตลอดชีวิต ปัจจุบันมีผู้ต้องขังอยู่ในความควบคุม จำนวน 4,015 คน แบ่งออกเป็นผู้ต้องขังชาย จำนวน 3,610 คน และผู้ต้องขังหญิง จำนวน 405 คน


สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม – ภาพ/ข่าว

นครปฐม เตรียมจัดโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน เฉลิมพระเกียรติฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ

จังหวัดนครปฐม ประชุมเตรียมความพร้อม จัดโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567

นายยงยุทธ สวนทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม

วันที่ 17 เมษายน 2567 ที่ห้องประชุม CCTV ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดนครปฐม นายยงยุทธ สวนทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานประชุมหารือการดำเนินโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 จังหวัดนครปฐม

  โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ทั้งนี้กระทรวงมหาดไทย ได้ขอให้จังหวัดดำเนินโครงการ และประชาสัมพันธ์เชิญชวนกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ เด็กเยาวชนไทยที่กำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 หรือมีอายุ 12-19 ปี เข้าร่วมโครงการสามเณรภาคฤดูร้อน ณ วัดที่จังหวัดกำหนด ซึ่งขณะนี้ มีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการ จำนวน 102 คน

สำหรับจังหวัดนครปฐม กำหนดจัดโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ระหว่างวันที่ 20 เมษายน – 6 พฤษภาคม 2567 ณ วัดสำโรง ตำบลวัดสำโรง อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ซึ่งมีกำหนดการดังนี้

  • วันที่ 18 เมษายน 2567 กิจกรรมจิตอาสา และประชาชน จะร่วมกันทำความสะอาด จัดเตรียมสถานที่ ณ วัดสำโรง อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
  • วันที่ 20 เมษายน 2567 ปฐมนิเทศ – ซ้อมขานนาค
  • วันที่ 21 เมษายน 2567 เวลา 15.00 น. พิธีปลงผม ณ ศาลาอเนกประสงค์วัดสำโรง อ.นครชัยศรี
  • วันที่ 22 เมษายน 2567 เวลา 09.00 น. พิธีมอบผ้าไตร และเวลา 13.00 น.บรรพชาสามเณร ณ ศาลาอเนกประสงค์วัดสำโรง อ.นครชัยศรี
  • วันที่ 23 เมษายน 2567 เวลา 08.30 น. พิธีทำบุญตักบาตร ณ ศาลาอเนกประสงค์วัดสำโรง อ.นครชัยศรี
  • วันที่ 24 เมษายน – 5 พฤษภาคม 2567 ศึกษาและปฏิบัติธรรมระหว่างบรรพชา
  • วันที่ 6 พฤษภาคม 2567 เวลา 09.00 น. พิธีลาสิกขา

ขอเชิญประชาชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมงาน โครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ตามวันและเวลาดังกล่าว สำหรับผู้ประสงค์จะร่วมทำบุญตามกำลังศรัทธา ได้ ณ สำนักงานคลังจังหวัดนครปฐม ชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดนครปฐม ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หรือวัดสำโรง อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน -6 พฤษภาคม 2567 ดังนี้
ผ้าไตรจีวรสามเณร ชุดละ 1,000 บาท
ภัตตาหารเช้า วันละ 5,000 บาท
ภัตตาหารเพล วันละ 8,000 บาท
น้ำปานะ วันละ 2,000 บาท
ทั้งนี้ ท่านสามารถรวบรวมเงินและทำบุญในนามส่วนราชการ/หน่วยงานได้ และออกใบอนุโมทนาบัตรของวัดสำโรง อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ คุณขวัญใจ เหลืองดอกไม้ นักวิชาการคลัง ชำนาญการพิเศษ สนง.คลังจังหวัดนครปฐม โทร. 062-5632995


สนง.ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม – ภาพ/ข่าว

รองผู้ว่าฯ นครปฐม ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ บริการประชาชน  ในพื้นที่อำเภอกำแพงแสนและอำเภอดอนตูม

รองผู้ว่าราชจังหวัดนครปฐม ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ จุดบริการประชาชน และด่านชุมชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ในพื้นที่อำเภอกำแพงแสนและอำเภอดอนตูม ในการเฝ้าระวังเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต

วันที่ 15 เมษายน 2567 นางสาวอโรชา นันทมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ จุดบริการประชาชน และด่านชุมชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 ในพื้นที่อำเภอกำแพงแสน ได้แก่ บริเวณป้อมตำรวจทางหลวง ถนนมาลัยแมน กม.34 (ขาเข้า นฐ.) และหน้าสถานีตำรวจภูธรกำแพงแสน ตำบลทุ่งกระพังโหม โดยมีนายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ) พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจพร้อมมอบสิ่งของในครั้งนี้

จากนั้น รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมในพื้นที่อำเภอดอนตูม ได้แก่ บริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลสามง่าม และบริเวณหน้าที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านหลวง เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ โดยมีผู้แทนนายอำเภอ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้มอบน้ำดื่ม เครื่องดื่มชูกำลัง และอาหารสำเร็จรูปต่างๆ

เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ พร้อมกำชับเจ้าทุกฝ่าย ร่วมกันเฝ้าระวัง กระตุ้นเตือนพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎจราจร สวมหมวกนิรภัย ไม่ขับรถเร็ว เมาไม่ขับ ตลอดจนเน้นย้ำ สร้างการรับรู้ และประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึง โดยให้ใช้มาตรการทางด้านสังคม ควบคู่ไปกับมาตรการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อพี่น้องประชาชนเดินทางปลอดภัย ลดการเกิดอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต ให้ได้มากที่สุด นอกจากนีัได้กำชับเจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมร่างกาย และดูแลสุขภาพควบคู่ไปด้วยเนื่องจากอากาศร้อนมาก อาจส่งผลต่อสุขภาพภาพได้

  สำหรับศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดนครปฐม ได้รายงาน ข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนช่วงควบคุมเข้มข้น เทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2567 ข้อมูลสถิติอุบัติเหตุทางถนน จ.นครปฐม สะสม 4 วัน เกิดอุบัติเหตุ 17 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ (Admit) 15 ราย และมีเสียชีวิต 3 ราย

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม – ภาพ/ข่าว

รองผู้ว่าฯ นครปฐม ตรวจจุดบริการประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่เฝ้าระวังเพื่อลดอุบัติเหตุ

รองผู้ว่าราชจังหวัดนครปฐม ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ จุดบริการประชาชน และด่านชุมชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ในพื้นที่อำเภอนครชัยศรี และอำเภอบางเลน ในการเฝ้าระวังเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต

เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2567 นายธีรยุทธ์ จันทร์ดิษฐวงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ จุดบริการประชาชน และด่านชุมชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567

   โดยตรวจในพื้นที่ 2 อำเภอได้แก่ อ.นครชัยศรี  บริเวณหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลขุนแก้ว และบริเวณสี่แยกวัดละมุด ตำบลวัดละมุด และพื้นที่อำเภอบางเลน ได้แก่ บริเวณป้อมตำรวจ สายตรวจตำบลหินมูล หมู่ที่ 5 ทางหลวงหมายเลข 3231 สายเด่นมะขาม และบริเวณป้อมตำรวจ ศูนย์บริการประชาชนตลาดบางหลวง เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ โดยมีผู้แทนนายอำเภอ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง

โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้มอบน้ำดื่ม เครื่องดื่มชูกำลัง และอาหารสำเร็จรูปต่างๆ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ พร้อมกำชับเจ้าทุกฝ่าย ร่วมกันเฝ้าระวัง กระตุ้นเตือนพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎจราจร สวมหมวกนิรภัย ไม่ขับรถเร็ว เมาไม่ขับ ตลอดจนเน้นย้ำ สร้างการรับรู้ และประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึง โดยให้ใช้มาตรการทางด้านสังคม ควบคู่ไปกับมาตรการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อพี่น้องประชาชนเดินทางปลอดภัย ลดการเกิดอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต ให้ได้มากที่สุด


สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม – ภาพ/ข่าว

นครปฐม เปิดงานประเพณีสงกรานต์ประจำปี 2567 พร้อมเชิญชวนสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ และพระร่วงฯ จำลอง

จังหวัดนครปฐมเปิดงานประเพณีสงกรานต์ประจำปี 2567 โดยประชาชนร่วมสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ และพระร่วงฯจำลอง

วันที่ 13 เมษายน 2567 ที่บริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม นางสาวอโรชา นันทมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานเปิดงานประเพณีสงกรานต์ประจำปี 2567 โดยมี นางฐิติรัตน์ เรืองสังข์ วัฒนธรรมจังหวัดนครปฐม นายกพุทธสมาคมจังหวัด ข้าราชการ และประชาชน ร่วมพิธี ซึ่งวันที่ 13 เมษายนของทุกปี ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ

  จังหวัดนครปฐมจึงได้จัดกิจกรรมดังกล่าวเพื่อรักษาประเพณีและวัฒนธรรมอันเป็นมรดกของไทย อีกทั้งให้ประชาชนได้มีโอกาสร่วมบำเพ็ญกุศลตามประเพณี และเสริมสร้างความสามัคคีระหว่างวัดกับประชาชน ดำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา โดยกิจกรรมภายในงานประเพณีสงกรานต์ในปีนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้นำประชชนที่มาร่วมงาน สรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ และสรงน้ำพระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ จำลอง บริเวณหน้าองค์พระปฐมเจดีย์ และถวายผ้าห่มบูชาองค์พระปฐมเจดีย์

จากนั้นได้ร่วมสรงน้ำพระธรรมวชิรเจติยาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 14 รองเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร พร้อมสรงน้ำพระสงฆ์ 9 รูป
สำหรับบรรยากาศภายในงานประเพณีสงกรานต์ที่องค์พระปฐมเจดีย์ ตลอดทั้งวันมีประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก ต่างเดินทางพาครอบครัวมากราบไหว้สักการะปิดทองและสรงน้ำพระร่วงโรจนฤทธิ์ฯจำลอง สรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ ร่วมก่อเจดีย์ทราย ทำบุญถวายผ้าห่มองค์พระปฐมเจดีย์ และทำบุญถวายสังฆทาน เพื่อความเป็นสิริมงคล ต้อนรับประเพณีวันสงกรานต์ ซึ่งถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวไทย

  สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ภาพ /ข่าว

หนึ่งปีมีครั้งเดียว ถวายผ้าห่มพระใหญ่ “หลวงพ่อสมหวัง” วัดกลางบางพระ

มวลชนแห่ร่วมงานบุญใหญ่หนึ่งปีมีครั้งเดียว พิธีถวายผ้าห่มพระใหญ่”หลวงพ่อสมหวัง ” วัดกลางบางพระ

   ที่วัดกลางบางพระ ต.บางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ได้มีพิธีถวายผ้าห่ม พระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ หรือ”หลวงพ่อสมหวัง ตามที่ผู้เคารพศรัทธารู้จักกันดี

หลวงพ่อสมหวัง เป็นพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่บริเวณลานกลางวัด ของวัดกลางบางพระ ต.บางพระ อ.นครชัยศรี ตามคำล่ำลือว่าท่านศักดิ์สิทธิ์มาก ขออะไรท่านให้มากน้อยตามวาสนา บุญกรรมของผู้นั้น ด้วยในอดีตสมัย หลวงพ่อพุฒ อดีตเจ้าอาวาส ได้กล่าวไว้กับชาวบ้านว่า มีญาติโยมมากมายต่างมาขอพรพระพุทธรูปปางมารวิชัย องค์ใหญ่ และบนให้สิ่งนั้นสัมฤทธิ์ สำเร็จ สมหวัง แล้วจะนำลำโพงมาประดิษฐ์ ประดับที่เสากลางวัด เรื่อยมาจนเข้าสู่พระครูศรีสุตากร เจ้าอาวาสวัดกลางบางพระ รูปปัจจุบันจึงได้ขนานนามพระพุทธรูปปางมารวิชัย องค์ใหญ่ นี้ว่า “ หลวงพ่อสมหวัง” ตามความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ที่ให้ลูกหลาน สมหวังในเรื่อง ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ และเพื่อเป็นมงคลนามแด่ พระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่นี้ และเพื่อเป็นมงคลนามแก่พุทธศาสนิกชนที่มากราบไหว้ ขอพร คิดอะไรไม่ออก ก็ขอให้สมหวัง ไว้ก่อน

  ปัจจุบันจะมีพุทธศาสนิกชน ขาวไทย ชาวไทยเชื้อสายจีน ชาวเมียนมาและชาวต่างชาติอื่นๆ บินข้ามน้ำ ข้ามทะเลมากราบไหว้ขอพรหลวงพ่อสมหวังกันจำนวนมาก

  และในทุกวันที่ 15 เมษายน 2567 ที่จะถึงนี้ของทุกปี พระครูศรีสุตากร เจ้าอาวาสวัดกลางบางพระ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม คณะสงฆ์ไวยาวัจกร และศิษยานุศิษย์ พร้อมประชาชนใกล้เคียง จะมาร่วมพิธีห่มผ้าหลวงพ่อสมหวัง ที่เป็นผ้าขนาดใหญ่ความยาวประมาณ 72 เมตร (องค์หลวงพ่อสูง 32เมตร)

โดยพิธีจะเริ่มในช่วงเวลา 14.00 น.จะมีริ้วขบวนแห่ของชุมชน นำผ้าห่มหลวงพ่อแห่ไปรอบวัด แล้วขึ้นห่มองค์หลวงพ่อสมหวัง  พิธีห่มผ้าจะจัดขึ้นปีละครั้งเท่านั้นเรียกได้ว่าบุญใหญ่ 1ปี มีครั้งเดียว คนที่มาร่วมงาน ถือว่าการได้ห่มผ้าพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ (ปางปราบมาร) จะได้บุญ 108 ประการ จะสุขสมหวังทุกประการ ตามมงคลนาม”หลวงพ่อสมหวัง” อย่าลืมวันจันทร์ ที่15 เมษายน 2567 เวลา 14.00 น. มาร่วมพิธีแห่ผ้าห่มหลวงพ่อสมหวังกัน จะได้โชคดีปีมังกรทองถ้วนหน้ากัน

ทวีพล หลิมชัยสุวรรณ ภาพ-ข่าว

หนึ่งปี มีครั้งเดียว ถวายผ้าห่มพระใหญ่ “หลวงพ่อสมหวัง” วัดกลางบางพระ

มวลชนแห่ร่วมงานบุญใหญ่หนึ่งปีมีครั้งเดียว พิธีถวายผ้าห่มพระใหญ่”หลวงพ่อสมหวัง ” วัดกลางบางพระ

   ที่วัดกลางบางพระ ต.บางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ได้มีพิธีถวายผ้าห่ม พระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ หรือ”หลวงพ่อสมหวัง ตามที่ผู้เคารพศรัทธารู้จักกันดี

  ปัจจุบันจะมีพุทธศาสนิกชน ขาวไทย ชาวไทยเชื้อสายจีน ชาวเมียนมาและชาวต่างชาติอื่นๆ บินข้ามน้ำ ข้ามทะเลมากราบไหว้ขอพรหลวงพ่อสมหวังกันจำนวนมาก

  และในทุกวันที่ 15 เมษายน 2567 ที่จะถึงนี้ของทุกปี พระครูศรีสุตากร เจ้าอาวาสวัดกลางบางพระ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม คณะสงฆ์ไวยาวัจกร และศิษยานุศิษย์ พร้อมประชาชนใกล้เคียง จะมาร่วมพิธีห่มผ้าหลวงพ่อสมหวัง ที่เป็นผ้าขนาดใหญ่ความยาวประมาณ 72 เมตร (องค์หลวงพ่อสูง 32เมตร)

หลวงพ่อสมหวัง เป็นพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่บริเวณลานกลางวัด ของวัดกลางบางพระ ต.บางพระ อ.นครชัยศรี ตามคำล่ำลือว่าท่านศักดิ์สิทธิ์มาก ขออะไรท่านให้มากน้อยตามวาสนา บุญกรรมของผู้นั้น ด้วยในอดีตสมัย หลวงพ่อพุฒ อดีตเจ้าอาวาส ได้กล่าวไว้กับชาวบ้านว่า มีญาติโยมมากมายต่างมาขอพรพระพุทธรูปปางมารวิชัย องค์ใหญ่ และบนให้สิ่งนั้นสัมฤทธิ์ สำเร็จ สมหวัง แล้วจะนำลำโพงมาประดิษฐ์ ประดับที่เสากลางวัด เรื่อยมาจนเข้าสู่พระครูศรีสุตากร เจ้าอาวาสวัดกลางบางพระ รูปปัจจุบันจึงได้ขนานนามพระพุทธรูปปางมารวิชัย องค์ใหญ่ นี้ว่า “ หลวงพ่อสมหวัง” ตามความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ที่ให้ลูกหลาน สมหวังในเรื่อง ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ และเพื่อเป็นมงคลนามแด่ พระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่นี้ และเพื่อเป็นมงคลนามแก่พุทธศาสนิกชนที่มากราบไหว้ ขอพร คิดอะไรไม่ออก ก็ขอให้สมหวัง ไว้ก่อน

โดยพิธีจะเริ่มในช่วงเวลา 14.00 น.จะมีริ้วขบวนแห่ของชุมชน นำผ้าห่มหลวงพ่อแห่ไปรอบวัด แล้วขึ้นห่มองค์หลวงพ่อสมหวัง  พิธีห่มผ้าจะจัดขึ้นปีละครั้งเท่านั้นเรียกได้ว่าบุญใหญ่ 1ปี มีครั้งเดียว คนที่มาร่วมงาน ถือว่าการได้ห่มผ้าพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ (ปางปราบมาร) จะได้บุญ 108 ประการ จะสุขสมหวังทุกประการ ตามมงคลนาม”หลวงพ่อสมหวัง” อย่าลืมวันจันทร์ ที่15 เมษายน 2567 เวลา 14.00 น. มาร่วมพิธีแห่ผ้าห่มหลวงพ่อสมหวังกัน จะได้โชคดีปีมังกรทองถ้วนหน้ากัน

ทวีพล หลิมชัยสุวรรณ ภาพ-ข่าว

สร้าง “น้าเปี๊ยก” กุมารทองไม้ในตำนานของ”หลวงพ่อกวย”รุ่นแรก

ต้อม สำนักจันทร์  เซียนพระเครื่องสายตรงหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม  จัดสร้าง “เปี๊ยก” กุมารทองในกุฏิหลวงพ่อกวย”รุ่นแรก

   ต้อม สำนักจันทร์ ได้กล่าวว่า เปี๊ยก เป็นกุมารทองที่หลวงพ่อกวย เลี้ยงตัวเดียว ซึ่งอยู่ในกุฏิหลวงพ่อตลอด จนถึงหลวงพ่อมรณภาพ   “เปี๊ยก” เป็นกุมารทองที่แกะจากไม้ ฐานเป็นไม้เก่า สูงรวมฐาน 9 นิ้ว หลวงพ่อกวยท่านเลี้ยงไว้ในกุฏิตลอดเวลา หลังจากหลวงพ่อมรณภาพแล้วในปี 2522 ก็ตกทอดมาสู่หลวงตารูปหนึ่งในวัดบ้านแค ซึ่งเป็นศิษย์รุ่นๆ หมอเฉลียว อาจารย์ทรง(ปู่ทรง รอดเล็ก)และพ่อแก่หล่อน มีทั้งกุมารทอง เข็มสัก เอกสารบันทึกลายมือคาถาต่างๆ ที่หลวงพ่อมักกล่าววลีว่า”รักยิ่งกว่ากุมารในกุฏิเสียอีก ”นั่นก็แสดงว่าท่านรักกุมารของท่านมาก

     ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของ “เปี๊ยก กุมารทองในกุฏิหลวงพ่อกวย” ที่มีผู้คนต่างได้ยินเสียงเล่าลือ จึงมีผู้เดินทางมาจากทั่วสารทิศ เป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง เพื่อมาเซ่นไหว้ ขอพร ต่างและได้สิ่งที่ตนปรารถนา สำเร็จในสิ่งที่หวัง “เปี๊ยก กุมารทองในกุฏิพ่อกวย” จึงสั่งสมบารมีมากพอ  จึงเป็นเวลาอันเหมาะสมที่จะมีการจัดสร้างวัตถุมงคลในรูปแบบกุมารทอง “เปี๊ยก กุมารทองในกุฎิหลวงพ่อกวย” มีทั้งขนาด พกพา 1 นิ้ว และ ขนาดบูชา 8.8 นิ้ว รวมถึงขนาดใหญ่เท่าคนจริง สูง 2 เมตร

  ในส่วนของพิธีปลุกเสก “เปี๊ยก กุมารทองในกุฏิหลวงพ่อกวย”  ปลุกเสก 7 พิธี 7วาระ พิธีเสาร์5 และมหาฤกษ์ กระทิงวันกระทิงเดือนกระทิงปี นานทีจะมีสักครั้ง
ในช่วงเช้าวันอังคารที่ 9 เมษายน 2567 ได้รับความเมตตาจาก เจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมมฺธโช) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม  วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร  เมตตาอธิฐานจิต  และจารบนแผ่นยันต์ ลง นะมะอะอุ  แก้ววิเชียร เสริมโชคลาภ การงาน มหาเสน่ห์ขั้นสูง แคล้วคลาด คุ้งครอง ป้องกัน ลงยันต์ บนแผ่นยันต์ ทอง เงิน นาค เพื่อเป็นชนวนหล่อหลอม “เปี๊ยก กุมารทองกุฎิหลวงพ่อกวย”

  ในช่วงค่ำวันที่ 9 เมษายน 2567 มีพิธีปลุกเสกเดี่ยวเป็นปฐมฤกษ์ (เป็นเคล็ดว่าเกิดตามนามพระอาจารย์ประสูติ) โดย พระอาจารย์ประสูติ วัดถ้ำพระพุทธโกษีย์ (วัดในเตา) ซึ่ง พระอาจารย์ประสูติ ได้กล่าวว่า ฉันทำให้แล้วนะเป็นตัวหมดแล้ว ตั้งอาการ 32 มีฤทธิ์หมดทุกตัว แล้วชื่อเปี๊ยก เนี่ยเขาดังนะ เป็นตัวตลกในหนังตลุง อาจารย์ณรงค์ ตลุงบัณฑิต ศิลปินแห่งชาติ “เปี๊ยกนี่ดัง ฉันทำให้อย่างดี”

  ในช่วงค่ำวันที่ 10 เมษายน 2567  ที่ ซุ้มจอมขมังเวทย์ เทวสถานบ่อทอง   ได้นิมนต์ พระเกจิคณาจารย์ 4 รูป นั่งปรกเจริญจิต ปลุกเสก  ชนวนมวลสาร   “เปี๊ยก กุมารทองในกุฏิหลวงพ่อกวย”
1.พระครูปลัดสุวัฒนพรหมวิหารคุณ วัดทรงเสวย จังหวัดชัยนาท ได้ลงอักขระบนแผ่นยันต์ชนวนด้วย ลงอิกะวิติ หัวใจพระพุทธเจ้า  ลงหัวใจกุมารทอง ลงนโมพุทธายะ พระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ลงพุฒซ้อน ตำรับสายวัดสุทัศฯ
2.พระอาจารย์แจ้  วัดน้อมประชาสรรค์ จังหวัดอยุธยา  ได้ลงอักขระบนแผ่นยันต์ชนวน ด้วย ลงเมตตามหาลาภ  ลงมหานิยม  ดลจิตดลใจคน  ลงทรัพย์สินเงินทอง  ลงยันต์ครูพระอาจารย์แจ้
3.หลวงพ่อนพวรรณ คุณสาโร วัดเสนานิมิต จังหวัดอยุธยา  เมตตาอธิฐานจิตปลุกเสก
4.พระครูโกวิชัยกิจ วัดหัวเด่น จังหวัดชัยนาท เมตตาอธิฐานจิตปลุกเสก และคณาจารย์ฆราวาส  ซุ้มจอมขมังเวทย์ ร่วมพิธี

   วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน 2567  คณาจารย์ฆราวาส ซุ้มจอมขมังเวทย์  ร่วมกันเสกเดินธาตุกุมาร วันศุกร์ที่12 เมษายน2567  มีพิธี สวดโซฮา ชุบกุมาร วันเสาร์ที่13 เมษายน2567  พิธีเสาร์ห้า  ปีมะโรงที่ 5 วันที่ 5 ขึ้น 5 ค่ำ (มหากระทิง เดือน/ปี/วัน) วันจันทร์ที่15 เมษายน2567  ฉลองสมโภชพญาวัน

   วันที่ 10-11-12 พฤษภาคม 2567   พิธีฉลองสมโภช หลวงปู่ทวดโพธิ์ลังกาแหลมแค  อ.พานทอง จ.ชลบุรี วัดในอุปถัมภ์ สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (สมเด็จธงชัย วัดไตรมิตรฯ) และมีพระเกจิคณาจารย์ทั่วประเทศ ร่วมปลุกเสก ทั้งหมด 500 รูป/คน โดยครั้งนี้ ต้อม สำนักจันทร์และทีมงาน ต้องการให้ทุกท่านได้สิ่งที่ดีที่สุด “กุมารทองเปี๊ยก” เป็น 1 ในกุมารแห่งสยาม ฉะนั้นแล้วการสร้างครั้งนี้ พิธีเข้มขลัง ยิ่งใหญ่ อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน สมกับเป็นกุมารทองในกุฏิหลวงพ่อกวย…
    โดยก่อนการ เริ่มพิธีปลุกเสก มีศิลปินดารา  มาร่วมกันอย่างคับคั่ง แทคภรัณยู  โก๊ะตี๋  น้าป๋อง กพลทองพลับ ถั่วแระเชิญยิ้ม ร่วมในพิธีปลุกเสกเปี๊ยกกุมารทองในกุฏิหลวงพ่อกวยในครั้งนี้ด้วย รวมทั้งภายในงาน มีกิจกรรม มากมาย รถแห่และศิลปิน แจกทุนการศึกษาเด็กนักเรียน 50 คน กิจกรรมบ้านลมสร้างความสุข ให้เด็กๆ พร้อมมีอาหาร น้ำดื่มแจกฟรีตลอดพิธี

   ผู้สนใจสั่งจองบูชา “น้าเปี๊ยก กุมารทองในกุฏิพ่อกวย”
ติดต่อทางเพจ facebook หลวงพ่อกวยพระเครื่องมาตรฐานสากล 
โทร 097-2159265 นพ   062-6650956 แป้ง QR ช่องทางไลน์แอด

อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ประดิษฐานหน้าองค์พระปฐมเจดีย์ ให้ประชาชนได้สรงน้ำสักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคล ต้อนรับประเพณีวันสงกรานต์ ประจำปี 2567

จังหวัดนครปฐมอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ประดิษฐานหน้าองค์พระปฐมเจดีย์ ให้ประชาชนได้สรงน้ำสักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคล ต้อนรับประเพณีวันสงกรานต์ ประจำปี 2567

วันที่ 6 เมษายน 2567 นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้สรงน้ำสักการะ เนื่องในประเพณีวันสงกรานต์ ประจำปี 2567 ณ บริเวณวิหารหน้าพระร่วงโรจนฤทธิ์ องค์พระปฐมเจดีย์ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้จุดธูปเทียนบูชาสักการะพระบรมสารีริกธาตุ จากนั้นได้อัญเชิญเวียนประทักษิณรอบองค์พระปฐมเจดีย์ พร้อมด้วย นายกเหล่ากาชาดจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ และประชาชนชาวจังหวัดนครปฐม เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุไปประดิษฐานบริเวณลานหน้าพระร่วงโรจนฤทธิ์ องค์พระปฐมเจดีย์ และนำหัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน ร่วมสรงน้ำสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระร่วงโรจนฤทธิ์องค์จำลอง ซึ่งกิจกรรมดังกล่าว ทางวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร ได้ดำเนินการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อให้ประชาชนได้สรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ เสริมความเป็นสิริมงคล ต้อนรับประเพณีวันสงกรานต์ ซึ่งถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวไทยอีกด้วย


สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม-ข่าว

อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ประดิษฐานหน้าองค์พระปฐมเจดีย์ ให้ประชาชนได้สรงน้ำสักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคล ต้อนรับประเพณีวันสงกรานต์ ประจำปี 2567

จังหวัดนครปฐมอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ประดิษฐานหน้าองค์พระปฐมเจดีย์ ให้ประชาชนได้สรงน้ำสักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคล ต้อนรับประเพณีวันสงกรานต์ ประจำปี 2567

วันที่ 6 เมษายน 2567 นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้สรงน้ำสักการะ เนื่องในประเพณีวันสงกรานต์ ประจำปี 2567 ณ บริเวณวิหารหน้าพระร่วงโรจนฤทธิ์ องค์พระปฐมเจดีย์ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้จุดธูปเทียนบูชาสักการะพระบรมสารีริกธาตุ จากนั้นได้อัญเชิญเวียนประทักษิณรอบองค์พระปฐมเจดีย์ พร้อมด้วย นายกเหล่ากาชาดจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ และประชาชนชาวจังหวัดนครปฐม เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุไปประดิษฐานบริเวณลานหน้าพระร่วงโรจนฤทธิ์ องค์พระปฐมเจดีย์ และนำหัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน ร่วมสรงน้ำสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระร่วงโรจนฤทธิ์องค์จำลอง ซึ่งกิจกรรมดังกล่าว ทางวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร ได้ดำเนินการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อให้ประชาชนได้สรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ เสริมความเป็นสิริมงคล ต้อนรับประเพณีวันสงกรานต์ ซึ่งถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวไทยอีกด้วย


สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม-ข่าว

เหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม เลี้ยงอาหารผู้สูงอายุ เนื่องในวันผู้สูงอายุแห่งชาติ ประจำปี 2567



เหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม จัดเลี้ยงอาหารผู้สูงอายุ เนื่องในวันผู้สูงอายุแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2567 เพื่อรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนจัดกิจกรรมสร้างความตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญของผู้สูงอายุและสถาบันครอบครัว

นางวราภรณ์ เจริญศิริโชติ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม

วันที่ 5 เมษายน 2567 ที่สถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์) สังกัดสำนักปลัดฯ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม นางวราภรณ์ เจริญศิริโชติ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย นางศุภวรรณ จันทร์ดิษฐวงษ์ นางศิริลักษณ์ พึ่งเนียม รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัด คณะกรรมการและสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัด ร่วมเลี้ยงอาหารผู้สูงอายุ เนื่องในวันผู้สูงอายุแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2567 รวมทั้งจัดกิจกรรมรดน้ำขอพร พร้อมมอบของที่ระลึก สิ่งของเครื่องใช้จำเป็นให้กับผู้สูงอายุ จำนวน 50 คน

   นางสาวใกล้รุ่ง กองแก้ว หัวหน้าฝ่ายสวัสดิการสังคม เป็นผู้ดูแลสถานสงเคราะห์ฯ กล่าวว่า สถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์) เกิดขึ้นโดยพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งมีพระราชดำริกับพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น) เจ้าอาวาสวัดบางพระให้จัดสร้างสถานสงเคราะห์คนชราขึ้นที่อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม พระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น)สภากาชาดไทย เหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันสนองพระราชดำริจัดสร้างสถานสงเคราะห์คนชราขึ้นที่ตำบลวัดสำโรง อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม บนเนื้อที่สาธารณะประโยชน์ จำนวน 24 ไร่ 3 งาน 97 ตารางวา และได้ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ในวันที่ 26 ธันวาคม 2539

โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานนามแก่สถานสงเคราะห์ฯ พร้อมเสด็จพระราชดำเนินทางเปิดสถานสงเคราะห์ฯ วันที่ 24 มกราคม 2542 โดยปัจจุบันสถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราช (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์) เปิดดำเนินการมาเป็นระยะเวลา 22 ปี และอยู่ในการกำกับดูแลขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม ปัจจุบันมีผู้สูงอายุอยู่ในการดูแล ทั้งสิ้น จำนวน 50 คน (เป็นหญิงล้วน)

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ภาพ/ข่าว

ตำรวจภูธร จ.นครปฐม ปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม ลดอุบัติเหตุทางถนน และส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567

ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน ร่วมปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม ลดอุบัติเหตุทางถนน และส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567

พลตำรวจโท ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

  เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2567 ที่บริเวณลานจอดรถหน้าพระศิลาขาว องค์พระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม พลตำรวจโท ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานพิธีปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ 2567 โดยมีผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 นายยงยุทธ สวนทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ผู้แทนฝ่ายทหาร หัวหน้าหน่วยงาน เข้าร่วมพิธี ด้วยในปีนี้รัฐบาลได้จัดงานมหาสงกรานต์ World Songkran Festival เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยมีการจัดงานเทศกาลดังกล่าวทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 1 ถึง 21 เมษายน 2567ซึ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ มีวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน คาดว่าจะมีประชาชนจำนวนมาก เดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ อีกทั้งในหลายพื้นที่ได้มีการจัดงานรื้นเริง จัดงานวันสงกรานต์สรงน้ำพระตามประเพณี มีประชาชนไปร่วมงานเป็นจำนวนมาก อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้มอบหมายหน่วยปฏิบัติทั่วประเทศ ระดมกวาดล้างอาชญากรรม ในช้วงวันที่ 1 ถึง 10 เมษายน 2567 มีเป้าหมายจับกุมความผิดเกี่ยวกับการพนัน ยาเสพติด อาวุธปีนเครื่องกระสุนปีน และวัตถุระเบิด รวมทั้งบุคคลตามหมายจับและความผิดทางอาญาอื่นๆ โดยบูรณาการกำลังทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ประกอบด้วยกำลังพลในสังกัดตำรวจฎธรจังหวัดนครปฐม ตำรวจทางหลวงตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจปราบปรามยาเสพติด เจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง และอาสาสมัคร ร่วมพิธีปล่อยแถวระดมกวาดล้างในครั้งนี้ รวมทั้งสิ้น 550 นาย


สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ภาพ/ข่าว

เซ็นทรัลพัฒนา(ศาลายา) ส่งมอบทางลอดกลับรถ ด้วยงบ 112ล้านบาทให้กรมทางหลวง

ซ็นทรัลพัฒนา (ศาลายา) ส่งมอบทางลอดกลับรถ ด้วยงบ 112 ล้านบาทให้กรมทางหลวง เป็นสาธารณประโยชน์

  เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2567 นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา และ นางสาวรุจิเรศ นีรปัทมะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานรัฐกิจสัมพันธ์และสรรหาที่ดิน บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา ได้ทำพิธีส่งมอบทางลอดกลับรถให้เป็นสาธารณประโยชน์ โดยมี นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง นายศุภโชค มีอำพล ผู้อำนวยการสำนักงานทางหลวงที่ 13 กรุงเทพ ร่วมด้วยเจ้าหน้าที่ส่วนเกี่ยวข้อง และคณะผู้บริหารเซ็นทรัลพัฒนา


  บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและชุมชน มอบเงินสนับสนุนกว่า 112 ล้านบาท ให้กับกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม เพื่อดำเนินก่อสร้างทางลอดกลับรถบนถนนบรมราชชนนี (ทางหลวงหมายเลข 338) เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้แก่ประชาชน บรรเทาปัญหาการจราจรหนาแน่น และเพิ่มประสิทธิภาพในการรองรับปริมาณจราจรที่เพิ่มขึ้นในอนาคต

  ซึ่งโครงการ “ก่อสร้างทางลอดกลับรถเซ็นทรัล ศาลายา” ดำเนินการก่อสร้างโดย สำนักก่อสร้างสะพาน กรมทางหลวง มีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรหนาแน่นและติดขัดในปัจจุบัน เริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่ปี 2565 และแล้วเสร็จในปี 2566 ปัจจุบันได้เปิดใช้งานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับ “ทางลอดกลับรถ ถนนบรมราชชนนี” แห่งนี้ ตั้งอยู่บนถนนบรมราชชนนี (ทางหลวงหมายเลข 338) ที่ กม.22+059 บริเวณปากทางถนนราษฎร์พัฒนา หรือซอยทรงคนอง 2 (ทางเข้าวัดดอนหวายและวัดไร่ขิง) พื้นที่ ต.ทรงคนอง อ.สามพราน จ.นครปฐม มีรูปแบบการก่อสร้างทางลอด (Underpass) ขนาด 2 ช่องจราจร (ไป-กลับ) แบ่งทิศทางการจราจรด้วยเกาะสีตีเส้น ช่องจราจรกว้าง 9.95 เมตร ระยะทาง 156 เมตร จำนวน 1 แห่ง และก่อสร้างสะพานคอนกรีตอัดแรง ความกว้างรวม 48 เมตร และความยาว 12 เมตร ตามแนวถนนบรมราชชนนี พร้อมงานติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างและอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย

  ปัจจุบันโครงการก่อสร้างทางลอดเซ็นทรัล ศาลายา แล้วเสร็จ ได้ทำการเปิดบริการให้แก่ประชาชนใช้ในการสัญจร เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งทางลอดฯ แห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากศูนย์การค้าเซ็นทรัล ศาลายา ประมาณ 500 เมตร ช่วยให้ประชาชนสามารถใช้เป็นเส้นทางเข้า – ออก ในการเดินทางสัญจรได้สะดวกปลอดภัย ลดการเกิดอุบัติเหตุ ทำให้บริเวณโดยรอบมีความความคล่องตัวและสะดวกมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นทางเลือกในการกลับรถ สำหรับรถเล็กที่มีความสูงไม่เกิน 2.50 เมตร ประชาชนสามารถใช้ทางลอดกลับรถเดินทางเข้ากรุงเทพฯ หรือกลับรถไปสู่ จังหวัดนครปฐม และจังหวัดใกล้เคียง เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชนและชุมชนอย่างยั่งยืน


  เซ็นทรัลพัฒนา ดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ Imagining better futures for all ในฐานะ ‘Place Maker’ นักพัฒนาพื้นที่แห่งอนาคต สร้างสรรค์สิ่งที่ดีเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนสำหรับคนไทยและประเทศไทย โดยให้ความสำคัญกับการสร้างพื้นที่ที่มีคุณภาพ เพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตของพี่น้องประชาชนในทุกมิติ รวมทั้งสร้างสรรค์สิ่งที่ดีเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนสำหรับคนไทยและประเทศไทย

วิภาวี เกษรบุญนาค,สนง.ปชส.นครปฐม ภาพ /ข่าว

เซ็นทรัลพัฒนา(ศาลายา) ส่งมอบทางลอดกลับรถ ด้วยงบ 112ล้านบาทให้กรมทางหลวง

ซ็นทรัลพัฒนา (ศาลายา) ส่งมอบทางลอดกลับรถ ด้วยงบ 112 ล้านบาทให้กรมทางหลวง เป็นสาธารณประโยชน์

  เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2567 นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา และ นางสาวรุจิเรศ นีรปัทมะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานรัฐกิจสัมพันธ์และสรรหาที่ดิน บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา ได้ทำพิธีส่งมอบทางลอดกลับรถให้เป็นสาธารณประโยชน์ โดยมี นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง นายศุภโชค มีอำพล ผู้อำนวยการสำนักงานทางหลวงที่ 13 กรุงเทพ ร่วมด้วยเจ้าหน้าที่ส่วนเกี่ยวข้อง และคณะผู้บริหารเซ็นทรัลพัฒนา


  บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและชุมชน มอบเงินสนับสนุนกว่า 112 ล้านบาท ให้กับกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม เพื่อดำเนินก่อสร้างทางลอดกลับรถบนถนนบรมราชชนนี (ทางหลวงหมายเลข 338) เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้แก่ประชาชน บรรเทาปัญหาการจราจรหนาแน่น และเพิ่มประสิทธิภาพในการรองรับปริมาณจราจรที่เพิ่มขึ้นในอนาคต

  ซึ่งโครงการ “ก่อสร้างทางลอดกลับรถเซ็นทรัล ศาลายา” ดำเนินการก่อสร้างโดย สำนักก่อสร้างสะพาน กรมทางหลวง มีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรหนาแน่นและติดขัดในปัจจุบัน เริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่ปี 2565 และแล้วเสร็จในปี 2566 ปัจจุบันได้เปิดใช้งานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับ “ทางลอดกลับรถ ถนนบรมราชชนนี” แห่งนี้ ตั้งอยู่บนถนนบรมราชชนนี (ทางหลวงหมายเลข 338) ที่ กม.22+059 บริเวณปากทางถนนราษฎร์พัฒนา หรือซอยทรงคนอง 2 (ทางเข้าวัดดอนหวายและวัดไร่ขิง) พื้นที่ ต.ทรงคนอง อ.สามพราน จ.นครปฐม มีรูปแบบการก่อสร้างทางลอด (Underpass) ขนาด 2 ช่องจราจร (ไป-กลับ) แบ่งทิศทางการจราจรด้วยเกาะสีตีเส้น ช่องจราจรกว้าง 9.95 เมตร ระยะทาง 156 เมตร จำนวน 1 แห่ง และก่อสร้างสะพานคอนกรีตอัดแรง ความกว้างรวม 48 เมตร และความยาว 12 เมตร ตามแนวถนนบรมราชชนนี พร้อมงานติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างและอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย

  ปัจจุบันโครงการก่อสร้างทางลอดเซ็นทรัล ศาลายา แล้วเสร็จ ได้ทำการเปิดบริการให้แก่ประชาชนใช้ในการสัญจร เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งทางลอดฯ แห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากศูนย์การค้าเซ็นทรัล ศาลายา ประมาณ 500 เมตร ช่วยให้ประชาชนสามารถใช้เป็นเส้นทางเข้า – ออก ในการเดินทางสัญจรได้สะดวกปลอดภัย ลดการเกิดอุบัติเหตุ ทำให้บริเวณโดยรอบมีความความคล่องตัวและสะดวกมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นทางเลือกในการกลับรถ สำหรับรถเล็กที่มีความสูงไม่เกิน 2.50 เมตร ประชาชนสามารถใช้ทางลอดกลับรถเดินทางเข้ากรุงเทพฯ หรือกลับรถไปสู่ จังหวัดนครปฐม และจังหวัดใกล้เคียง เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชนและชุมชนอย่างยั่งยืน


  เซ็นทรัลพัฒนา ดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ Imagining better futures for all ในฐานะ ‘Place Maker’ นักพัฒนาพื้นที่แห่งอนาคต สร้างสรรค์สิ่งที่ดีเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนสำหรับคนไทยและประเทศไทย โดยให้ความสำคัญกับการสร้างพื้นที่ที่มีคุณภาพ เพื่อส่งเสริมการใช้ชีวิตของพี่น้องประชาชนในทุกมิติ รวมทั้งสร้างสรรค์สิ่งที่ดีเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนสำหรับคนไทยและประเทศไทย

วิภาวี เกษรบุญนาค /ข่าว

เทศบาลฯ สามควายเผือก ตรวจวัดสายตา และแก้ไขการมองเห็นในกลุ่มผู้สูงอายุ

เทศบาลเมืองสามควายเผือก คัดกรองความผิดปกติสายตาและแก้ไขการมองเห็นในกลุ่มผู้สูงอายุ

ที่เทศบาลเมืองสามควายเผือก ต.สามควายเผือก อ.เมือง จ.นครปฐม นายสุเทพ เถลิงศักดาเดช นายกเทศมนตรีเมืองสามควายเผือก พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ปลัดเทศบาล และเจ้าหน้าที่เทศบาล จัดกิจกรรมโครงการคัดกรองความผิดปกติสายตาและแก้ไขการมองเห็นไม่ชัดในกลุ่มผู้สูงอายุ ประจำปีงบประมาณ 2567 โดยมีผู้สูงอายุเข้าร่วมโครงการประมาณ 300 คน

นายสุเทพ เถลิงศักดาเดช นายกเทศมนตรีเมืองสามควายเผือก เปิดเผยว่า  การจัดโครงการตรวจคัดกรองความผิดปกติสายตาและแก้ไขปัญหาการมองเห็นไม่ชัดในกลุ่มผู้สูงอายุ จัดโดยกองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาลเมืองสามควายเผือก เพื่อให้สอดคล้องกับแผนสุขภาพชุมชนของ อปท.ปัญหาสุขภาพผู้สูงอายุ สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึง และมีความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพดวงตา

โดยประสานงานกับหน่วยบริการหรือสถานบริการทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่สามารถดำเนินการตรวจคัดกรองสายตา อีกทั้งยังจัดทำทะเบียนแยกประเภทผู้สูงอายุ กรณีพบผู้สูงอายุสายตายาวแต่ไม่พบความผิดปกติของโรคทางตาจะได้รับแว่น กรณีพบผู้สูงอายุที่มีความผิดปกติจัดทำทะเบียนเพื่อดำเนินการแนะนำให้เข้ารับการรักษาตามสิทธิต่อไป

วีรวิชญ์ โรจนอัครพงศ์ ภาพ-ข่าว

เทศบาลฯ สามควายเผือก ตรวจวัดสายตา และแก้ไขการมองเห็นในกลุ่มผู้สูงอายุ

เทศบาลเมืองสามควายเผือก คัดกรองความผิดปกติสายตาและแก้ไขการมองเห็นในกลุ่มผู้สูงอายุ

ที่เทศบาลเมืองสามควายเผือก ต.สามควายเผือก อ.เมือง จ.นครปฐม นายสุเทพ เถลิงศักดาเดช นายกเทศมนตรีเมืองสามควายเผือก พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ปลัดเทศบาล และเจ้าหน้าที่เทศบาล จัดกิจกรรมโครงการคัดกรองความผิดปกติสายตาและแก้ไขการมองเห็นไม่ชัดในกลุ่มผู้สูงอายุ ประจำปีงบประมาณ 2567 โดยมีผู้สูงอายุเข้าร่วมโครงการประมาณ 300 คน

นายสุเทพ เถลิงศักดาเดช นายกเทศมนตรีเมืองสามควายเผือก เปิดเผยว่า  การจัดโครงการตรวจคัดกรองความผิดปกติสายตาและแก้ไขปัญหาการมองเห็นไม่ชัดในกลุ่มผู้สูงอายุ จัดโดยกองทุนหลักประกันสุขภาพเทศบาลเมืองสามควายเผือก เพื่อให้สอดคล้องกับแผนสุขภาพชุมชนของ อปท.ปัญหาสุขภาพผู้สูงอายุ สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึง และมีความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพดวงตา

โดยประสานงานกับหน่วยบริการหรือสถานบริการทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่สามารถดำเนินการตรวจคัดกรองสายตา อีกทั้งยังจัดทำทะเบียนแยกประเภทผู้สูงอายุ กรณีพบผู้สูงอายุสายตายาวแต่ไม่พบความผิดปกติของโรคทางตาจะได้รับแว่น กรณีพบผู้สูงอายุที่มีความผิดปกติจัดทำทะเบียนเพื่อดำเนินการแนะนำให้เข้ารับการรักษาตามสิทธิต่อไป

วีรวิชญ์ โรจนอัครพงศ์ ภาพ-ข่าว

ไฟฟ้าร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จับผู้ขโมยไฟฟ้าใช้ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม

PEA ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบละเมิดการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่จังหวัดนครปฐม


นายพิเชฐ อรุณมาศ ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย นายพิชิต อุดมรักษาทรัพย์ ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสาขาเมืองนครปฐม ร่วมกับ พ.ต.อ.ภูภณ ทัพเจริญ ผกก.สภ.เมืองนครปฐม นำกำลังเจ้าหน้าที่ สภ.เมืองนครปฐม และส่วนเกี่ยวข้องร่วมกันนำหมายค้นของศาลจังหวัดนครปฐม

   เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ เลขที่ 1/108 ถ.พระงาม 4 อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม พบการละเมิดการใช้ไฟฟ้า ขณะตรวจค้นวัดค่าใช้งานรวมได้ 36kW โดยภายในอาคารพบชุด คอมพิวเตอร์ ขุดบิทคอย จำนวนกว่า 80 เครื่องพร้อมอุปกรณ์ประกอบหลายรายการ มูลค่าของกลางและความเสียหายในการลักลอบใช้ไฟฟ้า ทั้งสิ้นกว่า 20 ล้านบาท พร้อมทั้งนำผู้ครอบครองสถานที่ไปยัง สภ.เพื่อทำการสอบสวนและยายผลเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป

  การลักลอบใช้ไฟฟ้านั้น PEA สามารถตรวจพบได้จากฐานข้อมูลการใช้ไฟฟ้าของ PEA การละเมิดการใช้ไฟฟ้านอกจากจะเป็นการกระทำผิดตามกฎหมายในคดีแพ่งและอาญาแล้ว ยังเป็นการติดตั้งระบบไฟฟ้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน อาจก่อให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร รวมถึงเกิดเพลิงไหม้ เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้

สำหรับประชาชนผู้เป็นเจ้าของอาคารปล่อยเช่า ควรตรวจสอบผู้เช่าว่ามีการใช้งานอาคารในลักษณะผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งหากผู้ใดพบเห็นการละเมิดการใช้ไฟฟ้าที่ผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ 1129 PEA Contact Center หรือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในพื้นที่

ข่าว/ภาพ : การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดนครปฐม

แอบลักลอบนำน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม จ.สมุทรสาคร มาทิ้ง จ.นครปฐม

แอบลักลอบนำน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม จ.สมุทรสาคร มาทิ้ง จ.นครปฐม

     เมื่อเวลา  20.00น. วันที่ 1 เม.ย.67 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำราจชุดจับกุม พ.ต.ท.สัญญา ทุ่มโพธิ์ทอง ต้นปืน(สบ.7)/หน.ชุดปฏิบัติการสืบสวนหาข่าวที่ 6 กรต.บก.รน., ร.ต.อ.ณรงค์ศักดิ์ ภูตะลา รอง สว.(ทนท.ทางน้ำ) ส.รน.4กก.4  บก.รน. , จ.ส.ต.พงศกร โครตเจริญ, ส.ต.อ.จรัญ รักธรรม ส.ต.ท.สุรกฤษฎิ์ ช่วยสงค์ ส.ต.ท.อับบาสข่าน มูลา ส.ต.ท.ปกรณ์ เครือแก้ว ผบ.หมู่ ฯ

  ได้ร่วมจับกุมตัว นายชุมพร คล่องถนอมสัตย์ อายุ 46 ปี เลขที่ 109/41หมู่ 8 ต.ลำโพ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมด้วยของกลางรถบรรทุก 6ล้อ ยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน 70-2108 สิงห์บุรี ใช้ในการบรรจุสิ่งปฏิกูลน้ำเสีย จากโรงงานอุตสาหกรรม จำนวน 3000 ลิตร เลี้ยวเข้าไปจอดบริเวณถนนส่วนบุคคล นฐ.3004 หมู่ที่ 10 ต.นกกระทุง อ.บางเลน จ.นครปฐม กำลังปล่อยน้ำภายในถังขนส่ง ซึ่งมีกลิ่นเหม็น สีเหลืองขุ่น จึงแสดงตัวเข้าจับกุมตัว พร้อมประสาน นายมานพ ศรีสุข นายกอบต.คลองนกกระทุง  นายขจรเกียรติ นิพัฒน์โภคัย นายกเทศมนตรีตำบลลำพญา และตำแหน่งกรรมการลุ่มน้ำท่าจีน

นำตัวส่ง พ.ต.ต.ปรัชญา บูรณัติ สว.(สอบสวน) สภ.บางเลน  อัตราโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีปรับไม่เกิน 100,000 บาท ใช้เงินสดประกันตัว 20,000 บาท

โดยตั้งข้อหา ว่าเป็นผู้ควบคุมหรือรับจ้างให้บริการบำบัดน้ำเสียหรือกำจัดของเสีย ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น อันเป็นความผิดตามมาตรา73,105 แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 เป็นผู้ขับขี่เทหรือทิ้งสิ่งปฏิกูล มูลฝอย น้ำโสโครกหรือสิ่งอื่นใดลงบนถนนหรือในทางน้ำ อันเป็นความผิด
ตามมาตรา 33 แห่ง พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535

ด้านนายชุมพร ให้การรับสารภาพ พร้อมกล่าวว่า รับจ้างให้มาสูบน้ำ จากโรงงานในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ก่อนนี้มีอีกเจ้าหนึ่งรับจ้างบรรทุก แล้วเค้าติดต่องานมาให้ผม ได้รับค่าจ้างเที่ยวละ 4,000 บาท โดยถังบรรจุได้ 3,000 ลิตร ส่วนเงิน 4,000 บาท โอนจ่ายในวันถัดไปหลังจากที่นำน้ำเสียไปทิ้งมาอาทิตย์ละ 1 ครั้ง  วันนี้เพิ่งเข้ามาขนน้ำครั้งแรกทางโรงงานบอกว่าปั๊มที่ดูดซับไปบ่อบำบัดเสีย จึงต้องใช้รถบรรทุกสูบออกมาทิ้งนอกพื้นที่

  คนติดต่อบอกว่า เป็นน้ำมะม่วงสุข ที่ไปรับมาเป็นที่ทำมะม่วงกวน ผมทราบเท่านี้ ไม่มีเอกสารอะไรมาด้วย ส่วนสาเหตุที่นำมาถึงจุดนี้ รถอีกคันยางแตกจึงต้องหาที่ทิ้งและนำไปถ่ายน้ำอีกคันจนกระทั่งถูกจับกุมตัวดังกล่าว

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างจำนวน 3 ลิตรเพื่อส่งอุตสาหกรรมจังหวัดนครปฐมตรวจสอบน้ำดังกล่าวว่ามีสารพิษ หรือตกค้างอะไรบ้าง

  ภาพ-ข่าว วีรวิชญ์ โรจนอัครพงศ์

สำนักการสอบสวนและนิติการฯ  จัดจัดโครงการฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพด้านการปราบยาเสพติดและการรักษาความสงบ.

  สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง จัดทำโครงการฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพด้านการปราบปรามยาเสพติดและการรักษาความสงบเรียบร้อย (Professional Development Program in Drug Suppression and Public Order Maintenance)

  เพื่อฝึกอบรมให้กับข้าราชการและสมาชิก อส. ที่ได้รับการคัดเลือกจากกองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน (ส่วนกลาง) และสำนัก/กองในกรมการปกครอง จำนวน 67 ราย ฝึกอบรมระหว่างวันที่ 30 มี.ค. – 5 เม.ย. 2567 ณ โรงเรียนสืบสวนสอบสวนพนักงานฝ่ายปกครอง วิทยาลัยการปกครอง อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี

โดยในวันเสาร์ที่ 30 มี.ค. 2567 เวลา 13.00 - 18.00 น. คณะวิทยากรจากสำนักการสอบสวนและนิติการ (ส่วนการสอบสวนคดีอาญา) อาทิ ดร.รัฐวิช จิตสุจริตวงศ์ นายอำเภอนาคู รักษาการในตำแหน่ง ผอ.ส่วนการสอบสวนคดีอาญา นางสาวอภิราภา เหลืองวิลัย หัวหน้ากลุ่มงานกฎหมายกระบวนการยุติธรรมทางอาญา (นิติกรชำนาญการพิเศษ) และนายภควี นาคจู หัวหน้ากลุ่มงานสืบสวนสอบสวนคดีอาญา1 (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ) พร้อมด้วยนายหมวดเอกวุฒิไกร สีสันต์ ผู้บังคับกองร้อยกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดอุบลราชธานีที่ 1 ได้นำระดมสมองในหัวข้อ "อำนาจหน้าที่ของพนักงานฝ่ายปกครอง"

   และวันอาทิตย์ที่ 31 มี.ค. 2567 เวลา 05.30 น. - 23.00 น. คณะวิทยากรจากสำนักการสอบสวนและนิติการ (ส่วนการสอบสวนคดีอาญา) อาทิ ดร.รัฐวิช จิตสุจริตวงศ์ นายอำเภอนาคู รักษาการในตำแหน่ง ผอ.ส่วนการสอบสวนคดีอาญา นางสาวอภิราภา เหลืองวิลัย หัวหน้ากลุ่มงานกฎหมายกระบวนการยุติธรรมทางอาญา (นิติกรชำนาญการพิเศษ) และนายภควี นาคจู หัวหน้ากลุ่มงานสืบสวนสอบสวนคดีอาญา1 (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ) พร้อมด้วยนายหมวดเอกวุฒิไกร สีสันต์ ผู้บังคับกองร้อยกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดอุบลราชธานีที่ 1 ได้บรรยายภาคทฤษฎีและฝึกปฏิบัติ ดังนี้

  ภาคเช้า. (เริ่มตั้งแต่เวลา 05.30 น.)  ฝึกกายบริหาร (Physical Training) บรรยายหลักกฎหมายยาเสพติด บรรยายหลักกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ ภาคบ่าย.ฝึกภาคปฏิบัติการใช้กล้องติดตัว Body Camera ฝึกภาคปฏิบัติขั้นตอนการสืบสวนปราบปรามการกระทำความผิด ภาคกลางคืน. ฝึกภาคปฏิบัติการสืบสวนหาข่าวและฝึกปฏิบัติการในสถานการณ์จริง

สำนักการสอบสวนและนิติการฯ  จัดจัดโครงการฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพด้านการปราบยาเสพติดและการรักษาความสงบ.

  สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง จัดทำโครงการฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพด้านการปราบปรามยาเสพติดและการรักษาความสงบเรียบร้อย (Professional Development Program in Drug Suppression and Public Order Maintenance)

  เพื่อฝึกอบรมให้กับข้าราชการและสมาชิก อส. ที่ได้รับการคัดเลือกจากกองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน (ส่วนกลาง) และสำนัก/กองในกรมการปกครอง จำนวน 67 ราย ฝึกอบรมระหว่างวันที่ 30 มี.ค. – 5 เม.ย. 2567 ณ โรงเรียนสืบสวนสอบสวนพนักงานฝ่ายปกครอง วิทยาลัยการปกครอง อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี

โดยในวันเสาร์ที่ 30 มี.ค. 2567 เวลา 13.00 - 18.00 น. คณะวิทยากรจากสำนักการสอบสวนและนิติการ (ส่วนการสอบสวนคดีอาญา) อาทิ ดร.รัฐวิช จิตสุจริตวงศ์ นายอำเภอนาคู รักษาการในตำแหน่ง ผอ.ส่วนการสอบสวนคดีอาญา นางสาวอภิราภา เหลืองวิลัย หัวหน้ากลุ่มงานกฎหมายกระบวนการยุติธรรมทางอาญา (นิติกรชำนาญการพิเศษ) และนายภควี นาคจู หัวหน้ากลุ่มงานสืบสวนสอบสวนคดีอาญา1 (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ) พร้อมด้วยนายหมวดเอกวุฒิไกร สีสันต์ ผู้บังคับกองร้อยกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดอุบลราชธานีที่ 1 ได้นำระดมสมองในหัวข้อ "อำนาจหน้าที่ของพนักงานฝ่ายปกครอง"

   และวันอาทิตย์ที่ 31 มี.ค. 2567 เวลา 05.30 น. - 23.00 น. คณะวิทยากรจากสำนักการสอบสวนและนิติการ (ส่วนการสอบสวนคดีอาญา) อาทิ ดร.รัฐวิช จิตสุจริตวงศ์ นายอำเภอนาคู รักษาการในตำแหน่ง ผอ.ส่วนการสอบสวนคดีอาญา นางสาวอภิราภา เหลืองวิลัย หัวหน้ากลุ่มงานกฎหมายกระบวนการยุติธรรมทางอาญา (นิติกรชำนาญการพิเศษ) และนายภควี นาคจู หัวหน้ากลุ่มงานสืบสวนสอบสวนคดีอาญา1 (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ) พร้อมด้วยนายหมวดเอกวุฒิไกร สีสันต์ ผู้บังคับกองร้อยกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดอุบลราชธานีที่ 1 ได้บรรยายภาคทฤษฎีและฝึกปฏิบัติ ดังนี้

  ภาคเช้า (เริ่มตั้งแต่เวลา 05.30 น.) (1) ฝึกกายบริหาร (Physical Training) (2) บรรยายหลักกฎหมายยาเสพติด (3) บรรยายหลักกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ ภาคบ่าย (4) ฝึกภาคปฏิบัติการใช้กล้องติดตัว Body Camera (5) ฝึกภาคปฏิบัติขั้นตอนการสืบสวนปราบปรามการกระทำความผิด ภาคกลางคืน (เลิกเวลา 23.00 น.) (6) ฝึกภาคปฏิบัติการสืบสวนหาข่าวและฝึกปฏิบัติการในสถานการณ์จริง

รมต.พม.เปิดงานปั่นประวัติศาสตร์ “เมืองเจดีย์ใหญ่มอเตอร์เวย์”

รมต.พม.เปิดงานปั่นประวัติศาสตร์ “เมืองเจดีย์ใหญ่มอเตอร์เวย์” รวมนักปั่นกว่า3,000คน

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

เมื่อเวลา 07.15 น.ที่ 31 มีนาคม ที่ด่านเก็บเงินฝั่งตะวันตก ทางหลวงหมายเลข 321 จังหวัดนครปฐม นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานปล่อยนักกีฬา การแข่งขันจักรยาน “เมืองเจดีย์ใหญ่ มอเตอร์เวย์ครั้งที่ 1” บนทางหลวงพิเศษสาย อ.บางใหญ่-กาญจนบุรี (สายM81) ช่วงด่านเก็บเงินฝั่งตะวันตก ทางหลวงหมายเลข 321(มาลัยแมน) นครปฐม ถึงด่านเก็บเงินทางหลวงหมายเลข 324 อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ไปกลับรวมระยะทาง 100 กม.

นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม


โดยมี นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม กล่าวรายงานว่าในนามของคณะกรรมการจัดงาน สมาคมจักรยานจังหวัดนครปฐมร่วมกับ สมาคมกีฬาจักรยานปทุมธานี และนักปั่นจักรยาน ที่มาร่วมกันปั่นจักรยาน ทั้ง 3 รายการ(สาย เอ 100 กิโลเมตร สายบี 50 กิโลเมตร และ วีไอพี 24 กิโลเมตร )รวมกว่า 3,000 คัน/คน มาร่วม

กิจกรรมปั่นจักรยาน ตามโครงการ “เมืองเจดีย์ใหญ่ มอเตอร์เวย์ครั้งที่ 1”
ในวันนี้ ซึ่งโครงการ “เมืองเจดีย์ใหญ่ มอเตอร์เวย์ครั้งที่ 1” เพื่อหวังว่า
กิจกรรมนี้จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงให้กับนักกีฬา และ
ยังช่วยประชาสัมพันธ์ สถานที่ท่องเที่ยว ในจังหวัดนครปฐม ให้เป็นที่รู้จักกันมากยิ่งขึ้น

นายสหพันธ์ ปฐมวัฒนานุรักษ์ นายกสมาคมจักรยานนครปฐม กล่าวว่า รู้สึกดีใจมากที่สามารถสร้างประวัติศาสตร์วงการจักรยาน ปั่นบนมอเตอร์เวย์ และมีสมาชิกมาร่วมกว่า 3,000 คน และขอบคุณนักปั่นทุกคนที่มาร่วม ขอให้ทุกคนมีพลานามัยที่แข็งแรง ตามวัตถุประสงค์

ลักษณะเส้นทางบนทางหลวงพิเศษสาย อ.บางใหญ่-กาญจนบุรี (สายM 81)ช่วงด่านเก็บเงินฝั่งตะวันตก ทางหลวงหมายเลข 321(มาลัยแมน) นครปฐม ถึงด่านเก็บเงินทางหลวงหมายเลข 324 อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ไปกลับรวมระยะทาง 100 กม.เป็นเส้นทางที่สวยมากบรรยากาศดี มีลมบางช่วงที่เป็นอุปสรรคต่อนักปั่น ไร้ปัญหาการรบกวนเรื่องจากเป็นสนามปิด ใช้มอเตอร์เวย์ M 81 ที่ยังไม่เปิดทำการสร้างประวัติศาสตร์ให้แก่นักปั่น

ด้านนายสมชาย หนึ่งในนักปั่น กล่าวว่า มาจากนนท
บุรี มากันหลายคัน บางคนมาพัก บางคนมาช่วงดึก มาร่วมสร้างประวัติศาสตร์ให้กับนครปฐม และตนเอง เพราะว่าการได้ปั่นบนมอเตอร์เวย์ไม่ใช่เรื่องง่าย และเมื่อนครปฐมจัด ก็รีบจอง และมาร่วมที่สำคัญปลอดภัย

ขอขอบคุณ ภาพ-ข่าว ทวีพล หลิมชัยสุวรรณ

เปิดยิ่งใหญ่! ‘เซ็นทรัล นครปฐม’  แลนด์มาร์กแห่งใหม่นครปฐม

เปิดแล้วยิ่งใหญ่! ‘เซ็นทรัล นครปฐม’  แลนด์มาร์ก
แห่งใหม่นครปฐม ถนนทุกสายมุ่งสู่ห้าง ทามกลางการจราจรหนาแน่น และอากาศร้อน


็ นครปฐม – บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้นำอสังหาริมทรัพย์ ของไทย สร้างปรากฏการณ์
ครั้งยิ่งใหญ่ เปิด “เซ็นทรัล นครปฐม” โครงการมิกซ์ยูสแลนด์มาร์กใหม่ใจกลางนครปฐม ที่พร้อมเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตแห่งใหม่ที่ยกระดับและเชื่อมต่อไลฟ์สไตล์ชาวนครปฐมและพื้นที่ใกล้เคียง ภายใต้แนวคิด “ปฐมบทใหม่ของความสุข” บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ พื้นที่อาคารรวม
(GBA)133,000 ตารางเมตร ครบครันด้วย ศูนย์การค้า, โรงแรม, คอนโดมิเนียม Escent, บ้านเดี่ยว Baan
Nirati, Urban Park 4 ไร่ ตอบโจทย์ทุกเจเนอเรชั่น โดยเป็นศูนย์การค้าลำดับที่ 42 ของเซ็นทรัลพัฒนา
ภายใต้วิสัยทัศน์เดินหน้าแผนพัฒนาโครงการ สร้างย่าน สร้างเมืองหลัก-เมืองรอง ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวทั่วประเทศ

  นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “ในฐานะ Place Maker เรามุ่งมั่นที่จะเติมเต็มศักยภาพของเมืองไปอีกขั้น
   โดย “เซ็นทรัล นครปฐม” จะเป็นแลนด์มาร์ก “ปฐมบทใหม่ของความสุข” เป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและครบครันที่สุด พร้อมทั้งเชื่อมไปสู่ภาคตะวันตกของประเทศ เราตั้งใจสร้างสรรค์ให้ เซ็นทรัล นครปฐม เป็นมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ที่เติมเต็มการใช้ชีวิตของทุกคนได้อย่างเต็มรูปแบบ

  เพื่อช่วยผลักดันเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้คน เสริมศักยภาพจังหวัด ในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงภาคกลางและภาคตะวันตก รองรับเมกะโปรเจ็คของภาครัฐในอนาคต ร่วมมือกับผู้ประกอบการท้องถิ่น ส่วนราชการ ร่วมกันผลักดันเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว ช่วยสร้างงานและกระจายรายได้ในจังหวัด พร้อมสร้างสรรค์ให้โครงการเซ็นทรัล นครปฐม เป็นพื้นที่บอกเล่า “ปฐมบท” แห่งวัฒนธรรม และศิลปะอันงดงามและยาวนาน เชิดชูอัตลักษณ์อันทรงคุณค่าของเมือง ซึ่งจะช่วยสร้างเสน่ห์ด้านการท่องเที่ยวครบทุกมิติ ทั้งสนับสนุนเทศกาลงานเมือง และเปิดพื้นที่ส่งเสริมผลิตภัณฑ์ด้านเกษตร สร้างความเติบโตของชุมชนไปด้วยกันอย่างยั่งยืน”

ขอบคุณภาพ-ข่าว Pr.เซ็นทรัล

มทร.รัตนโกสินทร์ ศาลายา เลี้ยงขอบคุณสื่อมวลชน

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตศาลายา จัดเลี้ยงขอบคุณสื่อมวลชน

ในวันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม 2567 มทร.รัตนโกสินทร์ วิทยาเขตศาลายา  โดย รศ.ดร.อุดมวิทย์ ไชยสกุลเกียรติ อธิการบดี มอบหมายให้ รศ.ดร.อาคีรา ราชเวียง รองอธิการบดี กล่าวต้อนรับ และเปิดโครงการขอบคุณสื่อมวลชน มทร.รัตนโกสินทร์ 2567

  โดยจัดขึ้นเพื่อเป็นการขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้การสนับสนุนข่าวสารของทางมหาวิทยาลัย ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอันเป็นการประชาสัมพันธ์เชิงรุก และเป็นการประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัย ให้เป็นที่รู้จักแก่นักศึกษาและบุคคลทั่วไปให้เข้าใจถึงบทบาทต่าง ๆ อย่างทั่วถึง ก่อให้เกิดภาพลักษณ์ และความเชื่อมั่นอันดี ต่อมหาวิทยาลัย

  สำหรับในช่วงบ่ายได้พาสื่อมวลชนเข้าศึกษาดูงานด้านการประชาสัมพันธ์ และด้านการบริการวิชาการ ณ มทร.รัตนโกสินทร์ วิทยาลัยเพาะช่าง โดยมี ผศ.สุรัฐ บุญทรง ผู้อำนวยการวิทยาลัยเพาะช่าง ให้การต้อนรับ

มทร.รัตนโกสินทร์ ศาลายา เลี้ยงขอบคุณสื่อมวลชน

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตศาลายา จัดเลี้ยงขอบคุณสื่อมวลชน

ในวันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม 2567 มทร.รัตนโกสินทร์ วิทยาเขตศาลายา  โดย รศ.ดร.อุดมวิทย์ ไชยสกุลเกียรติ อธิการบดี มอบหมายให้ รศ.ดร.อาคีรา ราชเวียง รองอธิการบดี กล่าวต้อนรับ และเปิดโครงการขอบคุณสื่อมวลชน มทร.รัตนโกสินทร์ 2567

  โดยจัดขึ้นเพื่อเป็นการขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้การสนับสนุนข่าวสารของทางมหาวิทยาลัย ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอันเป็นการประชาสัมพันธ์เชิงรุก และเป็นการประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัย ให้เป็นที่รู้จักแก่นักศึกษาและบุคคลทั่วไปให้เข้าใจถึงบทบาทต่าง ๆ อย่างทั่วถึง ก่อให้เกิดภาพลักษณ์ และความเชื่อมั่นอันดี ต่อมหาวิทยาลัย

  สำหรับในช่วงบ่ายได้พาสื่อมวลชนเข้าศึกษาดูงานด้านการประชาสัมพันธ์ และด้านการบริการวิชาการ ณ มทร.รัตนโกสินทร์ วิทยาลัยเพาะช่าง โดยมี ผศ.สุรัฐ บุญทรง ผู้อำนวยการวิทยาลัยเพาะช่าง ให้การต้อนรับ

นายก อบจ.นครปฐม เปิดงาน”นมัสการองค์พระประโทนเจดีย์ฯ “โบราณสถานสถานเก่าแก่นับพันปี

นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม เป็นประธานเปิดงาน”นมัสการองค์พระประโทนเจดีย์ฯ “โบราณสถานสถานเก่าแก่นับพันปี

นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม

วันที่ 22 มีนาคม 2567 ที่วัดพระประโทนเจดีย์ วรวิหาร ต.พระประโทน อ.เมือง จ.นครปฐม นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม ประธานเปิดงานนมัสการองค์วัดพระประโทนเจดีย์ ประจำปี 2567 ร่วมด้วย ดร.ณัฎฐิกา ลิ้มเฉลิม ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม เขต 1 นายภัทรชัย ตั้งเจริญกร นายกเทศมนตรีตำบลธรรมศาลา พร้อมผู้นำชุมชน และผู้มีเกียรติร่วมพิธีเปิดฯ

พระศรีธีรวงศ์ เจ้าคณะอำเภอดอนตูม เจ้าอาวาสวัดพระประโทนเจดีย์ วรวิหาร

   พระศรีธีรวงศ์ เจ้าคณะอำเภอดอนตูม เจ้าอาวาสวัดพระประโทนเจดีย์ วรวิหาร เปิดเผยว่า ในการจัดงานนมัสการองค์วัดพระประโทนเจดีย์ ประจำปี 2567 ครั้งนี้ สืบเนื่องจากองค์พระประโทนเจดีย์ เป็นโบราณสถานที่มีอายุยาวนานนับพันปี มีความสำคัญด้านประวัติศาสตร์ เกี่ยวกับ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดนครปฐม ซึ่งควรค่าแก่การยกย่องเชิดชูบูชา และการกราบไหว้ ดังนั้น ทางวัดและคณะกรรมการต้องการเผยแพร่เกียรติศัพท์ เกียรติคุณแห่งองค์พระประโทนเจดีย์ ให้เป็นที่รู้จักและแพร่หลายยิ่งขึ้น หลังจากที่เว้นว่างห่างหายจากการจัดงานมานานนับหลายทศวรรษ

ทั้งนี้ โดยงานจะเริ่มตั้งแต่ 22-28 มีนาคม 2567 รวม 7วัน 7 คืน เพื่อเป็นพุทธบูชา สังฆบูชา รวบรวมจตุปัจจัยนำไปปฎิสังขรณ์ถาวรวัตถุภายในวัดต่อไป

    วีรวิชญ์ โรจนอัครพงศ์ ภาพ/ข่าว

ผู้ว่าฯ นครปฐม และผู้บริหารบริษัทกลุ่มเซ็นทรัล อัญเชิญตราตั้งพระราชทาน“พระครุฑพ่าห์” ขึ้นประดิษฐานที่ห้างเซ็นทรัลนครปฐม

ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม และคณะผู้บริหารบริษัทกลุ่มเซ็นทรัล อัญเชิญตราตั้งพระราชทาน“พระครุฑพ่าห์” ขึ้นประดิษฐานที่ห้างเซ็นทรัลนครปฐม สาขาใหม่ล่าสุดลำดับที่ 28.



วันที่ 21 มีนาคม 2567 ที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลนครปฐม นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย คุณรวิศรา จิราธิวัฒน์ ประธานบริหารฝ่ายการตลาด  กลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เป็นประธานในพิธีบวงสรวงและอัญเชิญตราตั้งพระราชทาน “พระครุฑพ่าห์” ของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาใหม่ล่าสุดลำดับที่ 28 ขึ้นประดิษฐานที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลนครปฐม เพื่อความเป็นสิริมงคล

  โดยมี นางสาวอโรชา นันทมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม นางวราภรณ์ เจริญศิริโชติ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม พันโท สินธพ แก้วพิจิตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม เขต 2 นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ตลอดจนนายอำเภอเมืองนครปฐม รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7  ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัด ผกก.สภ.เมืองนครปฐม รองนายกเทศมนตรีจังหวัดนครปฐม จัดหางาน จังหวัดนครปฐม ประชาสัมพันธ์จังหวัด หอการค้าจังหวัด พาณิชย์จังหวัด ประธานสภาอุตสาหกรรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครปฐม เขต 6 สวัสดิการแรงงาน จังหวัดนครปฐม ผู้แทนภาครัฐ เอกชน พร้อมทีมผู้บริหารห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สื่อมวลชน และพนักงาน ให้เกียรติเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง


        คุณรวิศรา จิราธิวัฒน์ ประธานบริหารฝ่ายการตลาด กลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.48 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ห้างเซ็นทรัลอัญเชิญตราตั้งพระราชทาน “พระครุฑพ่าห์” ซึ่งเป็นตราประจำแผ่นดินขึ้นประดับหน้าอาคาร เพื่อสะท้อนความเป็นห้างสรรพสินค้าที่มีหลักฐานมั่นคง ประกอบกิจการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตตลอดมา

โดยในวันที่ 26 ต.ค.49 ได้มีการจัดพิธีบวงสรวงอัญเชิญตราตั้งพระครุฑพ่าห์ ขึ้นประดิษฐานหน้าอาคารห้างเซ็นทรัลชิดลมเป็นแห่งแรก ก่อนจะอัญเชิญประดับหน้าอาคารห้างเซ็นทรัลทุกสาขาทั่วประเทศต่อไป โดยห้างเซ็นทรัลนครปฐมนับเป็นสาขาล่าสุดที่ได้อัญเชิญตราตั้งพระราชทาน “พระครุฑพ่าห์” ขึ้นเป็นสิริมงคลและเป็นขวัญกำลังใจแก่คณะผู้บริหาร และพนักงานของห้างฯ สืบไป”


  ปัจจุบัน ห้างเซ็นทรัลเปิดให้บริการในประเทศไทยรวมทั้งหมด 28 สาขา ซึ่ง “ห้างเซ็นทรัลนครปฐม” ถือเป็นห้างสาขาล่าสุดและเป็นสาขาที่ 2 ในจังหวัดนครปฐม ในฐานะเดสติเนชันการช้อปแห่งใหม่ของประตูแห่งภาคตะวันตกที่พร้อมเปิดปฐมบทใหม่ของความสุขแห่งการช้อปบนพื้นที่กว่า 14,000 ตร.ม. ในงบลงทุนกว่า 500 ล้านบาท ที่มุ่งเติมเต็มและมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่สมบูรณ์แบบ ทั้งดีไซน์การออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจจากอัตลักษณ์อันโดดเด่นของจังหวัดอย่าง ‘องค์พระปฐมเจดีย์’ ครบครัน ทุกความต้องการกับจักรวาลสินค้าทั้งความงาม แฟชั่น สินค้าแม่และเด็ก และสินค้าตกแต่งบ้าน ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

         
สนง.ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ภาพ/ข่าว

กรมการปกครองบุกจับโคตรบ่อนบางใหญ่ เปิดเล่น 24 ชม. เงินหมุนเวียนกว่า 300 ล้าน

มท.1 ควงอธิบดีกรมการปกครอง นำทีมปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง บุกทลายบ่อนพนันขนาดใหญ่ จ.นนทบุรี เดินหน้าจัดระเบียบสังคมตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทยอย่างต่อเนื่อง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

  วันที่ 19 มีนาคม 2567 เวลา 21.00 น.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการปกครอง นำชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 3 กองร้อยบังคับการและบริการที่ 1 รวมแล้วกว่า 80 นาย ร่วมกับจังหวัดนนทบุรี นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นายชุ้น ณัฐเดช กังสุกุล ปลัดจังหวัดนนทบุรี น.ส.ญาณิพัชญ์ ศรีโคตร นายอำเภอบางใหญ่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ พล.ต.ต.ปรารถนา แผ่นผา ผบก.ภ.จว.นนทบรี พ.ต.อ.รณภัฎ ทับทิมธงไชย ผกก.สภ.บางใหญ่ เข้าตรวจค้นจับกุมบ่อนการพนันขนาดใหญ่ในพื้นที่ตำบลบางแม่นาง อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี สามารถจับกุมนักพนันได้กว่า 300 ราย

จุดเริ่มต้นของปฏิบัติการเนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนไปทางสำนักงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายชาดา ไทยเศรษฐ์) และได้ร้องเรียนมายังกรมการปกครองว่ามีผู้มีอิทธิพลลักลอบเปิดบ่อนการพนันขนาดใหญ่ ณ หมู่บ้านพระปิ่น 3 อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี จึงขอให้ กรมการปกครองส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบ่อนการพนันดังกล่าว

โดยการสืบสวนครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 ชุดสืบสวนได้ทำการเข้าสืบสวนบ่อนการพนัน ซึ่งตั้งอยู่ที่ ไม่มีเลขที่ ตำบลบางแม่นาง อำเภอบางใหญ่ นนทบุรี อยู่ในหมู่บ้านพระปิ่น 3 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อบ่อนพระปิ่น 3 พบอาคารขนาดใหญ่และมีรั้วรอบขอบชิด มีที่จอดรถจำนวนมาก พบเห็นผู้คนเข้าออกอาคารดังกล่าวอยู่ตลอดเวลาที่ทำการสืบสวน  ซึ่งคาดว่าภายในจัดให้มีคนเล่นการพนันอย่างแน่นอน

และการสืบสวนครั้งที่ 2 วันที่ 12 มีนาคม 2567 สายลับพนักงานฝ่ายปกครองเข้าทำการสืบสวนข้อเท็จจริง พบว่า ลักษณะของบ่อนการพนันมีรั้วมิดชิดพื้นที่บ่อนการพนันมีขนาดใหญ่ สามารถจอดรถได้ 100 – 150 คัน รวมพื้นที่ของบ่อนและลานจอดรถประมาณ 2,000 ตารางเมตร นอกจากนี้ยังมีลานจอดรถด้านนอก มีพื้นที่ประมาณ 4,500 ตารางเมตร สามารถรองรับรถยนต์ได้ประมาณ 200 – 300 คัน สายลับทำทีเป็นนักพนันที่ได้รับการชักชวนมาจากนักพนันรายอื่น จึงสามาถผ่านเข้าประตูแรกริมรั้วเข้าไปได้ พนักงานทุกคนจะมีวิทยุสื่อสารกัน คอยสื่อสารแจ้งข้อมูลรถยนต์และจำนวนคนที่เข้าไปเล่นภายในบ่อน แต่เมื่อเข้าไปภายในอาคาร มีการ์ดจำนวน 5 คน ทำหน้าที่ซักถามประวัติว่าเคยมาเล่นที่บ่อนการพนันแห่งนี้หรือไม่ รู้จักใครด้านในหรือไม่ การจะเข้าได้ต้องมีคนข้างในมาพาเข้า สายลับไม่มีคนรู้จักด้านในมาพาเข้าจึงยังไม่สามารถเข้าทำการสืบสวนข้อเท็จจริงด้านในที่เป็นพื้นที่จัดให้เล่นการพนันได้ ซึ่งทำให้ทราาบว่าบ่อนการพนันแห่งนี้มีระบบการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง ตั้งรับการประเข้าตรวจค้นจับกุมของเจ้าหน้าที่

และเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 เวลา 16.00 นาฬิกา เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ (ศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง) ได้ทำการสรุปข้อมูลจากการสืบสวนในชั้นต้น ได้ความว่า นักพนักทุกคนที่จะสามารถเข้าเล่นการพนันในบ่อนแห่งนี้ได้ ต้องมีคนรู้จักซึ่งเคยเข้ามาเล่นที่บ่อนแห่งนี้เป็นประจำพาเข้า เพราะการ์ดด้านในจะตรวจเช็คประวัตินักพนักหน้าใหม่อย่างละเอียดและจากการสังเกตนักพนันส่วนมากลักษณะเป็นคนมีเงิน ผิวพรรรณ ดี แต่งตัวดี เป็น อาเฮีย อาซ้อ พบเห็นรถยนต์ของนักพนันที่เข้ามาเล่นในบ่อนการพนันส่วนมากเป็นรถยุโรป ราคาแพง และมีป้ายประมูล ทำให้สันนิษฐานได้ว่าต้องมีเงินหมุนเวียนภายในบ่อนการพนันแห่งนี้จำนวนมากต่อวัน นอกจากนี้ยังมีระบบการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา มีกล้องวงจรปิดรอบพื้นที่ ทั้งด้านในและด้านนอกอาคาร ทำให้พนักงาน การ์ดของบ่อนสามารถเห็นพฤติการณ์ กระกระทำของบุคคลที่เข้ามาภายในพื้นที่ได้

และการสืบสวนภายในบ่อนการพนัน วันที่ 12 มีนาคม 2567 เวลา 21.00 นาฬิกา สายลับพนักงานฝ่ายปกครองวางแผนเข้าสืบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้งหนึ่ง สายลับสามารถเข้าไปในบริเวณด้านในได้ ภายในมีการจัดให้เล่นการพนันจำนวน 3 ประเภท คือ การพนันกำถั่ว การพนันบาการา และการพนันเสือมังกร พบเห็นโต๊ะที่จัดให้เล่นพนันประเภท ถั่ว จำนวน 2 โต๊ะ ขนาดใหญ่ และการพนันประเภทบาการารวม 11 โต๊ะ รวมแล้วมีการพนันมากถึง 13 วงพนัน

   จุดเด่นของบ่อนการพนันแห่งนี้ จะมีการให้บริการ อาหาร เครื่องดื่ม ให้แก่นักพนัน ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อเป็นการดึงดูดใจนักเล่นและผ่อนคลายจากการเล่นการพนัน

และในวันเข้าจับกุม ชุดสืบสวนส่งสายลับพนักงานฝ่ายปกครองเข้าแฝงตัวอยู่ในบ่อนการพนันดังกล่าวจนเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าพบเห็นการจัดให้มีการเล่นพนันจริง อันเป็นความผิดตามกฎหมาย จึงได้ส่งสัญญาณให้ชุดเจ้าคุม เข้าตรวจค้น แสดงตัว จึงนำตัวผู้ถูกจับทั้งหมดมาทำบันทึกจับกุม ณ ที่ว่าการอำเภอบางใหญ่ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันลักลอบจัดให้มีการเล่นการพนันโดยผิดกฎหมาย ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางบางใหญ่ ดำเนินคดีต่อไป

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบนโยบายจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพลสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายต้องมีความรอบรู้หลากหลาย ทันโลก เพื่อการเฝ้าระวังการกระทำความผิดทางกฎหมาย บ่อนการพนันถือได้ว่าเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของผู้บังคับใช้กฎหมาย ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญ และเป็นหนึ่งในภารกิจการจัดระเบียบสังคมด้วย ดังนั้น ผู้บังคับใช้กฎหมายต้องมีความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ ทั้งการหาข่าว การสืบสวน การเข้าถึงแหล่งผู้กระทำความผิด แม้กระทั่งและจะต้องดำเนินกระบวนการทางกฎหมายอย่างรอบคอบและจริงจังด้วย

  ระบบป้องกันของบ่อนแห่งนี้คือ ประตูทางเข้าทางออก เป็นประตูเหล็กขนาดใหญ่ถึง 3 ชั้น นอกจากนี้ยังมีประตูลับทางด้านหลัง เพื่อให้เจ้ามือและนักเล่นระดับ VIP หลบออก นอกจากนี้ยังมีพนักงานรักษาความปลอดภัยกระจายอยู่ทุกจุด ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง มีการตรวจตราอย่างแน่นหนา พบกล้องวงจรปิดมากกว่า 30 ตัว เพื่อสอดส่อง ตรวจตรานักพนันที่เข้ามาเล่นภายในและภายนอก

หากประชาชนมีข้อร้องเรียน สามารถร้องเรียนได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอและจังหวัด หรือร้องเรียนผ่านสายด่วนศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย  หมายเลข 1567 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ขอขอบคุณ. ภาพ-ข่าว กรมการปกครอง

ครีเอทนิวส์ รายงาน

30 มีนานี้เปิดยิ่งใหญ่ ‘เซ็นทรัล นครปฐม’ แลนด์มาร์กด้านการค้าที่ ยิ่งใหญ่ที่สุดในนครปฐม ด้วยงบ 8,200 ล้าน

เซ็นทรัล นครปฐม’ ปฐมบทใหม่ของความสุขทุกมิติ แลนด์มาร์ก ยิ่งใหญ่ที่สุดในนครปฐม ยกระดับเมืองศักยภาพประตูสู่ภาคตะวันตก กำหนดเปิด 30 มีนาคมนี้แน่นอน

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด

  ที่โรงแรมไมด้านครปฐม ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้เป็นประธานแถลงข่าวเรื่องกำหนดการเปิดห้าง “เซ็นทรัล นครปฐม”  ว่านครปฐม เป็นจังหวัดที่พร้อมด้วยศักยภาพด้านเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง เป็นเมืองเศรษฐกิจ ที่ GPP เติบโตขึ้นทุกปี และเป็นอันดับ 3 ของภาคกลาง เป็นจังหวัดที่รองรับการขยายตัวของประชากรจากกรุงเทพฯ รวมถึงมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง เมกะโปรเจกต์ภาครัฐหลายโครงการ อย่างรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดงอ่อน (จากนครปฐมสู่ใจกลางกรุงเทพฯ)มอเตอร์เวย์ 2 สาย ได้แก่ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี และ ชลบุรี-สระบุรี-นครปฐม พร้อมด้วย ระเบียงเศรษฐกิจภาคกลาง-ตะวันตก ด้านการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรม

ซึ่งนครปฐม เป็น “ประตูเศรษฐกิจสู่ภาคตะวันตก” ที่รองรับกำลังซื้อจากคนนครปฐม และขยาย New Catchment ไปยัง ราชบุรี และ กาญจนบุรี นอกจากนี้ นครปฐม ยังเป็นเมืองแห่งศิลปะ และวัฒนธรรมที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของไทย เป็นศูนย์กลางความเจริญตั้งแต่สมัยทวาราวดี มีมรดกทางวัฒนธรรม เสน่ห์ของเมืองเก่า และ “อู่อารยธรรม” ที่รุ่งเรือง ด้วยแลนด์มาร์กสำคัญอย่าง พระปฐมเจดีย์ เป็น เมืองมหาวิทยาลัย เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่ง จึงเป็นแหล่งศูนย์รวมของคนรุ่นใหม่ เมืองแห่งการท่องเที่ยว ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงในช่วงสุดสัปดาห์ มีสถานที่ท่องเที่ยวครบทุกสไตล์ ทั้งไหว้พระทำบุญ ชื่นชมธรรมชาติหรือสถานที่ประวัติศาสตร์

  จึงเป็นประเด็นหนึ่งที่เครือกลุ่มเซ็นทรัล ได้มาลงทุนด้วยงบลงมหาศาล 8200 ล้าน บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ครบครันด้วย ศูนย์การค้า, ห้างสรรพสินค้า, โรงแรม, คอนโด, บ้านเดี่ยว และครั้งแรกกับ “Multi-Generation Space” 4 ไร่ใจกลางโครงการ ให้ทุกคนในครอบครัวใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพร่วมกัน

และบุกเบิกเมืองศักยภาพ สู่การเป็น “ประตูสู่ภาคตะวันตก” ยกระดับการใช้ชีวิตให้คนนครปฐม และจังหวัดใกล้เคียง ราชบุรี-กาญจนบุรี รองรับโครงการภาครัฐ สร้างงาน-อาชีพ กระจายรายได้ชุมชน

และผนึกกลุ่มเซ็นทรัล อาทิ ห้างเซ็นทรัล เปิดปฐมบทใหม่ของความสุขแห่งการช้อปปิ้ง ด้วยดีไซน์การออกแบบที่สะท้อนอัตลักษณ์อันโดดเด่นของจังหวัด รวมทั้งทัพแบรนด์ดังระดับโลกกว่า 500 แบรนด์ชั้นนำและบริการที่ดีที่สุด พร้อมดึงแบรนด์โลคอลสร้างการเติบโตภาคธุรกิจร่วมกัน

รวมทั้งการนำเสนออัตลักษณ์จังหวัด ขับเคลื่อนเมืองเศรษฐกิจ ศิลปะ ดนตรี อาหาร จับมือCommunity ร่วม Co-Creation เติมเต็มนครปฐมให้สมบูรณ์ผ่านงานศิลปะและอีเวนต์

ชมคลิป.https://youtu.be/DIWqAn3VaNM?si=E7CH5WAOg73uEE5_

โดยในวันที่ 30 มี.ค.นี้ จะมีการฉลองเปิดสุดยิ่งใหญ่ ท่านจะได้พบกลับดาราคู่ขวัญชื่อดัง ณเดชน์-ญาญ่า เปิดฟลอร์ความสนุกร่วมSwing Dance ทำลายสถิติ Asia Book of Records

30 มีนานี้เปิดยิ่งใหญ่ ‘เซ็นทรัล นครปฐม’ แลนด์มาร์กด้านการค้าที่ ยิ่งใหญ่ที่สุดในนครปฐม

เซ็นทรัล นครปฐม’ ปฐมบทใหม่ของความสุขทุกมิติ แลนด์มาร์ก ยิ่งใหญ่ที่สุดในนครปฐม ยกระดับเมืองศักยภาพประตูสู่ภาคตะวันตก กำหนดเปิด 30 มีนาคมนี้แน่นอน

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด

  ที่โรงแรมไมด้านครปฐม ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้เป็นประธานแถลงข่าวเรื่องกำหนดการเปิดห้าง “เซ็นทรัล นครปฐม”  ว่านครปฐม เป็นจังหวัดที่พร้อมด้วยศักยภาพด้านเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง เป็นเมืองเศรษฐกิจ ที่ GPP เติบโตขึ้นทุกปี และเป็นอันดับ 3 ของภาคกลาง เป็นจังหวัดที่รองรับการขยายตัวของประชากรจากกรุงเทพฯ รวมถึงมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง เมกะโปรเจกต์ภาครัฐหลายโครงการ อย่างรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดงอ่อน (จากนครปฐมสู่ใจกลางกรุงเทพฯ)มอเตอร์เวย์ 2 สาย ได้แก่ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี และ ชลบุรี-สระบุรี-นครปฐม พร้อมด้วย ระเบียงเศรษฐกิจภาคกลาง-ตะวันตก ด้านการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรม

ซึ่งนครปฐม เป็น “ประตูเศรษฐกิจสู่ภาคตะวันตก” ที่รองรับกำลังซื้อจากคนนครปฐม และขยาย New Catchment ไปยัง ราชบุรี และ กาญจนบุรี นอกจากนี้ นครปฐม ยังเป็นเมืองแห่งศิลปะ และวัฒนธรรมที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของไทย เป็นศูนย์กลางความเจริญตั้งแต่สมัยทวาราวดี มีมรดกทางวัฒนธรรม เสน่ห์ของเมืองเก่า และ “อู่อารยธรรม” ที่รุ่งเรือง ด้วยแลนด์มาร์กสำคัญอย่าง พระปฐมเจดีย์ เป็น เมืองมหาวิทยาลัย เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่ง จึงเป็นแหล่งศูนย์รวมของคนรุ่นใหม่ เมืองแห่งการท่องเที่ยว ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงในช่วงสุดสัปดาห์ มีสถานที่ท่องเที่ยวครบทุกสไตล์ ทั้งไหว้พระทำบุญ ชื่นชมธรรมชาติหรือสถานที่ประวัติศาสตร์

  จึงเป็นประเด็นหนึ่งที่เครือกลุ่มเซ็นทรัล ได้มาลงทุนด้วยงบลงมหาศาล 8200 ล้าน บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ครบครันด้วย ศูนย์การค้า, ห้างสรรพสินค้า, โรงแรม, คอนโด, บ้านเดี่ยว และครั้งแรกกับ “Multi-Generation Space” 4 ไร่ใจกลางโครงการ ให้ทุกคนในครอบครัวใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพร่วมกัน

และบุกเบิกเมืองศักยภาพ สู่การเป็น “ประตูสู่ภาคตะวันตก” ยกระดับการใช้ชีวิตให้คนนครปฐม และจังหวัดใกล้เคียง ราชบุรี-กาญจนบุรี รองรับโครงการภาครัฐ สร้างงาน-อาชีพ กระจายรายได้ชุมชน

และผนึกกลุ่มเซ็นทรัล อาทิ ห้างเซ็นทรัล เปิดปฐมบทใหม่ของความสุขแห่งการช้อปปิ้ง ด้วยดีไซน์การออกแบบที่สะท้อนอัตลักษณ์อันโดดเด่นของจังหวัด รวมทั้งทัพแบรนด์ดังระดับโลกกว่า 500 แบรนด์ชั้นนำและบริการที่ดีที่สุด พร้อมดึงแบรนด์โลคอลสร้างการเติบโตภาคธุรกิจร่วมกัน

รวมทั้งการนำเสนออัตลักษณ์จังหวัด ขับเคลื่อนเมืองเศรษฐกิจ ศิลปะ ดนตรี อาหาร จับมือCommunity ร่วม Co-Creation เติมเต็มนครปฐมให้สมบูรณ์ผ่านงานศิลปะและอีเวนต์

โดยในวันที่ 30 มี.ค.นี้ จะมีการฉลองเปิดสุดยิ่งใหญ่ ท่านจะได้พบกลับดาราคู่ขวัญชื่อดัง ณเดชน์-ญาญ่า เปิดฟลอร์ความสนุกร่วมSwing Dance ทำลายสถิติ Asia Book of Records

30 มีนานี้เปิดยิ่งใหญ่ ‘เซ็นทรัล นครปฐม’ แลนด์มาร์กด้านการค้าที่ ยิ่งใหญ่ที่สุดในนครปฐม

เซ็นทรัล นครปฐม’ ปฐมบทใหม่ของความสุขทุกมิติ แลนด์มาร์ก ยิ่งใหญ่ที่สุดในนครปฐม ยกระดับเมืองศักยภาพประตูสู่ภาคตะวันตก กำหนดเปิด 30 มีนาคมนี้แน่นอน

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด

  ที่โรงแรมไมด้านครปฐม ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้เป็นประธานแถลงข่าวเรื่องกำหนดการเปิดห้าง “เซ็นทรัล นครปฐม”  ว่านครปฐม เป็นจังหวัดที่พร้อมด้วยศักยภาพด้านเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง เป็นเมืองเศรษฐกิจ ที่ GPP เติบโตขึ้นทุกปี และเป็นอันดับ 3 ของภาคกลาง เป็นจังหวัดที่รองรับการขยายตัวของประชากรจากกรุงเทพฯ รวมถึงมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง เมกะโปรเจกต์ภาครัฐหลายโครงการ อย่างรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดงอ่อน (จากนครปฐมสู่ใจกลางกรุงเทพฯ)มอเตอร์เวย์ 2 สาย ได้แก่ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี และ ชลบุรี-สระบุรี-นครปฐม พร้อมด้วย ระเบียงเศรษฐกิจภาคกลาง-ตะวันตก ด้านการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรม

ซึ่งนครปฐม เป็น “ประตูเศรษฐกิจสู่ภาคตะวันตก” ที่รองรับกำลังซื้อจากคนนครปฐม และขยาย New Catchment ไปยัง ราชบุรี และ กาญจนบุรี นอกจากนี้ นครปฐม ยังเป็นเมืองแห่งศิลปะ และวัฒนธรรมที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของไทย เป็นศูนย์กลางความเจริญตั้งแต่สมัยทวาราวดี มีมรดกทางวัฒนธรรม เสน่ห์ของเมืองเก่า และ “อู่อารยธรรม” ที่รุ่งเรือง ด้วยแลนด์มาร์กสำคัญอย่าง พระปฐมเจดีย์ เป็น เมืองมหาวิทยาลัย เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่ง จึงเป็นแหล่งศูนย์รวมของคนรุ่นใหม่ เมืองแห่งการท่องเที่ยว ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงในช่วงสุดสัปดาห์ มีสถานที่ท่องเที่ยวครบทุกสไตล์ ทั้งไหว้พระทำบุญ ชื่นชมธรรมชาติหรือสถานที่ประวัติศาสตร์

  จึงเป็นประเด็นหนึ่งที่เครือกลุ่มเซ็นทรัล ได้มาลงทุนด้วยงบลงมหาศาล 8200 ล้าน บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ครบครันด้วย ศูนย์การค้า, ห้างสรรพสินค้า, โรงแรม, คอนโด, บ้านเดี่ยว และครั้งแรกกับ “Multi-Generation Space” 4 ไร่ใจกลางโครงการ ให้ทุกคนในครอบครัวใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพร่วมกัน

และบุกเบิกเมืองศักยภาพ สู่การเป็น “ประตูสู่ภาคตะวันตก” ยกระดับการใช้ชีวิตให้คนนครปฐม และจังหวัดใกล้เคียง ราชบุรี-กาญจนบุรี รองรับโครงการภาครัฐ สร้างงาน-อาชีพ กระจายรายได้ชุมชน

และผนึกกลุ่มเซ็นทรัล อาทิ ห้างเซ็นทรัล เปิดปฐมบทใหม่ของความสุขแห่งการช้อปปิ้ง ด้วยดีไซน์การออกแบบที่สะท้อนอัตลักษณ์อันโดดเด่นของจังหวัด รวมทั้งทัพแบรนด์ดังระดับโลกกว่า 500 แบรนด์ชั้นนำและบริการที่ดีที่สุด พร้อมดึงแบรนด์โลคอลสร้างการเติบโตภาคธุรกิจร่วมกัน

รวมทั้งการนำเสนออัตลักษณ์จังหวัด ขับเคลื่อนเมืองเศรษฐกิจ ศิลปะ ดนตรี อาหาร จับมือCommunity ร่วม Co-Creation เติมเต็มนครปฐมให้สมบูรณ์ผ่านงานศิลปะและอีเวนต์

โดยในวันที่ 30 มี.ค.นี้ จะมีการฉลองเปิดสุดยิ่งใหญ่ ท่านจะได้พบกลับดาราคู่ขวัญชื่อดัง ณเดชน์-ญาญ่า เปิดฟลอร์ความสนุกร่วมSwing Dance ทำลายสถิติ Asia Book of Records

สถาบัน TDA เปิดอบรมยิงปืนหลักสูตร Lv1 ที่สนามยิงปืนภูมิไพลิน ปทุมธานี

ครูโอ๊ต ครูฝึกกองพันทหารสารวัตรที่ 11 เปิดอบรมการเรียนยิงปืนในหลักสูตร Lv1 ของสถาบัน TDA ที่สนามยิงปืนภูมิไพลิน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2567 จ.ส.ต.ธัญญ์พัทธิ์ ธรรมศิลป์ หรือครูโอ๊ต หัวหน้าครูฝึกกองพันทหารสารวัตรที่ 11 ได้มาเป็นครูฝึกอบรมการยิงปืน

  โดยครั้งนี้เป็นการอบรมการเรียนยิงปืนในหลักสูตร Lv1 ของสถาบัน TDA ที่สนามยิงปืนภูมิไพลิน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
สำหรับหลักสูตรนี้เป็นการเรียนยิงปืนในเบื้องต้น ผู้ที่เข้าฝึกจะได้เรียนรู้การยิงช้า ยิงประณีต การรู้กฏความปลอดภัยสากล 10 ประการ กฏนิรภัย 4 ประการ มารยาทสังคมปืน รู้จักเทคนิคอาวุธ การแบ่งประเภทของปืนพกสั้น ว่ามีชิ้นส่วนอะไรบ้าง รู้จักการถอดประกอบอาวุธปืน รู้จักขั้นตอนการลั่นไก และรู้ข้อกฏหมายที่เกี่ยวกับปืน


ทั้งนี้หลักสูตร Lv1 จะเน้นทฤษฎีเป็นหลัก เพื่อให้ผู้ที่เข้าอบรมมีความเข้าใจในเรื่องของการใช้อาวุธปืนอย่างไรให้ปลอดภัยกับตัวเองและคนรอบข้าง.

อบรมสัมนา ครูตชด.ภาษาอังกฤษ รร.ตชด.พื้นที่ จ.เชียงใหม่ -พิษณุโลก – อุตรดิตถ์

โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน สังกัด กก.ตชด.31 (รร.ตชด.พื้นที่ จ.เชียงใหม่-พิษณุโลก – อุตรดิตถ์) จัดอบรมครูภาษาอังกฤษ

เมื่อวันที่ 12-14 มีนาคม 2567 พลตำรวจตรีประกอบ พลเตชา อดีตผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 3 พันตำรวจเอก ประกฤติ ยามานนท์ ในฐานะที่ปรึกษา มูลนิธิพุทธรักษา

พร้อมด้วย คุณฉันท์ชนก ดุจดำรงค์ฤทธิ์ ผู้จัดการอาวุโส มูลนิธิพุทธรักษาและคณะวิทยากรจากมูลนิธิพุทธรักษา ซึ่งได้ให้การสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพให้ครูตำรวจตระเวนชายแดน ตชด.ภาค 3 ผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษ

  ได้จัดอบรมสัมนา ครู ตชด.ภาษาอังกฤษ ใน รร.ตชด.สังกัด กก.ตชด.31 (รร.ตชด.พื้นที่ จ.เชียงใหม่-พิษณุโลก – อุตรดิตถ์) จำนวน 10 คน ณ โรงแรมอารย จ.อุตรดิตถ์ โดยได้แนะนำเทคนิคการสอน ภาษาอังกฤษ สำหรับ นร.ตชด.โดยเน้นการสนทนา และตั้งคำถามให้นักเรียนวิเคราะห์ ซึ่งจะส่งผลต่อการสอบโอเน็ต ซึ่งโจทย์ส่วนใหญ่ เป็นลักษณะการวิเคราะห์มากกว่า การท่องจำ.

อบรมสัมนา ครูตชด.ภาษาอังกฤษ รร.ตชด.พื้นที่ จ.เชียงใหม่ -พิษณุโลก – อุตรดิตถ์

โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน สังกัด กก.ตชด.31 (รร.ตชด.พื้นที่ จ.เชียงใหม่-พิษณุโลก – อุตรดิตถ์) จัดอบรมครูภาษาอังกฤษ

เมื่อวันที่ 12-14 มีนาคม 2567 พลตำรวจตรีประกอบ พลเตชา อดีตผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 3 พันตำรวจเอก ประกฤติ ยามานนท์ ในฐานะที่ปรึกษา มูลนิธิพุทธรักษา

พร้อมด้วย คุณฉันท์ชนก ดุจดำรงค์ฤทธิ์ ผู้จัดการอาวุโส มูลนิธิพุทธรักษาและคณะวิทยากรจากมูลนิธิพุทธรักษา ซึ่งได้ให้การสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพให้ครูตำรวจตระเวนชายแดน ตชด.ภาค 3 ผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษ

  ได้จัดอบรมสัมนา ครู ตชด.ภาษาอังกฤษ ใน รร.ตชด.สังกัด กก.ตชด.31 (รร.ตชด.พื้นที่ จ.เชียงใหม่-พิษณุโลก – อุตรดิตถ์) จำนวน 10 คน ณ โรงแรมอารย จ.อุตรดิตถ์ โดยได้แนะนำเทคนิคการสอน ภาษาอังกฤษ สำหรับ นร.ตชด.โดยเน้นการสนทนา และตั้งคำถามให้นักเรียนวิเคราะห์ ซึ่งจะส่งผลต่อการสอบโอเน็ต ซึ่งโจทย์ส่วนใหญ่ เป็นลักษณะการวิเคราะห์มากกว่า การท่องจำ.

อบรมสัมนา ครู ตชด.ภาษาอังกฤษ รร.ตชด.พื้นที่ จ.เชียงใหม่ -พิษณุโลก – อุตรดิตถ์

โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน สังกัด กก.ตชด.31 (รร.ตชด.พื้นที่ จ.เชียงใหม่-พิษณุโลก – อุตรดิตถ์) จัดอบรมครูภาษาอังกฤษ

เมื่อวันที่ 12-14 มีนาคม 2567 พลตำรวจตรีประกอบ พลเตชา อดีตผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 3 พันตำรวจเอก ประกฤติ ยามานนท์ ในฐานะที่ปรึกษา มูลนิธิพุทธรักษา

พร้อมด้วย คุณฉันท์ชนก ดุจดำรงค์ฤทธิ์ ผู้จัดการอาวุโส มูลนิธิพุทธรักษาและคณะวิทยากรจากมูลนิธิพุทธรักษา ซึ่งได้ให้การสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพให้ครูตำรวจตระเวนชายแดน ตชด.ภาค 3 ผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษ

  ได้จัดอบรมสัมนา ครู ตชด.ภาษาอังกฤษ ใน รร.ตชด.สังกัด กก.ตชด.31 (รร.ตชด.พื้นที่ จ.เชียงใหม่-พิษณุโลก – อุตรดิตถ์) จำนวน 10 คน ณ โรงแรมอารย จ.อุตรดิตถ์ โดยได้แนะนำเทคนิคการสอน ภาษาอังกฤษ สำหรับ นร.ตชด.โดยเน้นการสนทนา และตั้งคำถามให้นักเรียนวิเคราะห์ ซึ่งจะส่งผลต่อการสอบโอเน็ต ซึ่งโจทย์ส่วนใหญ่ เป็นลักษณะการวิเคราะห์มากกว่า การท่องจำ.

อบรมสัมนา ครู ตชด.ภาษาอังกฤษ รร.ตชด.พื้นที่ จ.เชียงใหม่ -พิษณุโลก – อุตรดิตถ์

โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน สังกัด กก.ตชด.31 (รร.ตชด.พื้นที่ จ.เชียงใหม่-พิษณุโลก – อุตรดิตถ์) จัดอบรมครูภาษาอังกฤษ

เมื่อวันที่ 12-14 มีนาคม 2567 พลตำรวจตรีประกอบ พลเตชา อดีตผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 3 พันตำรวจเอก ประกฤติ ยามานนท์ ในฐานะที่ปรึกษา มูลนิธิพุทธรักษา

พร้อมด้วย คุณฉันท์ชนก ดุจดำรงค์ฤทธิ์ ผู้จัดการอาวุโส มูลนิธิพุทธรักษาและคณะวิทยากรจากมูลนิธิพุทธรักษา ซึ่งได้ให้การสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพให้ครูตำรวจตระเวนชายแดน ตชด.ภาค 3 ผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษ

  ได้จัดอบรมสัมนา ครู ตชด.ภาษาอังกฤษ ใน รร.ตชด.สังกัด กก.ตชด.31 (รร.ตชด.พื้นที่ จ.เชียงใหม่-พิษณุโลก – อุตรดิตถ์) จำนวน 10 คน ณ โรงแรมอารย จ.อุตรดิตถ์ โดยได้แนะนำเทคนิคการสอน ภาษาอังกฤษ สำหรับ นร.ตชด.โดยเน้นการสนทนา และตั้งคำถามให้นักเรียนวิเคราะห์ ซึ่งจะส่งผลต่อการสอบโอเน็ต ซึ่งโจทย์ส่วนใหญ่ เป็นลักษณะการวิเคราะห์มากกว่า การท่องจำ.

อบรมสัมนา ครูตชด.ภาษาอังกฤษ รร.ตชด.พื้นที่ จ.เชียงใหม่ -พิษณุโลก – อุตรดิตถ์

โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน สังกัด กก.ตชด.31 (รร.ตชด.พื้นที่ จ.เชียงใหม่-พิษณุโลก – อุตรดิตถ์) จัดอบรมครูภาษาอังกฤษ

เมื่อวันที่ 12-14 มีนาคม 2567 พลตำรวจตรีประกอบ พลเตชา อดีตผู้บังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 3 พันตำรวจเอก ประกฤติ ยามานนท์ ในฐานะที่ปรึกษา มูลนิธิพุทธรักษา

พร้อมด้วย คุณฉันท์ชนก ดุจดำรงค์ฤทธิ์ ผู้จัดการอาวุโส มูลนิธิพุทธรักษาและคณะวิทยากรจากมูลนิธิพุทธรักษา ซึ่งได้ให้การสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพให้ครูตำรวจตระเวนชายแดน ตชด.ภาค 3 ผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษ

  ได้จัดอบรมสัมนา ครู ตชด.ภาษาอังกฤษ ใน รร.ตชด.สังกัด กก.ตชด.31 (รร.ตชด.พื้นที่ จ.เชียงใหม่-พิษณุโลก – อุตรดิตถ์) จำนวน 10 คน ณ โรงแรมอารย จ.อุตรดิตถ์ โดยได้แนะนำเทคนิคการสอน ภาษาอังกฤษ สำหรับ นร.ตชด.โดยเน้นการสนทนา และตั้งคำถามให้นักเรียนวิเคราะห์ ซึ่งจะส่งผลต่อการสอบโอเน็ต ซึ่งโจทย์ส่วนใหญ่ เป็นลักษณะการวิเคราะห์มากกว่า การท่องจำ.

จังหวัดนครปฐม จัดพิธีมอบแบบลายผ้าพระราชทาน“ผ้าลายสิริวชิราภรณ์”

จังหวัดนครปฐม จัดพิธีมอบแบบลายผ้าพระราชทาน “ผ้าลายสิริวชิราภรณ์” เพื่อต่อยอดผสมผสานมุมมองด้านแฟชั่นที่ร่วมสมัย ตลอดจนอนุรักษ์ ฟื้นฟู ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาผ้าไทยและงานหัตถกรรม ให้ดำรงอยู่ยั่งยืนตลอดไป

วันที่ 13 มีนาคม 2567 ที่ห้องประชุมสนามจันทร์ ชั้น 5 (ส่วนต่อขยาย) ศาลากลางจังหวัดนครปฐม นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ถวายความเคารพ เปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ และกล่าวสำนึกในพระกรุณาธิคุณ เบื้องหน้าพระรูป สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ทรงพระราชทาน “ผ้าลายสิริวชิราภรณ์” แก่ช่างทอผ้าทุกกลุ่ม ทุกเทคนิค เยาวชน คนรุ่นใหม่และประชาชนคนไทยทุกคน โดยมี นางสาวอโรชา นันทมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม นางวราภรณ์ เจริญศิริโชติ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม ในฐานะประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด พร้อมด้วยนายอำเภอทั้ง 7 อำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนสถาบันการศึกษา กลุ่มทอผ้า และกลุ่มงานหัตถกรรม เข้าร่วมพิธีในครั้งนี้


นับเป็นพระกรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ โดยเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จเป็นองค์ประธานเปิดโครงการ Silk Festival 2023 สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พระราชทานเครื่องหมายรับรองสินค้าแฟชั่นและหัตถกรรมพระราชทาน “Sustainable Fashion : แฟชั่นแห่งความยั่งยืน” แก่ช่างทอผ้า ช่างหัตถกรรม ผู้ผลิต และผู้ประกอบการที่สร้างสรรค์ผืนผ้าและหัตถกรรม ด้วยขั้นตอนที่เป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อม ปลอดภัยต่อผู้สร้างสรรค์และผู้สวมใส่ ซึ่งเป็นการรับรองคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับมาตรฐานสากล


และเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2567 เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรนิทรรศการผ้าไทยและงานหัตถกรรมชุมชนภาคใต้ ณ แหล่งสมาคมนายทหารสัญญาบัตร กองบัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 ค่ายสมเด็จพระสุริโยทัย อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี พระราชทานแบบลายผ้า “ผ้าลายชบาปัตตานี” เพื่อเป็นของขวัญแก่ช่างทอผ้า ช่างหัตถกรรม ผู้ผลิต ผู้ประกอบการชาวจังหวัดปัตตานี เพื่อสร้างอัตลักษณ์ สืบสานและต่อยอดภูมิปัญญาและงานหัตถศิลป์พื้นถิ่น ให้ดำรงคงอยู่คู่แผ่นดินไทย


และวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรนิทรรศการผ้าไทยและงานหัตถกรรมชุมชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ หอประชุมไพรพะยอม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรนิทรรศการผ้าทอแบบโบราณ ณ บ้านคำปุน ตำบลคำน้ำแซบ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี พระราชทานแบบลายผ้า “ผ้าลายสิริวชิราภรณ์” ซึ่งเป็นลายที่ได้ทรงศึกษาค้นคว้าลวดลายผืนผ้าจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ และทรงนำมาออกแบบลายพระราชทานเนื่องในปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครบ 6 รอบ 72 พรรษา โดยพระราชทานแบบตั้งต้นไว้ 4 ประเภท ได้แก่ ประเภทผ้ากาบบัวประเภทผ้ายก, จก, ขิด, แพรวา, ประเภทผ้ามัดหมี่ และประเภทผ้าบาติก ซึ่งสามารถนำลายพระราชทานหลัก ทั้ง 4 ประเภทนี้ ไปถักทอผสมผสานกับลวดลายภูมิปัญญาพื้นถิ่นตามความคิดสร้างสรรค์ ต่อไป


สำหรับจังหวัดนครปฐม ได้ดำเนินการขับเคลื่อนและขยายผลโครงการตามแนวพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ไปยังกลุ่มทอผ้า กลุ่มงานหัตถกรรม ต่าง ๆ เช่น งานเซรามิค งานเบญจรงค์ และงานหัตถกรรมอื่น ๆ เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ที่มั่นคง ยังผลให้ช่างทอผ้า ช่างหัตถกรรม ผู้ผลิต ผู้ประกอบการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยสำนึกในพระกรุณาธิคุณ ที่ทรงมีต่อเหล่าปวงชนชาวไทย โดยน้อมนำแนวพระดำริในการเพิ่มคุณค่า และมูลค่าผลิตภัณฑ์ผ้าไทยให้สามารถก้าวสู่ระดับสากล เพื่อวิถีชุมชนที่ยั่งยืน อันเป็นพลังที่จะสืบสานความเป็นไทย และสร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป


สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ภาพข่าว

สโมสรโรตารี มอบเครื่องมือแพทย์ มูลค่า 3,165,500 ให้โรงพยาบาลสามพราน  จังหวัดนครปฐม

สโมสรโรตารีมอบเครื่องมือแพทย์ มูลค่า 3,165,500 บาท และจัดอบรมให้ความรู้

เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567 ที่ห้องประชุมชั้น4อาคารบริการโรงพยาบาลสามพราน อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
  สโมสรโรตารีสมุทรปราการ สโมสรโรทาแรคท์ชุมชนสนามจันทร์ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครปฐม สโมสรโรตารีจากประเทศเกาหลี ร่วมมอบเครื่องมือแพทย์ให้โรงพยาบาลสามพราน มูลค่า 3,165,500 บาท และจัดอบรมให้ความรู้แก่ อาสาสมัครสาธารณสุข(อสม.) และบุคลากรในเครือข่าย


  โดยการนำของ นายวิชัย มณีวัชรเกียรติ อดีตผู้ว่าการภาค3330 นางสาวพิชยา ขวัญนิพนธ์ นายกสโมสรโรตารีสมุทรปราการ Mr. Du Hyun Yun นายกสโมสรโรตารีดองดูชอน ประเทศเกาหลี นายรุ่งวิทย์ เติมพิทยาเวช ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครปฐม น.ส.กมลลักษณ์ พัฒนธีรนันท์ นายกสโมสรโรทาแรคท์ชุมชนสนามจันทร์และคณะสมาชิกสโมสรโรตารี


โดยมี นพ.ทินกร ชื่นชม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสามพราน กล่าวต้อนรับ ร่วมด้วย บุคลากรเครือข่ายโรงพยาบาลสามพราน อาสาสมัครสาธารณสุข(อสม.)และบุคลากรเครือข่ายโรงพยาบาลสามพรานเข้าร่วมอบรมมะเร็งลำไส้ใหญ่เครือข่ายโรงพยาบาลสามพรานประจำปี 2567 จำนวน 100 คน


  โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ยังเป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศไทยและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการป้องกันและการค้นพบโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ในระยะเริ่มต้น สามารถรักษาให้หายขาดได้ ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลสามพรานสามารถให้บริการรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ด้วยวิธีการผ่าตัดจากศัลยแพทย์ จำนวน 3 คน มาตั้งแต่เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2564 ทำให้ประชาชนในพื้นที่อำเภอสามพรานได้รับการรักษาใกล้บ้าน สามารถลดความแออัดและลดอัตราการรอคอยการรักษาที่โรงพยาบาลสามพรานลงได้

   สโมสรโรตารีสมุทรปราการ สโมสรโรทาแรคท์ชุมชนสนามจันทร์ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครปฐม สโมสรโรตารีประเทศเกาหลี และโรงพยาบาลสามพราน จึงได้ร่วมกันจัดโครงการเพิ่มศักยภาพการป้องกันและบำบัดมะเร็งลำไส้ใหญ่เครือข่ายโรงพยาบาลสามพรานประจำปี 2567 ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการป้องกัน เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต จึงดำเนินการคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ในประชาชนที่มีอายุ 50-70 ปี โดยการคัดกรองเบื้องต้นด้วยวิธีการตรวจหาเม็ดเลือดแดงแฝงในอุจจาระ (Fecal Immunochemical Test : FIT) และในกรณีที่ผลการตรวจ Positive จะส่งตรวจยืนยันด้วยวิธีการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่(Colonoscopy) กับศัลยแพทย์ในโรงพยาบาลสามพรานต่อไป

ขอบคุณภาพข่าว พัชรี เกษมบุญนาค รพ.สามพราน

อบจ.นครปฐม ปิดมอเตอร์เวย์จัด King Of Motorway Nakhonpathom M81 รวมนักปั่นกว่า3,000 เข้าร่วมสร้างประวัติศาสตร์

อบจ.นครปฐม ปิดมอเตอร์เวย์จัด King Of Motorway Nakhonpathom M81 รวมนักปั่นกว่า 3,000 เข้าร่วมสร้างประวัติศาสตร์

นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม

  เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567 ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม นายสหพันธ์ ปฐมวัฒนานุรักษ์ นายกสมาคมจักรยานนครปฐม นายคิว อรุโณรส นายกสมาคมกีฬาจักรยานปทุมธานี ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานปั่นจักรยานใจเกินร้อยมอเตอร์เวย์ M81 บางใหญ่ – กาญจนบุรี รายการเมืองเจดีย์ใหญ่ มอเตอร์เวย์ ครั้งที่1
รุ่นระยะทาง 100 กม. รุ่นระยะทาง 50 กม. รุ่นวีไอพี 24 กม. และ Team time trial ในวันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม 2567 นี้

  นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ กล่าวว่า การจัดงานปั่นจักรยานใจเกินร้อยมอเตอร์เวย์ M81 บางใหญ่ – กาญจนบุรี ครั้งถือว่าเป็นสนามประวัติศาสตร์ของนักปั่น ที่จะได้ขึ้นมาใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์ M81 บางใหญ่-กาญจนบุรี

ในส่วนของจังหวัดนครปฐม-กาญจนบุรี ซึ่งเป็นตอนที่ถนนสายนี้สร้างเสร็จแล้ว และกรมทางหลวง ได้อนุญาตให้ใช้บนทางหลวงพิเศษ สาย อ.บางใหญ่-กาญจนบุรี (สายM81) ช่วงด่านเก็บเงินฝั่งตะวันตก ทางหลวงหมายเลข 321 (ถนนมาลัยแมน) นครปฐม ถึงด่านเก็บเงินทางหลวงหมายเลข 324 อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ไปกลับรวมระยะทาง 100 กม. ในการแข่งขันแบบปิด นอกจากการแข่งขันปั่นจักรยาน และยังเป็นการประชาสัมพันธ์จังหวัดด้านการท่องเที่ยว ซึ่งจะมีนักปั่นกว่า 3,000 คน/คัน มาร่วม และขณะนี้ทราบว่าที่พัก โรงแรมส่วนใหญ่เต็มหมดแล้ว และเรื่องของอาหารการกิน ร้านค้าจะได้รับอานิสงส์ไปด้วย และฝากถึงพี่น้องชาวนครปฐม ร่วมกันเป็นเจ้าบ้านที่ดี ต้อนรับแขกผู้มาเยือน นักปั่นด้วยรอยยิ้ม และช่วยกันรักษาความสะอาด และขณะนี้ที่พัก โรงแรม 15 แห่งใกล้สนามแข่งถูกจองเต็มหมดแล้ว

ด้านนายสหพันธ์ ปฐมวัฒนานุรักษ์ กล่าวว่า สมาคมจักรยานนครปฐมร่วมกับสมาคมกีฬาจักรยานปทุมธานีได้จัดทำโครงการเมืองเจดีย์ใหญ่มอเตอร์เวย์ครั้งที่หนึ่ง จัดขึ้นเพื่อรณรงค์ชักชวนให้ประชาชนเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรงโดยการปั่นจักรยานส่งเสริมการท่องเที่ยวตอนนี้มุ่งหวังที่จะกระตุ้นเตือนทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชนให้หันมาให้ความสนใจมาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ที่แข็งแรงและมีสุขภาพที่ดีลดความเสี่ยงการเกิดโรคในกลุ่ม NCDs โดยเป้าหมายปั่น 3000 คนมาร่วมบันทึกประวัติศาสตร์การแข่งขันจักรยานแบบปิดบนถนนมอเตอร์เวย์ สาย บางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) นี้ เพราะเมื่อถนนสายนี้สร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ และเปิดให้ใช้ รถจักรยานจะไม่สามารถเข้าไปปั่นได้อย่าเด็ดขาด

ด้านนายคิว อรุโณรส กล่าวว่า สมาคมกีฬาจักรยานปทุมธานี ได้ร่วมจัดกิจกรรมนี้ขึ้นเพื่อสร้างประวัติศาสตร์วงการจักรยาน ที่จะได้ทำการแข่งขันแบบปิดบนทางหลวงพิเศษ ซึ่งมีไม่บ่อยหนัก ในประเทศไทย และการแข่งขันนี้จะมีการเก็บบันทึกสถิติ time trial และเป็นเกียรติประวัติแก่นักปั่นทุกคนที่สมัครเข้าทำการแข่งขัน ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิน 3,000 คน/คัน จากนักปั่นทั่วประเทศ

นครปฐม. มอบโล่รางวัลเกียรติคุณ หมู่บ้านอยู่เย็นประจำปี 2566 ระดับจังหวัด

นครปฐม. มอบโล่รางวัลเกียรติคุณ ให้แก่หมู่บ้านที่ได้รับรางวัลโครงการคัดเลือกหมู่บ้านเข้มแข็งตามแนวทาง “แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง” (หมู่บ้านอยู่เย็น) ประจำปี 2566 ระดับจังหวัด

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ห้องประชุมพิมานปฐม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครปฐม นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานมอบโล่รางวัลเกียรติคุณ ของปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้แก่หมู่บ้านที่ได้รับรางวัลโครงการคัดเลือกหมู่บ้านเข้มแข็งตามแนวทาง “แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง” (หมู่บ้านอยู่เย็น) ประจำปี 2566 ระดับจังหวัด

   โดยนายพัฒนพงษ์ สร้อยอินทรากุล ปลัดจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า กรมการปกครองได้แจ้งจังหวัดดำเนินโครงการคัดเลือกหมู่บ้านเข้มแข็งตามแนวทางแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง (หมู่บ้านอยู่เย็น) ประจำปี 2566 ขึ้น เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจและให้รางวัลแก่หมู่บ้านที่คณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) / คณะกรรมการกลางหมู่บ้านอาสาพัฒนาและป้องกันตนเอง (อพป.) ที่มีผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์สามารถเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติงานให้แก่หมู่บ้านอื่น ๆ และสาธารณะชนรับทราบอย่างแพร่หลาย โดยดำเนินการคัดเลือกหมู่บ้านในระดับตำบล ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ระดับเขต และระดับภาค ตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนการดำเนินการที่กำหนด
โดยในระดับจังหวัด จังหวัดนครปฐม ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจประเมินผลงานและตัดสิน ประจำปี พ.ศ. 2566 ซึ่งได้ทำการตรวจผลการคัดเลือกในระดับจังหวัด เรียบร้อยแล้ว ผลการคัดเลือก มีดังนี้

รางวัลชนะเลิศ 
บ้านยางพัฒนา หมู่ที่ 7 ตำบลทุ่งกระพังโหม อำเภอกำแพงแสน
รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1
บ้านอ้อมใหญ่ หมู่ที่ 4 ตำบลอ้อมใหญ่ อำเภอสามพราน
สำหรับหมู่บ้านที่ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับจังหวัดนครปฐม ได้ทำการแข่งขันชนะเลิศในระดับเขตตรวจราชการกรมการปกครองที่ 2 และแข่งขันได้รับรางวัลชนะเลิศระดับภาคกลาง ซึ่งจะเข้ารับรางวัลถ้วยเกียรติยศพระราชทานของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ในวันคณะกรรมการหมู่บ้าน ณ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร ต่อไป 

……………………………………
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ภาพ/ข่าว

กลุ่มจันทโก กาญจนบุรี (MC2008) ร่วมกับกลุ่มไบค์เกอร์ทั้วประเทศ จัด “โครงการปันสุขเพื่อคนห้วยกระเจา”

กลุ่มจันทโก กาญจนบุรี (MC2008) ร่วมกับกลุ่มไบค์เกอร์ จากหลายกลุ่มหลายจังหวัด เดินทางมาเพื่อจัด “โครงการปันสุขเพื่อคนห้วยกระเจา” หลังถูกหน่วยงานร้ฐบางหน่วย สั่งยกเลิกงานภาคกลางคืนที่ได้วางแผนงานไว้หมดแล้ว ร้านค้า โรงแรม รีสอร์ทที่จองไว้ ต้องถูกยกเลิกทั้งหมด

เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2567 ที่ จ.กาญจนบุรี โดยกลุ่ม จันทโก กาญจนบุรี (MC 2008) ร่วมกับกลุ่มชาวสองล้อไบค์เกอร์จากหลายกลุ่มในหลายจังหวัด มารวมตัวเพื่อจัดกิจกรรมใน “โครงการปันสุข เพื่อคนห้วยกระเจา” เพื่อมอบ ข้าวสาร อุปกรณ์ช่วยพยุงเดินแบบ 4 ขา ,ไม้พยุงเดิน พร้อมกับเงินที่ได้รวบรวมกันของกลุ่มไบค์เกอร์อีกจำนวนหนึ่ง เพื่อมอบให้กับ โรงพยาบาลห้วยกระเจาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ตำบล ห้วยกระเจา อำเภอ ห้วยกระเจา กาญจนบุรี

เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์และเพื่อเอาไปแจกจ่ายให้แก่ผู้สูงอายุต่อไป โดยมีว่าที่ ร.ต.เสน่ห์ น่วมศรีนวล ประธานกลุ่ม MC 2008 ร่วมกับสมาชิกชาวสองล้อไบค์เกอร์ จากหลายจังหวัด
โดยมี กลุ่มหวานเย็น ,กลุ่มหมูพันทาง ,กลุ่มสูงวัย rider , กลุ่มเก้าทัพ กาญจนบุรี , กลุ่มมเหศวร , กลุ่มสหายกัน , กลุ่มขุนแผนสุพรรณ , กลุ่มไคลแม็กซ์สุพรรณ , กลุ่มเลี่ยงเมือง , กลุ่ม dragon สุพรรณ , กลุ่มวินโกสลานสัก ใน “โครงการปันสุข เพื่อคนห้วยกระเจา”

ภายในงานของวันกิจกรรมนั้น ที่ศาลาเอนกประสงค์ของโรงพยาบาลห้วยกระเจา ได้มีชาวบ้านและผู้สูงอายุกว่า 60 คน มาร่วมกิจกรรมเพื่อรับมอบอุปกรณ์ช่วยพยุงและข้าวสาร โดยมีนาย อวิรุทธ์ รู้วิวัฒน์ธนพงษ์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.6 ต.ห้วยกระเจา เป็นผู้ประสานงานให้ชาวบ้านทราบถึงกิจกรรมนี้ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลห้วยกระเจาคอยต้อนรับ โดย ว่าที่ ร.ต.เสน่ห์ น่วมศรีนวล ประธานกลุ่ม MC 2008 ได้มอบของต่างๆและเงินสดที่ได้รวบรวมมามอบให้กับ คุณ วารีย์ เปียสวน หัวหน้ากลุ่มงานบริการประฐมภูมิและองค์รวม เพื่อเก็บไว้ใช้ในกิจการงานของโรงพยาบาลและเพื่อไปมอบให้แก่ผู้สูงอายุต่อไป

ขอขอบคุณภาพ-ข่าว.กีรติ ก้อนทองคำ จ.กาญจนบุรี

จัดอบรมตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดรุ่นที่ 1 เพื่อขับเคลื่อนนโยบายจัดระเบียบสังคม – ปราบปรามผู้มีอิทธิพล

เปิดการฝึกอบรมจัดตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัด เพื่อขับเคลื่อนนโยบายจัดระเบียบสังคม – ปราบปรามผู้มีอิทธิพล รุ่นที่ 1

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 เวลา 08.30 น. นายมานะ สิมมา ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมาย สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิด “โครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัด เพื่อขับเคลื่อนนโยบายด้านการจัดระเบียบสังคมและการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมายของฝ่ายปกครอง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 รุ่นที่ 1” โดยมี ดร.รัฐวิช จิตสุจริตวงศ์ นายอำเภอศรีรัตนะ รักษาการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการส่วนการสอบสวนคดีอาญา สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง เป็นผู้กล่าวรายงาน ณ วิทยาลัยการปกครอง อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี

สืบเนื่องจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบนโยบายสำคัญเพื่อขับเคลื่อนภารกิจ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ของกระทรวงมหาดไทย โดยมีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกรมการปกครอง ด้านการจัดระเบียบสังคม การปราบปรามผู้มีอิทธิพล และการแก้ไขปัญหายาเสพติด


ในการนี้นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้โปรดมีบัญชาให้กรมการปกครอง เร่งรัดดำเนินการเพื่อตอบสนองนโยบายในการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพล พร้อมทั้งให้จัดตั้งชุดเฉพาะกิจระดับจังหวัดทุกจังหวัดและระดับอำเภอทุกอำเภอ โดยให้พร้อมปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งตั้งจุดตรวจจุดสกัดสิ่งผิดกฎหมาย ตรวจตรา หาข่าว และดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนในทันที ซึ่งกรมการปกครอง ได้เปิดปฏิบัติการ (Kick off) ตามนโยบายการจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพล โดยให้จังหวัดและอำเภอทุกแห่งดำเนินการจัดตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครอง ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2566 รวมทั้งบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป โดยการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว จะต้องคำนึงถึงสิทธิ และเสรีภาพของประชาชน ซึ่งต้องสอดคล้องกับพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ที่กำหนดให้ในการควบคุมตัว เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบ ต้องบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับและควบคุมจนกระทั่งส่งตัวให้พนักงานสอบสวนหรือปล่อยตัวบุคคลดังกล่าวไป

การฝึกอบรมในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้พนักงานฝ่ายปกครอง ได้มีความรู้ทั้งทางทฤษฎี และได้ฝึกทักษะภาคปฏิบัติ เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะที่เหมาะสมกับภารกิจการทำงาน เพื่อให้ปฏิบัติภารกิจได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ โดยเนื้อหาของหลักสูตร ประกอบด้วยการบรรยายทางทฤษฎีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดระเบียบสังคมและการปราบปรามผู้มีอิทธิพล และการฝึกภาคปฏิบัติยุทธวิธีการตรวจค้น จับกุม และการใช้อาวุธปืน รวมถึงหลักกฎหมายและวิธีการดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565

เพื่อให้ผู้ฝึกอบรมสามารถเป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดและอำเภอต่อไป รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 5 วัน โดยผู้เข้ารับการฝึกอบรมประกอบด้วย เจ้าพนักงานปกครองและปลัดอำเภอ ที่ทุกจังหวัดคัดเลือกมา จังหวัดละ 10 คน โดยในรุ่นที่ 1 นี้มีจำนวน 19 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 190 คน

ทั้งนี้ ในการฝึกอบรมในรุ่นที่ 1 นี้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน ถึง 1 ธันวาคม 2566 ส่วนรุ่นที่ 2 จะฝึกอบรมระหว่างวันที่ 4 – 8 ธันวาคม 2566 รุ่นที่ 3 ระหว่างวันที่ 11 – 15 ธันวาคม 2566 และรุ่นที่ 4 ระหว่างวันที่ 18 – 22 ธันวาคม 2566 ครบทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ

สำหรับสื่อมวลชนที่สนใจจะเข้ามาเยี่ยมชมหรือนำเสนอข่าวการฝึกอบรมในครั้งนี้ สามารถติดต่อได้ที่ นายวศินระพี ไผ่ประดิษฐ์ โทร. 08 3741 5505 เพื่อประสานงานและอำนวยความสะดวกในการถ่ายทำ

ชาวบ้านร้องฝ่ายปกครอง ช่วยจับเจ้ามือหวยใต้ดินตระเวนขี่ จยย.บริการรับแท่งทั่วหมู่บ้าน

ชาวบ้านสวนฝ้าย ติดพนันหวยใต้ดินมีให้แทงทุกวัน ร้อง ศดธ. ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองเดชอุดม ลงพื้นที่ รวบคนเดินโพยขับจยย. วิ่งตระเวนขายทั่วหมู่บ้าน ได้อาวุธปืน มีด ของกลางหลายรายการ

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา
ตามนโยบายสั่งการของนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้ทุกอำเภอแต่งตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครอง และ Clik Off พร้อมกันทั่วประเทศ
ภายใต้การอำนวยการของ นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี
นายกองโท เสนีย์ มะโน นายอำเภอเดชอุดม มอบหมายให้
นายราเยส ราบ หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอเดชอุดม ตรวจสอบเรื่องได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่หมู่บ้านสวนฝ้าย หมู่ที่ 7 ตำบลสมสะอาด

แจ้งว่ามีลักลอบเล่นการพนันหวยใต้ดิน หวยลาวหวยฮานอย โดยเปิดให้เล่นทุกวัน ชาวบ้านสูญเงินจำนวนมาก จทน.จึงได้สืบสวนหาข่าวและลงพื้นที่ตรวจสอบ ผลการปฏิบัติ
สามารถจับกุม นายจิระพงษ์ อนุพันธ์ อายุ 47 พบของกลางเป็น สมุดโพยหวย อาวุธมีดภายในกระเป๋า พร้อมเงินสด จำนวน 16,850 บาทและสิ่งเทียมอาวุธปืนภายในรถจักรยานยนต์

โดยผู้ถูกจับให้การว่า ตนเองทำหน้าที่ขายหวยส่งให้เจ้วรรณ โดยตนเองจะขับรถจักรยานยนต์ไปตามหมู่บ้านเพื่อเชิญชวนให้ชาวบ้านมาแทงหวยกับตน โดยตนมีหวยให้เลือกแทงหลายแบบ หวยลาว ซึ่งประกาศผล ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ หรือหวยฮานอยมีการจับรางวัลทุกวันๆละสองครั้ง
เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวและใด้แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกจับกุมทราบว่าใด้กระทำความผิด ข้อหาลักลอบเล่นการพนันหายใต้ดิน(คนเดินโพยฝ่ายเจ้ามือ) เอาทรัพย์โดยผิดกฎหมาย
จึงได้จัดทำบันทึกจับกุม,บันทึกตรวจยึดของกลาง ไว้เป็นหลักฐานและนำของกลางทั้งหมด
ส่ง พงส.สภ.เดชอุดม
เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

กรมการปกครอง ร่วมกับ DSI จับกุมขบวนการเพจ Facebook โฆษณาหลอกลวงรับทำบัตรประจำตัวประชาชน

กรมการปกครอง ร่วมกับ DSI จับกุมขบวนการเพจ Facebook โฆษณาหลอกลวงรับทำบัตรประจำตัวประชาชน

วันที่ 22 พ.ย. 2566 เวลา 09.30 น. พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วยนายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ รองอธิบดีกรมการปกครอง ร่วมกันแถลงผลการดำเนินคดีขบวนการเพจ Facebook โฆษณาหลอกลวงรับทำบัตรประจำตัวประชาชน สืบเนื่องจากกระทรวงมหาดไทย ได้รับข้อร้องเรียนจากประชาชน กรณีมีผู้ใช้โซเชียลมีเดีย ทั้งเพจ Facebook และแอปพลิเคชัน LINE หลอกลวงประชาชน ว่าสามารถทำบัตรประจำตัวประชาชนให้กับบุคคลต่างด้าว บุคคลไม่มีสัญชาติ หรือบุคคลที่ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนได้ ซึ่งมีผู้ถูกหลอกลวงสูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก

กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นพบว่ามีมูลในการกระทำความผิด จากนั้นจึงบูรณาการร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อทำการสืบสวนจากเส้นทางการเงินของบัญชีผู้รับโอนเงินจากผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวง ซึ่งมีลักษณะเป็นบัญชีม้าเรื่อยไปเป็นทอดๆ

โดยเริ่มจากบัญชีของผู้กระทำความผิดที่อยู่ในพื้นที่ อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ จากนั้นมีการโอนไปยังบัญชีของผู้กระทำความผิดในพื้นที่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี และมีการโอนต่อไปอีกยังบัญชีที่คาดว่าเป็นตัวการและมีการกดเงินจากตู้ ATM ในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งบัญชีดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนกว่า 100 ล้านบาท กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงได้รับกรณีนี้ไว้เป็นคดีพิเศษที่ 98/2566

และเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2566 ตั้งแต่เวลาประมาณ 15.30 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ นำโดย นายเขมชาติ ประกายหงษ์มณี ผอ.กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ พร้อมด้วยกรมการปกครอง นำโดย ดร.รัฐวิช จิตสุจริตวงศ์ นายอำเภอศรีรัตนะ รักษาการในตำแหน่ง ผอ.ส่วนการสอบสวนคดีอาญา สำนักการสอบสวนและนิติการ ได้บูรณาการร่วมกันโดยแบ่งกำลังออกเป็น 3 ชุด ย้อนรอยนำหมายจับและหมายค้น เข้าจับกุมตัวการและผู้สนับสนุนการกระทำความผิด รวมทั้งตรวจค้นรวบรวมพยานหลักฐานต่อเนื่องกัน จำนวน 3 พื้นที่ ได้แก่ 1. พื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย จับกุมผู้กระทำความผิด จำนวน 1 คน 2. พื้นที่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จับกุมผู้กระทำความผิด จำนวน 1 คน 3. พื้นที่ อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ จับกุมผู้กระทำความผิด จำนวน 1 คน ซึ่งผู้กระทำความผิดทั้งหมดเชื่อว่า มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันเป็นขบวนการ

โดยนายสมชัยฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมการปกครองในฐานะผู้ที่มีหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่ประชาชน พร้อมทั้ง มีหน้าที่ดูแลระบบการทะเบียนราษฎรและบัตรประจำตัวประชาชนของประเทศ การกระทำดังกล่าว นอกจากจะเป็นการสร้างความเดือนร้อนรังแกประชาชนแล้ว ยังเป็นการทำลายความเชื่อมั่นในระบบการทะเบียนราษฎรและบัตรประจำตัวประชาชนของประเทศอีกด้วย ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนได้โปรดอย่าได้หลงเชื่อบุคคลใด ว่าสามารถจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนในระบบออนไลน์หรือทางโซเชียลมิเดียได้ เพราะการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนนั้น มีขั้นตอนตามกฎหมายที่กำหนดไว้แน่ชัด โดยเฉพาะในสื่อสังคมออนไลน์ กรมการปกครองไม่มีนโยบายในการรับทำบัตรประชาชนผ่านช่องทางออนไลน์และไม่มีการเรียกเก็บเงินใดทั้งสิ้น

โดยประชาชนที่ตกเป็นเสียหายหรือถูกหลอกลวงจากเครือข่ายในลักษณะดังกล่าวนี้ สามารถติดต่อเพื่อขอความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด/อำเภอทุกแห่ง หรือ Call Center โทร. 1567 เพื่อจักได้ประสานความช่วยเหลือและการดำเนินคดีกับกรมสอบสวนคดีพิเศษต่อไป หรือหากประชาชนมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการทะเบียนราษฎรและบัตรประจำตัวประชาชน สามารถติดต่อสอบถามได้ที่สำนักทะเบียนอำเภอหรือสำนักทะเบียนท้องถิ่นทุกแห่งใกล้บ้าน หรือ Call Center โทร. 1548

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เผยความสำเร็จ “แบบบ้านประหยัดพลังงาน” ภายใต้ “โครงการสินเชื่ออยู่เย็น เป็นสุข”

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เผยความสำเร็จ “แบบบ้านประหยัดพลังงาน” ภายใต้ “โครงการสินเชื่ออยู่เย็น เป็นสุข” โชว์ 10 ผลงานสร้างสรรค์ ยกระดับการอยู่อาศัย บ้านยุคใหม่ “อยู่สบาย” และ “เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” จากการประกวดเพื่อคว้ารางวัล มูลค่ามากกว่า 1 ล้านบาท พร้อมให้ดาวน์โหลดแบบบ้าน ฟรี!!! ขับเคลื่อนเป้าหมาย “ทำให้คนไทยมีบ้าน” และร่วมรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อโลกที่ยั่งยืนต่อไป

นายวิทยา แสนภักดี รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานการตลาด ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวันสถาปนาครบรอบ 70 ปี ธอส. และประกาศความสำเร็จของการประกวดแบบบ้านประหยัดพลังงาน ภายใต้ “โครงการสินเชื่ออยู่เย็น เป็นสุข” ธอส. จึงได้จัดงาน “Roadshow ประชาสัมพันธ์การดาวน์โหลดแบบบ้านประหยัดพลังงาน โครงการสินเชื่ออยู่เย็น เป็นสุข”

โดยงานจัดขึ้นที่ลานน้ำพุ ชั้น 2 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เวสเกต ระหว่างวันที่ 23-24 กันยายน 2566 หลังจากการประกวดแบบบ้านประหยัดพลังงานดังกล่าว ได้รับความสนใจจากนิสิต นักศึกษา บุคคลทั่วไป และคณะบุคคลที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสถาปนิกทั่วประเทศ ร่วมส่งผลงานการออกแบบบ้านที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และประหยัดพลังงาน ระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์ – 31 มีนาคม 2566 มากกว่า 265 ผลงาน ก่อนประกาศผล 10 ผลงานของผู้ได้รับรางวัลในการตัดสินรอบสุดท้ายในวันที่ 12 พฤษภาคม 2566 ซึ่งแบบบ้านที่ชนะเลิศ ได้ผ่านการตัดสิน


โดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากสภาวิศวกร สภาสถาปนิก สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ สถาบันอาคารเขียวไทย และผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรม โดยแบบบ้านที่ชนะการประกวดได้รับเงินรางวัลมูลค่ารวมมากกว่า 1 ล้านบาท และประกาศเกียรติคุณรับรองผ่านการประเมินเกณฑ์ประสิทธิภาพพลังงานในโครงการบ้านเบอร์ 5 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ประชาชนสามารถดาวน์โหลด
แบบบ้านประหยัดพลังงานไปใช้ได้ ฟรี!!! ผ่านทาง http://www.ghbank.co.th เพื่อนำไปปลูกสร้างได้จริง โดยธนาคารพร้อมสนับสนุนสินเชื่อเพื่อปลูกสร้าง อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เพื่อเป็นทางเลือกและสนับสนุนให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยประหยัดพลังงานเป็นของตนเอง

สำหรับแบบบ้านที่ชนะการประกวดในรางวัลแบบบ้านขนาดเล็ก ได้แก่ “บ้านโอบกอด” ที่มีจุดเด่นของการออกแบบอาคารให้มีความสอดคล้องกับสิ่งแวดล้อม การใช้ทิศทางของลมและแสงแดดให้ความใส่ใจกับสิ่งแวดล้อม, บ้าน “EVERYHOME” ที่ชนะใจกรรมการตัดสินด้วยแนวคิด Flexible ความยืดหยุ่นที่พร้อมตอบรับผู้ใช้งานคนไทย “ทุกคน” ให้ได้มีบ้านอยู่เย็นเป็นสุขใน “ทุกที่”, “บ้านเล็กในเมืองใหญ่” ที่ออกแบบบ้านประหยัดพลังงานสำหรับพื้นที่แคบในเมือง , “บ้าน ชาน เอิ้น” ที่นำภูมิปัญญาของคนอีสานมาออกแบบบ้านให้มีพื้นที่ตรงกลาง หรือใต้ถุนบ้านสำหรับทำกิจกรรมของครอบครัว และ “บ้านกินลม” ที่ออกแบบบ้านโปร่งโล่ง ลมและแสงเข้าสู่ตัวบ้านได้ง่าย มีใต้ถุนที่อากาศถ่ายเทสะดวก ช่วยลดการใช้ไฟฟ้าได้อีกทางหนึ่ง

ด้านแบบบ้านที่ชนะการประกวดในรางวัลแบบบ้านขนาดใหญ่ ได้แก่ บ้าน “Well Being House” โดยออกแบบบ้านให้คนทั้งครอบครัวได้อยู่ด้วยกัน ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างมีสุขภาวะที่ดี และประหยัดพลังงาน, “บ้านระเบียงเคียงดิน” ที่เน้นการหาวัสดุที่หาได้ง่ายในชนบท ช่วยประหยัดค่าก่อสร้างบ้าน “GREENHAUS” ที่ออกแบบบ้านที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในทุกแง่มุม, “บ้านเรือนกลางสวน” โดยใช้นวัตกรรมใหม่ ๆ เป็นเครื่องมือในการออกแบบบ้านประหยัดพลังงาน Active Design และ บ้าน “SBYE HOUSE” ที่มีแนวคิดการออกแบบจากสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น และใกล้ชิดธรรมชาติผสมผสานอย่างลงตัว

ชมคลิป.https://youtu.be/SdGsDENB3Cs?si=cksPtpSEhhL6sTJr

ราชบุรี. ตลาดศรีเมืองมอบทุนนักเรียน 108 ทุน

สำนักงานตลาดศรีเมืองราชบุรี มอบทุนการศึกษาประจำปี 2566 แก่บุตรพนักงาน และเจ้าหน้าที่


ที่สำนักงานตลาดศรีเมือง นางวีณา ศรีสรรพางค์ รองประธานกรรมการบริหารตลาดศรีเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี เป็นประธานมอบทุนการศึกษาแก่บุตรพนักงานตลาดศรีเมือง ประจำปี 2566 ณ ห้องประชุมชั้น 3 สำนักงานศรีเมือง

สำหรับการมอบทุนดังกล่าวเป็นความประสงค์ของคุณนภินทร – คุณวีณา ศรีสรรพางค์ ประธานกรรมการบริหารตลาดศรีเมือง และครอบครัว ที่ต้องการสร้างขวัญกำลังใจ ลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่พนักงาน รวมทั้งส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาแก่บุตรพนักงาน จำนวน 108 ทุน โดยแบ่งเป็นระดับชั้นอนุบาลถึงระดับปริญญาตรี เป็นเงินทั้งสิ้น 176,500 บาท

ขอบคุณภาพ-ข่าว พันธุ์ – จรรยา แก้วนุ้ย จ.ราชบุรี

ขอนแก่น. ซุ้มจอมขมังเวย์ร่วมพิธีไหว้ครู สำนักสัมฤทธิ์ร้อยแปดจัดอย่างยิ่งใหญ่

สำนักสัมฤทธิ์ 108 ซุ้มจอมขมังเวย์ร่วมพิธีไหว้ครู สำนักสัมฤทธิ์ร้อยแปดอย่างยิ่งใหญ่

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2566 ที่สำนักสัมฤทธิ์108  ริมบึงหนองโคตร  บ้านคำไฮ ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น
อาจารย์บิ๊ก สำนักสัมฤทธิ์ร้อยแปด เจ้าเเห่งรัตติกาล ได้จัดพิธีไหว้ครูบูรพาจารย์ประจำปี 2566 อย่างยิ่งใหญ่ รวมทั้งพิธีครอบเศียรครูประจำปี สำนักสัมฤทธิ์ร้อยแปด  โดยมี อาจารย์แขก รือเสาะ (มันตระสยาม) ปู่คำแสน โพธิสัตโต เป็นประธานในพิธี  พร้อมด้วยคณาจารย์จาก ซุ้มจอมขมังเวทย์   อาจารย์อ๋อ บ่อทอง  อาจารย์เจ คฤเวทมงคลชัย  นักสิทธิ์ปรเมศ ลูกบ่อทอง  อาจารย์ชิน เดชา อาจารย์เอ มันตระสยาม และคณาจารย์สายต่างๆ และคณะศิษย์ เดินทางมาร่วมพิธีจำนวนมาก

โดยวันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม 2566 มีพิธีไหวัครูยักษ์ ในวันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม 2566 ไหวัครูใน ครูต้น ครูสาย ขึ้นขันธ์ธรรม ช่วงเย็นมีพิธีแห่กลองยาว  พิธีเบิกทรัพย์พญานาคาธิบดีทั้ง 9
และพิธีปลุกเสก จุดเทียน อาบน้ำมนต์ เสริมมงคล
และวันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม 2566 ใส่บาตร ถวายภัตตาหารเช้า พระสงฆ์ 9 รูป จากนั้นบวงสรวงไหว้ครูเทพเทวาครอบจักรวาลและพิธี ครอบเศียรครู โดยอาจารย์บิ๊ก

ซึ่งสำนักสัมฤทธิ์ 108 รับตรวจ ดวงชะตา สักยันต์  ดูฮวงจุ้ย และลงนะหน้าทอง  เสริมเมตตามหานิยม โชคลาภ  ในส่วนพิธีการอาบน้ำมนต์รัตติกาล ฟรีทุกเดือน เพียงท่านเตรียมดอกไม้ธูปเทียน มาที่สำนักสัมฤทธิ์ 108


  ส่วนกำหนดวันเวลาให้ติดตามกับทางเพจ และท่านที่สนใจดูดวงชะตาหรือปรึกษาทางเลือกเส้นทางการดำเนินชีวิตสามารถติดต่อสอบถาม ในการทำพิธีต่างๆได้ที่  คุณนิ่มโทร 0945254424 และแอดมินเพจ https://www.facebook.com/samrit108?mibextid=LQQJ4d ได้ตลอด

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS รายงาน

สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี ยกฉัตรพระธาตุเจดีย์ พุทธอรัญวาสีมณีโซติ วัดห้วยเงาะ ปัตตานี

สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (สมเด็จธงชัย )
ยกฉัตรพระธาตุเจดีย์ พุทธอรัญวาสีมณีโซติ วัดห้วยเงาะ จ.ปัตตานี

เจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนีเจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม

วันอังคารที่ 15สิงหาคม 2566 ที่วัดอรัญวาสิการาม (วัดห้วยเงาะ ) ต.ทุ่งพลา อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนีเจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร กรุงเทพฯ
ได้เป็นองค์ประธานในพิธียกฉัตรพระธาตุเจดีย์ พุทธอรัญวาสีมณีโซติ และทำบุญอุทิศถวายแด่ อดีตเจ้าอาวาสวัดอรัญวาสิการาม (วัดห้วยเงาะ) และบำเพ็ญกุศล อุทิศถวาย พระครูอนุศาสน์กิจจาทร (เขียว กิตฺติคุโณ) พร้อม บรรจุอัฐฐิบูรพาจารย์และอดีตเจ้าอาวาส ไว้ในพระธาตุเจดีย์ พุทธอรัญวาสีมณีโชติ


   โดยมี พระสิริจริยาลังการ รองเจ้าภาค18 วัดตานีนรสโมสร พระครูวรนาถโพธิคุณ(อุดม อริโย) รองเจ้าคณะอำเภอโคกโพธิ์ เจ้าอาวาสวัดอรัญวาสิการาม (วัดห้วยเงาะ) องค์ปัจจุบัน และ พล.ต.อ.ชินภัทร  สารสิน  รองผบ.ตร. พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 ว่าที่ ร้อยตรี ตระกูล โทธรรมรองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี   นายสมนึก มณีโชติ กรรมการ-ผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ปัตตานีสหพันธ์ก่อสร้างและบริษัท ปาล์มพัฒนาชายแดนใต้ จำกัด อาจารย์แขก รือเสาะ มันตระสยาม นายพงษ์ศักดิ์  ยิ่งชนม์เจริญ  นายกเทศมนตรีนครยะลา นายสุริยา  หะยีดอเลาะเถาะ นายกอบต.ทุ่งพลา วัฒนธรรมจังหวัดปัตตาน


สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดปัตตานี หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผบ.หน่วยกำลัง
คณะศิษยานุศิษย์ และพุทธศาสนิกชน
เข้าร่วมพิธีฯ

  ซึ่งในช่วงเช้ามีพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์   การแสดงรำมโนราห์ การแสดงรำอวยพรของกลุ่มแม่บ้าน บ้านห้วยเงาะ  การแสดงรำอวยพร ของกลุ่มดอกไม้บาน  ต.ยุโป อ.เมืองยะลา จ.ยะลา  การแสดงร่ำอวยพรรวมคณะ จ.ยะลา 6คณะ, คณะตำบลมะกรูด, คณะบ้านยางแดง, คณะ โคกโพธิ์, คณะบ้านห้วยเงาะ รวมจำนวน 217คน

จากนั้นมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีสมโภชฉัตรพระธาตุเจดีย์พุทธอรัญวาสีมณีโชติ ก่อนยกฉัตรยอดพระธาตุเจดีย์ พุทธอรัญวาสมณีโชติ ขึ้นบนยอดพระเจดีย์  พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ จำนวน 12 รูป เจริญชัยมงคล-คาถา ร่วมด้วย พระภิกษุ – สามเณร   พร้อมด้วยพิธี บรรจุอัฐฐิพระครูอนุศาสน์กิจจาทร (เขียว กิตฺติคุโณ) อดีตบูรพาจารย์เจ้าอาวาสวัดอรัญวาสิการาม (วัดห้วยเงาะ) ไว้ในพระธาตุเจดีย์ พุทธอรัญวาสีมณีโซติ โดยงานจะเริ่มตั้งแต่วันอังคารที่ 15 สิงหาคม จนถึงวันพฤหัสบดีที่ 17 สิงหาคม พ.ศ.2566

ขอบคุณภาพ-ข่าว ไชยอนันต์ ดลชัยกรร์สกุล

ขจร วัตรเอก Key8 NEWS รายงาน

ตลาดศรีเมืองราชบุรี มอบเสบียงอาหารให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้

ตลาดศรีเมืองมอบเสบียงอาหารให้เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชีในการเดินลาดตระเวนรักษาป่าไม้และสัตว์ป่า

นายชุมพล แก้วเกตุ และนางวีณา ศรีสรรพางค์



วันที่ 4 ส.ค.66 ที่ตลาดศรีเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี นางวีณา ศรีสรรพางค์ รองประธานกรรมการบริหารตลาดกลางผัก และผลไม้ (ตลาดศรีเมือง ) อ.เมือง จ.ราชบุรี ได้มอบเงินสดจำนวน 5,000 บาท พร้อมเครื่องอุปโภค บริโภค พืชผัก ผลไม้

ประกอบด้วย โลชั่นกันยุงแบบซองจำนวน 960 ซอง โลชั่นกันยุงแบบขวด 180 ขวด ข้าวสาร 2 กระสอบ น้ำดื่ม 120 ขวด ปลากระป๋อง 100 กระป๋องบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 180 ซอง ไข่เค็ม 300 ฟอง น้ำพริก 120 กระปุก และผักสด รวมเป็นเงิน 20,925 บาท ให้กับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี ต.บ้านบึง อ.บ้านคา จ.ราชบุรี เพื่อเป็นเสบียงอาหาร ของกิน ของใช้ สำหรับหน่วยพิทักษ์ป่า เพื่อนำไปสนับสนุนการปฏิบัติงานในการออกเดินลาดตระเวนดูแลรักษาป่าไม้ และสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชีจังหวัดราชบุรี โดยมีนายชุมพล แก้วเกตุ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชีจังหวัดราชบุรี เป็นผู้รับมอบ ที่สำนักงานตลาดศรีเมือง จ.ราชบุรี


ขอบคุณภาพข่าว พันธุ์ – จรรยา แก้วนุ้ย จ.ราชบุรี

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS รายงาน

กรมการปกครอง ร่วมกับฝ่ายปกครองจังหวัดราชบุรี และกรมพินิจฯ บุกจับ 2 ร้านดัง กลางเมืองบ้านโป่ง พบเป็นผับเถื่อนเปิดยันเช้าปล่อยมั่วยาเสพติด พกพาอาวุธปืน และมีเด็กต่ำกว่า 20 ปีเข้าใช้บริการ

กรมการปกครอง ร่วมกับฝ่ายปกครองจังหวัดราชบุรี
บุกจับ ผับเถื่อนบ้านโป่ง จ.ราชบุรี พร้อมกัน 2 แห่ง
นักเที่ยวร่วม 400  ยาเสพติดเกลื่อน ฉี่ม่วงอื้อ ปล่อยเด็กเข้า พกอาวุธ เปิดยันเช้า ใช้เทคนิคลงเวลาในบิลเป็นเท็จ โดยลดเวลาลง จากความเป็นจริง 2 ชั่วโมง พบเป็นเจ้าของเดียวกันทั้งสองร้าน

ภายใต้การอำนวยการของ นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายรณภพ เหลืองไพโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง นายไกรธวัช ทินโสม ปลัดจังหวัดราชบุรี  นายเกียรติศักดิ์ หอมเย็นใจ นายอำเภอบ้านโป่ง ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดราชบุรี ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน บุกเข้าทำการจับกุม ผับเถื่อน ชื่อร้านไฮไลท์ บ้านโป่ง และร้านอารีน่า บ้านโป่ง

สืบเนื่องจากกรมการปกครอง ได้รับการประสานจากจังหวัดราชบุรี ว่ามีสถานประกอบการชื่อ “ร้านไฮไลท์ บ้านโป่ง”
ตั้งอยู่ที่ 162/8 ม.9 ต.ปากแรต อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี และ “ร้านอารีน่า บ้านโป่ง” ตั้งอยู่ที่ 98 ม.7 ต.ปากแรต อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ได้เปิดให้บริการในลักษณะเป็นผับขนาดใหญ่ผิดกฎหมาย ไม่มีใบอนุญาตสถานบริการ เปิดให้บริการถึงเช้า ปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในร้าน ยินยอมให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าใช้บริการ
ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง จึงได้ส่งสายลับฝ่ายปกครองเข้าทำการสืบสวน ปรากฎข้อมูลการกระทำผิดจริง จึงได้วางแผนเข้าทำการจับกุม

  ทั้งนี้ สายลับฝ่ายปกครองยังพบว่า ทางร้านมีการลงเวลาในใบเสร็จค่าสุราเป็นเท็จ โดยมีการลงเวลาปรับลดจากเวลาที่แท้จริงลง 2 ชั่วโมง เพื่อใช้ต่อสู้ว่าขายไม่เกินเวลาเที่ยงคืน ซึ่งเป็นเวลาสุดท้ายที่กฎหมายกำหนดให้ขายได้

  และวันที่ 22 กรกฎาคม 2566 เวลา 01.30 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้สนธิกำลังเข้าทำการจับกุม เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงร้าน ได้กระจายกำลังจู่โจมเข้าปิดล้อมสถานบริการทั้งสองแห่ง ซึ่งนักเที่ยวซึ่งกำลังเต้นอย่างสนุกสนานและมีนักเที่ยวที่กำลังเสพยาอยู่ภายในร้าน ต่างตกใจวิ่งหนี แต่เจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมทางออกไว้ทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถหลบหนีได้
เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้ประกาศให้ทุกคนอยู่ในความสงบ และแยกอายุนักเที่ยว ซึ่งนักเที่ยวได้ทิ้งยาเสพติดลงเกลื่อนพื้นร้าน ส่วนใหญ่เป็นยาเคตามีนจำนวนหลายซอง
เจ้าหน้าที่พบว่าร้านทั้งสองแห่งไม่มีใบอนุญาตสถานบริการ
ได้ทำการตรวจสอบปัสสาวะของนักเที่ยว พบมีสารเสพติดในปัสสาวะจำนวน 77 ราย แยกเป็นชาย 31 ราย เป็นหญิง 46 ราย
ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจะนำเข้าสู่กระบวนการบำบัดต่อไป
ทั้งนี้ ยังมีการตรวจสอบพบเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี 4 ราย
โดยมีอายุ 17 ปี จำนวน 1 ราย อายุ 18 ปี  จำนวน 1 ราย และ 19 ปี จำนวน 2 ราย

   เจ้าพนักงานปกครองชุดจับกุม ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่เจ้าของร้าน ดังนี้
1.ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต
2.จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด
3.จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์
4.ยุยงส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่เหมาะสม

โดยมีนายธนวัต วิจิตรจรัสกุล อายุ 30 ปี
แสดงตนเป็นเจ้าของร้านทั้ง 2 แห่ง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองชุดจับกุม ชุดจับกุมจึงได้ทำการจับกุม และนำตัวส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.บ้านโป่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

ในส่วน ของผู้ที่พกพาอาวุธปืนเข้าไปในสถานบริการไฮไลท์ อ้างตนเป็นตำรวจทั้งสองคน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจึงได้ตรวจยึดอาวุธปืนพร้อมกับส่งมอบตัวให้ทาง สภ.บ้านโป่ง ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองชุดจับกุม จะเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี พิจารณาสั่งปิดสถานที่ร้านไฮไลท์ บ้านโป่ง และร้านอารีน่า บ้านโป่ง เป็นเวลา 5 ปี ตามคำสั่ง หน.คสช. ที่22/2558 ลว. 22 ก.ค. 2558 ต่อไป

ชมคลิปชุดเข้าปฏิบัติหน้าที่

นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง กล่าวว่า  “สถานบริการทั้ง 2 แห่ง เป็นการเปิดสถานบริการในพื้นที่นอกเขตโซนนิ่งให้ตั้งสถานบริการ และไม่มีใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด อีกทั้ง ปล่อยปละละเลยให้เด็กและเยาวชนเข้าใช้บริการและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่เด็ก ปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และอาวุธปืน ซึ่งถือเป็นการกระทำที่นอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนลุ่มหลงในอบายมุข อันขัดกับศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงขอฝากไปยังผู้ประกอบการสถานบริการทั่วประเทศขอให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ โดยประกอบธุรกิจให้อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ 22/2558 และคำสั่ง คสช.ที่ 46/2559 ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบเห็นการกระทำผิดในลักษณะนี้ ขอให้ได้แจ้งไปที่ศูนย์ดำรงธรรม ทางหมายเลขโทรศัพท์ 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือแจ้งไปยังฝ่ายปกครอง นายอำเภอ ปลัดอำเภอ ผู้นำท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เพื่อที่จะได้ร่วมกันสร้างสรรค์สังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งความผาสุข และดำเนินการกับผู้กระทำความผิดให้ได้รับโทษตามกฎหมาย ไม่มีละเว้น

ขอขอบคุณ.ภาพ-ข่าว กรมการปกครอง , เหยี่ยวขาว

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS รายงาน

นครปฐม เปิดแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ “มัจฉานุแลนด์”

เดอะศาลายา เลเซอร์ ปาร์ค อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เปิดแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ “มัจฉานุแลนด์” แลนด์มาร์คสำหรับเด็กและครอบครัว มาที่เดียวเที่ยวครบทุกกิจกรรม

นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม

นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานเปิดแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ “มัจฉานุแลนด์” ณ โครงการ เดอะศาลายา เลเซอร์ ปาร์ค อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม โดยมี นางวราภรณ์ เจริญศิริโชติ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย นายอำเภอพุทธมณฑล วัฒนธรรมจังหวัด ประชาสัมพันธ์จังหวัด สภาวัฒนธรรมจังหวัด ผอ.ททท.สำนักงานราชบุรี ร่วมเป็นเกียรติในครั้งนี้

นางกนกกร แทนไกรศร กรรมการผู้จัดการ


นางกนกกร แทนไกรศร กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า บริษัท พรพรหม เม็ททอล จำกัด (มหาชน) ได้จัดขึ้น เพื่อให้เป็นแลนด์มาร์คสำหรับเด็กและครอบครัว ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวและกิจกรรม กิน เที่ยว เรียน เล่น พัก อีกทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสร้างสรรค์ประสบการณ์สู่การเรียนรู้ ที่ร้อยเรื่องราวของมัจฉานุ ซึ่งเป็นตัวละครในวรรณคดีรามเกียรติ์ เป็นลูกลิงครึ่งปลา เป็นบุตรของหนุมานและนางสุพรรณมัจฉา โดยแบ่งเป็น 4 โซนท่องเที่ยว ได้แก่

  1. Thai Zone ดินแดนกำเนิดมัจฉานุผ่านการเล่านิทานสไตล์คามิชิไบ พร้อมชมการแสดงศิลปะ 4 สไตล์ และสร้างเสริมความรู้นอกห้องเรียน และกิจกรรม Workshop ภายใต้แนวคิด Low Carbon
  2. Blue Ocean ดินแดนแฟนตาซีใต้ท้องทะเล พบกับเครื่องเล่นบ่อบอลในบรรยากาศใต้ท้องทะเล พร้อม Zipline และกิจกรรมแยกขยะ
  3. Café Forest ดินแดนแห่งป่าเขาลำเนาไพร พบกับเหล่ามัจฉานุผู้ดูแลประจำโซน โดยมีกิจกรรม Workshop อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (ผักตบชวา) และกิจกรรม Body Paint และกิจกรรมเกมส่องสัตว์มหาสนุก
  4. Advanture Island ดินแดนเกาะมหาสมบัติ พบกับ เหล่าโจรสลัดมัจฉานุผู้ดูแลประจำโซน เครื่องเล่นเรือโจรสลัด และชิงช้ายักษ์ (ชิงช้ามัจฉานุ) Matchanu Wheel ค้นหาสมบัติที่โจรสลัด

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถเดินทางมาท่องเที่ยว ณ มัจฉานุแลนด์ ภายในโครงการ เดอะศาลายา เลเซอร์ ปาร์ค ทุกวันอังคาร ถึง วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ถึง 19.00 น. หรือติดต่อสอบถามได้ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เดอะศาลายา หมายเลขโทรศัพท์ 081 257 6053 และ 090 197 6009 และที่เว็บไซต์ https://www.thesalaya.com/matchanu

ชมคลิป https://drive.google.com/file/d/1C0GsGFR-KqYxVWk3gKGMlR-aTG_FYMJo/view?usp=drivesdk

ข้อมูลข่าว.สนง.ประชาสัมพันธ์ จ.นครปฐม

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS รายงาน.

สิ้นหลวงพ่อสมพงษ์ เกจิดังเมืองนครปฐม ต้นตำรับ “ชูชกเพิ่มพูนทรัพย์”

สิ้นหลวงพ่อสมพงษ์ เกจิดังแห่งวัดใหม่ปิ่นเกลียว นครปฐม ต้นตำรับ “ชูชกเพิ่มพูนทรัพย์”

พระครูปราการลักษาภิบาลหรือ “หลวงพ่อสมพงษ์ ธีรธมฺโม “

เมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 26 มิถุนายน 2566 มีข่าวแจ้งจากไวยาวัจกร วัดใหม่ปิ่นเกลียว อ.เมืองนครปฐม ว่าพระครูปราการลักษาภิบาลหรือ “หลวงพ่อสมพงษ์ ธีรธมฺโม “ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เจ้าอาวาสวัดใหม่ปิ่นเกลียว ต.นครปฐม อ.เมือง จ.นครปฐม ได้มรณภาพอย่างสงบ แล้วเมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.เศษ ในกุฏิ โดยหลวงพ่อละสังขารลักษณะจำวัตรหลับอย่างสงบนิ่ง สิริอายุ 86 ปี 6เดือน 5 วัน

โดยได้รับแจ้งจากพระสงฆ์ที่คอยดูแลหลวงพ่อสมพงษ์ กล่าวว่า เวลาประมาณ 03..00 น. ได้ลุกขึ้นมาดูหลวงพ่อที่จำวัดบนเตียง เห็นว่าท่านหลับสบายดีปกติ จึงออกไปทำกิจวัตรด้านนอกกุฏิ และกลับเข้ามาเรียกหลวงพ่ออีกรอบ แต่ไม่มีการตอบสนอง จึงแจ้งพระผู้ช่วยเจ้าอาวาส และพระสงฆ์ภายในวัด รวมถึงญาติ หลวงพ่อให้มารับทราบว่าหลวงพ่อละสังขารแล้ว จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ แพทย์เวรโรงพยาบาลนครปฐม มาตรวจสอบตามหลักปฏิบัติของกฎหมาย

พระครูปราการลักษาภิบาลหรือ หลวงพ่อสมพงษ์ ธีรธมฺโม ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เจ้าอาวาสวัดใหม่ปิ่นเกลียว เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2479 ชาวตำบลหันคา อ.หันคา จ.ชัยนาท ท่านอุปสมบท เมื่อปี 2499 ที่วัดท่ากฤษณา อ.หันคา จ.ชัยนาท แล้วมาจำพรรษาที่วัดใหม่ปิ่นเกลียว กระทั่งปี 2510 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดใหม่ปิ่นเกลียว (รูปที่8) เมื่อปี 2514 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะอำเภอกำแพงแสน จ.นครปฐม ปี 2552 เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม และปี 2557 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม

หลวงพ่อสมพงษ์ เป็นศิษย์พุทธาคมสายหลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง อีกหนึ่งรูปที่หลวงปู่หลิว ให้สร้างเต่า เมื่อปี พ.ศ.2536 มหาพุทธาภิเษก วัตถุมงคลรุ่นเสาร์5 โดยพระเกจิ 64 รูป นั่งปลุกเสก มีหลวงปู่หลิว หลวงปู่ปั่น อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองกระทุ่ม มาร่วมปลุกเสก และหลวงพ่ออวยพร เจ้าอาวาสวัดดอนยายหอม รูปปัจจุบัน แต่ด้วยหลวงพ่อสมพงษ์ ท่านได้สร้างชูชกเพิ่มพูนทรัพย์ ด้วยในวาระเดียวกัน เพื่อไว้แจกในงานฝังลูกนิมิตวัดใหม่ปิ่นเกลียวในปี 2540 และในปีนั้นเอง “ชูชกเพิ่มพูนทรัพย์” หลวงพ่อสมพงษ์ วัดใหม่ปิ่นเกลียว ก็โด่งดังไปทั้งประเทศ เนื่องจากแม่ค้าที่มาขายของในงานปิดทองฝังลูกนิมิต ถูกหวยกว่าล้านบาท เพราะเชื่อว่า”ชูชกเพิ่มพูนทรัพย์ “ ให้ลาภ ตั้งแต่นั้นมา “ชูชกเพิ่มพูนทรัพย์” วัดใหม่ปิ่นเกลียว ก็ติดอันดับ ผู้คนรู้จักหลวงพ่อสมพงษ์ และวัดใหม่ปิ่นเกลียว มากขึ้นจวบจนทุกวันนี้

ชูชกเพิ่มพูนทรัพย์

อบจ.สุพรรณ ประชุมวิชาการ การแพทย์ฉุกเฉินใน อปท.


องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี แถลงข่าวประชุมวิชาการ การแพทย์ฉุกเฉินในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

นายบุญชู จันทร์สุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี


ที่ห้องประชุม อบจ.สุพรรณบุรี นายบุญชู จันทร์สุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมด้วย ดร.พิเชษฐ์ หนองช้าง รองเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) นายแพทย์รัฐพล เวทสรณสุธี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมกันแถลงข่าวการประชุมวิชาการ การแพทย์ฉุกเฉินในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ระหว่างวันที่ 5- 7ก.ค.2566

โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย ผู้บริหาร ผู้ปฏิบัติการ คณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง นักวิชาการ ผู้สนใจ และบุคลากรขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศประมาณ 2,000 คน เข้าร่วมประชุม

ขอบคุณ ข่าว-ภาพ วัฒนพล มัจฉา สุพรรณบุรี

โยมสีกาแอบนำล็อตเตอรี่เลขมงคลใส่ย่ามผูกโบว์แดงกว่า 400 ใบ ถวาย”หลวงพี่น้ำฝน วัดไผ่ล้อม”

โยมสีกาแอบนำล็อตเตอรี่เลขมงคลใส่ย่ามผูกโบว์แดงกว่า 400 ใบ ถวาย”หลวงพี่น้ำฝน วัดไผ่ล้อม”

พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม

  เมื่อตอนบ่ายวันที่ 13 มิ.ย.66 ได้รับแจ้งจากศิษย์วัดไผ่ล้อม นครปฐม ว่าสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ซึ่งเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อพูล อัตตรักโข เกจิดังอดีตเจ้าอาวาสที่ละสังขารไปแล้ว ได้จัดงานมุฑิตา ครบรอบอายุวัฒนมงคล ครบ 51 ปี มีสาธุชนและบรรดาศิษยานุศิษย์รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการ มาร่วมมุฑิตาอวยพรกันอย่างมากมาย และร่วมทำบุญเพื่อช่วยเหลือสาธารณะกุศลต่างๆ ที่หลวงพี่น้ำฝนได้กำหนดไว้เข้ามูลนิธิหลวงพ่อพูล

คุณเบญจวรรณ ริทเทอร์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
เลขมงคล 51-15

โดยวันงานญาติโยมและศิษย์ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะนำกระเช้าผลไม้ และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพทั่วไป และเงินถวายเข้ามูลนิธิหลวงพ่อพูล เพื่อจัดซื้อเครื่องมือที่ทันสมัยให้กับโรงพยาบาลที่ขาดแคลนเครื่องมือในการรักษา หรือมอบเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนยากจน แต่มีโยมสีกาอยู่รายหนึ่งคือ คุณโยมเบญจวรรณ ริทเทอร์ ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หอพัก อาร์ทเม้นท์อยู่ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในศิษย์ของหลวงพ่อพูล และหลวงพี่น้ำฝน ที่ศรัทธามายาวนานและได้ขอมาเป็นน้องบุญธรรมหลวงพี่น้ำฝน ได้นำล็อตเตอรี่ปีกใหญ่กว่า 400 ฉบับ โดยมีเลขลงท้าย 51 เป็นชุดละ 5 ใบ 10 ใบ 2 ใบ จำนวน  250 ฉบับ เลขลงท้าย 15 อีก50 ฉบับ เลขลงท้าย 12 จำนวน 85 ฉบับ และเลข 111 เป็นเลขชาติกาลปีนี้ครบ 111 ปี 20 ฉบับ และเลขอื่นๆอีก ร่วม 100 ฉบับ ถวายทั้งหมดให้กับหลวงพี่น้ำฝนเนื่องในมุฑิตาจิต ครั้งนี้

    หลวงพี่น้ำฝน ท่านได้นำล็อตเตอรี่ทั้งหมดที่ นางเบญจวรรณ ถวายให้ใส่ในถุงย่ามผูกโบว์อย่างสวยงาม นำออกมาจากถุงมาวางเรียงรายบนโต๊ะให้ดูทั้งหมดพบว่ามีเกินกว่า 400 ใบจริง และส่วนใหญ่ก็เป็นเลขอายุวัฒนะของหลวงพี่น้ำฝนและหลวงพ่อพูลทั้งสิ้น พร้อมกับเผยว่าสิ่งที่โยมเบญจวรรณ นำมาถวายให้นั้นไม่ทราบว่าเป็นอะไร เพราะอยู่ในถุงย่ามอย่างสวยงาม คิดว่าเป็นเงินทำบุญเข้ามูลนิธิหลวงพ่อพูล เพราะโยมเบญจวรรณนั้น ถือเป็นน้องบุญธรรม ชอบทำบุญช่วยเหลือคนยากจน เครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ที่มอบให้ ร.พ.ท่านก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเหลือ เมื่อเปิดถุงย่ามออกถึงได้รู้ว่าเป็นล็อตเตอรี่ทั้งหมด ยังนึกว่าคุณโยมเบญจวรรณหยิบถุงผิดมาให้หรือป่าว จึงโทรไปสอบถามปรากฏว่าตั้งใจถวายหลวงพี่น้ำฝน และยังบอกว่าขอให้ได้โชคลาภก้อนโตจะได้นำมาช่วยเหลือสาธารณะสงเคราะห์และซื้อเครื่องมือแพทย์

  หลวงพี่น้ำฝนกล่าวว่า สำหรับเลขที่โยมเบญจวรรณ ซื้อมาถวายนั้น เป็นเลขมงคล ได้แก่เลข 51 คือเลขอายุของอาตมาอายุครบ 51 ส่วนเลข 15 เป็นเลขปีเกิด 2515 เลข 12 คือเลขวันเกิด ส่วนเลข 111 นั้นเป็นอายุเกิดจนมรณภาพของหลวงพ่อพูล ซึ่งปีนี้ครบ 111 ปี  หลวงพี่น้ำฝนยังพูดทิ้งท้ายเตือนสติเหล่าบรรดานักเสี่ยงโชคทั้งหลายด้วยว่า อาจมาอาจจะได้โชคลาภจากล็อตเตอรี่ครั้งนี้ก็ได้ เหมือนมีคำพังเพยว่า คนซื้อไม่ถูก คนไม่ได้ซื้อถูก แต่ทั้งหลายทั้งปวง หากได้โชคจริงก็จะทำความตั้งใจนำไปจัดซื้อเครื่องมือแพทย์และช่วยเหลือคนยากจน ตามที่คุณโยมเบญจวรรณ ตั้งใจ สำหรับนักเสี่ยงโชคก็อย่างมงายมาก พอหอมปากหอมคออย่าให้ครอบครัวเดือดร้อน สิ่งที่ดีที่สุดคือต้องทำงานหาอาชีพ ไม่งมงา

ศิษย์แห่ร่วมงานครบ 51 ปี หลวงพี่น้ำฝน

ศิษย์ร่วมอายุวัฒนมงคล 51 ปี หลวงพี่น้ำฝน จัดบุญใหญ่
มอบเครื่องถ่ายภาพจอประสาทตา ร.พ.นครปฐม 1.2 ล้านบาท

พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม

ศิษยานุศิษย์ ร่วมพิธีถวายมุฑิตาสักการะเนื่องในโอกาสอายุวัฒนมงคล อายุ 51 ปี พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม โดยปีนี้ชวนศิษย์ร่วมกันทำบุญมอบเครื่องถ่ายภาพจอประสาทตาแบบดิจิตอล มูลค่า 1.2 ล้านบาท และเปิดตัวธนาคารเตียงผู้ป่วยและรถวีลแชร์ สำหรับช่วยเหลือประชาชนที่ยากไร้เพื่อบรรเทาทุกข์ให้กับญาติโยม

  เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 66 ที่ศาลาหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม คณะสงฆ์และศิษยานุศิษย์ได้ร่วมกันจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เนื่องในโอกาสอายุวัฒนมงคล อายุ 51 ปี พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม โดยมีคณะสงฆ์ และศิษยานุศิษย์ ที่มีความศรัทธาเข้าร่วมในพิธีถวายมุฑิตาสักการะโดยพร้อมเพรียงกัน

โดยช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 09.00 น. หลวงพี่น้ำฝน ได้นำศิษยานุศิษย์ทำพิธีมอบเครื่องถ่ายภาพจอประสาทตาแบบดิจิตอล ยี่ห้อ Nikon retinastation มูลค่า 1,200,000 บาทให้กับโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม  และได้เปิดโครงการเตียงสำหรับผู้ป่วยและรถวีลแชร์ให้กับผู้ป่วยติดเตียง สำหรับประชาชนที่ยากไร้ โดยมี นายแพทย์สุรชัย โชคครรชิตไชย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม เป็นตัวแทนรับมอบ
    จากนั้นในเวลา 10.00 น.ศิษยานุศิษย์ได้จัดพิธีร่วมถวายมุฑิตาสักการะ อายุวัฒนมงคล 51 ปี หลวงพี่น้ำฝน โดยบรรยากาศมีคลื่นศิษยานุศิษย์ หลายคนที่มีชื่อเสียงในสังคม พร้อมข้าราชการ นักธุรกิจ และคนในวงการบันเทิง ได้ทยอยนำดอกไม้มาถวายตลอดทั้งวัน

   หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เผยว่า สำหรับปีนี้อาตมาอายุ 51 ปี ก็ยังคงยืนยันจะทำหน้าที่ช่วยเหลือสังคมเช่นเดิม ในปีนี้ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลศูนย์นครปฐมว่า จะมีการจัดตั้งศูนย์รักษาตาที่วัดไผ่ล้อม แต่ยังขาดอุปกรณ์ที่สำคัญเป็นเครื่องถ่ายภาพจอประสาทตาแบบดิจิตอล ซึ่งมีมูลค่าสูง จึงได้หารือกับกองทัพธรรมศิษย์หลวงพี่น้ำฝน นำโดยคุณชาติ สาลีพัฒนา เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลานายเงี๊ยบ คุณเบญจวรรณ ริทเทอร์ และอีกหลายๆ ท่านได้รวบรวมปัจจัยจัดซื้อมามอบให้เพื่อที่จะได้ใช้ดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับดวงตา ซึ่งทางวัดไผ่ล้อมก็ยังสนับสนุนกิจกรรมทางการแพทย์ของโรงพยาบาลนครปฐมอย่างต่อเนื่อง และอาตมาได้ทำทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นคนที่ยังอยู่หรือคนที่จากไปแล้ว นี่คือความตั้งใจที่จะทำต่อไปเรื่อยๆ

ปีนี้อาตมาเห็นว่าหลายครอบครัวมีผู้ป่วยติดเตียงในครัวเรือนมากขึ้น สิ่งที่เห็นว่าขาดแคลน คือเตียงสำหรับผู้ป่วยและรถวีลแชร์ ซึ่งวันนี้ถือว่าเป็นฤกษ์ดีที่ทางวัดไผ่ล้อมจะได้เริ่มทำธนาคารเตียงและรถเข็น เพื่อนำไปมอบให้ผู้ที่ยากไร้ซึ่งไม่มีกำลังทรัพย์ ได้หยิบยืมไปใช้ หากเมื่อใดไม่มีความจำเป็นก็จะนำกลับไปหมุนเวียนที่รอรับการยืมไปใช้งานต่อไป ซึ่งจะเป็นการบรรเทาทุกข์ให้กับญาติโยมที่ยังต้องการความช่วยเหลือจากสังคมอยู่ นี่คืออีก 1 โครงการที่จะเริ่มต้นด้วย” หลวงพี่น้ำฝน กล่าวปิดท้าย

ขจร วัตรเอก KEY 8 NEWS รายงาน

สมาชิกวุฒิสภา บรรยายพิเศษ เรื่อง “สถาบันพระมหากษัตริย์กับการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน”

สมาชิกวุฒิสภา บรรยายพิเศษ เรื่อง “สถาบันพระมหากษัตริย์กับการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน” กิจกรรมบรรยายเสริมหลักสูตร นิสิตระดับปริญญาเอก และปริญญาโท วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล สมาชิกวุฒิสภา

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2566 ที่ห้องประชุม อาคารเรียนรวมพระเทพศาสนาภิบาล วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล สมาชิกวุฒิสภา บรรยายพิเศษ เรื่อง “สถาบันพระมหากษัตริย์กับการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน” กิจกรรมบรรยายเสริมหลักสูตร นิสิตระดับปริญญาเอก และปริญญาโท สาขาวิชาการพัฒนาสังคมและสาขาวิชาพระพุทธศาสนา

โอกาสนี้ หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล กล่าวในความตอนหนึ่งว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ของประเทศไทย ทุกพระองค์จะทรงยึดมั่นอยู่ในหลักทศพิธราชธรรม, หลักศีลธรรม, ระเบียบกฎหมาย, ภูมิสังคม, การมีส่วนร่วม, เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา, ยึดประโยชน์ของสังคมส่วนรวม, สร้างเสริมความรู้รักสามัคคีของผู้คนในชาติ และทรงตั้งพระราชหฤทัยในการประพฤติปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุขแก่ราษฎร และประเทศชาติมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมั่นคง

สำหรับวิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้เปิดการเรียนการสอนในหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา สาขาวิชาการพัฒนาสังคม ทั้งระดับปริญญาโทและปริญญาเอก เพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพพระสงฆ์และประชาชนทั่วไป ให้มีความรู้ในศาสตร์ด้านพระพุทธศาสนาและการพัฒนาสังคม สามารถนำองค์ความรู้ทางพระพุทธศาสนามาพัฒนาตนและพัฒนาสังคมได้อย่างมีคุณภาพ ตามปรัชญาของมหาวิทยาลัยที่ว่า “จัดการศึกษาพระพุทธศาสนา บูรณาการกับศาสตร์สมัยใหม่ พัฒนาจิตใจและสังคม”

ชมคลิป https://drive.google.com/file/d/19DFW8kZryJGtgUldHWV1s6fWO-BFX5mp/view?usp=drivesdk


ขอบคุณ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม

ขจร วัตรเอก KEY 8 NEWS รายงาน

วัดใหม่สุคนธารามจัดงาน ๑๓๐ ปี อัฏมีบูชา

วัดใหม่สุคนธาราม ตำบลวัดละมุด อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม จัดงานประเพณีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระพุทธเจ้าจำลอง ๑๓๐ ปี อัฏมีบูชา

พระธรรมวชิรานุวัตร เจ้าคณะภาค ๑๔ เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวง
นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม

เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๖ เวลา ๑๗.๐๐ น. ณ วัดใหม่สุคนธาราม ตำบลวัดละมุด อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม. นางฐิติรัตน์ เรืองสังข์ วัฒนธรรมจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วยนางสาวชนิดา พรหมผลิน นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ และนางสาวพิทุอร จำเล นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ ร่วมงานประเพณีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระพุทธเจ้าจำลอง ๑๓๐ ปี อัฏมีบูชา มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ หนึ่งเดียวในภาคกลาง ณ วัดใหม่สุคนธาราม

โดยมี พระธรรมวชิรานุวัตร เจ้าคณะภาค ๑๔ เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วยพระเถรานุเถระ คณะสงฆ์ นางวราภรณ์ เจริญศิริโชติ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม นายอารุช เอมโอฐ นายอำเภอนครชัยศรี นายอาทร สูญจันทร์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวัดละมุด หัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หน่วยงานภาคเอกชน และประชาชน เข้าร่วมงานประเพณีดังกล่าว


            ภายในงานประเพณีในวันนี้ประกอบด้วยขบวนแห่พุทธประวัติและขบวนคติธรรมอันยิ่งใหญ่ และพิธีอัญเชิญพระบรมศพจำลองเวียนทักษิณาวัตรรอบมณฑลพิธีจำลอง และประธานฝ่ายสงฆ์ได้ประกอบพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระพุทธเจ้าจำลอง ณ จิตกาธาน โดยมีพระภิกษุ แม่ขาวผู้ถือศีล หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนที่นับถือศรัทธาในองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า เข้าร่วมวางดอกไม้กันอย่างเนืองแน่น

ขอขอบคุณภาพ-ข่าว สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครปฐม
        

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS รายงาน

แรงงานนครปฐม จัดโครงการรวมพลคนฝึก Gig

สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 16 นครปฐม จัดโครงการรวมพลคนฝึก Gig (มอบชุดเครื่องมือทำมาหากิน) ภายใต้โครงการพัฒนาทักษะเฉพาะของแรงงานอิสระยุค 4.0 ประจำปีงบประมาณ 2566

นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม

วันที่ 8 มิถุนายน 2566 ที่อาคารอเนกประสงค์ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 16 นครปฐม นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานเปิดโครงการรวมพลคนฝึก Gig (มอบชุดเครื่องมือทำมาหากิน) ภายใต้โครงการพัฒนาทักษะเฉพาะของแรงงานอิสระยุค 4.0 ประจำปีงบประมาณ 2566 ให้แก่ผู้ผ่านการฝึกอบรม 4 รุ่น จำนวน 86 คน ได้แก่ สาขาการออกแบบผลิตภัณฑ์จากผ้า จำนวน 20 คน สาขาการประกอบขนมอบ จำนวน 45 คน (2 รุ่น) สาขาการปูกระเบื้องเคลือบ จำนวน 21 คน โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ และผู้ผ่านการอบรมร่วมโครงการในครั้งนี้


นางสาวศิริธร เลาหะวิไลย ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 16 นครปฐม กล่าวว่า ยุทธศาสตร์สำคัญภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี เน้นในเรื่องการพัฒนาสู่ “ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ด้วยการสร้างความเข้มแข็งจากภายใน เพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศไทย ให้สามารถรับมือกับโอกาสและภัยคุกคาม ซึ่งประเทศไทยกำลังประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานทั้งเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ เพื่อก้าวข้ามการพัฒนาเศรษฐกิจไทยสู่ประเทศที่มีรายได้สูง และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงานในฐานะหน่วยงานภาครัฐ จึงได้จัดทำ “โครงการพัฒนาทักษะเฉพาะของแรงงาน 4.0 (Gig Worker) เพื่อมอบเครื่องมือทำมาหากินที่สอดคล้องกับสาขาที่ฝึกให้แก่ผู้ผ่านการฝึกอบรม ซึ่งจะทำให้ผู้ผ่านการฝึกอบรมนำไปใช้ในการประกอบอาชีพ ต่อไป

ชมคลิป. https://drive.google.com/file/d/1SY0R6Mc5RrakNXNT3r4s9jeE0vpuzITA/view?usp=drivesdk


สนง.ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ภาพ/ข่าว

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS รายงาน

สองมหาวิทยาลัย ร่วมเป็นเจ้าภาพงานวันสหกิจศึกษาบูรณาการกับการทำงาน (CWIE DAY) ครั้งที่ 13

มทร.รัตนโกสินทร์ ร่วมกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม และมหาวิทยาลัยสยาม ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดพิธีเปิดงานวันสหกิจศึกษาบูรณาการกับการทำงาน (CWIE DAY) ครั้งที่ 13 CWIE พัฒนากำลังคนสมรรถนะสูง เชื่อมโยง BCG สู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี พ.ศ.2566

วันที่ 6 มิถุนายน 2566 ที่หอประชุมบัวสวรรค์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ศาลายา จังหวัดนครปฐม นายสัมพันธ์ เย็นสำราญ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานเปิดงานวันสหกิจศึกษาบูรณาการกับการทำงาน (CWIE DAY) ครั้งที่ 13 CWIE พัฒนากำลังคนสมรรถนะสูง เชื่อมโยง BCG สู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี พ.ศ.2566

   โดยมีนายชยชัย แสงอินทร์  รองผู้ว่าจังหวัดนครปฐม , ดร.พรชัย มงคลวนิช อธิการบดี มหาวิทยาลัยสยาม และประธานเครือข่าย CWIE ภาคกลางตอนล่าง และรศ.ดร.อุดมวิทย์ ไชยสกุลเกียรติ อธิการบดี กล่าวต้อนรับ อีกทั้ง ดร.กิตวิชัย ไชยพรศิริ นายอำเภอพุทธมณฑล คณาจารย์ นักศึกษาร่วมเป็นเกียรติในพิธี

  ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ปอว.) กล่าวว่า  มทร.รัตนโกสินทร์ ร่วมกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม และมหาวิทยาลัยสยาม ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดพิธีเปิดงานวันสหกิจศึกษาบูรณาการกับการทำงาน (CWIE DAY) ครั้งที่ 13 CWIE พัฒนากำลังคนสมรรถนะสูง เชื่อมโยง BCG สู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี พ.ศ.2566 ซึ่งได้รับเกียรติจาก ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน นายกสมาคมสหกิจศึกษาไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ความท้าทายและโอกาสของสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ BCG” Challenges and Opportunities for CWIE to Drive BCG Economy” แก่ผู้เข้าร่วมงาน



   ซึ่งทางมหาวิทยาลัย มีความมุ่งมั่นในการผลิตบัณฑิตนักปฏิบัติ และมีหลักสูตรเฉพาะทางด้านสหกิจศึกษา ร่วมกับสถานประกอบการโดยการส่งนักศึกษาเข้าเรียนรู้ประสบการณ์การทำงานก่อนที่จะสำเร็จการศึกษาจริง จัดให้มีการบูรณาการการศึกษาให้ร่วมกับการทำงานที่มากขึ้น โดยมุ่งพัฒนากำลังคนเพื่อตอบสนองการพัฒนาประเทศ ให้นักศึกษาฝึกประสบการณ์ทำงานร่วมกับด้านเอกชนและจะต้องนำองค์ความรู้ที่ได้รับ มาต่อยอดตามความหลากหลายในด้านต่าง ๆ ของประเทศอีกด้วย ทั้งนี้งานวันสหกิจศึกษาบูรณาการกับการทำงาน (CWIE DAY) ครั้งที่ 13 ประจำปี พ.ศ. 2566 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 -7 มิถุนายน 2566 ณ มทร.รัตนโกสินทร์ ศาลายา จ.นครปฐม

ชมคลิป https://drive.google.com/file/d/1LRTuTdYPJNGNieUoz1RqdXRxQmspSHLH/view?usp=drivesdk

ขอบคุณ สนง.ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ภาพ/ข่าว

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS รายงาน

หลวงพี่น้ำฝน เชิญร่วมบุญใหญ่ช่วยผู้ป่วยในโรงพยาบาลฯ

หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม เชิญร่วมบุญใหญ่ช่วยเหลือผู้ป่วยในโรงพยาบาล เนื่องในวันครบอายุวัฒนมงคล 51 ปี วันจันทร์ ที่ 12 มิถุนายน 2566

ได้รับแจ้งจากลูกศิษย์พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จ.นครปฐม ว่าวันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน 2566 นี้ ทางลูกศิษย์ที่เคารพนับถือในองค์หลวงพี่น้ำฝน ได้ร่วมกับหลวงพี่น้ำฝนจะจัดงานทำบุญใหญ่โดยรวมกับศิษยานุศิษย์ร่วมกันถวายมุทิตาสักการะ วันครบอายุวัฒนมงคล 51 ปี

โดยวันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน 2566 เวลา 10.00 น. ณ ศาลาหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม
ซึ่งมีพิธีทำบุญอายุวัฒนมงคล พร้อมถวายจตุปัจจัยไทยธรรม และร่วมกันถวายภัตตาหารเพล แด่พระสงฆ์


ต่อจากนั้นหลวงพี่น้ำฝน จะมอบเครื่องถ่ายภาพจอประสาทตาแบบดิจิตอลยี่ห้อ Nikon retinastation ราคา1,200,000 บาท ให้แก่โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม
โดยคณะศิษยานุศิษย์หลวงพี่น้ำฝน ที่ร่วมบุญ นำโดยนายสมชาติ (นายเงี๊ยบ)สาลีพัฒนา ร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลานายเงี๊ยบ

และเวลา 09.00 น.  คุณเบญจวรรณ ริทเทอร์  (โยมน้องสาวหลวงพี่น้ำฝน) จะมอบเตียงผู้ป่วย และรถวิวแชร์ให้แก่ผู้ป่วยติดเตียง

กล่าวสำหรับอัตตะโนประวัติ พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เป็นพระนักพัฒนาในด้านสาธารณสงเคราะห์ และศึกษาสงเคราะห์ เป็นเพชรเม็ดงาม ทายาทศิษย์เอกหลวงพ่อพูล ด้วยวัยวุฒิ 51 ปี สร้างผลงานไว้มากมาย มีนัยเป็นรูปธรรมโดดเด่นอยู่ในบวรพุทธศาสนา เป็นทั้งพระเกจิ และ พระนักพัฒนา ใช้เวลา 30 ปีในเพศบรรพชิต


บนเส้นทางสายธรรมหลวงพี่น้ำฝน อุปสมบท เมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2536 ณ พัทธสีมาวัดไผ่ล้อม โดยพระพิพัฒน์วิริยาภรณ์ หรือ หลวงพ่อผูก วัดพระปฐมเจดีย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายา กิตติจิตโต เริ่มพรรษาแรกเรียนสำเร็จวิชา ถักสายสิญจน์ ถวิลหาความ ตั้งใจในเพศบรรพชิต ยึดติดรับใช้หลวงพ่อพูล ครูองค์แรกและองค์สุดท้าย ที่ให้วิชาเริ่มต้นสนองงานด้วยความตั้งใจ ในฐานะศิษย์เอก โดยเริ่มเรียนรู้วิชาการตั้งศาลพระภูมิ วิชาเขียนผ้ายันต์เสาเอก วิชาทำรัก-ยม, วิชาทำกุมารทองสมบัติ จากเนื้อดิน 7 ป่าช้า วิชาลงนะหน้าทอง ตำรับจันทร์มหาเสน่ห์, วิชาเจิมรถแคล้วคลาดปลอดภัย
วิชาเจิมแป้งนะเมตตา วิชาสวดสะเดาะเคราะห์เสริมบารมี
วิชาขมากรรม ถอนคำสาบาน ถอนคำสาปแช่ง

หลวงพี่น้ำฝน เรียนจนจบครบถ้วนกระบวนความ รอบด้านครบวงจร จวบจนปีพ.ศ. 2539 หลวงพ่อ
พูล ได้ทำพิธีครอบครูให้ หลวงพี่น้ำฝน อย่างเป็นทางการ
เพื่อสานต่อตำนานพระเวทย์ พร้อมทั้งมอบหมายทดสอบ
งานใหญ่ให้สร้างอุโบสถเฉลิมพระเกียรติ สำเร็จ
สมปรารถนา เมื่อวันเวลาผันผ่าน สามารถพิสูจน์ได้ หลัง
จากครอบครูแล้ว หลวงพี่น้ำฝน มุมานะเรียนวิชาเขียน
อักขระคาถาเลขยันต์ ทำให้สามารถเขียนยันต์ได้หลาก
หลาย กำหนดจิตพิจารณา ลงอักขระท่องมนต์คาถา ตาม
ที่หลวงพ่อพูล ได้ถ่ายทอดวิชา สัมฤทธิ์ผล ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS รายงาน

สมุทรสาคร  ผบช.ภ.7 แถลงจับ 5 เมียนมาอุ้มฆ่าเพื่อนร่วมชาติทิ้งน้ำ

สมุทรสาคร  ผบช.ภ.7แถลงรวบแก๊งแรงงานต่างชาติ อุ้มฆ่าเพื่อนร่วมชาติทิ้งน้ำ

เมื่อเวลา16.30 น.ของวันที่ 5 มิถุนายน 2566 ที่สภ.กระทุ่มแบน พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7  พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รอง ผบช.ภ.7  พล.ต.ต.ดร.จักษ์ จิตรธรรม ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร   พ.ต.อ.เสรีฐกาญจน์ จันทร์ด้วง ผกก.สภ.กระทุ่มแบน พ.ต.อ.ยอดชาย แก้วเรือง ผกก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนภ.จว.สมุทรสาคร และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.กระทุ่มแบน ร่วมแถลงข่าวการจับกุม นายซายาอ่อง อายุ 30 ปี นายหม่องเมนเทค อายุ 24 ปี นายโซมินตู อายุ 33 ปี นายชิดอ่อง อายุ 25 ปี และนาย นาย เล่น อายุ 24 ปี ซึ่งทั้งหมดสัญชาติเมียนมา  พร้อมของกลางรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้าสีทอง หมายเลขทะเบียน กค.-7549 สมุทรสาคร ,รถยนต์กระบะยี่ห้อฟอร์ดสีเทา หมายเลขทะเบียน บษ 5940 กาญจนบุรี พร้อมมีดปลายแหลมยาวประมาณ 30 เซนติเมตร 1 อัน

โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่าปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถึงแก่ความตาย ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกัน ตั้งแต่สองคนขึ้นไป

   ซึ่งพฤติการณ์ก่อนจับกุมเมื่อเวลาประมาณ 06.00 น.ของวันที่ 2 มิถุนายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน รับแจ้งเหตุมีชายฉกรรจ์บุกอุ้มแรงงานพม่า บริเวณห้องเช่าตลาดนัดคุณนาย ม.1 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร จึงเร่งตรวจสอบจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่ามีกลุ่มชาวต่างด้าวจำนวน 5 คน ได้บุกเข้ามาจับตัวนายมิว อ่อง อายุ 40 ปี สัญชาติเมียนมา  ซึ่งกำลังนอนพักอยู่ ออกไปจากที่เกิดเหตุ พร้อมกับนำรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้าสีทอง หมายเลขทะเบียน กค.-7549 สมุทรสาคร ของนายยมิว อ่อง ขับหลบหนีไปด้วย

จากนั้นเวลาประมาณ 09.57 น.ของวันที่ 2 มิถุนายน 2566 ทางสภ.เมืองสมุทรสงคราม ได้รับแจ้งพบศพลอยน้ำ บริเวณลำรางสาธารณะ ม.4 ต.บางจะเกร็ง อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม  จึงเข้าตรวจสอบพบศพชายไม่ทราบชื่อ มีบาดแผลฉีกขาดที่คอด้านหน้า หลอดลมขาด แผลแตกเหนือคิ้วขวา และเหนือริมฝีปากขวา ตรวจสอบพบคราบเลือดจำนวนมากริมคันดินใกล้ศพ จากการตรวจสอบพบผู้เสียชีวิตคือนายมิว อ่อง อายุ 40 ปี สัญชาติเมียนมา  ที่ถูกกลุ่มชาวต่างด้าวจำนวน 5 คน จับตัวมาจากพื้นที่สภ.กระทุ่มแบน จึงได้บูรณาการทำงานร่วมกัน เพื่อติดตามตัวผู้ก่อเหตุ  จนกระทั่งเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ติดตามจับกุมนายซายาอ่อง อายุ 30 ปี พร้อมพวกอีก4คน ได้บริเวณบ้านพักไม่มีเลขที่  บ้านปิล็อกคี่ ม.4 ต.ปิล็อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี จากนั้นจึงควบคุมตัวพร้อมของกลางมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

โดยทางด้านนายวันชัย วนทอง  ล่ามภาษา บอกว่า จากการสอบถามนายชิด อ่อง  ผู้ร่วมก่อเหตุบอกว่าพวกเขาเจ็บช้ำใจเรื่องนายหน้าเก็บเงินแล้วไม่เอางานให้ และผู้ตายได้เอาน้องสาวของตนไปกระทำชำเราก็เลยเจ็บใจ และก็มีเรื่องแรงงานบางส่วน พร้อมกับรับสารภาพว่าได้ร่วมกันฆ่านายยมิว อ่อง  

พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7


    ทางด้าน พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า จาการสอบสวนแก็งค์อุ้มฆ่าเพื่อนร่วมชาติชาวเมียนมาได้ให้การรับสารภาพว่า ร่วมกันอุ้มนายมิว อ่อง ผู้เสียชีวิต ไปจากพื้นที่อำเภอกระทุ่มแบนจริง เหตุเพราะความแค้นใจที่ผู้ตายเคยข่มขืนภรรยาของ 1 ในผู้ต้องหา จึงได้จับตัวขึ้นรถแล้วทำร้ายร่างกายไปตลอดทางจนสลบในรถ จากนั้นหนึ่งในผู้ต้องหาได้ลงมือฆ่าปาดคอนายมิว แล้วทิ้งศพในบ่อกุ้งที่จังหวัดสมุทรสงคราม ส่วนรถของผู้เสียชีวิตก็เอาไปทิ้งไว้ในจังหวัดเพชรบุรีพล.ต.ท.ธนายุตม์ ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า สำหรับประเด็นของการฆาตกรรมโหดนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่ทิ้งข้อสงสัยอื่นๆ  ทั้งเรื่องชู้สาว และขัดผลประโยชน์กันเองในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ โดยจากการตรวจสอบประวัติเบื้องต้นของกลุ่มคนเหล่านี้ พบว่าเคยมีบางคนเป็นถึงอดีตนักฆ่ากลุ่ม “ก๊อตอามี่” ที่มีความชำนาญในการใช้อาวุธ ฆ่าคนได้แบบเด็ดขาด อีกทั้งยังมีพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อสังคมด้วยการตั้งแก็งค์มาเฟียต่างด้าว เพื่อหวังขยายอิทธิ และอำนาจในการเรียกรับผลประโยชน์จากคนกลุ่มเดียวกัน จึงต้องเร่งปราบปรามให้สิ้นซาก โดยจะได้ขยายผลต่อไป ส่วนผู้ต้องหานั้นพบว่ายังมีผู้ที่หลบหนีอีก  4 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด

ขอบคุณภาพ-ข่าว ทีมหมอข่าวสมุทรสาคร 

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS รายงาน

ยะลา.โรงเรียนสังวาลย์วิท 5 จัดกิจกรรมเกี่ยวข้าวพันธุ์ช่อขิง กับชาวสังวาลย์ 

โรงเรียนสังวาลย์วิท 5 อ.เบตง จ.ยะลา จัดกิจกรรมเกี่ยวข้าวพันธุ์ช่อขิง กับชาวสังวาลย์  ปลุกวัยใสรู้คุณค่าข้าวทุกเมล็ด สัมผัสชีวิตชาวนารวมทั้งยังได้ผลผลิตมาเป็นอาหารกลางวันให้นักเรียน

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.66 ที่แปลงนาสาธิตศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงโรงเรียนสังวาลย์วิท 5 ต.ยะรม อ.เบตง จ.ยะลา นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง เป็นประธานเปิดกิจกรรมเกี่ยวข้าวกับชาวสังวาลย์ ครั้งที่ 1 ประจำปี 2566 ตามโครงการการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงในสถานศึกษาโรงเรียนสังวาลย์วิท 5 เพื่อให้นักเรียนได้เห็นคุณค่าและตระหนักถึงความสำคัญของข้าว เป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับนักเรียน และนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอน 

และสร้างโอกาสการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การปลูกข้าวทำนาดำ ระหว่างผู้บริหาร ครู นักเรียนผู้ปกครองและชุมชน  จนกระทั่งการเก็บเกี่ยงผลผลิต ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาของชาวนา โดยมี ร.ต.อ.สิทธิพงศ์ เหมกุสุมา นายก อบต.ยะรม นางสาวคาดียะห์ อามานะกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนสังวาลย์วิท 5  หัวหน้าส่วนราชการ ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้ปกครอง คณะครู นักเรียน เข้าร่วม


นางสาวคาดียะห์ อามานะกุล ผู้อำนวยการโรงเรียนสังวาลย์วิท 5  กล่าวว่า โรงเรียนสังวาลย์วิท 5 เป็นโรงเรียนในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (โรงเรียนสมเด็จย่า) ซึ่งเป็นโรงเรียนในโครงการพระราชดำริ และเป็นโรงเรียนคุณภาพของชุมชน ประจำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลาเขต 3 ทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ สนับสนุน ส่งเสริมให้คณะครูและบุคลากร รวมถึงนักเรียน ได้นำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอน

ได้เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติเพื่อพัฒนาตนเอง เป็น “ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา” ซึ่งจากการดำเนินงานที่ผ่านมาพบว่า คณะครูได้มีวิธีการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการจัดการเรียนรู้ให้เป็นรูปธรรม อยู่หลากหลายรูปแบบ ประกอบด้วย การเลี้ยงปลาในบ่อดิน การปลูกพืชผักสวนครัว การเพาะเห็ดนางฟ้า การทำปุ๋ยหมัก ปุ้ยชีวภาพ การปลูกข้าว ทำนาดำ ในแปลงนาสาธิต บนพื้นที่ประมาณ 200 ตารางวา รวมถึงการปลูกผลไม้ตามฤดูกาล ได้แก่ เงาะ มังคุด ทุเรียน ลองกอง กล้วย ขนุน กระท้อน มะยงชิด มะละกอ และต้นอ้อย บนพื้นที่ของโรงเรียนรวม 24 ไร่ 3 งาน ส่งผลให้ผู้บริหาร ครู และนักเรียนสามารถเข้าถึงหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และนำมาเป็นวิถีปฏิบัติ มีทักษะการดำรงชีวิต (living skil) และทักษะชีวิตหรือ life skill ได้อย่างแท้จริง


ผู้อำนวยการโรงเรียนสังวาลย์วิท 5  กล่าวอีกว่า ในส่วนของแปลงนาสาธิตของโรงเรียนสังวาลย์วิท 5  จัดทำขึ้นเพื่อให้นักเรียนในพื้นที่ อ.เบตง ได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวนา เนื่องจาก อ.เบตง ไม่มีแปลงข้าว มีแต่สวนยางพาราและสวนผลไม้ต่างๆ ซึ่งตนอยากให้นักเรียนได้เห็นนอกจากในหนังสือเรียน ว่ากว่าจะมาเป็นข้าวที่เราได้กินกัน มีทีมา ที่ไปอย่างไร นักเรียนจะได้ทราบถึงประโยชน์และมีคุณค่าของข้าวต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ได้เรียนรู้การปลูกข้าวดำนาจากครูภูมิปัญญาท้องถิ่นและปราชญ์ชาวบ้าน สามารถทราบถึงขั้นตอนในการสีข้าวและเก็บไว้เพื่อใช้บริโภค สำหรับเป็นอาหารกลางวันให้กับนักเรียน


นางสาวคาดียะห์ กล่าวเพื่มเติมว่า  สำหรับข้าวที่นำมาปลูกในแปลงนาสาธิตศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง  ทางโรงเรียนสังวาลย์วิท 5  ได้รับการการสนับสนุนเมล็ดข้าวพันธุ์ช่อขิง จากผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านกระอาน อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา เพื่อใช้เป็นต้นกล้าในการเพาะปลูกข้าวในครั้งนี้ โดยมีนางละออ ฉีดเสน ปราชญ์ชาวบ้านมาร่วมเป็นวิทยากรให้ความรู้กับนักเรียน ซึ่งข้าวช่อขิงเป็นพันธุ์ข้าวพื้นเมืองของอำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ข้าวชนิดนี้ได้หายไปจากท้องถิ่นเป็นเวลานานทีเดียว เพราะเด็กรุ่นใหม่ไม่รู้จักพันธุ์ข้าวชนิดนี้แล้ว เว้นแต่คนแก่ในท้องถิ่น ลักษณะของข้าวเมื่อสีออกมาแล้วจะมีสีแดงคล้าย ๆข้าวสังหยด  มีคุณค่าทางธาตุอาหารสูงกว่าข้าวหอมมะลิหลายเท่าตัว  เป็นข้าวเกษตรอินทรีย์ 100% เป็นพันธุ์ข้าวดั้งเดิม การสีก็สีข้าวแบบข้าวกล้อง เมื่อหุงออกมาแล้วจะมีกลิ่นหอมเป็นลักษณะเฉพาะตัว

ชมคลิป https://drive.google.com/file/d/12IWo9C71VSuB4PeRmXvJM2sFEvNDqf8h/view?usp=drivesdk


ขอบคุณ.ภาพ-ข่าว เจษฎา สิริโยทัย จ.ยะลา

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS รายงาน

นครปฐม. นายก อบจ.เปิดหอผู้ป่วยประกันสังคมในโรงพยาบาล

นครปฐม .นายก อบจ.เปิดหอผู้ป่วยประกันสังคมในโรงพยาบาลนครปฐม รองรับผู้ป่วยใช้สิทธิประกันสังคม

นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม
นายอนุชา สะสมทรัพย์ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)นครปฐม เขต 5 ร่วมพิธีเปิด

วันที่ 1 มิถุนายน 2566 ที่ชั้น5 ตึกทวารวดี โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม นายอนุชา สะสมทรัพย์ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)นครปฐม เขต 5 พรรคชาติไทยพัฒนา เป็นประธานเปิดหอผู้ป่วยประกันสังคมและพิเศษรวม
โดยมีนายแพทย์สุรชัย โชคครรชิตไชย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม รายงานถึงกา ให้บริการผู้ป่วยจากสิทธิประกันสังคม ที่จะสามารถมาใช้บริการหอผู้ป่วยประกันสังคมและพิเศษรวม ของโรงพยาบาลนครปฐม ซึ่งปัจจุบันมีห้องพิเศษ 5 ห้อง ห้องพิเศษรวม 18 เตียง รองรับผู้ป่วยอายุรกรรม ศัลยกรรมกระดูก คอจมูก ซึ่งจะได้รับการดูแลอย่างสะดวกสบาย จากแพทย์ และพยาบาล ไม่ต่างกับโรงพยาบาลเอกชน เพียงผู้ประกันตนแจ้งสิทธิที่พึงมีต่อเจ้าหน้าที่ จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล ให้ความสะดวก ณ จุดเดียวจบ

  นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ กล่าวว่า หอผู้ป่วยประกันสังคม และห้องพิเศษรวม นี้เป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่จะเป็นการยกระดับโรงพยาบาลรัฐในการบริการให้ทัดเทียมกับโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งการแข่งขันในการบริการประชาชน เป็นเรื่องที่ดี เพราะคนที่จะได้ประโยชน์ คือประชาชน เห็นได้จากโรงพยาบาลนครปฐม พยายามที่จะพัฒนาด้านการบริการ ไม่ใช่เพียงสิทธิราชการ วันนี้มาถึงการให้บริการผู้ประกันตน ในส่วนของประกันสังคม ทำให้การดูแลประชาชนครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

นางประไพ ปาลกะวงศ์ ณ อยุทธยา ผู้ช่วยรองประธานและบริหารฝ่ายบุคคล บริษัท อินโดรามา โพลีเอสเตอร์ อินดัสตรีส์ จำกัด ( มหาชน) กล่าวว่า การที่โรงพยาบาลนครปฐม ให้ความสำคัญด้านการบริการผู้ประกันตน มีบริการหอผู้ป่วยประกันสังคม และห้องพิเศษ เฉพาะแบบนี้ถือว่าดีมากเพราะในส่วนของโรงพยาบาลรัฐ การที่ปรับปรุงการให้บริการได้เทียบเท่ากับรพ.เอกชน แบบนี้ ซึ่งจุดแข็งของโรงพยาบาลนครปฐมมีดีที่ทีมงานแพทย์ พบาบาลวิชาชีพ ที่มีความชำนาญ การที่ได้มาเห็นการบริหารแบบนี้ถือว่ายอดเยี่ยม

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS รายงาน

นครปฐม.จัดกิจกรรมเดิน-วิ่ง เฉลิมพระเกียรติ ฯ

จังหวัดนครปฐมจัดกิจกรรมเดิน-วิ่ง เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันฉัตรมงคล 4 พฤษภาคม 2566 เพื่อนำเงินรายได้จากค่าสมัครทั้งหมด ส่วนหนึ่งมอบสมทบให้มูลนิธิชัยพัฒนา และมูลนิธิร่วมจิตต์ น้อมเกล้าฯ เพื่อเยาวชน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ตลอดจนส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง

นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2566 ที่ถนนสายแยกทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 3097 – ศูนย์ราชการจังหวัดนครปฐม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานกิจกรรมเดิน-วิ่ง เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันฉัตรมงคล 4 พฤษภาคม 2566 โดยมีนายสมเกียรติ พูลสุขเสริม นายยงยุทธ สวนทอง นายชยชัย แสงอินทร์ รองผู้ว่าชการจังหวัด นางวราภรณ์ เจริญศิริโชติ นายกเหล่ากาชาดจังหวัด นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาคประชาสังคมกว่า 1,000 คน เข้าร่วมกิจกรรมเดินวิ่ง ระยะทาง 6 กิโลเมตร จุดเริ่มต้น/สิ้นสุด ณ ถนนสายแยกทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 3097 – ศูนย์ราชการจังหวัดนครปฐม


นายจรินทร์ อิ้วสวัสดิ์ ท้องถิ่นจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า เนื่องด้วยในวันที่ 4 พฤษภาคม 2566 เป็นวันฉัตรมงคล เป็นวันสำคัญที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรี และราชอาณาจักรไทย ซึ่งหลังจากเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ “พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ หลายด้าน โดยด้านการศึกษาทรงเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษา พระราชทานพระราชทรัพย์ร่วมสนับสนุนก่อตั้งโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร และทรงรับโรงเรียนไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ พระราชทานวัสดุอุปกรณ์การศึกษาที่ทันสมัย และมอบทุนช่วยเหลือเยาวชนที่เรียนดี ขยันหมั่นเพียร ประพฤติดี มีคุณธรรม แต่มีฐานะยากจนอย่างต่อเนื่อง


และเพื่อเป็นการสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสืบสานพระราชกรณียกิจด้านการศึกษา กระทรวงมหาดไทยจึงกำหนด
จัดโครงการเดิน-วิ่ง เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวัน
ฉัตรมงคล 4 พฤษภาคม 2566 ขึ้นเพื่อนำเงินรายได้จากค่าสมัครทั้งหมด ส่วนหนึ่งมอบสมทบให้มูลนิธิชัยพัฒนา และมูลนิธิร่วมจิตต์ น้อมเกล้าฯ เพื่อเยาวชน ในพระบรมราชินูปถัมภ์

ชมคลิป.

https://drive.google.com/file/d/1rrnvGV_eXJzey-YQi0755t9fqHDBcUfE/view?usp=drivesdk

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม /ข่าว

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS รายงาน

นครปฐมจัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ในพระราชานุเคราะห์ฯ

จังหวัดนครปฐมจัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อให้บริการแก้ปัญหาด้านเกษตรแก่เกษตรกรได้อย่างรวดเร็ว ทั่วถึง

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2566 ที่โรงเรียนบ้านอ้อกระทิง ตำลห้วยขวาง อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม นายกองเอก พงศธร ศิริสาคร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ประจำปีงบประมาณ 2566 โดยมี นายอำเภอกำแพงแสน หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ และประชาชน เข้าร่วมโครงการ เพื่อให้เกษตรกรที่ประสบปัญหาด้านการเกษตร สามารถเข้าถึงบริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ได้รับรู้ด้านวิชาการและได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างครบวงจร ซึ่งมีการบูรณาการความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานวิชาการ หน่วยงานส่งเสริม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพัฒนาฟื้นฟูเกษตรกรให้สามารถประกอบอาชีพเกษตรกรได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยการปฏิบัติงานเชิงรุกที่ทำให้เกษตรกรในพื้นที่เป้าหมายได้รับบริการทางการเกษตร เช่น การวิเคราะห์ดิน การวินิจฉัยโรคพืช โรคสัตว์ โรคสัตว์น้ำ รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีและฝึกอบรมความรู้การเกษตรเสริมเพิ่มเติมไปด้วยกั

โดยมีกิจกรรมประกอบด้วย การให้บริการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ จำนวน 14 คลินิก ได้แก่ คลินิกพืช คลินิกข้าว คลินิกดิน คลินิกปศุสัตว์ คลินิกประมง คลินิกบัญชี คลินิกชลประทาน คลินิกสหกรณ์ คลินิกกฎหมาย และคลินิกอื่นๆ อีกทั้งมีกิจกรรมส่งเสริมอาชีพเพื่อเพิ่มรายได้ และการให้บริการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีเกษตรกร และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก จากนั้นได้ร่วมกันปลูกต้นไม้ และเยี่ยมชมนิทรรศการต่างๆ อีกด้วย

รัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุนโครงการโรงเพาะเห็ดสาธิตให้กับ ศูนย์ฝึกอาชีพนักเรียนเก่าโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1

รัฐบาลญี่ปุ่นให้การสนับสนุนโครงการจัดทำโรงเพาะเห็ดสาธิตให้กับศูนย์ฝึกอาชีพนักเรียนเก่าโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 ผ่านความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแบบให้เปล่าเพื่อพื้นฐานและความมั่นคงของมนุษย์(จีจีพี)

เมื่อวันที่ 11 พ.ค.66 นายโอบะ ยูอิจิ อัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย,นายยูอิชิโระ โดอิ เลขานุการเอก (แผนกการเมือง),นางสาวทาคากิ มิสะ เลขานุการโท หัวหน้าโครงการ จีจีพี,นายอาคิโยชิ สุชุกิ เลขานุการโท ผู้ซึ่งจะมารับตำแหน่งหัวหน้าโครงการจีจีพีในวาระถัดไป เข้าร่วมพิธีส่งมอบอาคารโรงเพาะเห็ด ณ ศูนย์ฝึกอาชีพนักเรียนเก่าโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จังหวัดกาญจนบุรี

โดยมี พล.ต.ต.กัญชล อินทราราม ผบก.ตชด.ภาค 1 ,ผอ.ศูนย์ฝึกอาชีพนักเรียนเก่าโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน,พล.ต.ต.ประกอบ พลเดชา ผบก.ตชด.ภาค 3,ผู้ประสานงานโครงการฯ,พ.ต.อ.สุกิจ ก้องจตุศักดิ์ ผกก.ตชด.13,พ.ต.ท.ยอดยิ่ง ชมมี รอง ผกก.ตชด.๑๓,พร้อมด้วย สว.กก.ตชด.13(ธกวส.,กง.,ผงป,จอส.กร.,ผบ.ร้อย ตชด.๑๓๑-๑๓๓ ,นักเรียนประจำศูนย์ฝึกอาชีพฯ หัวหน้าหน่วยงานและผู้แทนจากกรมทรัพย์พยากรธรณี เข้าร่วมในกิจกรรมดังกล่าว.

เทศมนตรีเมืองบางคูวัด มอบโล่เยี่ยมให้กำลังใจผู้สูงอายุเกิน 100 ปี

นายวีระ  กล่ำสนอง  นายกเทศมนตรีเมืองบางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี มอบโล่เยี่ยมให้กำลังใจผู้สูงอายุเกิน 100 ปี


นายวีระ  กล่ำสนอง  นายกเทศมนตรีเมืองบางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี  ได้มอบหมายให้ ว่าที่ ร.ต.สมชาย  ทองมี  ปลัดเทศบาลเมืองบางคูวัด และนางสาว อรุณศรี จารีบูรณภาพ หัวหน้าฝ่ายกองสวัสดิการสังคม เทศบาลเมืองบางคูวัด ร่วมกับ ดต.อุทัย นามเสนาะ ประธานสาขาสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย และเจ้าหน้าที่ จาก ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ จ.ปทุมธานี ได้นำโล่และเข็มเกียรติคุณไปมอบ ให้นางสำเนียง  สว่างอารมณ์  ผู้สูงอายุที่มีอายุ 100 ปี 4 เดือน ณ บ้านเลขที่ 13/3 หมู่ 9  ต.บางคูวัด  อ.เมือง จ.ปทุมธานี

นางสำเนียง  สว่างอารมณ์  ผู้สูงอายุ 100 ปี 4 เดือน


นางบุญตา บุ้นเสา อายุ 68 ปี ซึ่งเป็นบุตรสาว ของนางสำเนียง สว่างอารมย์เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าคุณแม่ตนเอง
แม้อายุเกิน 100 ปีแต่มีสุขภาพที่ดี ช่วยตนเองได้ รับประทานอาหารเองได้ เจรจารู้เรื่อง ความจำอาจเลือนลางบ้าง ไม่มีโรคประจำตัวอะไร ได้รับการช่วยเหลือจากเทศบาลเมืองบางคูวัด โดยได้รับเบี้ยยังชีพเดือนละ 1,000 บาททุกเดือน อาจไม่พอค่าใช้จ่ายที่ใช้จ่ายไปในการดูแลคุณแม่ แต่แม่ก็มีลูกหลานช่วยเหลือเจือจุนกันไปต้องขอขอบคุณ นายกเทศมนตรี ปลัดเทศบาลเมืองบางคูวัด เจ้าหน้าที่ กองสวัสดิการสังคม เทศบาลเมืองบางคูวัด ที่แวะมาเยี่ยมนำ สิ่งของอุปโภค บริโภค มามอบให้ เสมอนางบุญตา บุ้นเสา กล่าวในที่สุด

นครปฐม จัดงาน SME เฟสติวัล หวังกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดนครปฐม 1-7 พ.ค.66 หน้าองค์พระปฐมเจดีย์

จังหวัดนครปฐม จัดงาน SME เฟสติวัล เพื่อสริมและผลักดันผู้ประกอบการเพิ่มยอดขายและกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัด

วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 ที่บริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานเปิดงาน SME นครปฐม ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 – 7 พฤษภาคม 2566 บริเวณหน้าองค์พระปฐมเจดีย์เฟสติวัล โดยมี ดร.สุกิจ ศรีบัวทอง ประธานหอการค้าจังหวัดนครปฐม หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมพิธีในครั้งนี้

นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานเปิดงาน SME นครปฐม
นายสมศักดิ์ ธีรภาพสกุลวงศ์ ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยจังหวัดนครปฐม

นายสมศักดิ์ ธีรภาพสกุลวงศ์ ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทยจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า งาน SME นครปฐม เฟสติวัล จัดขึ้นเพื่อสริมและผลักดันผู้ประกอบการเพิ่มยอดขายและกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัด.พร้อมทั้งสร้างความภูมิใจให้คนรุ่นใหม่ในการเป็นผู้ประกอบการเพื่อพัฒนาท้องถิ่นต่อไป โดยในงานมีการจัดกิจกรรมหลากหลาย ให้คนจำนวนมากได้สร้างการรับรู้ในสินค้าและบริการของผู้ประกอบการได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นการสร้างความ สัมพันธภาพ และเวทีแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งทำให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน


ภายในงานนอกจากผู้ประกอบการมาร่วมออกบูธแสดงสินค้าของแต่ละอำเภอแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ เช่น กิจกรรมประกวดคลิปวีดีโอ ทำคอนเท้นท์ ชิงรางวัล และมีกิจกรรมอื่น ๆ ที่สนุกสนานน่าสนใจอีกหลายอย่าง จะมีการจัดทริปพานักท่องเที่ยวมาเที่ยวงาน ซึ่งเป็นการโปรโมท จังหวัดนครปฐม ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น


การจัดงานในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ทั้งวัดใหม่ห้วยลึก วัดหนองกระโดน วัดโพรงมะเดื่อ สถานศึกษาต่างๆ วิทยาลัยเทคนิคนครปฐม วิทยาลัยอาชีวศึกษานครปฐม วิทยาลัยสารพัดช่างนครปฐม โรงเรียนสิรินธรราชวิทยาลัย โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน มหาวิทยาลัยศิลปากร หอการค้าจังหวัดนครปฐม สภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครปฐม สมาคมนักธุรกิจอุตสาหกรรมATED กลุ่มนักธุรกิจบีเอ็นไอ ธนาคารออมสิน ธนาคารเอสเอ็มอี ที่ให้ความร่วมมือในการจัดงาน ตลอดจนสนับสนุนด้านแหล่งเงินทุนให้SME ด้านองค์ความรู้ ด้านการสร้างอาชีพ ด้านการผลิต ด้านการตลาดออนไลน์ ออฟไลน์ ด้านนวัตกรรม ด้านการออกแบบ ด้านการส่งออกต่างประเทศ ทำให้ผู้ที่มาเที่ยวงานนอกจากจะได้ความสุขแล้ว ยังได้อาชีพต่อยอดการค้าขาย ต่อยอดเชื่อมโยงสิ่งต่างๆได้อีกมากมาย


ปาดคอแท็กซี่หวังชิงรถปล้นร้านทอง

ผบช.ภ.7 แถลงข่าวจับคนร้ายปาดคอแท็กซี่หวังชิงรถไปปล้นร้านทอง บอกไม่กลัวตร.ยิงมาก็ยิงสู้

เวลา15.00น.วันที่ 28 เมษายน 2566 ที่สภ.เมืองนครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง ผู้บังคับบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้แถลงข่าวว่า ตำรวจภูธรเมืองนครปฐม ร่วมกับอาสาอำเภอเมืองนครปฐม ได้จับกุมนายชานน พลเยี่ยม หรือเบิร์ด อายุ 24 ปี ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านเลขที่ 271 ม.2 ต.โป่งเปือย อ.เมือง จ.บึงกาฬ พร้อมยึด มีดคัตเตอร์เปื่อนเลือด ที่ใช้ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย นายหนูมอณ ศรีโท คนขับแท็กซี่ เขียว เหลือง ทะเบียน 1มค-499 กรุงเทพมหานคร ที่ว่าจ้างมาจากกรุงเทพมหานครโดยให้มาส่งที่วัดไผ่ล้อม อ.เมืองนครปฐม จากการสอบถามนายชานน เล่าว่าต้องการชิงรถแท็กซี่คันดังกล่าวเพื่อใช้เป็นยานพาหนะในการที่จะไปก่อเหตุปล้นร้านทองในกรุงเทพมหานคร ซึ่งจากการสอบถามนายชานน ว่าไม่กลัวตำรวจจับเหรอ นายชานน บอกว่าเฉยๆ ถ้ายิงมาก็ยิงกลับถ้าไม่ตาย ก็เข้าคุกเดี๋ยวก็ออก

พล.ต.ท.ธนายุตม์ กล่าวว่า นายชานน เป็นบุคคลอันตราย เพราะพร้อมที่จะก่อเหตุ และแต่ละครั้งมีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบแผนที่จะโจรกรรมร้านทองที่ไปซุ่มดูไว้แล้ว พร้อมเส้นทางหลบหนีหากได้รถแท็กซี่คันนี้ไป และยังพบมีดยาว1 เล่ม มีดสั้น1เล่ม เหล็กแหลม 1อันใบมีดคัตเตอร์ มีดตัดกระจก และหมวกอยู่ในถุงกระสอบสีฟ้า ที่เตรียมมา เคสนี้ต้องยอมรับว่าคนขับแท็กซี่มีสติดี เมื่อถูกมีดคัตเตอร์ปาดคอถึงสามครั้งยังตั้งสติบีบแตรรถส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ และชนรถที่จอดข้างทาง ทำให้คนร้ายกลัวจึงเปิดประตูรถวิ่งหลบหนีปีนรั่วเข้าไปในที่ว่าการ อำเภอเมืองนครปฐม ซึ่งมีอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.)แลผู้ใหญ่บ้านเข้าเวรอยู่จึงจับกุมไว้ได้ ขณะที่นายหนูมอณ ศรีโท มีบาดแผลถูกมีดคัตเตอร์ปาดที่คอ ได้รับบาดเจ็บขณะนี้อาการดีขึ้น เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหา พยายามชิงทรัพย์และพยายามฆ่าผู้อื่น

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อ 22.40 น.วันที่27 เมษายน ที่ผ่านมา นายชานน พลเยี่ยม หรือเบิร์ด ได้เช่ารถแท็กซี่ของนายหนูมอณ มาจาก กทม. พอถึงบริเวณหน้าอำเภอเมืองนครปฐม ได้ใช้มีดคัตเตอร์ ปาดคอนายหนูมอณแล้วได้กระโดดข้ามรั้วกำแพงที่ว่าการอำเภอเข้าเมาหลบอยู่ที่ข้างในตัวอำเภอลักษณะตัวเปื้อนเลือด เจ้าหน้าที่เวรและอส.จึงเข้าไปสอบถาม นายชานน ว่าเป็นอะไรตัวเปื้อนเลือด นายชานน บอกว่าทะเลาะกันมาผมเลยเอามีดแทงมัน ขอหลบตัวในนี้ก่อน อส.จึงวิทยุแจ้งร้อยเวรมา ขณะนั้นทางโรงพยาบาลนครปฐม แจ้งว่ามีคนขับแท็กซี่ถูกทำร้ายร่างกาย มีบาดแผลที่ลำคอเหมือนโดนของมีคมมารักษาตัว จึงควบคูมตัวนายชานนไว้ ส่วนนายหนูมอณ คนขับแท็กซี่แพทย์รับตัวไว้นักษาบาดแผลที่ลำคอ อาการปลอดภัยแล้ว

นายชานน พลเยี่ยม หรือเบิร์ด ให้การรับสารภาพโดยไม่สะทกสะท้าน เล่าว่าได้เรียกแท็กซี่มาจากกรุงเทพมหานครให้มาส่งที่วัดไผ่ล้อม เมื่อมาถึงถนนเทศาซอย10 เป็นซอยระหว่างศาลแขวงนครปฐมกับที่ว่าการอำเภอเมืองนครปฐม นายชานน ให้คนขับเลี้ยวเข้าซอย เมื่อรถเข้าซอยเป็นซอยเปรี่ยว จึงลงมือใช้มีดคัตเตอร์ปาดคอไปสามที คนขับบีบแตรรถเสียงดังลั่นซอยจึงเปิดประตูวิ่งหนี ปีนข้ามรั้วเข้าไปหลบซ่อน ไม่รู้ด้วยว่าเป็นที่ว่าการอำเภอ

นายหนูมอณ ศรีโท กล่าวว่า เมื่อคนร้ายใช้มีดคัตเตอร์แทงและปาดที่คอ พยายามตั้งสติแล้วบีบแตรเพื่อหวังให้มีคนช่วย และคนร้ายตกใจเปิดประตูรถวิ่งหลบหนี ตัวเองก็ตกใจเห็นเลือดออก จึงรีบขับรถไปโรงพยาบาล ยังเสียหลักไปชนรถของชาวบ้านเสียหายด้วย

ตำรวจภูธรภาค 7,8,9 ร่วมตำรวจ ป.ป.ส.จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้า 1 ล้าน 2 แสนเม็ด ตรวจยึดทรัพย์สิน รวมมูลค่ากว่า 54 ล้านบาท

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงผลปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7,8,9 และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 1 พันคน พร้อมของกลางยาบ้า 1 ล้าน 2 แสนเม็ด รวมถึงยาเสพติดอื่นๆ อาวุธปืน และตรวจยึดทรัพย์สิน รวมมูลค่ากว่า 54 ล้านบาท

วันที่ 20 เมษายน 2566 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม พลตำรวจเอก สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด นายกองเอกพงศธร ศิริสาคร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ร่วมแถลงผลปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7,8,9 และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ตามนโยบายรัฐบาล ที่เน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังทั้งระบบ โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการเชิงรุกในการปราบปรามจับกุมผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ขยายผลการจับกุมและยึดทรัพย์สินผู้ค้ายาเสพติด อีกทั้ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีนโยบายให้ทุกหน่วยในสังกัด ดำเนินการปราบปรามทำลายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดทุกระดับ เพิ่มความเข้มในการทำลายเครือข่ายผู้ค้ารายย่อยในระดับชุมชนที่มีความใกล้ชิดกันประชาชนอย่างจริงจัง และให้ดำเนินการสืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมดำเนินคดีและยึดทรัพย์สินผู้ค้ายาเสพติด ทั้งระดับรายย่อยในชุมชน ผู้ค้ารายกลางและรายใหญ่ที่มีความเชื่อมโยงหลายพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ


สำหรับผลปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7,8,9 และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ทำการปิดล้อมตรวจค้น เป้าหมายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด จำนวน รวมทั้งสิ้น 904 เครือข่าย และเป้าหมายจุดปิดล้อมตรวจค้นทั้งสิ้น จำนวน 1,504 เป้าหมาย สามารถจับกุมได้ 966 คดี จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาเสพติดหรืออาวุธปืนทั้งสิ้น 982 คน ศาลอนุมัติออกหมายจับ 80 หมาย จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 60 คน การตรวจยึดของกลาง ได้แก่ ยาบ้า 1,228,809 เม็ด, ไอซ์ 162.16 กรัม, เคตามีน 0.43 กรัม, เฮโรอีน 5.4 กิโลกรัม, โปรเมตาซีน 10 ขวด, อาวุธปืน 105 กระบอก, ตรวจยึดทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบ รวมมูลค่าประมาณ 54,144,661 บาท, ทรัพย์ของกลาง 9,299,290 บาท และทรัพย์ที่เกี่ยวเนื่องฯ 44,845,371 บาท

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เปิดช่องทางแจ้งเบาะแสยาเสพติดและรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนทั่วประเทศ ที่หมายเลข 1599 และศูนย์ 191 ทุกจังหวัด เพื่อเป็นทางเลือกในการร้องเรียนและแจ้งเบาะแสเรื่องยาเสพติดเพิ่มขึ้น


ภาพ-ข่าว สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม

KEY8 NEWS รายงาน

พระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 5 ปี 2566 “ครูนิวัฒน์” ครูผู้บุกเบิกการเรียนรู้และนักพัฒนาบนดอยสูง

คณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี พิจารณาเห็นชอบการคัดเลือกครูผู้สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 5 ปี 2566 “ครูนิวัฒน์” ครูผู้บุกเบิกการเรียนรู้และนักพัฒนาบนดอยสูง

เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2566 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ไปในการประชุมสามัญ ประจำปี 2565 คณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี โดยมีวาระการประชุมที่สำคัญ คือการพิจารณาให้ความเห็นชอบรายชื่อครูผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 5

รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีเป็นรางวัลนานาชาติ ที่จัดมอบให้แก่ครูผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงในชีวิตลูกศิษย์และมีคุณูปการต่อวงการศึกษาในประเทศอาเซียน และติมอร์-เลสเต รวม 11 คน ทุก ๆ 2 ปี โดยพิธีพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ครั้งที่ 5 จะจัดขึ้น ในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ ซึ่งครูที่ได้รับพระราชทานรางวัล จาก 11 ประเทศ ได้แก่ เนการาบรูไนดารุสซาลาม ครูโมฮัมหมัด อาเมียร์ อิรวาน บิน ฮาจิมุกซิน , ราชอาณาจักรกัมพูชา ครูเฮ ชาคริยา , สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ครูฮาริสดายานิ , สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ครูกีมเฟือง เฮืองมะนี , ประเทศประเทศมาเลเซีย ครูไซฟุลนิซาน เจ๊ะ อิสมาอิล , สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ครูดอว์ เอ ซู วิน , สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ครูเจอร์วิน โอ. วาเลนเซีย , สาธารณรัฐสิงคโปร์ ครูชอง หลวน เพนนี , สาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต ครูฟิโลมีนา ดา คอสตา , สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ครูเหงียน หมั่น หุ่ง

สำหรับประเทศไทย มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ร่วมกับหน่วยงานด้านการศึกษาดำเนินการคัดเลือกครูผู้

สมควรได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ระหว่างปี 2565 – 2566 โดยคณะกรรมการคัดเลือกระดับจังหวัดและกรุงเทพมหานคร รวม 77 จังหวัด และองค์กรที่มีรางวัลระดับประเทศ 7 องค์กร ซึ่งพิจารณาให้ครูนิวัฒน์ เงินงามมีสุข ครูศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” (ศศช.) บ้านมอโก้คี อ.ท่าสองยาง จ.ตาก และทำหน้าที่ครูนิเทศก์ ใน 5 ศูนย์การเรียน และห้องเรียนสาขาที่บ้านมอโก้ใหม่ อ.ท่าสองยาง โดยจัดการศึกษาให้กับประชาชนทุกกลุ่มวัยในชุมชน ทั้งการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการรู้หนังสือ การพัฒนาอาชีพ คุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม โดยใช้เวทีประชาคมหมู่บ้านทำให้เกิดการเรียนรู้ในชุมชนเพื่อแก้ปัญหายาเสพติด ลดการปลูกพืชเชิงเดี่ยว ลดการทำลายป่า ส่งเสริมการปลูกกาแฟครบวงจรและพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ รวมถึงทักษะชีวิตที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ครูนิวัฒน์อุทิศทั้งชีวิตของการเป็นครูบนดอยสูง มากกว่า 21 ปี และบุกเบิกศูนย์การเรียนรู้ชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” 5 แห่ง ซึ่งแต่ละศูนย์อยู่ห่างกัน 7 – 10 กิโลเมตร ด้วยความมุ่งมั่นว่า “อยากตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน โดยให้ความรู้ที่จะติดตัวนักเรียน ไปตลอดจนหมดลมหายใจ”

มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ยังพิจารณามอบรางวัลคุณากร จำนวน 2 ราย คือ ครูอุดร สายสิงห์ ครูผู้เป็นที่รักและศรัทธายิ่งของศิษย์ผู้ปกครอง และชุมชน ปฏิบัติหน้าที่ ณ โรงเรียนบ้านโกตาบารู อ.รามัน จ.ยะลา และครูสมเกียรติ แซ่เต็ง ครูยุคใหม่ผู้สร้างคุณภาพการศึกษาเพื่อการรักถิ่น เน้นความมีตัวตนและความสำเร็จของเด็กทุกคน ปฏิบัติหน้าที่ ณ โรงเรียนเขาน้อยวิทยาคม อ.เมือง จ.ตราด

นอกจากนี้ที่ประชุมได้เพิ่มประเทศเพื่อเสนอชื่อครูเข้ารับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ในครั้งที่ 6 ปี 2568 อีก 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศบังกลาเทศ ภูฎาน และมองโกเลีย ซึ่งเป็นประเทศที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีโครงการตามพระราชดำริด้านการศึกษา และในรอบปีที่ผ่านมามูลนิธิฯ และภาคีเครือข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศยังมีการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของเครือข่ายครูรางวัล อาทิ โครงการส่งเสริมและพัฒนาการสะกด พูด อ่าน เขียน ภาษาไทย เพื่อเด็กในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี โดยความร่วมมือของสภากาชาดไทย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา และสถาบันอุดมศึกษา เพื่อสนับสนุนครูสอนภาษาไทยในโรงเรียนที่นักเรียนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ ผ่านระบบอาสาสมัครการศึกษาหมู่บ้าน การใช้สื่อและกลไกสนับสนุนในระดับพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันมีพลังครูและอาสาสมัครใน 14 จังหวัดทดลองนำร่อง ครอบคลุมโรงเรียนเป้าหมาย 1,619 แห่ง

นครปฐม รองผู้ว่าฯนำประชาชนถวายผ้าห่มองค์พระปฐมเจดีย์ เนื่องในวันสงกรานต์

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม นำประชาชนถวายผ้าห่มองค์พระปฐมเจดีย์ เนื่องในวันสงกรานต์ ประจำปี 2566

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 16 เมษายน 2566 ที่โถงรับรองลาน หน้าวิหารพระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ นายกองเอกพงศธร ศิริสาคร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานถวายผ้าห่มองค์พระปฐมเจดีย์ที่ความยาวทั้งสิ้น 270 เมตร
โดยมีพระเทพมหาเจติยาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค14 รองเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร รับถวายผ้าห่มองค์พระปฐมเจดีย์ จากรองผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้เจ้าหน้าที่นำขึ้นไปห่มรอบองค์พระปฐมเจดีย์ ช่วงปล้องไฉนเหนือฐานสี่เหลี่ยมด้านบน ซึ่งพิธีการห่มผ้าองค์พระปฐมเจดีย์นี้เป็นการถวายพุทธบูชา จะมีเพียง 2 วาระคือ 1.งานเทศกาลสงกรานต์ประจำปี และงานเทศกาลนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ เท่านั้น

สำหรับบรรยากาศการเล่นสงกรานต์ของ จ.นครปฐม ที่บริเวณเวทีกลางด้านถนนต้นสน (หรือที่นักท่องเทื่ยวเรียกกันว่าถนนข้าวหมูแดง) ที่ทางเทศบาลนครนครปฐม ปิดถนนจัดให้มีการเล่นสาดน้ำตลอดเส้นทางระหว่างองค์พระปฐมเจดีย์ ด้านทิศตะวันตกไปจรดหน้าพระราชวังสนามจันทร์ ระยะทาง 1,200 เมตร นายเสรินทร์ แก้วพิจิตร นายกเทศมนตรีนครนครปฐม พล.ต.ต.จักรกฤษ เครือสุนทรวานิช ผบก.ภ.จว.นครปฐมด้ร่วมกันเปิดกิจกรรมเล่นสาดน้ำมหาสงกรานต์ ถนนสายวัฒนธรรมนครปฐม หรือ ถนนข้าวหมูแดงดังกล่าวด้วย กิจกรรมของการเล่นน้ำสงกรานต์จะจบลงในเวลา 18.00 น.

รากถั่วพู 1 ปีมีกินครั้งเดียว ของหากินยากของ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

รากถั่วพู 1 ปีมีกินครั้งเดียว ของหากินยากของ ต.คลองข่อย อ.โพธาราม จ.ราชบุรี


เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 66 เกษตรกรหมู่ที่ 3 ต.คลองข่อย อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ได้เวลาขุดรากถั่วพูขึ้นมาจากดิน ซึ่งเป็นหัวเคลือยหัวมัน 1 ปีมีกินแค่ครั้งเดียว โดเกษตรกรจะเริ่มปลูกถั่วพูเพื่อเอาหัวจากรากที่อยู่บริเวณโคนราก ในเดือนสิงหาคมของทุกปี ถึงช่วงปลายเดือนธันวาคมหรือต้นเดือนมกราคม จึงจะเริ่มขุดดูรากว่ามีหัวขนาดโตพอที่จะนำไปต้มได้หรือยัง เมื่อได้ขนาดแล้วจะค่อย ๆ ทยอยขุดและนำขึ้นมาต้ม และจำหน่ายผู้ที่นิยมชื่นชอบบริโภค โดใช้จอบขุดขึ้นมาตัดแต่งล้างทำความสะอาด และนำไปต้มในน้ำเดือดประมาณ 4 ชั่วโมง ก็จะได้รากถั่วพูต้มที่รสชาติ หวาน มัน เค็ม โดยรากถั่วพูจะมีสรรพคุณทางยามากมาย อาทิ ช่วยแก้ไอ ขับเสมหะ แน่นหน้าอก อ่อนเพลีย ร้อนใน กระหายน้ำ และไข้กาฬ


นายสนอง ศรีวิจิตร เกษตรกร กล่าวว่า ตำบลคลองข่อยมีการปลูกต้นถั่วพู ปลูกกันมานานแล้ว ตั้งแต่รุ่น ปู่ ย่า ตา ยาย ต่อมาได้มีการพัฒนา วิธีการปลูกปลูก การล้างโดใช้เครื่อง บางปีก็ได้ผลผลิตดี บางปีก็ไม่ดีแล้วแต่ดินฟ้าอากาศ ทำกันเป็นกลุ่ม 10 ราย ใน ต.คลองข่อย ซึ่งการปลูกต้นถั่วพูลงทุนสูง ซึ่งเกษตรกรไม่มีทางเลือก ปีนี้ขายหน้าเตากิโลละ 200 พ่อค้าแม่ค้ารับไปขาย 220 – 250

ซึ่งขั้นตอนการทำมีหลายขั้นตอน ยกร่อง ใส่ปุ๋ย พลวนดิน รดน้ำ ซึ่งปีนี้ปุ๋ยมีราคาแพงมาก กระสอบละประมาณ 1600 -1700 บาท รากถั่วพูจะได้กินปีละครั้ง ถ้าหน้าร้อนจะไม่มีหัว หากอากาศหนาวหัวก็จะดี จะเริ่มหว่านเม็ดถั่วพูประมาณเดือนสิงหา – กันยายน จากนั้นก็รดน้ำใส่ปุ๋ย จนกว่าต้นจะโตเต็มที่ช่วงปลายเดือนมกราคมถึงต้นดือนกุมภาพันธ์ ก็จะเริ่มขุดหัวขึ้นมา แล้วคัดเอาแต่หัวที่ใช้ได้ นำมาตัดหัวท้าย และนำไปขัดผิวล้างดินโคลนออก ในส่วนของการต้มนั้นใช้ถังสแตนเลสขนาดใหญ่ ต้มนานกว่า 4 ชั่วโมง พอใกล้จะใช้ได้ก็นำเกลือและน้ำตาลปรุงรสเทลงไปในถัง เพื่อให้ได้รสชาติหวามเค็ม จึงตักขึ้นมาทำการคัดหัวใหญ่เล็กนำส่งให้ลูกค้า


อย่างไรก็ตามเกษตรกรผู้ปลูก อยากชวนชวนประชาชนที่สนใจ หรือไม่เคยได้ชิมรากหัวถั่วพูลองมาชิมกันได้ที่ ต.คลองข่อย อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ในช่วงนี้ได้เลย หากหมดก็จะได้กินอีกทีปีหน้าในเดือนเดียวกัน

ภาพ-ข่าว พันธุ์ , จรรยา แก้วนุ้ย จ.ราชบุรี

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS▪︎PRESS รายงาน

สมาคมรถบรรทุกภาคตะวันตก เปิดงาน ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 The7 th “Western Motor Expo 2023”

สมาคมรถบรรทุกภาคตะวันตก เปิดงาน ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566The7 th “Western Motor Expo 2023”โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ผู้บริหารเทศบาลนครนครปฐม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ประกอบการรถบรรทุก ร่วมกิจกรรมอย่างคึกคัก โดยเน้นการแสดงนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านการขนส่งสร้างเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและยกระดับการขนส่งให้ทัดเทียมนานาชาติ

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ลานหลังโรมแรมเวล จังหวัดนครปฐม นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 The7 th “Western Motor Expo 2023” โดยมีนายสุนทร แก้วพิจิตร ประธานสภาเทศบาลนครนครปฐม นายเสรินทร์ แก้วพิจิตร นายกเทศบาลนครนครปฐม นายยุทธนาโพธิวิหค นายอำเภอเมืองนครปฐม พล.ต.ต.จักรกฤษ เครือสุนทรวานิช ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ภูภณ ทัพเจริญ ผกก.สภ.เมืองนครปฐม พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจรถบรรทุกภาคตะวันตกเข้าร่วมในพิธี

นายบุญชู กัลยาวุฒิพงศ์ เลขาธิการสมาคมรถบรรทุกภาคตะวันตก ประธานการจัดงาน กล่าวว่า การจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 The7 th “Western Motor Expo 2023” มีวัตถุประสงค์ ในการพบปะสังสรรค์ และแลกดเปลี่ยนข้อมูลของผู้ประกอบการทุกภูมิภาคในภูมิภาคตะวันตกและพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงการส่งเสริมกิจกรรมและร่วมสร้างกิจกรรมในการกระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนของเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์ใหม่และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับยานยนต์รถบรรทุกที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้รับกับสภาวะการณ์ในปัจจุบันและอนาคต มาจัดแสดงโชว์สินค้าเพื่อเป็นการพัฒนาระบบการขนส่งสินค้าของประเทศไทยให้ทัดเทียมนานาชาติ โดยปีนี้ได้เป็นปีที่ก้าวเข้าสู่ปีที่ 60 ที่ได้มีการจัดงานขึ้น

นายชัยพล แซ่เฮง รักษาการสมาคมรถบรรทุกภาคตะวันตก กล่าวว่าในปีนี้การจัดงานเป็นไปได้ด้วยดีซึ่งมีผู้สนับสนุนกิจกรรมนี้อย่างล้นหลาม และยังมีผู้บริหารจากสหพันธ์การขนส่งทางบกและสมาคมอื่นๆ ที่ให้กับสนับสนุนการจัดงานซึ่งเป็นอีกปีที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีด้วย

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS▪︎PRESS รายงาน

ธกส.ราชบุรี ทำ MOU ข้าวหอมมะลิ เชื่อมโยงสินค้าเกษตรช่วยเหลือเกษตรกร


ธ.ก.ส.ฝ่ายกิจการสาขาภาคตะวันตก รวม 8 จังหวัด จัดทำ MOU ร่วมกับสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. (สกต.) สุรินทร์ และเครือข่ายสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. ( สกต. ) ฝ่ายกิจการสาขาภาคตะวันตก บริษัท ไปรษณีย์ไทยเขต 7 เพื่อ เชื่อมโยงสินค้าเกษตร สร้างเครือข่ายด้านการตลาด การขนส่ง ให้กับเกษตรกร


เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 66 นายนักรบ อินทรสาลี ผู้อำนวยการ ธ.ก.ส. ฝ่ายกิจการสาขาภาคตะวันตก พร้อมด้วย นายสามารถ เอี่ยมวงษ์ รอง ผู้อำนวยการสำนักงานฝ่ายกิจการสาขาภาคตะวันตก (ธ.ก.ส.) และผู้บริหาร ธ.ก.ส. ในสังกัดทั้ง 8 จังหวัด ประกอบด้วย จ.ราชบุรี นครปฐม เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ประจวบคีรีขันธ์ สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี นายสายันต์ พูนศิริ ผู้อำนวยการ ธ.ก.ส. จ.สุรินทร์ และ นายเกียรติศักดิ์ อันแก้ว รักษาการส่วนทีมขายและดูแลลูกค้า บริษัท ไปรษณีย์ไทยเขต 7 ร่วมเป็นสักชีพยานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือเชื่อมโยงสินค้าเกษตร ระหว่าง สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. (สกต.) สุรินทร์

โดย นายบัวสิน คมกล้า ประธานกรรมการ และเครือข่ายสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. (สกต.) ฝ่ายกิจการสาขาภาคตะวันตก โดย นายมานัส เพิ่มพูน ประธานกรรมการเครือข่าย บริเวณหน้าสำนักงาน ธ.ก.ส.ฝ่ายกิจการสาขาภาคตะวันตก อ.เมือง จ.ราชบุรี
ซึ่งโครงการเชื่อมโยงสินค้าเกษตรดังกล่าว ได้ดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2565 และในครั้งนี้เครือข่าย สกต. ธ.ก.ส. ฝ่ายกิจการสาขาภาคตะวันตก ได้สั่งซื้อข้าวหอมมะลิคุณภาพ จาก สกต.สุรินทร์ จำนวน 16.845 ตัน และ สกต.สุรินทร์ ได้สั่งซื้อสินค้าจาก สกต. ในเครือข่าย ธ.ก.ส.ฝ่ายกิจการสาขาภาคตะวันตก เป็นจำนวนมาก อาทิเช่น หมี่กรอบโบราณ จ.กาญจนบุรี ทองม้วนน้ำตาลโตนด จ.เพชรบุรี เฟรนซ์ฟรายต์แห้ว จ.สุพรรณบุรี มะพร้าวน้ำหอม จ.สมุทรสาคร กล้วยแผ่นอบแห้ง จ.ราชบุรี น้ำปลาวังใต้ จ.ประจวบศีรีขันธ์ ส้มโอขาวใหญ่ จ.สมุทรสงคราม และ ข้าวเพื่อสุขภาพ กข 43 จ.นครปฐม ซึ่งสินค้าดังกล่าวได้รวบรวมจากเกษตรกรสมาชิก ซึ่งเป็นลูกค้า ธ.ก.ส.ในสังกัด 8 จังหวัดในฝ่ายกิจการสาขาภาคตะวันตก

เพื่อเป็นการสร้างโอกาสด้านการตลาดให้กับเกษตรกรสมาชิกทั้ง 8 จังหวัด ซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่ม และ สร้างการเรียนรู้ด้านการตลาดสมัยใหม่ โดยมี ธ.ก.ส. และ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ให้การสนับสนุน คำปรึกษา สินเชื่อ และโลจิสติกส์ คาดว่าโครงการดังกล่าวจะเติบโต ขยายผลให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับเกษตรกร และ สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. ทั้งสองฝ่ายต่อไป
นายนักรบ อินทรสาลี ผู้อำนวยการ ธ.ก.ส.ฝ่ายกิจการสาขาภาคตะวันตกพร้อมด้วยผู้บริหาร ธ.ก.ส. กล่าวว่า ทางธ.ก.ส.ฝ่ายกิจการภาคตะวันตกได้ประสานความร่วมมือกับประธานสหกรณ์การเกษตรและการตลาดคู่ค้า ธ.ก.ส. จ.สุรินทร์ ภายใต้การให้คำปรึกษาของ ผอ.สำนักงาน ธ.ก.ส.จ.สุรินทร์ ซึ่งเดินทางมาร่วมงานด้วย ส่วนทางเราได้ประสานประธานเครือข่ายสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาด ในพื้นที่ฝ่ายกิจการสาขาภาคตะวันตกทั้ง 8 จังหวัด วันนี้เป็นพิธีลงนามร่วมมือการเชื่อมโยงสินค้าเกษตรของเกษตรกรของลูกค้า ธ.ก.ส. ซึ่งเป็นสมาชิกของสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาด ได้รับความอนุเคราะห์จากบริษัทไปรษณีย์ไทย เขต 7 มาให้ความรู้เรื่องการขนส่ง การเชื่อมโยงสินค้าเกษตร ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกัน ทาง สกต.สุรินทร์ได้นำข้าวหอมมะลิคุณภาพดีมาจำนวน 16,845 กิโลกรัม หรือ 16.845 ตัน มาแลกเปลี่ยนสินค้าซึ่งเป็นผลผลิตสินค้าของพื้นที่ภาคตะวันตกทั้ง 8 จังหวัด ซึ่งเป็นโปรดักส์แชมป์เปี้ยน เป็นสินค้าที่แลกเปลี่ยนกลับไปจ.สุรินทร์ และทางจ.สุรินทร์ก็จะนำข้าวหอมมะลิมาจำหน่ายเพื่อเชื่อมโยงสินค้าแลกเปลี่ยนกัน


นายบัวลิน คมกล้า ประธานกรรมการ สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. สุรินทร์ จำกัด หรือ (สกต.) กล่าวว่า ส่วนพื้นที่ สกต.สุรินทร์จะนำสินค้าของทางราชบุรีไปจำหน่าย ซึ่งจะต้องหาตลาด หาคนซื้อไว้รออยู่แล้ว อนาคตข้างหน้าเมื่อธุรกิจตลาดเพิ่มขึ้นสมาชิกมีการกระจายสินค้า โดย จ.สุรินทร์มีสาขาอยู่ 8 สาขา และสาขาอำเภอจำนวน 17 อำเภอ สามารถไปหาซื้อสินค้าได้ทุกอำเภอ เพื่อให้สมาชิกเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพ
ด้านนายมานัสเพิ่มพูน ประธานเครือข่ายสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส.ฝ่ายกิจการสาขาภาคตะวันตก กล่าวว่า อนาคตแต่ละจังหวัดจะมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นโปรดักส์แชมป์เปี้ยนเป็นของตัวเอง เป็นของดีเด่น เช่น จ.เพชรบุรีมีของดีคือ น้ำตาลโตนด จ.สมุทรสาครมีผลไม้หลากหลาย จ.กาญจนบุรีจะมีทุเรียนทองผาภูมิ ของแต่ละฤดูการก็จะมีแตกต่างกัน ก็จะพยายามสืบหาข้อมูลให้ จ.สุรินทร์เป็นฝ่ายทำตลาดล่วงหน้าเพื่อที่จะพรีออเดอร์สินค้าตามความต้องการของลูกค้า และทางฝ่ายภาคตะวันตกจะร่วมมือกันไปทุกด้านที่จะส่งเสริมให้สินค้าเกษตรกรในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้เข้าไปสู่การลิ้มลองของผู้บริโภค เป็นการต่อยอดส่งเสริมให้กิจการสหกรณ์มีความเชื่อมโยงต่อเนื่องเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ


ทั้งนี้ภายหลังจากเสร็จพิธีลงนาม ผู้อำนวยการ ธ.ก.ส. ฝ่ายกิจการสาขาภาคตะวันตก พร้อมด้วยผู้บริหาร ปล่อยขบวนรถบรรทุกข้าวสารหอมมะลิจาก จ.สุรินทร์ เพื่อกระจายไปยังแต่ละสาขาใน 8 จังหวัดภาคในภาคตะวันตก



พันธุ์ – จรรยา แก้วนุ้ย จ.ราชบุรี ภาพ-ข่าว

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS▪︎PRESS รายงาน

อบจ.ราชบุรี จัดกิจกรรมแปรรูปหมูส้มเพิ่มมูลค่าให้ชุมชน

องค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี จัดกิจกรรมแปรรูปหมูส้มเพิ่มมูลค่าให้ชุมชนที่โรงเรียนสายธรรมจันทร์ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี พร้อมจัดกิจกรรมแปรรูปหมูส้มเพิ่มมูลค่าให้ชุมชนมีรายได้


เมื่อวันที่ 19 ม.ค.66 ที่ผ่านมา นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี กล่าวเปิดโครงการ อบจ.พบประชาชน ประจำปี 2566 ที่โรงเรียนสายธรรมจันทร์ อ.ดำเนินสะดวก โดยมี นายชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ดร.กาณชาญ รังสีวรรธนะ รองนายก อบจ.ราชบุรี นายจตุพร กมลพันธ์ทิพย์ รองนายกอบจ.ราชบุรี นายดุสิต จิรภัทรากร เลขานุการนายก อบจ.ราชบุรี นาย ดร.พงษ์ดนัย เดชเดชาโชติ ผู้อำนวยการโรงเรียนสายธรรมจันทร์ พร้อมทั้งผู้บริหาร อบจ. ส.อบจ.ทุกเขต ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านเข้าร่วมพิธีเปิดโครงการเป็นจำนวนมาก โดยมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมาออกบูธให้บริการประชาชน เช่น การตรวจวัดสายตา ตรวจวัดความดัน ตรวจเบาหวาน การบริการตัดผมฟรี และอื่น ๆ อีกทั้งยังได้มอบหน้ากากอนามัยแก่ประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมเพื่อป้องกันโรคโควิด -19


นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา นายก อบจ.ราชบุรี เปิดเผยว่า ตอนนี้ได้รับหน้าที่บริหารงานมาเป็นเวลา 2 ปีเต็มแล้ว มีโอกาสมาพื้นที่ดำเนินสะดวกบ่อยครั้งเพื่อเยี่ยมประชาชน บางตำบลอาจจะเข้าไปไม่ทั่วถึง แต่สิ่งต่างๆนั้นได้รับรู้ปัญหาของพื้นที่ทั้งหมด เพราะมีสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด เขตอ.ดำเนินสะดวกที่มีความขยัน ทั้ง สจ.ไชยา เอี่ยมสะอาด และ สจ.ชัยวัฒน์ หงส์สุภางค์พันธ์ นำปัญหาในพื้นที่ดำเนินสะดวกมาเล่าสู่กันฟังตลอด

วันนี้เป็นอีกโอกาสหนึ่งที่ อบจ.ราชบุรีได้จัดโครงการพบประชาชน โครงการนี้มีจัดทั้ง 10 อำเภอ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 โดยครั้งแรกที่ อ.ปากท่อ ครั้งที่ 2 จัดที่ อ.โพธาราม และครั้งที่ 3 จัดที่ อ.ดำเนินสะดวก ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์จากวิทยาลัยการอาชีพอ.บ้านโป่ง ที่นำเจ้าหน้าที่มาบริการประชาชน เช่น การซ่อมบำรุงเครื่องใช้ การบริการตัดผม และการบริการต่างๆเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ซึ่งได้จัดโครงการดังกล่าวนี้ขึ้นเพื่ออยากให้ชาวบ้านได้รับประโยชน์ในของวัตถุดิบที่ดีจากของที่มีอยู่ในท้องถิ่นบ้านเรา และการมีวัตถุดิบมากนั้นบางครั้งอาจเหลือใช้จากการที่อยู่ในครัวเรือน จึงอาจจะนำมาใช้ในการถนอมและปรุงอาหาร นอกจากเป็นของสดแล้ว ยังนำมาแปรรูปเพื่อชะลอความสูญเสียได้ในการใช้ประกอบอาหารต่อไป วันนี้ได้มีโครงการหมูส้มคล้ายกับปลาส้ม โดยครั้งแรกได้แปรรูปทำปลาส้ม ได้รับความนิยมดี แต่มีบางอำเภอที่ไม่มีปลาเป็นวัตถุดิบ

ซึ่ง จ.ราชบุรีมีการเลี้ยงสุกรจำนวนมากอันดับหนึ่งของประเทศ จึงมีวัตถุดิบนี้มาก จึงคิดว่าน่าจะลองมาแปรรูปทำหมูส้มแทนการทำปลาส้ม เพื่อที่อยากให้เข้ากับสถานการณ์ในพื้นที่ราชบุรีซึ่งจะมีวัตถุดิบอยู่มาก วันนี้จึงได้ให้ชาวบ้านมาเรียนรู้การแปรรูปทำหมูส้มเพิ่มมูลค่า สามารถนำกลับไปบ้านเพื่อรับประทาน และยังนำความรู้ไปต่อยอดทำหมูส้มเพื่อจำหน่าย ในอนาคตอาจจะมีรวมตัวตั้งเป็นกลุ่มแม่บ้านดำเนินการเป็นโอท็อปเพื่อก่อให้เกิดรายได้เสริมขึ้นสู่ชุมชนต่อไปในอนาคต
อย่างไรก็ตามหลังจากเปิดโครงการเสร็จแล้วทางคณะได้เดินเยี่ยมชมดูการสาธิตการแปรรูปทำหมูส้ม เพื่อเป็นส่งเสริมอาชีพ เพิ่มมูลค่าให้ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น ทั้งเยี่ยมชมการบริการของหน่วยงานต่าง ๆ พร้อมทั้งร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ห้องประชุม เพื่อให้ผู้บริหารท้องถิ่นนำปัญหาร่วมพูดคุย เพื่อเตรียมหาแนวทางแก้ไข เรื่องต่างๆของชุมชนนำไปสู่การพัฒนาของแต่ละพื้นที่อย่างยั่งยืนต่อไป



ภาพ_ข่าว พันธุ์,จรรยา แก้วนุ้ย จ.ราชบุรี

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS▪︎PRESS รายงาน

ราชบุรี.เด็กชายไก่ (นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี) แต่งชุดนักเรียนโชว์ลีลาการชักว่าวงานวันเด็กแห่งชาติ 2566

  ราชบุรี.เด็กชายไก่ ” นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี แต่งชุดนักเรียนโชว์ลีลาการชักว่าวทะยานขึ้นท้องฟ้าจนติดลมบน งานนี้เจ้าตัวบอกนึกถึงวัยเด็กออกมาเล่นว่าวกับเพื่อน ๆ วันหนึ่ง 2 – 3 ชม.

เด็กชายไก่.นายศักดิ์ชัย พิศาลผล นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี


เมื่อวันที่ 15 ม.ค.2566 บรรยากาศงานวันเด็กที่จังหวัดราชบุรี คึกคักไม่แพ้กัน โดยเฉพาะที่ลานกลางแจ้งหน้าสวนบ้านไร่ในฝัน ตลาดเดอะนายน์ ต.บ้านไร่ อ.เมือง จ.ราชบุรี ได้มีการจัดกิจกรรมการเล่นว่าว และ โชว์ว่าวนานาชาติ จากกลุ่มคนรักษ์ว่าว จ.ราชบุรี จ.นครปฐม จ.สมุทรสาคร จ.ฉะเชิงเทรา และกรุงเทพมหานคร นำว่าวนานาชนิด อาทิ ว่าวจุฬา ว่าวปักเป้า ว่าวควาย ว่าวแฟนซี ว่าวการ์ตูน โดเรม่อน โนบิตะ และ ชิซูกะ ว่าวสาย ว่าวนก ว่าวงู ว่าวดุ๊ยดุ่ย ว่าวอีลุ้ม ว่าวผีเสื้อ ว่าวปลา และ ว่าวสายลายธงชาติไทย ที่มีความยาวเกือบ 1 กิโลเมตร ขึ้นลอยเต็มท้องฟ้า เป็นที่ถูกอกถูกใจให้กับบรรดาเด็ก ๆ ที่เข้ามาร่วมกิจกรรมในงานวันเด็กจำนวนมาก


โดยมีนายศักดิ์ชัย พิศาลผล นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี วันนี้มาด้วยชุดนักเรียนพร้อมด้วย นายเรืองชัย เนตรปฐมพร รองนายกเทศบาลเมือง นายพินิจ ด้วงพิบูลย์ นายก อบต.ตำบลบ้านไร่ นางนิตฐา เจริญทรัพย์ ผู้บริหารบ้านไร่ในฝัน ตลาดเดอะนายน์ ดร.โอสธี พุทธเมธี ผู้สนับสนุนว่าวให้กับเด็ก ๆ ร.ต.ต. วิเชียร มณีวิหก ตำรวจกลุ่มงานจราจร สภ.เมืองราชบุรี มาเป็นพิธีกร พร้อมกลุ่มคนรักษ์ว่าว และประดิษฐ์ว่าว นำโดยนายพนัส เทียนศิริ หรือ เม่น มหาชัย นายปรีชา สุคธมาน หรือ ลุงชาจุฬาไทย นายพันธุ์ แก้วนุ้ย ผู้นิยมการเล่นว่าว และสมาชิกทีมเล่นว่าวกลุ่มภาคกลาง ร่วมถึงอาจารย์แจง สานรังศิลป์ปั่นดินเผา มาสอนให้เด็กปั้นดิน ร่วมเปิดงานมหกรรมว่าวนานาชนิด วันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2566


บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ผู้ปกครองต่างพาลูกหลาน ที่กลับจากการร่วมกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ จากสถานที่ต่างๆ ที่ได้จัดเพื่อให้เด็กๆ ได้เข้าไปร่วมกิจกรรมกัน ได้เข้ามาเล่นว่าวกัน โดยเด็กๆ ต่างให้ความสนใจนำว่าวมาเล่นกัน ทั้งเล่นกันเอง และ ชวนผู้ปกครอง คุณพ่อ คุณแม่ร่วมเล่นด้วย สร้างเสียงหัวเราะ และรอยยิ้ม กันอย่างสนุกสนาน เรียกได้ว่า งานนี้ ผู้ปกครอง เหนื่อยมากกว่าเด็กๆ ที่ทั้งวิ่ง นำว่าวขึ้นท้องฟ้า และต้องคอยชักว่าวให้ติดลมบนก่อนจะส่งให้ลูกได้เล่นต่อ
แต่ที่เป็นสีสันและเรียกลอยยิ้มให้กับผู้ที่มาร่วมงานคือ นายศักดิ์ชัย พิศาลผล นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี แต่งชุดนักเรียนมาร่วมกิจกรรม เรียกกันว่า “ เด็กชายไก่ ” หลังจากที่ไปเปิดงานวันเด็กของทางเทศบาลเมืองราชบุรี ซึ่งจัดที่สวนเฉลิมพระเกียรติ สวนสุขภาพของเทศบาลเมืองราชบุรี มาร่วมลงสนามโชว์ลีลาการชักว่าวแบบมืออาชีพ ด้วยการนำว่าวปักเป้าตัวเล็ก และว่าวงู ชักว่าวขึ้นท้องฟ้าด้วยลีลาเด็ดเรียกเอามืออาชีพการเล่นว่าวต้องยกนิ้วชื่นชมกันเลยทีเดียว


ลีลาการชักว่าวของ เด็กชายไก่ หรือ นายศักชัย พิศาลผล นายกเทศบาลเมืองราชบุรี ที่เรียกสายตาของคนดูภายในสนามที่หันมามอง ลีลาการชักว่าว ทั้งชักว่าวมือเดียว ชักว่าวสองมือ ทั้งลุก ทั้งนั่ง ทั้งซอย เรียกได้ว่า ลีลาเด็ด ใช้เวลาไม่ถึง 15 นาที ว่าวก็ขึ้นติดลมบน ก่อนจะมอบว่าวฟรีให้กับเด็ก ๆ เพื่อเป็นของขวัญสำหรับวันเด็กได้เล่นกัน


เด็กชายไก่ บอกอีกว่า ว่าวงูตัวที่ตนกำลังเล่นอยู่ มีทักษะที่ดีมาก ขึ้นง่าย ปล่อยทีเดียวขึ้นเลย และเล่นง่ายมาก ส่วนลีลาการชักว่าวตนไม่ได้ไปซุ่มซ้อมที่ไหนมา ตนเคยเล่นมาเมื่อครั้งที่ยังเด็ก ๆ 7 – 8 ขวบ ตอนนี้ อายุได้ 41 ปี แล้วไม่ได้เล่นมา 30 กว่าปีแล้วสมัยช่วงเด็ก ๆ ทุกเย็นทุกเย็นจะมาเล่นว่าวกันตรงตลาดคุณหญิงน้อย ในตอนนั้นมีความรู้สึกว่าเล่นยากมาก ตอนนี้เล่นง่ายมาก วิทยากรน่าจะออกแบบได้ดีมาก นับว่ามีความชำนาญมาก เล่นกันที 2-3 ชั่วโมง

ภาพ-ข่าว พันธุ์ – จรรยา แก้วนุ้ย จ.ราชบุรี

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS▪︎PRESS รายงาน

กองทัพอากาศ จัดเต็ม งานวันเด็กปี 2566 เปิดรันเวย์ แสดงAir Show เต็มรูปแบบ ที่โรงเรียนการบิน กำแพงแสน จ.นครปฐม

กองทัพอากาศ จัดเต็ม งานวันเด็กปี 2566 เปิดรันเวย์ แสดงAir Show เต็มรูปแบบ ที่โรงเรียนการบิน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม

กองทัพอากาศ เปิดสถาบันผลิตนักรบทางอากาศของกองทัพอากาศ ที่โรงเรียนการบิน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ให้เด็กๆ ได้เข้ามาร่วมกิจกรรม ในงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2566 อย่างยิ่งใหญ่ โดยมีการจัดแสดงการบินAir Show อย่างเต็มรูปแบบ นำโดย พลอากาศเอก อลงกรณ์ วัณณรถ ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธาน ซึ่งมีความมุ่งมั่น ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กและเยาวชน โดยปีนี้ได้ปรับเปลี่ยนสถานที่จากกองบิน 6 ดอนเมือง มายังโรงเรียนการบิน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ซึ่งการจัดงานวันเด็กแห่งชาติครั้งนี้ เยาวชนจะได้เข้ามาเรียนรู้ และสัมผัสประสบการณ์ ด้านการบินและภารกิจของกองทัพอากาศอย่างใกล้ชิด เป็นการเปิดประสบการณ์ โลกทัศน์ ความกล้าแสดงออกให้กับเด็กและเยาวชน ภายใต้คำขวัญวันเด็กปี2566 ที่ว่า รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่ความดี

หลังจากที่ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวเปิดงานเสร็จ ก็ได้มีเครื่องบินF-16 บินผ่านพิธีเปิด และเครื่องบินAu-23 บินปล่อยควันสีธงชาติ ถือเป็นการเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ ปี2566 ในส่วนของกองทัพอากาศอย่างเป็นทางการ โดยวันนี้จะเปิดให้เข้าชมการแสดงทางอากาศยานต่างๆ ถึงเวลา 15.00น.

สำหรับกิจกรรม ประกอบด้วย การจัดแสดงการบิน (Air Show) ของอากาศยานแบบต่าง ๆ ของกองทัพอากาศ ที่บอกเล่าเรื่องราวการปฏิบัติภารกิจปกป้องน่านฟ้าไทย อาทิ การบินต่อสู้ในอากาศ การบินโจมตีทางอากาศ การบินค้นหาและช่วยชีวิต การบินแสดงสมรรถนะอากาศยาน และการแสดงบินหมู่4 นอกจากนี้ ยังมีการตั้งแสดงอากาศยานและยุทโธปกรณ์ภาคพื้น การแสดงดนตรีจากวงดุริยางค์ทหารอากาศ นิทรรศการและกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS▪︎PRESS รายงาน

นครปฐม. ชาวบ้านชื่นชมรองผอ.รพ.สามพรานกับลูกสาวช่วยผู้บาดเจ็บประสบอุบัติเหตุ

นครปฐม ชาวบ้านชื่นชมรองผอ.รพ.สามพรานกับลูกสาวช่วยผู้บาดเจ็บประสบอุบัติเหตุจากรถยนต์

นางพัชรี เกษรบุญนาค รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสามพราน กำลังช่วยปฐมพยาบาลผู้ประสบเหตุ

เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2566 ที่บริเวณถนนแยกหน้าโรงเรียนปรีดาราม อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ได้เกิดอุบัติเหตุรถชนกัน ระหว่างรถปิคอัพ กับรถจักรยานยนต์ มีผู้ได้รับบาดจ็บเป็นเด็กวัยรุ่นชาย 1 ราย มีบาดแผลตามตัวหลายแห่ง และได้มีพลเมืองดี วิ่งไปขอความช่วยเหลือจาก นางพัชรี เกษรบุญนาค รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสามพราน ซึ่งเปิดคลินิครักษาผู้ป่วยอยู่ ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ100เมตร ขณะนั้นยังมีคนไข้ตรวจรักษาอยู่แต่ด้วยความเป็นพยาบาลวิชาชีพ จึงได้ขอพักการรักษาคนไข้ไว้ก่อน ซึ่งมีอาการเป็นไข้เล็กน้อย และรีบไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บอย่างเร่งด่วนพร้อมด้วยบุตรสาว ชื่อนางสาววิภาวี เกสรบุญนาค ที่เป็นนักโภชนาการปฏิบัติการ โรงพยาบาลสามพราน ได้เตรียมอุปกรณ์ทำแผล แล้วรีบวิ่งไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ช่วยปฐมพยาบาล ทำแผล ตรวจศรีษะ หน้าอก ผู้บาดจ็บแจ้งว่า เจ็บหน้าอก(ตรวจแล้วไม่พบกระดูกหัก) และมีสิทธิ์ค่ารักษา ที่โรงพยาบาล บ้านแพ้ว ประสานเรียกรถกู้ภัยมูลนิธิ นำส่งโรงพยาบาลบ้านแพ้วอย่างปลอดภัย

ทางด้าน นางพัชรี เกษรบุญนาค กล่าวว่า การทำดี ทำได้ทุกที่ ทุกเวลา ตนนั้นเป็นพยาบาล วิชาชีพ และยังได้ฝึกให้ลูกสาว ที่เป็นนักโภชนาการ ได้ทำหน้าที่ปฐมพยาบาลได้อย่างถูกต้อง สามารถช่วยเหลือผู้บาดเจ็บได้อย่างทันท่วงทีและปลอดภัย ให้สมกับเป็น“พยาบาลของพระราชา”

ภาพ-ข่าว ไชยอนันต์ ดลชัยกรร์สกุล

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS▪︎PRESS รายงาน

นายก อบจ.นครปฐม ยกทีม สจ.อวยพรปีใหม่ อนุชา สะสมทรัพย์ ผู้ก่อตั้งกลุ่มชาวบ้าน

นายก อบจ.นครปฐม ยกทีม สจ.อวยพรปีใหม่ อนุชา สะสมทรัพย์ ผู้ก่อตั้งกลุ่มชาวบ้าน

วันที่ 26 ธันวาคม 2565 ที่บ้านสะสมทรัพย์ ถนนเพชรเกษม ตำบลธรรมศาลา อ.เมือง จ.นครปฐม นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ หรือนายกหนึ่ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม ได้นำทีม สจ. กลุ่มชาวบ้าน เข้าอวยพร นายอนุชา สะสมทรัพย์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพย์ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายวราวุธ ศิลปอาชา) ผู้ก่อตั้งกลุ่มชาวบ้าน เนื่องในวาระปีใหม่ 2566 ที่จะมาถึงนี้

นายจิรวัฒน์ ได้นำ สจ.มาร่วมอวยพร ขอให้นายอนุชา ได้เป็นรัฐมนตรีในสมัยหน้า เพื่อประชาชน และชาวจังหวัดนครปฐม และสมาชิกกลุ่มชาวบ้าน ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองท้องถิ่นที่ท่านได้ก่อตั้งไว้ จะทำความดีงาม ตั้งใจพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญก้าวหน้า ตามเจตจำนงของท่านอนุชา ผู้ก่อตั้งกลุ่มชาวบ้าน ให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการพัฒนาให้มากที่สุด ตามที่ท่านเคยแนะนำไว้ว่า ให้ยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง

นายอนุชา สะสมทรัพย์ ผู้ก่อตั้ง”กลุ่มชาวบ้าน”

ด้านนายอนุชา สะสมทรัพย์ กล่าวว่าขอบคุณทุกคน นายก อบจ.ซึ่งเป็นหลานชาย ผมได้ส่งต่อกลุ่มชาวบ้าน ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองท้องถิ่น ให้กับจิรวัฒน์ หรือหนึ่ง หลานชายไปสานต่อ โดยมีพวกท่าน (สจ.) ทั้ง 30 คน เป็นบุคลากรขับเคลื่อนความสำเร็จ การทำงานการเมืองของบ้าน “สะสมทรัพย์”เรายึดประชาชนเป็นหลัก ประชาชนต้องการอะไร ประชาชนขาดเหลืออะไร ถนน น้ำประปา ไฟฟ้า เศรษฐกิจ สะท้อนขึ้นมาผ่านสภา อบจ. เพื่อนำไปแก้ไข พัฒนา ต่อยอดให้สมบูรณ์ เป็นรูปธรรม สจ.ทุกคนไปทำงานสร้างความเจริญ  ชาวบ้านเขาก็เห็น เท่ากับช่วยนายก ช่วยสะสมทรัพย์แล้ว  เราทำความดีให้กับประชาชน เหมือนเราทำบุญ แล้วบุญก็จะสนองเราในภายภาคหน้า มันเป็นเรื่องธรรมดา และขอขอบใจที่ทุกคนอวยพร และอยากให้เป็นรัฐมนตรี เป็นเรื่องอนาคตก็ต้องช่วยกัน ขอทำวันนี้ให้ดีที่สุดก่อน

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS▪︎PRESS รายงาน

อบต.ยี่สาร จ.สมุทรสงคราม เชิญร่วมงาน “โครงการมองเขายี่สาร ผ่านงานศิลป์”โดยศิลปินระดับโลก

อบต.ยี่สาร จ.สมุทรสงคราม เชิญร่วมงาน “โครงการมองเขายี่สาร ผ่านงานศิลป์”
โดยศิลปินระดับโลก และเยาวชนที่จะมาร่วมสร้างสรรค์งานศิลปบนยอดเขายี่สาร

นางทัศนีย์ พยนต์ยิ้ม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลยี่สาร


ที่ องค์การบริหารส่วนตำบลยี่สาร อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม นางทัศนีย์ พยนต์ยิ้ม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลยี่สาร เปิดเผยว่าในวันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม 2565 นี้ ทาง อบต.ได้รับความร่วมมือจากกลุ่มศิลปินที่มีชื่อทั้งระดับโลกและระดับประเทศ จะมารวมตัวกันสร้างงานศิลปะหลากหลายรูปแบบให้เด็กและเยาวชนรวมถึงผู้สนใจในงานศิลปะได้ชมกัน

  นางทัศนีย์ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมมองเขายี่สารผ่านงานศิลป์  ณ ลานทำบุญบนยอดเขายี่สาร วัตถุประสงค์เพื่อปลูกฝังให้เยาวชนในชุมชนและผู้ที่สนใจมีความรู้ความเข้าใจงานศิลปะชุมชนวัดเขายี่สาร เห็นถึงคุณค่าของงานศิลปะในท้องถิ่น ให้เกิดความภาคภูมิใจในการมีส่วนร่วม และหวงแหนถิ่นกำเนิดทำให้เกิดวัฒนธรรมอันดี และเกิดความรักความสามัคคีที่ยั่งยืนในชุมชน มีขบวนการคิดในเชิงสร้างสรรค์มีทางเลือกในการแสดงความสามารถให้หลากหลาย รูปแบบภายใต้สภาพแวดล้อมที่แปลกใหม่โดยใช้ศิลปะเป็นสื่อในการแสดงออกสามารถนำความรู้ และประสบการณ์ในการทำกิจกรรมครั้งนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันตลอดจนเพื่อเผยแพร่งานศิลปะท้องถิ่นวัดเขายี่สารให้เป็นที่รู้จักกันแด่คนทั่วไป

นายบัญญัติ พวงทอง หรือ อ.อู๊ด อัมพวา ศิลปินสีน้ำชื่อดังระดับโลก

นายบัญญัติ พวงทอง หรือ อ.อู๊ด อัมพวา ศิลปินสีน้ำชื่อดัง ซึ่งได้รับเหรียญทองระดับโลกมากมาย กล่าวว่าตัวผมเองเป็นคนในพื้นที่ “เขายี่สาร” เป็นเกาะเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในเขต อ.อัมพวา ใกล้ชายฝั่งอ่าวไทย อุดมสมบูรณ์ ไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามมากๆ และเป็นแหลงอาหารทะเล มีน้ำล้อมรอบเขา และมีวัตถุโบราณสถาน ที่สวยงาม มีพิพิธภัณฑ์ มีร้านอาหารอร่อยๆมาก


ผมในนามศิลปินพื้นที่และเพื่อนๆ ศิลปิน ระดับประเทศ ที่ได้เชิญมาร่วมสาธิต ในการวาดภาพให้แก่นักเรียน นักศึกษา บนเขาแห่งนี้
จึงขอเชิญชวน เพื่อนๆ ศิลปิน ที่อยู่ใกล้ๆ หรือไกล ที่มีความสนใจมาร่วมกิจกรรมกัน ผมยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ และประชาชน นักเรียน นักศึกษา หรือลูกหลานของท่าน ที่สนใจการวาดภาพ เข้ามาร่วมกิจกรรมของเรา โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นครับผม เรามีอุปกรณ์ให้ยืมเรียนครับ

ขอเชิญท่านที่สนใจนะครับ พบกัน 11ธันวาคม นี้ครับ
ทุกท่านสามารถ พูดคุย แลกเปลี่ยน ความรู้ประสบการณ์ กับศิลปินโดยตรงได้ตลอดเวลาครับผม
เริ่มกิจกรรม 9.00-16.00 อยู่บนเขาครับ

งานโครงการ”มองเขายี่สาร ผ่านงานศิลป์” โดยศิลปินและเยาวชน จะมีขึ้นวันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม 2565 นี้ ที่บริเวณบนเขายี่สาร ตั้งแต่เวลา 9.00 น.ถึง 16.00 น.เป็นต้นไป

ขจร วัตรเอก KEY 8 NEWS▪︎PRESS รายงาน

ผบช.ภ.7 แถลงจับกุมมือยิงสาวใหญ่ตายคาบ้าน เพื่อชิงสร้อยทองขายเล่นพนันออนไลน์

ผบช.ภ.7 แถลงจับกุมมือยิงสาวใหญ่ตายคาบ้าน เพื่อชิงสร้อยทองขายเล่นพนันออนไลน์

  วันที่ 7 ธันวาคม 2565 ที่สภ.เมืองนครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 แถลงว่าพล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ประสพชัย มัตสยะวนิชกูล ผบก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.ไพบูลย์ แพรสีนวล ผกก.สภ.เมืองนครปฐม ได้จับกุมตัวนายวัชราวุธ บุญเรืองรอด อายุ 31 ปี ชาวจังหวัดสุพรรณบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.470/2565 ลงวันที่ 6 ธันวาคม 2565 ข้อหา “ชิงทรัพย์ในเคหสถาน โดยมีอาวุธหรือใช้อาวุธปืน โดยแปลงตัว หรือทาด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้น ไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุมเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น และฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแก่การที่ตนได้ กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้ กระทำไว้ มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต  พาอาวุธปืนติดตัว ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และโดยไม่มีเหตุ จำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ ชุมนุมชน


โดยจับตัวได้ที่บ้านพักในจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมของกลางสร้อยคอทองคาน้ำหนัก 2บาท พระเหลี่ยมทอง 1 องค์ อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ไม่มีหมายเลขทะเบียน ขนาด .38 ที่ใช้ในการก่อเหตุ เครื่องกระสุนปืนขนาด .38 อีก8 นัด

และรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นเวฟ 125 ไอ สีแดงดำ ทะเบียน 1กถ-7307สุพรรณบุรี ที่ใช้ในการก่อเหตุยิงและชิงทรัพย์ น.ส.น้ำอ้อย เวสสะภักดี อายุ 46 ปี เสียชีวิต ภายในบ้านเลขที่ 99/13-15 ม.9 ต.หนองงูเหลือม อ.เมือง จ.นครปฐม และหลบหนี เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 เวลาประมาณ 15.47 น.

โดยนายวัชราวุธ บุญเรืองรอด ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าใช้อาวุธปืนกระบอกดังกล่าวยิงผู้เสียหายเนื่องจากต้องการทรัพย์สิน แล้วขี่รถหลบหนีไปหลบซ่อนที่บ้านภรรยา แถวบ้านนาสร้าง ตำบลนครปฐม อ.เมืองนครปฐม ทำการเปลี่ยนยางรถจักรยานยนต์ จากล้อแม็กดำ เป็นล้อซี่ลวด กระทั่งรุ่งเช้าดูข่าวว่าคนที่ไปชิงทรัพย์มานั่นเสียชีวิต จึงหลบหนีไปพักที่บ้านพ่อในจ.สมุทรปราการ และยังไม่กล้าขายสร้อยคอทองคำเพราะกลัวตำรวจตามเจอ

รายงานข่าวแจ้งว่า นายวัชราวุธ บุญเรืองรอด เป็นชาวจังหวัดสุพรรณบุรี มาทำงานเป็นลูกจ้างที่ร้านผ้าม่านแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครนครปฐม พักอาศัยอยู่กับแฟนในตำบลนครปฐม ติดการพนันออนไลน์ และช่วงหลังเล่นเสียจนหมดตัว จึงตระเวนหาเหยื่อ ลงมือก่อเหตุเพราะต้องการเงิน และวันเกิดเหตุ นายนายวัชราวุธ ขี่รถจักรยานยนต์ตระเวนไปเรื่อยๆ กระทั่งมาสวนกับผู้เสียหายจึงติดตามมา และลงไปก่อเหตุ ระหว่างหลบหนีได้เปลี่ยนเสื้อผ้า ทิ้งระหว่างทางเพื่อไม่ให้คนจำได้

ภาพ-ข่าว ทวีพล หลิมชัยสุวรรณ

ขจร วัตรเอก KEY 8 NEWS▪︎PRESS รายงาน

ราชบุรี – จัดงานมหกรรมว่าวนานาชนิด ณ บ้านไร่ในฝันเดอะนายน์ สุดยอดแห่งความสนุกสนานของเด็กๆ และผู้ใหญ่

จังหวัดราชบุรีจัดงานมหกรรมว่าวนานาชนิด ณ บ้านไร่ในฝันเดอะนายน์
สุดยอดแห่งความสนุกสนานของเด็ก ๆ และผู้ใหญ่ ในงานโชว์มหกรรมว่าวแบบหลากหลาย


เมื่อวันที่ 12-13 พ.ย. 65 ที่ผ่านได้การจัดงานมหกรรมว่าวนานาชนิด ที่บริเวณสนามด้านหน้าของสถานที่ท่องเที่ยว ณ บ้านไร่ในฝัน ตลาดเดอะนายน์ ต.บ้านไร่ อ.เมือง จ.ราชบุรี โดยมี พลตำรวจตรี วชิรพงษ์ อมราพิทักษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด นางสาวกุลวลี นพอมรบดี ส.ส. เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ นายดุสิต จิรภัทรากร เลขานุการนายก อบจ.ราชบุรี นายศักดิ์ชัย พิศาลผล นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี นายเรืองชัย เนตรปฐมพร รองนายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี นายพินิจ ด้วงพิบูลย์ นายก อบต.ตำบลบ้านไร่ นางนิตฐา เจริญทรัพย์ ผู้บริหารบ้านไร่ในฝัน ตลาดเดอะนายน์ พร้อมกลุ่มผู้อนุรักษ์การเล่นว่าว และประดิษฐ์ว่าว นำโดยนายพนัส เทียนศิริ หรือ เม่น มหาชัย นายพันธุ์ แก้วนุ้ย ผู้นิยมการเล่นว่าว และสมาชิกทีมเล่นว่าวจาก จ.ราชบุรี จ.นครปฐม จ.สมุทรสาคร จ.ฉะเชิงเทรา และกรุงเทพมหานคร ตลอดจนพี่น้องประชาชน และภาคเอกชน ร่วมพิธีเปิดงาน


ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวมีโชว์การเล่นว่าวนานาชนิด ที่มีผู้ปกครอง พาบุตรหลานมาทดสอบการวิ่งเล่นว่าว เพื่อได้ออกกำลังกายผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และห่างไกลยาเสพติด และให้เด็กได้เว้นช่วงจากการอยู่กับโทรศัพท์มือถือนาน ๆ พร้อมอุดหนุนว่าวที่ประดิษฐ์ขึ้นมา เพื่อนำเงินรายได้ส่วนหนึ่ง มอบให้เป็นการกุศลกับโรงเรียนวัดใหม่ราษฎร์บำรุงเจริญธรรม ต.บ้านไร่

โดยมีนายมนต์ทิพย์ มรรคเจริญ ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ เป็นผู้แทนรับมอบ
สำหรับงานมหกรรมว่าวนานาชนิด ที่จัดขึ้น ถือเป็นความร่วมมือของผู้นำท้องถิ่น กลุ่มผู้อนุรักษ์การเล่นว่าว การทำว่าว รวมถึงผู้บริหารบ้านไร่ในฝัน ตลาดเดอะนายน์ ที่ต้องการอนุรักษ์กีฬาว่าวไทยให้คงอยู่คู่ชุมชนท้องถิ่น โดยเฉพาะการส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน และผู้ที่สนใจ มีพื้นที่ในการเล่นว่าวนานาชนิด ที่ปัจจุบันหาดูได้ยากมาก อาทิเช่น ว่าวจุฬา ว่าวปักเป้า ว่าวควาย ว่าวแฟนซี ว่าวการ์ตูน ว่าวสาย ว่าวนก ว่าวงู ว่าววงเดือน ว่าวดุ๊ยดุ่ย ว่าวอีลุ้ม ว่าวผีเสื้อ ว่าวปลา และว่าวนกยูง ฯลฯ


อย่างไรก็ตามการจัดกิจกรรมดังกล่าว นอกจากจะเป็นการอนุรักษ์ว่าวไทยแล้ว ยังเป็นการเปิดพื้นที่ให้เด็ก ๆ ได้รู้จักลักษณะ และการเล่นว่าวนานาชนิด ที่สามารถประดิษฐ์เล่นเองได้ง่าย ๆ การใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ การทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว ฝึกการใช้ทักษะ สมาธิ ในการชักว่าวขึ้นสู่ท้องฟ้า และการส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยว ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 คลี่คลายลง

ภาพ,ข่าว พันธุ์ – จรรยา แก้วนุ้ย จ.ราชบุรี

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS▪︎PRESS รายงาน

กรมวังผู้ใหญ่ เปิดหอผู้ป่วยราชทัณฑ์ปันสุข รพ.ศูนย์นครปฐม โดยหลวงพี่น้ำฝน วัดไผ่ล้อม สร้างเพื่อผู้ต้องขังจากเรือนจำนครปฐม

กรมวังผู้ใหญ่ เปิดตัวหอผู้ป่วยราชทัณฑ์ปันสุข โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม โมเดลจัดแยกการตรวจรักษาผู้ป่วยที่เป็นผู้ต้องขังและประชาชนทั่วไป โดยหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม นำคณะศิษยานุศิษย์ ร่วมสนับสนุนส่งเสริมการจัดการที่เกิดประโยชน์ลดความเครียดสร้างความสะดวกในการรับการตรวจรักษาอย่างไม่กดดัน


ที่อาคารรวมเมฆ โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม พล.อ.อ.สุบิน ชิวปรีชา กรมวังผู้ใหญ่ เป็นประธานในพิธีเปิดหอผู้ป่วยราชทัณฑ์ปันสุข โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม โดยมีนายขวัญไชย สันติภราภพ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครปฐม นายแพทย์สุรชัย โชคครรชิตไชย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเรือนจำกลางนครปฐม โรงพยาบาลนครปฐม และพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมและศิษยานุศิษย์ เข้าร่วมในพิธีดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน



สำหรับหอผู้ป่วยราชทัณฑ์ปันสุข โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม เป็นการดำเนินการโครงการต้นแบบในการจัดทำหอผู้ป่วยสำหรับผู้ต้องขังโดยเฉพาะโดยจะเป็นการจัดไว้สำหรับแยกออกจากห้องรักษาผู้ป่วยทั่วไปที่มารับการตรวจและรักษาตัวภายในโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ซึ่งจะมีแพทย์ พยาบาล และบุคคลากรทางการแพทย์ประจำอยู่ในหอผู้ป่วยดังกล่าว ซึ่งจะมีการจัดเตียงสำหรับผู้ป่วยที่ต้องนอนพักรักษาเบ็ดเสร็จ ซึ่งจะทำให้เกิดความสะดวกสบายกับผู้ที่มารับการตรวจรักษาทั้งสองส่วนแบบแยกออกจากกันโดยชัดเจน




พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เผยว่า สำหรับหอผู้ป่วยราชทัณฑ์ปันสุข ถือว่าเป็นหอผู้ป่วยแห่งแรกที่ทางอาตมาและศิษยานุศิษย์ของวัดไผ่ล้อมได้ร่วมมือกับเรือนจำกลางนครปฐม ในการจัดสร้างขึ้นที่โรงพยาบาลนครปฐม โดยเป็นการร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐ วัด และภาคประชาชน ที่ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการรักษาผู้ป่วยที่เป็นผู้ต้องขังและประชาชนทั่วไป



หลวงพี่น้ำฝน กล่าวว่าเดิมสืบเนื่องจากที่อาตมาเข้ารับการตรวจสุขภาพและรักษาอาการอาพาธที่โรงพยาบาลนครปฐม ครั้งหนึ่งได้เห็นมีรถของกรมราชทัณฑ์ นำผู้ต้องขังที่เป็นผู้ป่วยมารับการตรวจรักษาที่ ซึ่งก็มีภาพที่น่าหดหู่ใจเนื่องจากต้องมีการสวมกุญแจมือและบางรายที่ก่อโทษหนักก็จะถูกใส่โซตรวนล่ามขามาด้วย ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ต้องขังเกิดความอาย วิตกและเกิดความเครียดทั้ง ๆที่ป่วยและยังขาดอิสรภาพ ขณะที่ประชาชนที่มารับการรักษาก็เกิดความไม่สบายใจเมื่อต้องมาอยู่ในช่วงของการรอรับการตรวจรักษา จึงเป็นที่มาที่อยากจะทำให้เกิดความสะดวกและแยกสัดส่วนที่ชัดเจนขึ้น



“อาตมาเห็นว่าการต้องจัดทำหอผู้ป่วยแบบแยกออกจากกัน จะทำให้ทุกฝ่ายเกิดความสะดวกในการรับการตรวจรักษา เพราะประชาชนที่ป่วยก็มาเกิดความกลัว ส่วนผู้ต้องโทษก็เครียดไปด้วย อาตมาจึงได้มาหารือกับศิษยานุศิษย์ กองทัพบุญของวัดไผ่ล้อม ซึ่งก็ได้เห็นตรงกันว่าควรที่จะมีหอผู้ป่วยที่ยากจากกัน จึงได้นำไปสู่การหารือกับเรือนจำกลางนครปฐมและกรมราชทัณฑ์ และเกิดเป็นหอผู้ป่วยต้นแบบ ที่โรงพยาบาลนครปฐม ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับสังคมอีกหนึ่งรูปแบบด้วย”

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS▪︎PRESS 111122

เปิดยิ่งใหญ่งานท่องเที่ยวเขาช่องพราน ‘ชุมชนยลถ้ำค้างคาวร้อยล้าน ตระการตาแสงเสียงประวัติศาสตร์ “ เขาช่องพราน LIGHT & SOUND ”

อลังการเปิดงานท่องเที่ยวเขาช่องพราน
ชุมชนยลถ้ำค้างคาวร้อยล้าน ตระการตาแสงเสียงประวัติศาสตร์ “ เขาช่องพราน LIGHT & SOUNDW ”

นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี
นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส. เขต 2 ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ นายชัยทิพย์ กมลพันธุ์ทิพย์ ส.ส. เขต 3 ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์

ที่วัดเขาช่องพราน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส. เขต 2 ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ นายชัยทิพย์ กมลพันธุ์ทิพย์ ส.ส. เขต 3 ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ นายสุธีร์ เล้าสุบินประเสริฐ นายอำเภอโพธาราม ผู้บริหาร และสมาชิด อบจ. ผู้นำชุมชน และประชาชน ได้ร่วมพิธีเปิดงานท่องเที่ยวชุมชนยลถ้ำค้างคาวร้อยล้าน ตระการตาแสงเสียงประวัติศาสตร์ “เขาช่องพราน LIGHT & SOUND “ ที่วัดเขาช่องพราน ที่เปิดระหว่างวันที่ 4-7 พ.ย. 2565 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และยังเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของชุมชนมีรายได้

นายชัยทิพย์ กมลพันธุ์ทิพย์ ส.ส. เขต 3 ราชบุรี

สำหรับวัดเขาช่องพรานแห่งนี้ยังถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของ จ.ราชบุรี ที่มีค้างคาวนับล้านๆอาศัยอยู่ และยังอยู่ในคำขวัญของจังหวัดราชบุรีตอนหนึ่งในข้อความที่ว่า “ เพลินค้างคาวร้อยล้าน ” ซึ่งถือเป็นอันซีนแห่งหนึ่ง ที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศให้ความสนใจและนิยมเดินทางมาชมความงดงามในช่วงเย็นที่พระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า จะมีฝูงค้างคาวบินออกจากปากถ้ำเป็นสายยาว เป็นภาพที่หาชมได้ยาก
สำหรับกิจกรรมช่วงเย็นซึ่งเป็นวันเปิดงาน ทางวัดเขาช่องพรานได้จัดพิธีบวงสรวงบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในวัด ได้แก่ พระพุทธมหามุนี (หลวงพ่อร้อยล้านศักดิ์สิทธิ์)ที่ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถ และสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองราชบุรี

เนื่องจากแผ่นดินบริเวณแถบนี้มีความเกี่ยวข้องอยู่ในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้สู้รบกับแม่ทัพพม่าในสมรภูมิรบบางแก้ว เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2317 หลังจากมีพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสร็จแล้วได้มีการเปิดงานอย่างยิ่งใหญ่อลังการไปกับการแสดงละครอิงประวัติศาสตร์ของเหล่านักแสดงในชุดเรื่อง “ตำนาน เมืองราชาบุรียุทธวิธีศึกบางแก้ว”

ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 พฤศจิกายน มีการแสดงระบำค้างคาว การแสดงนาฏมวยไทย และการแสดงละครอิงประวัติศาสตร์ ย้อนอดีตในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชในสมรภูมิบางแก้ว ในพื้นที่ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นการรบครั้งประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ได้มีการจารึกไว้ในพงศาวดารเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงดำเนินกลยุทธ์และยุทธวิธี ให้งุยอคงหวุ่น แม่ทัพใหญ่พม่า ยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข ทรงให้ทหารตั้งค่ายล้อมทัพพม่าเอาไว้ จนพม่าขาดแคลนเสบียงอาหาร ในที่สุดพม่าก็ทยอยกันออกมาถวายบังคมสมเด็จพระเจ้าตากสินเพื่อขอละเว้นชีวิตในครั้งนั้น พสกนิกรชาวราชบุรีต่างน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงมีต่อแผ่นดินตราบจนทุกวันนี้

บริเวณภายในงานนักท่องเที่ยวยังได้เลือกซื้อสินค้าสินค้า ผลิตภัณฑ์ของดีในชุมชน อาหารคาวหวานพื้นบ้าน ผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆ การจำหน่ายสินค้าของที่ระลึก พืชผัก ผลไม้ ซึ่งเป็นของดีในชุมชนที่ชาวบ้านนำมาวางจำหน่ายในราคาถูกในช่วงระหว่างการจัดงานดังกล่าวด้วย ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้เชิญชวนนักท่องเที่ยวที่สนใจเข้ามาเที่ยวชมงานได้ในช่วงวัน เวลาดังกล่าวในช่วงวันหยุด ซึ่งยังสามารถเดินทาแวะเที่ยวพักผ่อนแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ใกล้เคียงได้อีกหลายแห่ง การเดินทางสะดวก สบาย ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ได้อีกด้วย

ภาพ-ข่าว พันธุ์ – จรรยา แก้วนุ้ย จ.ราชบุรี

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS▪︎PRESS รายงาน

จับแล้วผู้ต้องหาขโมยผ้าไตร จนมุมตำรวจนครปฐม หลังจากตระเวณขโมยของตามวัดหลายท้องที่

จับแล้วผู้ต้องหาขโมยผ้าไตร วัดพระศรีอารย์ จนมุมตำรวจนครปฐม หลังจากตระเวณขโมยของตามวัดหลายท้องที่

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวคนก่อเหตุขโมยผ้าไตรวัดพระศรีอารย์  ต.บ้านเลือก อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ได้แล้ว  หลังติดตามและได้ก่อเหตุขโมยของตามวัดหลายท้องที่  

โดยก่อนหน้านี้ได้รับแจ้งจาก พระมหาสมบูรณ์ สัมปุณโณ เจ้าอาวาสวัดบุญมงคล หมู่ 5 ต.ดอนใหญ่ อ.บางแพ จ.ราชบุรี ว่า กล้องวงจรปิดได้จับภาพคนร้ายไว้ได้ ขณะขับรถยนต์เข้ามาในวัดแล้วขโมยนั่งร้านเหล็กที่พึ่งซื้อมาได้ 2 เดือน เพื่อที่จะนำมาใช้ในงานก่อสร้างเพื่อบูรณซ่อมแซมบูรณะวัด  เป็นนั่งร้านแบบ 3 ชั้น ซึ่งนั่งร้านนั้นวางไว้ข้างศาลา โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา    ทางวัดได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้โดยคนร้ายเข้ามาก่อเหตุประมาณ 7 โมงเช้า ทางวัดมาทราบเรื่องก็เกือบ ๆ เที่ยงของวันที่ 22 เนื่องจากที่วัดมีพระเพียงไม่กี่รูป และเป็นวัดที่เงียบสงบอยู่กลางทุ่ง ซึ่งคนร้ายได้ขับรถกระบะเข้ามาในวัด โดยมาคนเดียวโดยคนร้ายใช้ผ้าโผกปิดหน้าปิดตา ซึ่งวันเกิดเหตุไม่ได้อยู่วันเนื่องจากติดกิจนิมนต์ที่ต่างอำเภอ พอกลับมาถึงวัดก็ทราบเรื่องว่าคนร้ายได้เข้ามาขโมยนั่งร้านไป ทางวัดก็ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.บางแพ ทางชุดสืบสวนก็ลงพื้นที่มาตรวจสอบดูที่เกิดเหตุพร้อมทั้งดูกล้องวงจรปิด เพื่อจะติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี ส่วนนั่งร้านชุดนี้ซื้อมาประมาณ 9,000 บาท เพราะมีล้อด้วย ส่วนคนร้ายที่ดูจากกล้องวงจรปิดก็ไม่ทราบว่าคนในพื้นที่หรือเปล่าเนื่องจากไม่เคยเห็นรถคันนี้ในพื้นที่และคนร้ายปิดบังหน้าด้วย แต่ในภาพกล้องวงจรปิดดูเหมือนคนร้ายจะระแวงกลัวจะมีคนมาเห็น
               ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อช่วงก่อนออกพรรษาทางวัดยังไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด จำได้ว่าน่าจะก่อนเที่ยง ก็มีคนร้ายขับรถยนต์กระบะสีบอร์นเงิน ผู้ชายคนเดียว เข้ามาหาพร้อมกับบอกอาตมาว่าตนมาจาก ต.พิกุลทอง เขตเมืองราชบุรี เนื่องจากญาติได้เสียชีวิต ตนอยากจะเป็นเจ้าภาพ เลยมาขอเปลี่ยนผ้าไตรจำนวน 4 ชุด ซึ่งตนเงินน้อยประกอบกับเศรษฐกิจไม่ดี จะซื้อใหม่ก็แพง หลวงพ่อก็เลยพาเดินไปที่ศาลา เพื่อนำผ้าไตรมาให้ แต่พอเปิดประตูไป ชายคนดังกล่าวก็เปลี่ยนใจจะขอเปลี่ยนผ้าไตรเป็น8ชุด พร้อมกับบอกว่าตนอยากเป็นเจ้าภาพ 2 คืน ตอนแรกอาตมาจะไม่ให้ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมให้ไป โดยชายคนดังกล่าวถวายซองมาให้ 200 บาท จากนั้นก็รีบขับรถออกไป ตนก็ไม่ได้ว่าไร ตกตอนเย็นอาตมากับพระในวัดได้ไปร่วมสวดศพที่วัดข้างเคียง ซึ่งระหว่างรอคนขับรถวัดตนก็มองออกมาเห็นรถกระบะขับเข้ามาที่ศาลาที่โยมที่วัดดูแลอยู่ตนก็คิดว่าอาจจะมาธุระกับโยมที่เฝ้าศาลา พอกลับมาถึงได้รู้ว่ารถคันดังกล่าวเข้ามายกผ้าไตรไปกว่า30ชุดร่วมที่เอาไปรอบแรกด้วย ซึ่งโยมที่เฝ้าศาลาบอกว่าเป็นคนเดียวกันที่มาเปลี่ยนผ้าไตรเพร่ะจำหน้าได้แม่นยำ หลวงพ่อจึงได้เข้าแจ้งความไว้
                ต่อมาทางวัดก็ทราบข่าวว่ามีคนร้ายเข้ามาก่อเหตุลักผ้าไตรที่วัดพระศรีอารย์ เขต อ.โพธาราม ซึ่งภาพกล้องวงจรปิดที่ทางวัดจับภาพได้ลักษณะของรถใกล้เคียงกันเลย ต่อมาทางผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดพระศรีอารย์ ต.บ้านเลือก อ.โพธาราม เพื่อ ติดตามความคืบหน้าคดี พบเจ้าหน้าที่ของวัดกำลังจัดเตรียมสถานที่เพื่อเตรียมงานกฐินในวันที่ 6 พ.ย.65 ซึ่งมีญาติโยมที่ทราบข่าวว่าที่วัดมีคนร้ายเข้ามาขโมยผ้าไตรไปจำนวน 45 ชุด ได้เดินทางมายังวัดเพื่อนำผ้าไตรมาถวายให้กับทางวัด อย่างต่อเนื่อง ในส่วนของรถที่คนร้ายก่อเหตุนั้นดูจากกล้องวงจรปิดทั้ง 2 ที่คาดว่าน่าจะเป็นรายเดียวกัน


              ล่าสุดได้รับรายงานว่า  คนร้ายถูกจับกุมได้ในเขตจังหวัดนครปฐมแล้ว  จากการสืบสวนทราบว่าคนรายก่อเหตุหลายคดี ในหลายท้องที่ เขตราชบุรี  และผู้ต้องหายังรับสารภาพว่าได้เข้ามาขโมยผ้าไตรที่วัดพระศรีอารย์จริง ทางชุดสืบสวน สภ.โพธาราม ได้ขออายัดตัวคนร้ายเพื่อนำตัวกลับมาดำเนินคดีต่อไป

ภาพ-ข่าว พันธ์-จรรยา แก้วนุ้ย ราชบุรี

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS▪︎PRESS รายงาน

โจรใจบาป ขโมยผ้าไตรวัดดังราชบุรี 45 ผืน ที่เจ้าอาวาสยืมมาเตรียมทอดกฐิน

หลวงพ่อวัดพระศรีอารย์ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี น้ำตาตก ถูกโจรขโมยผ้าไตรไป 45 ผืน เกือบแสนบาท ที่ไปยืมวัดอื่นมาเตรียมทอดกฐินวันที่ 6 พย.นี้

พระครูวิทิตพัฒนโสภณ เจ้าอาวาสวัดพระศรีอารย์
ผ้าไตรที่ยืมมาผืนละ 2,000 บาท

พระครูวิทิตพัฒนโสภณ เจ้าอาวาสวัดพระศรีอารย์ แจ้งว่า สาเหตุจากงานกฐินปีนี้ทางวัดไม่มีเจ้าภาพกฐิน วัดเลยได้ทำเป็นกฐินสามัคคี โดยขอให้ญาติโยมช่วยมารับผ้าไตรงานกฐิน และได้ไปยืมผ้าไตรวัดอื่นมาจำนวน 45 ผืน มูลค่า 90,000 บาท แต่กลับมาถูกโจรใจบาปขโมยไปโดยมีภาพวงจรปิดเห็นชัดเจน ตอนนี้ก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามโจรที่ขโมยไป

ภาพจากกล้องวงจรปิด

แต่ตอนนี้งานกฐินก็จะถึงแล้ว ปรึกษากรรมวัดกันว่า ทางวัดก็คงต้องพึ่งญาติโยมที่ใจบุญมาร่วมทอดกฐินให้สำเร็จลุล่วงไปให้ได้ ส่วนผู้ใจบุญไม่สะดวกมาวัดก็สามารถโอนเงินมาทำบุญร่วมสมทบซื้อผ้าไตรให้กับวัดหลังถูกโจรขโมยไป 45 ผืน รวมเป็นเงิน 90,000 บาท กำหนดจัดงานทอดกฐินคือวันที่ 6 พย.นี้
เบอร์บัญชีวัดพระศรีอารย์ ธ.ไทยพาณิชย์เลขที่ 5952182851 หรือ เบอร์ติดต่อเจ้าอาวาสวัดพระศรีอารย์ 063-2218589

ขอบคุณ.ภาพ-ข่าว จรรยา แก้วนุ้ย ราชบุรี

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS▪︎PRESS รายงาน

ตำรวจ สภ.ห้วยยาง ประจวบฯ ร่วมทหารหน่วยฯ จงอางศึก จับยาไอซ์ 17 กิโลกรัม

ตำรวจ สภ.ห้วยยาง ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมทหารหน่วยฯ จงอางศึก จับยาไอซ์ 17 กิโลกรัม พร้อมยาบ้า 2,400 เม็ด



เมื่อวันที่ 20 ก.ย.65 ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์  รอดมา รอง ผบช.ภ.7
นายพิริยะ กิจนุสนธิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการตำรวจภูธร จ.ประจวบศีรีขันธ์ นำโดย พ.ต.อ.ภาคภูมิ  โห้ใย
รองผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์
และ พ.อ.พงษ์พัฒน์  ห้องสินหลาก
รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก
นายมนตรี เมืองนก
นักสืบสวนสอบสวนชำนาญการ ปปส.ภ.7
พ.ต.อ.นนท์ ภักดีพันธ์ ผกก.สภ.ห้วยยาง
และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

   ได้ร่วมแถลงผลจับกุมผู้ต้องหา พร้อมด้วยของกลาง จำนวน 4 ราย ดังนี้
1.นายเตชิน  ยุพการณ์ อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 99 ม.15 ต.นอกเมือง อ.เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์
2.นายธนวัฒน์  ธรมบุตร อายุ 23 ปี  บ้านเลขที่ 13 ม.13  ต.กังแอน อ.ปราสาท  จ.สุรินทร์
3.นายปิยะศักดิ์  อำไพเพชร อายุ 29 ปี  บ้านเลขที่ 233/61  ม.5 ถ.เลี่ยงเมือง   ต.มะขามเตี้ย อ.เมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี
4.นายคำเตือน เฉลียวพรหม อายุ 41 ปี  บ้านเลขที่ 259 ม.1  ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์


   โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันจำหน่าย (โดยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย) ซึ่งยาเสพติดประเภทที่ 1(ยาไอซ์, ยาบ้า) เพื่อการค้าอันมีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป
   พร้อมด้วยของกลาง ได้แก่
   1.ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาไอซ์ ) ชนิดเกล็ดสีขาวใส จำนวน 17 ถุง น้ำหนักประมาณ 17 กิโลกรัม
   2.ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) จำนวน 12 ถุง มียาบ้าบรรจุอยู่ ประมาณถุงละ 200 เม็ด รวมยาบ้า ประมาณ 2,400 เม็ด น้ำหนักประมาณ 192 กรัม
   3.รถยนต์เก๋ง ยี้ห้อมิตซูบิชิ รุ่นแลนเซอร์ สีดำ หมายเลขทะเบียน ภฮ 1741 กทม. จำนวน 1 คัน
   4.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 6 เครื่อง

   สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2565 เวลาประมาณ 10.00  น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรห้วยยาง   และเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก ร่วมกันตั้งด่านตรวจ บริเวณหน้าด่านกักกันสัตว์ประจวบคีรีขันธ์ ถนนเพชรเกษมขาล่องใต้ ม.1 ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้มีรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นแลนเซอร์ สีดำ หมายเลขทะเบียน ภฮ 1741 กทม. ขับมาตามถนนเพชรเกษม ขาล่องใต้ เมื่อถึงด่านตรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจเห็นผิดสังเกตจึงเรียกให้หยุดพบ นายเตชิน  ยุพการณ์ เป็นผู้ขับขี่ และ มีนายธนวัฒน์  ธรรมบุตร อายุ 23 ปี นั่งคู่มาในด้านหน้า นายปิยะศักดิ์  อำไพเพชร อายุ 29 ปี นั่งด้านหลังทางขวา และนายคำเตือน เฉลียวพรหม นั่งด้านหลังทางซ้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ลงจากรถ และขอทำการตรวจค้น
   ผลการตรวจค้นพบด้านท้ายรถบริเวณที่เก็บของ พบกระสอบใส่เสื้อผ้าสีดำ ด้านในมี ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์ ) ชนิดเกล็ดสีขาวใส จำนวน 17 ถุง น้ำหนักประมาณ 17 กิโลกรัม และ ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) บรรจุอยู่ในถุงสีฟ้า แบบกดปิด – ดึงเปิด จำนวน 12 ถุง มียาบ้าบรรจุอยู่ ประมาณถุงละ 200 เม็ด รวมยาบ้า ประมาณ 2,400 เม็ด น้ำหนักประมาณ 192 กรัม  จึงได้จับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย พร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

สอบถาม ผู้ต้องหาให้การว่า  เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2565 เวลาประมาณ 11.00 น.ได้รับการติดต่อจากกลุ่มพ่อค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีให้ไปรับยาไอซ์และยาบ้า ของกลางลำดับ 1 และ 2 จากพื้นที่อำเภอเมืองกาญจนบุรี เพื่อไปส่งยังจังหวัดสุราษฏร์ธานี จากนั้นได้ขับรถยนต์ของกลางลำดับที่ 3 เดินทางไปรับของยาไอซ์และยาบ้า ในเขตอำเภอเมืองกาญจนบุรี เดินทางมาจนถูกตรวจค้นจับกุมดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนขยายผลจับกุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป      
   สถานที่จับกุม บริเวณด่านตรวจ หน้าด่านกักกันสัตว์ประจวบคีรีขันธ์ ถนน เพชรเกษมขาล่องใต้ ม.1 ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2565 เวลาประมาณ 10.00 น.

   จากนั้น ผบช.ภ.7 ได้มอบเงินสร้างขวัญกำลังใจ ให้แก่เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการทำงาน ที่มีปฏิภาณไหวพริบในการปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดี

   ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องรวบรวมพยานหลักฐานในคดีให้รอบคอบ เพื่อให้สามารถดำเนินคดีลงโทษผู้กระทำผิดและผู้เกี่ยวข้องได้จนถึงที่สุด ตามคติที่ว่า”คนดีต้องอยู่เย็นเป็นสุข คนร้ายต้องอยู่ร้อนนอนทุกข์”
   ในนามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค 7 ได้ฝากถึงประชาชนว่าตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ และขอชมเชยเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้ทำงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมส่วนรวม และขอให้รักษาความดีนี้ไว้สืบต่อไป

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS▪︎PRESS รายงาน

ผบช.ภาค 7 แถลงข่าวตำรวจนครปฐม จับอดีตทหารค้าอาวุธสงครามขณะลำเลียงส่งชายแดนตะวันตก

พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 แถลงข่าวตำรวจนครปฐม จับอดีตทหารค้าอาวุธสงครามขณะลำเลียงส่งชายแดนตะวันตก

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 20 กันยายน 2565 ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค7 ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 แถลงข่าวว่า พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ไพบูลย์  แพรสีนวล ผกก.สภ.เมืองนครปฐม พร้อมเจ้าหน้าที่ ได้จับกุมนายวี พิมพร อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 529 ม.1ต.หนองปรือ อ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี นายศักดา ทองไวย อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46 ม.6 ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี และนายบุญเจิด กระเจียงหอม อายุ 47 ปี บ้านเลขที่ 18 ม.9 ต.นครชุมน์ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี พร้อมของกลาง อาวุธปืนขนาด.45 จำนวน 1 กระบอก วัตถุระเบิดขว้างแบบสังหารบุคคล MK2 จำนวน 1 ลูก วัตถุระเบิดขว้างแบบสังหารบุคคล M 26 จำนวน 1 ลูก เครื่องกระสุนปืนขนาด .45 จำนวน 217 นัด เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 60 นัด เครื่องกระสุนปืนขนาด 7.65 มม.จำนวน 19 นัด เครื่องกระสุนปืนขนาด 7.62 x 39 มม. จำนวน 75 นัด เครื่องกระสุนปืนขนาด 5.56 x 45 มม.จำนวน 95 นัด 8.แม็กกาซีน 7.65 มม.จำนวน 2 อัน แม็กกาซีนก๊อก16 จำนวน 2 อัน และกระเป๋าลายพรางทหารจำนวน 1 ใบ ในรถปิคอัพอีซูซุ สีบอร์นเงิน ทะเบียน บม 8866 กาญจนบุรี ขณะขับเข้ามาในด่านตรวจหน้าร้านกุ้งอบภูเขาไฟ ถนนเพชรเกษม ต.สนามจันทร์ อ.เมือง จ.นครปฐม

เมื่อเวลา 03.50 น.วันที่ 19 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา แล้วจึงส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีข้อหา ร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน นอกจากที่กำหนดในกฎกระทรวงที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครองและพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้พกพา

พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ กล่าวว่า จากการสอบสวนนายศักดา ทองไวย   อ้างว่าของกลางที่ยึดได้ทั้งหมดนำมาจากปทุมธานี เตรียมนำไปส่งให้กับลูกค้า ที่ชายแดนอำเภอสังขละบุรี เพิ่งทำเพียงครั้งแรก ส่วนรถยืมมาแล้วให้เพื่อน(นายวี)ขับให้โดยมีญาติ(นายบุญเจิด)นั่งมาเป็นเพื่อนอีกคนรวมสามคน ในเบื้องต้นให้ฝ่ายสืบสวนขยายผลไปตรวจค้นที่บ้านพักใน อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี และที่จ.ปทุมธานี เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม และเพื่อขยายผลในเชิงลึกถึงที่มาของวัตถุระเบิด เพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด

รายงานข่าวแจ้งว่า นายศักดา ทองไวย เป็นอดีตทหารมีประวัติโชกโชน และจากแหล่งข่าวความมั่นคง ว่าในวันเวลาดังกล่าว จะมีการลักลอบขนวัตถุระเบิดและเครื่องกระสุนปืนสงคราม ไปตามถนนเพชรเกษม ผ่านเมืองนครปฐมลงไปจังหวัดกาญจนบุรี ผบก.ภ.จว.นครปฐม จึงให้ตำรวจเมืองนครปฐม ตั้งด่านตรวจที่บริเวณดังกล่าวจนพบรถปิคอัพอีซูซุ สีบอร์นเงิน ทะเบียน บม 8866 กาญจนบุรี ตามที่รายงาน ขับเข้ามาในจุดตรวจ จึงปิดล้อมเข้าตรวจค้นพบของกลางตามปรากฎ

ด้านนายวี อ้างว่านายศักดาฯ ขอยืมรถคันดังกล่าวของตนเพื่อจะไป ทำธุระที่จ.ปทุมธานี แต่เป็นห่วงรถจึงได้อาสาขับรถพานายนายศักดาฯ ไป จึงให้การปฏิเสธว่าของกลางทั้งหมดไม่ใช่ของตน

ด้านนายศักดาฯ อ้างว่าของกลางทั้งหมดเป็นของตนเองจริง แต่ไม่รู้ว่าในถุงสีแดง เป็นลูกระเบิด และไม่รู้ว่าของเป็นเครื่องกระสุนปืนขนาด 7.62 x 39 มม. จำนวน 75 นัด และเครื่องกระสุนปืนขนาด 5.56 x 45 มม. จำนวน 95 นัด อยู่ในถุงพลาสติกใสขุ่นที่ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าโดยของกลางทั้งหมด นายต้น(ไม่ทราบชื่อนามสกุล)บอกจุดและตำแหน่งที่ตั้งของกลางทั้งหมดว่าอยู่ที่บริเวณริมถนนสาธารณะใกล้เคียง อบต.พยอม เพื่อที่จะนำไปขาย

ด้านนายบุญเจิด ให้การว่าได้โดยสารรถคันดังกล่าวเพื่อไปเป็นเพื่อน นายศักดาฯ และให้การปฏิเสธถึงของกลางทั้งหมดไม่ใช่ของตน

ขอบคุณข้อมูล ทวีพล หลิมชัยสุวรรณ

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS▪︎PRESS 200922