คลังเก็บหมวดหมู่: ข่าวภูมิภาค

กลุ่มรถออฟโรด ร่วมกันสร้างฝายกั้นน้ำ เป็นแหล่งสำรองน้ำเพื่อสัตว์ป่าช่วงฤดูแล้ง

กลุ่มรถออฟโรด (4×4) Vitara Mania Thailand (คนคลั่ง วีทาร่า) กลุ่มนักท่องเทื่ยวเชิงอนุรักษ์ป่าไม้รวมตัวกันสร้างกั้นน้ำ บริเวณหน่วยพิทักษ์ป่าแอ่งกะลา เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่นัำภาชี เพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง

สืบเนื่องจาก นายโชค มั่นคง ตัวแทนกลุ่มรถออฟโรด “วีทาร่ามาเนี่ย ไทยแลนด์ (คนคลั่งวีทาร่า)” ได้รับแจ้งเรื่องจากเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าแอ่งกะลาฯ ว่าช่วงหน้าแล้งน้ำในลำธารจะแห้งหรือน้อยมาก ทำให้สัตว์ป่าที่ลงมากินน้ำแห่งนี้ซึ่งมีจำนวนมากจะขาดน้ำซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิตอยู่ของสัตว์ป่า รวมถึงเจ้าหน้าที่ด้วยก็ใช้แหล่งน้ำนี้เช่นเดียวกัน

จึงเกิดแนวคิดกับหัวหน้าหน่วยร่วมกับกลุ่มวีทาร่า ว่าจะขอสร้างฝายชะลอน้ำเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กอย่างดีเพราะจะได้อยู่คงทนและถาวร จึงเกิดการร่วมแรงร่วมใจกันระดมทุน รวมเงินกันคนละหมื่นสองหมื่น ต่อกลุ่มเพื่อมาช่วยกันบริจาคสร้างฝาย โดยคำนวณงบค่าใช้จ่ายกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ ก็น่าจะเกิน 100,000 บาท ซึ่งพวกเราอาศัยเพื่อนๆ รถออฟโรค ในกลุ่มวีทาร่า มาเนี่ย เช่นแก๊งค์หมูกรอบบ้านแพ้ว แก๊งลูกกวาดบางใหญ่ กลุ่มบูรพาออฟโรด และกลุ่มสุดสาครออฟโรด ระยอง นำทีมโดย คุณเทิดไทยต้นไม้ซิ่งระยอง นำทีมช่วยกันวิ่งหาแหล่งคนคิดทำดีช่วยบริจาคบ้างและจัดทำเสื้อแอ่งกะลาขายเป็นที่ระะลึก โดยรายได้จากการขายเสื้อก็จะนำมอบเงินที่ได้ เพื่อเสริมในการสร้างฝายอีกโดยไม่หักค่าใช้จ่ายอื่นๆ

นายโชค กล่าวต่อว่า การจะเกิดฝายเป็นรูปร่างเพื่อสัตว์ป่าและไม้นานาพันธุ์ และช่วยให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเพื่อนๆ นักท่องเทื่ยวเชิงอนุรักษ์หรือท่านอื่นๆ ก็สามารถช่วยบริจาคร่วมสบทบทุนซื้อเสื้อที่ระลึก หรือจะบริจาคเป็นสิ่งของวัสดุก่อสร้างเลยก็ได้นะครับ เรายินดีไปรับของถึงที่

นายชาญ อัคนาน หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่าแอ่งกะลา กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณทางกลุ่มรถออฟโรด วีทาร่า มาเนี่ย และกลุ่มอื่นๆ ที่ระดมทุนและชวนเพื่อนสมาชิกมาช่วยกันทำฝายชะลอน้ำ ฝายนี้จะมีประโยชน์มากสำหรับสัตว์ป่า และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ในช่วงฤดูแล้ง เพราะน้ำจะมีน้อยมากถ้าไม่มีฝายชะลอน้ำไว้
สำหรับการสร้างครั้งนี้ก็คืบหน้าไปประมาณ 60-70 % แล้ว ถ้าเสร็จสมบูรณ์นอกจากจะได้ฝายแล้วยังได้ถนนข้ามลำห้วยด้วย

สำหรับท่านที่สนใจจะซื้อเสื้อที่ระลึกสามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 084-0729401 (คุณก้อย)
เสื้อยืด sml ตัวละ 300
ไซร์ xl 2xl ตัวละ 350
ทุกบาททุกสตางค์หักค่าผลิตเสื้อแล้วมอบเป็นค่าใช้จ่ายในการสร้างทั้งหมดครับ

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS ▪︎ PRESS 170922

ร่มรื่น เย็นสบาย สายน้ำใส
พบกันเร็วๆ นี้ ที่สวนผึ้ง

ห้วยกระบอก ชุมชนจีนแคะประเทศไทย รับมอบชุดเชิดสิงห์โตจีนแคะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ.

ห้วยกระบอกชุมชนจีนแคะประเทศไทย มอบชุดเชิดสิงห์โตจีนแคะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะชาวจีนแคะเท่านั้น


   
ที่ห้องรัตนะ ศาลเจ้าซำซานเกร็ดหวอง(เจ้าพ่อ3 ภูเขา)ตลาดห้วยกระบอก ต.กรับใหญ่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี นายประวิทย์ ศรีฟ้าวัฒนา ประธานมูลนิธิประโยชน์มวลชนห้วยกระบอก ได้เป็นตัวแทนรับมอบหัวสิงห์โตจีนแคะ และเปิดเผยที่มาของชาวจีนแคะห้วยกระบอกว่าว่า บ้านห้วยกระบอก เป็นชุมชนชาวจีนแคะ หรือชาวฮากกา ที่มาตั้งรกราก อยู่ที่บ้านห้วยกระบอกนี้ มาเป็นเวลากว่าหนึ่งร้อยปี มีประวัติความเป็นมาน่าสนใจ รวมไปถึงวัฒนธรรมของชาวจีนแคะโบราณ เนื่องจากชาวจีนแคะที่มาตั้งรกรากที่ห้วยกระบอกเดินทางมาจากจีนแผ่นดินใหญ่

ในช่วงสมัยหนึ่งชุมชนแห่งนี้มีความเจริญรุ่งเรืองมีผู้คนสัญจรไปมามากมาย เพราะเป็นที่ชุมนุมของคนจีนแคะ ถึงสามจังหวัด ราชบุรี  กาญจนบุรี  นครปฐม ปัจจุบันวัฒนธรรม และความเจริญของชุมชน จีนแคะแห่งนี้  รวมถึงอาหารสูตรจีนแคะทั้งอาหารคาว และหวานสูตรดั้งเดิมแบบโบราณแท้ ๆ ยังหารับประทาน ได้ที่นี่ ส่วนวัฒนธรรม ประเพณี ลูกหลาน คนจีนฮากกาห้วยกระบอก ยังคงรักษาไว้อย่างเหนียวแน่น
ตนขอขอบคุณ ผศ.ดร.ปรียาพร บุษบา มหาวิทยาลัยราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง ที่ให้เกียรติเดินทางมามอบหัวเชิดสิงห์โตจีนแคะ 1 ชุดเพื่อใช้ในกิจกรรม ต่างๆของชุมชน


พิธีมอบหัวเชิดสิงห์โตในครั้งนี้ ได้มีผู้มีเกียรติมาร่วมเป็นสักขีพยาน พร้อมทั้งชมการแสดงของหลานชาวจีนแคะ ห้วยกระบอก อาทินายอภิรัตน์ ศิวพรพิทักษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักโยธาฯ กรุงเทพมหานคร ผู้แทนกลุ่มน้ำตาลมิตรผล นายธรรมรัตน์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ นายกเทศมนตรีตำบลกรับใหญ่
พันตำรวจเอกวีระศักดิ์ กลั่นเกิดผกก.สภ.กรับใหญ่ ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนบ้านห้วยกระบอก โรงเรียนกรับใหญ่ว่องกุศลกิจพิทยาคม โรงเรียนศาลาตึกวิทยา พร้อมด้วยคณะกรรมการ มูลนิธิมวลชนห้วยกระบอก และสื่อมวลชนร่วมในการนี้โดยพร้อมเพรียงกัน

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS▪︎PRESS 130922

ปกครองฯ บุกจับ“ละอ่อนผับ”ไร้ใบอนุญาต เด็กมั่วสุมเพียบ! หวั่นซ้ำรอย”เมาน์เทน บี”

นายอำเภอแก่งคอย ร่วมกับที่ทำการปกครองจังหวัดสระบุรี ชุดเฉพาะกิจมหาดไทย และกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน บุกจับ “ละอ่อน” ผับลับกลางเมืองแก่งคอย ไร้ใบอนุญาตหลังเที่ยงคืนคลุมผ้าใบพรางตาเจ้าหน้าที่ พบเด็กมั่วสุมเพียบ ฝ่ายปกครองเร่งกวดขัน หวั่นซ้ำรอยสัตหีบ

ชมคลิป.

“ปฏิบัติการ….ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม” สืบเนื่องจากกรมการปกครอง ได้รับการประสานจาก อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ว่ามีสถานบันเทิงย่าน อ.แก่งคอย เปิดให้บริการเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด ส่งเสียงดังรบกวน สร้างความเดือดร้อน ให้กับประชาชนในบริเวณใกล้เคียง อีกทั้งยังมีการปล่อยปละ ละเลยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้ามาใช้บริการ
ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง จึงได้ส่งสายลับเข้าทำการตรวจสอบ พบว่าสถานบริการแห่งนี้ ไม่มีใบอนุญาตตั้งสถานบริการ ไม่มีการตรวจบัตรประจำตัวประชาชน รวมถึงไม่มีการตรวจสอบอาวุธของนักเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการ ภายในร้านพบนักเที่ยววัยโจ๋ เข้ามาใช้บริการจำนวนมาก โดยจะปิดให้บริการในเวลา 24.00 น. และจะมีการเปิดให้บริการในอีกโซนหนึ่ง ซึ่งเป็นบริเวณผับลับ เมื่อถึงเวลาผับลับเปิด ทางร้านได้ทำการคลุมผ้าใบดำทั้งร้าน เพื่อพรางตาเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งมีนักเที่ยววัยโจ๋ แสร้งทำเดินออกไปหน้าร้าน คล้ายว่าสถานประกอบการดังกล่าวได้ปิดทำการแล้ว เมื่อถึงเวลา ผับลับเปิดกลุ่มนักเที่ยวซึ่งเป็นเด็กได้กลับเข้ามา และตรงไปยังทางเดินบริเวณสถานที่สำหรับสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นประตูทางเข้า ผับลับ โดยปกติเส้นทางตรงนี้หากไม่สังเกตุจะไม่พบว่ามีประตูสำหรับเข้าไปในผับลับ ต่อมาชุดสายลับจึงได้เข้าไปใช้บริการในโซนดังกล่าว พบมีการเล่นดนตรีสด และปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการจำนวนมาก และทำการปิดให้บริการในเวลา 01.30 น.

คืนวันที่ 21 ส.ค. 65 เวลา 00.30 น. นำโดย นายดุรงค์ฤทธิ์ ศิริวัฒนพันธ์ นายอำเภอแก่งคอย นายพุฒิชาติ จันทอง ป้องกันจังหวัดสระบุรี นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ และนางสุภาภรณ์ ชมชัย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการพัฒนาระบบงานยุติธรรมเด็กและเยาวชน กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จึงได้ทำการตรวจค้นจับกุมสถานประกอบการชื่อ “ละอ่อน” โดยพบว่าในร้านมีการปล่อยปละละเลยให้มีนักเที่ยววัยโจ๋ซึ่งมีอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้ามาใช้บริการ จำนวน 7 คน จากการสอบถามพบว่าทางร้านไม่มีการตรวจสอบอายุของผู้เข้าใช้บริการ รวมถึงไม่มีการตรวจสอบอาวุธของนักเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการ จึงสามารถเข้ามาใช้บริการได้ แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ปกครองในพื้นที่ จ.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีการเข้มงวดกวดขันให้สถานบริการหรือสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ในวันนี้จึงไม่มีการเปิดโซนผับลับ


จากการเข้าตรวจสอบสถานประกอบการดังกล่าว มีการให้บริการในลักษณะเป็น “สถานบริการ” แต่ไม่พบว่ามีใบอนุญาตตั้ง สถานบริการ ตาม พ.ร.บ. สถานบริการ พ.ศ.2509 และภายในร้านพบนักเที่ยวเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 7 คน ซึ่งหนึ่งในนี้มีอายุต่ำสุดเพียง 17 ปี โดยเมื่อเข้าตรวจสอบในโซนผับลับ พบว่ามีการใช้อาคารสถานที่ผิดประเภท และอาจมีการต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่มีช่องทางการหนีไฟ ไม่มีป้ายบอกทางหนีไฟ ไม่มีแสงสว่างเพียงพอ ไม่พบอุปกรณ์การถังดับเพลิง และประตูทางเข้า – ออก มีเพียงทางเดียว หากเกิดเพลิงไหม้ จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างประเมินค่าไม่ได้ หวั่นซ้ำรอย สัตหีบ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ว่าสถานประกอบการดังกล่าว ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต,จำหน่ายสุราให้แก่บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี ,จำหน่ายสุราเกินกว่าเวลาที่กฎหมายบัญญัติ ,ความผิดฐานโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม ,ส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร และยังเป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ 22/2558 เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทางและการควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ ข้อ 4 (1)-(4) ทั้งนี้ อ.แก่งคอย จะเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีเพื่อออกคำสั่งปิดสถานประกอบการดังกล่าวเป็นเวลา 5 ปี พร้อมทั้งประสาน อบต.ตาลเดี่ยวเข้าตรวจสอบอาคารสถานที่ดังกล่าว หากพบกระทำผิดกฎหมายจะให้มีการสั่งระงับการใช้อาคารต่อไป

นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง ได้กล่าวว่า ทั้งนี้กระทรวงมหาดไทยได้มีนโยบายให้เข้มงวดกวดขันสถานประกอบการที่ไม่ได้รับใบอนุญาต ไม่มีมาตรฐาน มีการปล่อยปละละเลยให้มีเด็กเข้ามาใช้บริการ หรือมีการฝ่าฝืนกฎหมายอื่นๆ หากพบว่ามีการร้องเรียนเข้ามายังกระทรวงมหาดไทย จะมีการตรวจสอบทุกแห่ง ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำความผิดจะมีการดำเนินคดีกับสถานประกอบการทุกแห่งทั้งทางอาญา พร้อมทั้งเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ปิดสถานประกอบการดังกล่าว เป็นระยะเวลา 5 ปี ตามกฎหมายโดยเคร่งครัด

ขอขอบคุณ.ภาพ-ข่าว กรมการปกครองเหยี่ยวขาว

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS-PRESS 082122

นายก อบต.พันท้ายนรสิงห์ มอบบ้านปันสุขเพื่อผู้ยากไร้ แห่งแรกของสมุทรสาคร

นายกองค์การบริหารส่วนตำบลพันท้ายนรสิงห์ มอบบ้านปันสุข เพื่อผู้ยากไร้ แห่งแรกของสมุทรสาคร เฟส 1 จำนวน 23 ห้อง มูลค่า 8 ล้านบาท

นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ให้เกียรติเป็นประธานเปิดโครงการ


วันที่ 18 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ที่โครงการหมู่บ้านปันสุข พันท้ายนรสิงห์ (เฟส 1) หมู่ที่ 3 ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร นายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการฯ พร้อม มอบบ้านปันสุขฯ จำนวน 23 ห้อง มูลค่าโดยรวมกว่า 8 ล้านบาท ให้แก่ครอบครัวผู้ยากไร้ของตำบลพันท้ายนรสิงห์ โดยมีนายวัฒนา แตงมณี นายก อบต.พันท้ายนรสิงห์ ในฐานะประธานมูลนิธิพันท้ายนรสิงห์ และเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินการโครงการบ้านปันสุข พันท้ายนรสิงห์ ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ที่ให้การสนับสนุนการจัดสร้างฯ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่จำนวนมาก ได้มาร่วมเป็นสักขีพยานพร้อมกับแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับมอบบ้านปันสุขพันท้ายนรสิงห์ที่จัดขึ้นนี้ ในการนี้ก็ได้มีการจัดพิธีทำบุญถวายภัตราหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ เพื่อสร้างความเป็นสิริมงคลแก่ผู้อยู่อาศัย และมอบประกาศเกียรติคุณให้แก่ผู้สนับสนุนสร้างบ้านปันสุขทั้ง 23 ห้องก่อนที่จะจัดมอบเครื่องอุปโภค บริโภคให้แก่ผู้เข้าพักอาศัยในแต่ละห้อง และที่หน้าห้องทุกห้องยังมีการติดกระดาษแจ้งปัญหา เพื่อให้เจ้าของห้องได้เขียนปัญหาที่พบอันจะนำไปสู่การแก้ไขให้ทุกคนมีความสุขในระดับหนึ่งอีกด้วย

นายวัฒนา แตงมณี นายก อบต.พันท้ายนรสิงห์ / ประธานมูลนิธิพันท้ายนรสิงห์


นายวัฒนา แตงมณี นายก อบต.พันท้ายนรสิงห์ / ประธานมูลนิธิพันท้ายนรสิงห์ กล่าวว่า โครงการก่อสร้างบ้านปันสุขพันท้ายนรสิงห์ (เฟส 1) นี้ ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 ซึ่งเกิดจากนโยบายในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยด้วยการสร้างบ้านพักให้กับครอบครัวผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส และผู้ไร้ที่พึ่งในสังคมในเขตพื้นที่ตำบลพันท้ายนรสิงห์ ตลอดจนยังเพื่อเป็นการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส และผู้ไร้ที่พึ่งทางสังคมให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งนี้องค์การบริหารส่วนตำบลพันท้ายนรสิงห์ จึงได้ร่วมกับ มูลนิธิพันท้ายนรสิงห์ และนิคมสหกรณ์บ้านไร่ ดำเนินการโครงการ “บ้านปันสุข พันท้ายนรสิงห์” โดยประสานกับภาคีเครือข่ายต่าง ๆ บริษัท ห้างร้านตลอดจนเพื่อนๆ ในการร่วมกันสนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างบ้าน รวมทั้งสิ้น จำนวน 23 ห้อง ให้แก่ครอบครัวผู้ที่ผ่านการพิจารณาอนุมัติความช่วยเหลือจากคณะกรรมการ ให้เข้าพักในโครงการฯ ได้


นายก อบต.พันท้ายนรสิงห์ กล่าวอีกด้วยว่า สำหรับ “โครงการบ้านปันสุข พันท้ายนรสิงห์” นี้ มีแนวทางการดำเนินโครงการโดยเริ่มจากการหาที่ดินที่จะทำโครงการ โดยได้จัดซื้อที่ดิน 3 งาน 10 ตารางวา ในบริเวณพื้นที่นี้ ด้วยงบประมาณส่วนตัว ในวงเงิน 2,300,000 บาท พร้อมกับจัดซื้อเนื้อที่ดินประกอบค่าถมปรับพื้นที่อีกจำนวน 600,000 บาท รวมเป็นเงินเบื้องต้น 2,900,000 บาท จากนั้นได้รวบรวมกลุ่มเพื่อน ผู้ที่มีจิตที่เป็นการกุศล ดำเนินการสร้างห้องพักพร้อมอยู่อาศัยให้กับผู้ยากไร้ โดยมีมูลค่าการก่อสร้าง ห้องละ 200,000 บาท จำนวนทั้งสิ้น 23 ห้อง รวมเป็นเงินค่าก่อสร้างทั้งสิ้น 4,600,000 บาท อีกทั้งยังมีการจัดสรรงบเพื่อการปรับภูมิทัศน์ถนนและเสริมความสวยงามประมาณ 400,000 บาท โดยทั้งหมดนี้สรุปเป็นงบประมาณเบื้องต้นรวมมูลค่าทั้งสิ้น 7,900,000 บาท แต่ยังไม่รวมถึงการดูแลด้านอาหาร ที่ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิพันท้ายนรสิงห์ กับ อบต.พันท้ายนรสิงห์ ตลอดจนการส่งเสริมอาชีพให้ผู้ที่อยู่อาศัยได้มีรายได้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งหากจะคิดมูลค่าโดยรวมทั้งหมดแล้วก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 8 ล้านบาท


นายวัฒนาฯ ยังกล่าวเสริมอีกว่า หลังจากนี้ทาง อบต.พันท้ายนรสิงห์ ยังได้มีการโครงการ “บ้านปันสุข พันท้ายนรสิงห์ เฟสที่ 2 ต่อ” โดยได้รับการสนับสนุนพื้นที่จากนิคมสหกรณ์บ้านไร่ เพิ่มเติมในการจะได้จัดทำโครงการบ้านปันสุขอีกจำนวน 2 แห่งได้แก่ 1) บริเวณที่ดินริมคลองหมู่บ้านพฤกษาบางขุนเทียน หมู่ที่ 6 และ 2) บริเวณหน้าวัดวิสุทธิวราวาส หมู่ที่ 6 โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัท กรุงเทพบ้านและที่ดิน จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนเนื้อที่ 2 งาน เพื่อรองรับสำหรับผู้ยากไร้ที่อยู่อาศัยและผู้ที่ขาดที่พึ่งพิงของตำบลพันท้ายนรสิงห์ต่อไปอย่างยั่งยืน ซึ่งการดำเนินโครงการฯ เฟส 2นั้น ยังอยู่ในระหว่างของการสำรวจข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์และวางแผนในการดำเนินการจัดสร้างต่อไปอย่างเร็วที่สุด


นายวัฒนา แตงมณี นายก อบต.พันท้ายนรสิงห์ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ตนเองในฐานะผู้นำท้องถิ่น รู้สึกมีความยินดีและปลาบปลื้มใจที่ได้มีส่วนช่วยผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส และผู้ไร้ที่พึ่งในสังคม โดยเฉพาะการได้เข้ามาดูแลพี่น้องประชาชนในตำบลพันท้ายนรสิงห์ ซึ่งเป็นถิ่นเกิดของตนเองและครอบครัว การได้เห็นรอยยิ้ม ได้เห็นว่าทุกคนมีความหวังมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งตนเองและพันธมิตรที่ให้การสนับสุนน ก็พร้อมที่จะเดินหน้าช่วยเหลือสังคมต่อไป
ขณะที่ผู้ยากไร้ฯ ซึ่งได้รับการพิจารณาให้เข้ามาอยู่ในโครงการบ้านปันสุข พันท้ายนรสิงห์ เฟส 1 นี้ ก็บอกว่า ตนเองรู้สึกซาบซึ้งใจและขอบคุณผู้ที่ให้การช่วยเหลือเป็นอย่างมาก เพราะบ้านเดิมนั้นแทบจะไม่สามารถป้องกันอะไรได้เลยแม้แต่ยุง พอได้มาอยู่ในโครงการนี้ตนเองและหลานสาว ก็รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น และขอขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมในการสร้างบ้านปันสุขให้แก่ผู้ยากไร้ในพื้นที่ตำบลพันท้ายนรสิงห์

ขอบคุณ.ภาพ-ข่าว ณัฐวุฒิ เอกจิโรภาส สมุทรสาคร

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS-PRESS รายงาน

ชาติไทยพัฒนาเปิดตัว “ศุภโชค” ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. นครปฐม อายุน้อยที่สุด เชื่อมั่นรวมรุ่นเก่า-รุ่นใหม่ มุ่งทำการเมืองสร้างสรรค์

ชาติไทยพัฒนาเปิดตัว “ศุภโชค” ว่าที่ผู้สมัครส.ส. นครปฐม อายุน้อยที่สุด เชื่อมั่นรวมรุ่นเก่า-รุ่นใหม่ มุ่งทำการเมืองสร้างสรรค์

เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ที่พรรคชาติไทยพัฒนา นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ,นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรค พร้อมนายอนุชา สะสมทรัพย์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายธีระ วงศ์สมุทร ที่ปรึกษาพรรค ,นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ร่วมแถลงข่าวเปิดตัว นายศุภโชค ศรีสุขจร หรือ สจ.ฟิล์ม ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. นครปฐม พรรคชาติไทยพัฒนา

นางสาวกัญจนา กล่าวว่า วันนี้เป็นวันสำคัญของพรรคชาติไทยพัฒนาอีกหนึ่งวัน ซึ่งวันนี้ชาวชาติไทยพัฒนามีความยินดีอย่างยิ่ง ที่ได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ นายศุภโชค ศรีสุขจร ที่นำพาโดย บ้านสะสมทรัพย์ ซึ่งเรามั่นใจอยู่แล้วว่าบ้านสะสมทรัพย์จะคัดเลือกคนมีคุณภาพเข้ามาร่วมงาน โดยครั้งนี้พรรคชาติไทยพัฒนาของเราจะมีสมาชิกพรรคเพิ่ม และเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่มีอายุน้อยที่สุดของพรรค เป็นการรวมรุ่นคนทำงานการเมือง ทั้งรุ่นใหม่และรุ่นเก่า เราจะแลกเปลี่ยน เสริมสรรพกำลังกัน เสริมทัพให้จังหวัดนครปฐมเข้มแข็ง ขยายเป็นพรรคขนาดกลาง เพิ่มตัวเลือกให้ประชาชนได้รับใช้มากขึ้น และเราจะขยายพื้นที่สร้างคนทำงานไปอีกหลาย ๆ ภาคเพื่อเตรียมสู้ศึกเลือกตั้งสมัยหน้า

นายวราวุธ กล่าวว่า สำหรับวันนี้เป็นการย้ำถึงจุดยืนของพรรคชาติไทยอีกครั้ง ว่าเราจะเดินไปข้างหน้าท่ามกลางความขัดแย้ง เราจะร่วมกันพาประเทศไทยฝ่าวิกฤตต่าง ๆ มองหน้าโอกาสใหม่ ๆ ให้แก่ประชาชน ซึ่งตนเชื่อมั่นว่าความรู้ ความสามารถของนายศุภโชค จะเข้ามาร่วมกันออกแบบพรรคไปข้างหน้า ทั้งนี้เราจะทยอยเปิดตัวผู้สมัครส.ส.ไปเรื่อย ๆ ตามวาระที่เหมาะสม และชาติไทยพัฒนา จะสามารถปักธงได้ในทุก ๆ จุดที่เราเลือก เราจะมีผู้สมัครคุณภาพในทุก ๆ ภาค และจะสร้างนโยบายพรรคให้เหมาะกับคนทุกกลุ่มต่อไป

นายศุภโชค กล่าวว่า ตนขอขอบคุณหัวหน้าพรรคและสมาชิกพรรคผู้ให้การสนับสนุนทุกคน ที่มาร่วมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ส่วนตัวตนเชื่อเรื่องความหลากหลายทางความคิด การทำงานร่วมกันระหว่างคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ จะนำพาพรรคให้เข้มแข็ง และจะเข้ามาสานต่อ เติมเต็มนโยบาย ให้ตอบโจทย์คนทุกกลุ่ม ด้วยการนำประสบการณ์ที่เรียนรู้มาทำงานอย่างเต็มที่

ทั้งนี้ นายศุภโชค ศรีสุขจร อายุ 28 ปี จบการศึกษาจาก Columbia University in the City of New York และมีประสบการณ์ทางการเมือง โดยเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม ซึ่งตลอดการทำงานในพื้นที่จังหวัดนครปฐม นายศุภโชคได้เฝ้ามองการทำงานของพรรคชาติไทยพัฒนา และตระกูลสะสมทรัพย์ ที่ดูแลชาวนครปฐมเป็นอย่างดี จึงเชื่อมั่นในการทำงานว่าพรรคชาติไทยพัฒนาจะตอบโจทย์ชาวนครปฐมในสนามเลือกตั้งครั้งหน้า

Cr.พรรคชาติไทยพัฒนา นครปฐม

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS-PRESS รายงาน

นักวิชาการธรรมศาสตร์ เห็นร่วม ‘รองศานนท์’ ชูสร้างพื้นที่ปลอดภัยเพื่อการมีส่วนร่วมทางการเมืองของเยาวชน

วงเสวนาเห็นร่วม สร้าง “พื้นที่ปลอดภัย”ให้เยาวชนในการแสดงออกทางความคิด “ศานนท์” รองผู้ว่าฯกทม.ย้ำกทม.จัดพื้นที่ปลอดภัยคือจุดเริ่มต้นของการมีส่วนร่วมทางการเมือง ขณะที่นักวิชาการชี้ การเมืองไม่ใช่แค่เลือกตั้งแต่คือวิถีชีวิต

ในวงเสวนา เรื่อง “เยาวชน การเมืองและข่าวปลอม” ที่หอประชุมศรีบูรพา(หอประชุมเล็ก) ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา มีวิทยากรจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่สำคัญ คือนายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร  ,ดร.มนต์ศักดิ์ ชัยวีระเดช  อาจารย์ประจำคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ม.ธรรมศาสตร์   ,น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีไชย ผู้สื่อข่าวสามมิติและผู้ก่อตั้งสำนักข่าว The Reporter และ นายธนกร วงษ์ปัญญา บรรณาธิการข่าวการเมือง The Standard

นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 


นายศานนท์ กล่าวว่า ปัญหาการมีส่วนร่วมทางการเมืองของเยาวชนต้องมองไปที่รากของปัญหาคือ การขาดการมีพื้นที่ปลอดภัยในการแสดงออกแสดงความคิดเห็น ที่ผ่านมามีวัฒนธรรมกดทับหลายเรื่องจนทำให้ไม่เกิดการมีส่วนร่วมจากเยาวชน เมื่อมีพื้นที่ปลอดภัยจะเกิดการมีส่วนร่วม เช่นกทม.กำลังจะทำ”ย่านสร้างสรรค์”

ชุมชนไหนอยากเปลี่ยนแปลง 10ชุมชนนำร่อง เยาวชนและชุมชนแจ้งมาว่าอยากทำถนนคนเดิน อยากทำกีฬา เราเริ่มเปลี่ยนจากการสั่งการจากกทม.ไปเขตให้ทำตามนโยบายแต่ดูว่าสิ่งที่ต้องการจากชุมชนขึ้นมาคืออะไรแล้วกทม.จะสนับสนุน ให้ชุมชนที่อยากผลักดันชุมชนตัวเอง รากของการสร้างการมีส่วนร่วมขั้นพื้นฐาน


“อย่าไปมองว่าไปม๊อบไปโครงสร้างใหญ่มองจากเริ่มใกล้ตัวบ้านตัวเอง  กทม.กำลังสนับสนุนสิ่งนี้ เมืองจะดีขึ้นได้ไม่ใช่กทม.ทำ เมืองจะดีต้องให้เยาวชนเข้มแข็ง ชุมชนเข้มแข็ง สิ่งเหล่านี้เกิดไม่ได้ถ้าไม่มีพื้นที่ปลอดภัยไม่มีวัฒนธรรมทางสังคมที่ดี เมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น การมีส่วนร่วมทางการเมืองหรือด้านอื่นๆก็จะตามมา”

ดร.มนต์ศักดิ์ ชัยวีระเดช  อาจารย์ประจำคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ม.ธรรมศาสตร์ 


ดร.มนต์ศักดิ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาสังคมมักจะผลักคำว่าการเมืองออกไปไกลตัวของเยาวชน  แต่ในความเป็นจริงการเมืองคือกระบวนการตัดสินใจในการมีส่วนร่วมในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง การเมืองคือวิถีชีวิตตั้งแต่บริบทของครอบครัว โรงเรียน มหาวิทยาลัย และสังคม เช่น การตัดสินใจกินข้าวนอกบ้าน การตัดสินใจเข้ามหาวิทยาลัย การเมือง มีทั้งเรื่องหน้าที่ และสิทธิคือเสรีภาพในการแสดงออกแสดงความคิดเห็น แต่ตั้งแต่ในอดีตถึงปัจจุบัน ถูกปลูกฝังให้กับเยาวชนว่าให้รู้แค่หน้าที่ ซึ่งหลายเรื่องอาจไม่สอดคล้องกับสิทธิและหน้าที่หรือไม่ ดังนั้นสิ่งที่ควรจะทำคือการสร้างบรรยากาศให้เกิด Active citizen 


“สังคมเรายังไม่สามารถแสดงออกทางความคิดเห็นได้อย่างอิสระ  สังคมยังมีการตีกรอบกดทับ สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงได้คือการมีพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการแสดงออกทางความคิดเห็น ขณะที่ส่วนสำคัญสำหรับเยาวชนในการมีส่วนร่วมทางการเมืองคือ การเปิดใจให้เริ่มจากการฟังและเริ่มตั้งคำถามได้เช่นการแต่งตัวชุดนักศึกษา แต่งกายตามเพศสภาพ การไว้ผมยาว  สิ่งเหล้านี้ทำได้หรือไม่อย่างไร”


สำหรับวงเสวนาดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัย “การเมืองเยาวชนร่วมสมัยกับการส้รางเครือข่ายการมีส่วนร่วมทางการเมืองรู้เท่าทันข่าวปลอม” โดยมีหัวหน้าวิจัยคือ ผศ.ดร.วิไลวรรณ จงวิไลเกษม  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และดร.นิพนธ์ ตั้งแสงประทีป โปรดิวเซอร์ และผู้ดำเนินรากยาร Big story ไทยพีบีเอส ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.)

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS-PRESS รายงาน

อำเภอโนนสะอาด อุดรธานี ติดตั้ง “ตู้ราชสีห์” รับเรื่องร้องทุกข์และแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่

อำเภอโนนสะอาด อุดรธานี นำร่องติดตั้ง “ตู้ราชสีห์” รับเรื่องร้องทุกข์และแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่

ที่ทำการกำนันตำบลโคกกลาง อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี นายวันชัย จันทร์พร รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วย นายชวิศ ป้องขันธ์ นายอำเภอโนนสะอาด ร่วมทำพิธีส่งมอบและติดตั้ง “ตู้ราชสีห์” รับเรื่องร้องทุกข์ (ทุกเรื่อง) โดยมี นายอนันต์ ละครมูล กำนันตำบลโคกกลาง พร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ ร่วมพิธี

นายวันชัย จันทร์พร รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทย ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลในการขับเคลื่อนศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.) โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยคำว่า “ความยากจน” หมายถึง ทุกปัญหาความเดือดร้อนที่ประชาชนประสบอยู่และไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง” และมอบหมายให้ศูนย์อำนวยการปฏิบัติการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอำเภอ (ศจพ.อำเภอ) ดำเนินการแก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จในระดับอำเภอ ตามกรอบระยะเวลาการทำงาน และวัตถุประสงค์ในการขับเคลื่อน นอกจากนี้ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบนโยบายในการประชุมติดตามการขับเคลื่อนการดำเนินงานร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดในสังกัดกระทรวงมหาดไทย และนายอำเภอ ทุกอำเภอ ในการมุ่งมั่นขับเคลื่อนการบริหารราชการในระดับพื้นที่โดยยึดหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) ตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัด ได้กำกับติดตามการปฏิบัติงานของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการให้บริการประชาชน รวมถึงที่ว่าการอำเภอทุกแห่งที่มีลักษณะงานในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนในท้องที่ ท้องถิ่น ได้ริเริ่มสร้างสรรค์กิจกรรมหรือวิธีการที่ทำให้พี่น้องประชาชนสามารถเข้าถึงบริการหรือสามารถสื่อสารข้อมูลระหว่างประชาชนกับภาครัฐได้อย่างใกล้ชิดและสะดวกมากยิ่งขึ้น โดย นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้ให้ความสำคัญและมอบหมายให้รองผู้ว่าราชการจังหวัด ได้กำกับติดตามการดำเนินงานของทุกอำเภอเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย และสนองตอบต่อปณิธานการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข พี่น้องประชาชนที่คนมหาดไทยได้ยึดถือปฏิบัติมาเป็นระยะเวลากว่า 130 ปี “ในขณะนี้ยังมีพี่น้องประชาชนกลุ่มผู้สูงอายุบางส่วนยังไม่มีโทรศัพท์รุ่นสมาร์ทโพน รวมทั้งยังเข้าไม่ถึงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ (โซเชียลมีเดีย) ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรือไลน์ ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงบริการหรือสื่อสารกับภาครัฐในระดับพื้นที่ได้โดยสะดวก จึงเป็นที่มาของการติดตั้ง “ตู้ราชสีห์”

เพื่อเป็นช่องทางในการร้องเรียนร้องทุกข์ของพี่น้องประชาชนให้ได้อย่างทั่วถึงในทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ของอำเภอโนนสะอาด และยังเป็นช่องทางในการรับคำร้องขอจดทะเบียนการดำเนินการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงระดับอำเภอ (ศจพ.อำเภอโนนสะอาด) เพื่อให้ประชาชนครัวเรือนเป้าหมายสามารถเข้าถึงช่องทางการติดต่อสื่อสารกับภาครัฐอีกด้วย” นายวันชัยฯ กล่าวเน้นย้ำ นายชวิศ ป้องขันธ์ นายอำเภอโนนสะอาด กล่าวว่า อำเภอโนนสะอาด ได้ดำเนินการติดตั้ง “ตู้ราชสีห์” ในพื้นที่อำเภอโนนสะอาด รวมจำนวน 70 ตู้ แบ่งเป็น บริเวณที่ว่าการอำเภอโนนสะอาด จำนวน 4 ตู้ กระจายโดยรอบ ทั้งบริเวณอาคารที่ว่าการอำเภอ หอประชุมอำเภอโนนสะอาด และได้ทยอยส่งมอบเพื่อติดตั้งในพื้นที่หมู่บ้านทั้ง 66 หมู่บ้าน โดยได้รับความร่วมมือจากชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอโนนสะอาดในการขับเคลื่อนอันจะส่งผลให้พี่น้องประชาชนได้รับการบริการที่ดี และสามารถเสนอแนะหรือขอรับความช่วยเหลือผ่านตู้ดังกล่าว ทั้งยังเป็นการก้าวไปสู่การยกระดับงานบริการประชาชนเพื่อความยั่งยืนในมิติอำเภอวิถี...ใหม่ อีกทางหนึ่งด้วย ด้าน

นายอนันต์ ละครมูล กำนันตำบลโคกกลาง กล่าวว่า ชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอโนนสะอาด ได้รับมอบหมายจากท่านนายอำเภอโนนสะอาดในการร่วมดำเนินงานเพื่อดูแลชีวิต ดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชนลูกบ้านในตำบล/หมู่บ้าน ซึ่ง “ตู้ราชสีห์” ที่ได้ติดตั้งในครั้งนี้นั้น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยใหญ่บ้าน จะได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเปิดตู้เป็นประจำทุกสัปดาห์ เพื่อนำข้อเสนอแนะ ข้อร้องเรียน รวมถึงคำร้องตามนโยบายแก้ปัญหาความยากจนของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย เพื่อนำเสนอท่านนายอำเภอ พิจารณาดำเนินการต่อไป

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS-PRESS รายงาน 040522

แม่ค้านครปฐมสุดปังได้รับอานิสงส์จาก”น้องมิลลิ”ข้าวเหนียวมะม่วงขายดีมาก หลังซบเซาจากผลโควิด-19 มานาน

ขอขอบคุณภาพน้องมิลลิ จาก Google

กระแสข้าวเหนียวมะม่วงมาแรง แม่ค้านครปฐมสุดปังได้รับอานิสงส์จาก”น้องมิลลิ”ขายดีมาก จากซบเซาจากผลโควิด-19 มานาน

เมื่อวันที่ 20 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก “น้องมิลลิ” ดนุภา คณาธีรกุล อายุ 19 ปี แร็พเปอร์สาว ขึ้นแสดงบนเวทีโคเชลลา (Coachella) แล้วกินข้าวเหนียวมะม่วงโชว์ ทำให้เกิดกระแส “ข้าวเหนียวมะม่วง” ขึ้นนั้น ที่หน้าสถานีรถไฟนครปฐม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐมที่เป็นแหล่งรวมร้านขายข้าวเหนียวมะม่วง ของคนนครปฐม มีลูกค้าทะยอยมาซื้อข้าวเหนียวไม่ขาดสาย

  เจ๊นันท์ กล่าวว่า ปกติขายข้าวเหนียวมูน หรือข้าวเหนียวมะม่วง ประจำอยู่หน้าสถานีรถไฟมาหลายสิบปี มีข้าวเหนียวมูน มะม่วงน้ำดอกไม้ มะม่วงอกร่อง สังขยา และน้ำกะทิทุเรียน ช่วงโควิดค้าขายยาก และเศรษฐกิจก็ไม่ดี ขายข้าวเหนียวมูน มะม่วง ประทังชีวิตไปวันๆ แต่สองวันนี้ขายดีผิดปกติ เพิ่งรู้ว่ามีนักร้องเอาข้าวเหนียวมะม่วงไปกินบนเวที ทำให้เกิดกระแส คนกินข้าวเหนียวมะม่วงขึ้น ทำให้การค้าคึกคัก ขอบใจนะ”มิลลิ” มาช่วยชีวิตป้า

  ด้านป้าณีย์ เจ้าของร้านกล้วยทอด ข้าวเหนียวมะม่วงเจ๊ณีย์ กล่าวว่าปกติขายกล้วยทอด ระยะหลังมาขายข้าวเหนียวมะม่วงเสริม สองวันนี้ตั้งแต่มีกระแสข้าวเหนียวมะม่วงขึ้น ขายดีมาก
ข้าวเหนียวมูนนครปฐมบ้านเราขึ้นชื่ออยู่แล้ว เพราะนครปฐมเป็นแหล่งทำข้าวหลามที่บ้านพระงาม ใกล้สถานีรถไฟนครปฐมนี้ ทำให้ย่านหน้าสถานีรถไฟนี้จะมีร้านข้าวเหนียวมูนหลายร้าน แต่รสชาติไม่แตกต่างกัน ข้าวเหนียวเม็ดเป็นตัวสวย และหวานมันกะทิสด น้ำกะทิราดหอมหวาน เป็นเอกลักษณ์ และที่สำคัญข้าวเหนียวมูนนครปฐมส่วนใหญ่ใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงูคัดพิเศษ ชนิดเดียวกับที่ทำข้าวหลาม

ขอบคุณข้อมูล ทวีพล หลิมชัยสุวรรณ

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS-PRESS รายงาน 200422

ผบช.ภ.7 แถลงข่าวตำรวจเมืองมหาชัย จับมือยิง 3 ศพ ตามยุทธการ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก”

เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2565 ที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย
พล.ต.ต.อภิชาติ วรรณภักดิ์
ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร
พ.ต.อ.พัฒน์ปกรณ์ ชั้นประเสริฐ
รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร
พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย อินทรปรีชา
รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร
พ.ต.อ.ธนากร วงศ์สิริลักษณ์
ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร
พ.ต.อ.เชิดศักดิ์ รอดเข็ม
ผกก.สส.2 ภ.7
พ.ต.อ.ยอดชาย แก้วเรือง
ผกก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร
และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 1 ราย ซึ่งก่อเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นมีผู้เสียชีวิต 3 ราย คือ นายธีรเมศร์ แก้วหะ อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ จ.88/2565 ลงวันที่ 8 เม.ย. 65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต”

พร้อมตรวจยึดของกลาง

  1. รถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ100 สีเทา ทะเบียน กบค 270 สมุทรสาคร จำนวน 1 คัน (รถที่ใช้ก่อเหตุและหลบหนี)

โดยแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับให้ทราบว่า “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต”

พฤติการณ์กล่าวคือ
เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 65 เวลาประมาณ 11.30 น. สภ.เมืองสมุทรสาคร รับแจ้งมีคนร้ายก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จำนวน 3 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายธีรเมศร์ แก้วหะ ที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย แล้วขับขี่รถจักรยานยานต์หลบหนีไป
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบภาพคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์คันก่อเหตุหลบหนีไป จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับ ซึ่งศาลจังหวัดนครปฐมอนุมัติหมายจับที่ จ.88/2565 ลงวันที่ 8 เม.ย. 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนติดตามติดตามคนร้ายตามเส้นทางหลบหนีทราบ ทราบว่าคนร้ายหลบหนีทิ้งรถจักรยานยนต์คันก่อเหตุไว้บริเวณ ซ.พัฒนา 3 ต.หญ้าแพรก อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร จึงได้สืบสวนติดตามจนทราบว่าคนร้ายหลบหนีไปพักอาศัยในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพฯ จึงได้สืบสวนกดดันคนร้ายจนกระทั้งสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้บริเวณพื้นที่ ต.บางน้ำจืด อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร นำตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางนำส่ง พงส.สภ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องรวบรวมพยานหลักฐานในคดีให้รอบคอบ เพื่อให้สามารถดำเนินคดีลงโทษผู้กระทำผิดและผู้เกี่ยวข้องได้จนถึงที่สุด รวมถึงสืบสวนขยายผลถึงผู้ให้ความช่วยเหลือ ให้ที่พำนักผู้กระทำความผิดให้ให้ถูกจับกุม ตามคติที่ว่า “คนดีต้องอยู่เย็นเป็นสุข คนร้ายต้องอยู่ร้อนนอนทุกข์ ซึ่งการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดหลักการทำงานแบบ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” จนสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่พี่น้องประชาชน

ในนามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค 7 ได้ฝากถึงประชาชนว่าตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ และขอชมเชยเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้ทำงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมส่วนรวม และขอให้รักษาความดีนี้ไว้สืบต่อไป

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS-PRESS รายงาน

ส.ส.โหน่ง ติดตามงานขยายช่องทางถนนแยกพระแท่น-กำแพงแสน เพื่อแก้ปัญหารถติดสะสมแยกไฟแดง

นายพาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์ ( ส.ส.โหน่ง) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 2 จ.นครปฐม ติดตามงานขยายช่องทางถนนแยกพระแท่น-กำแพงแสน เพื่อแก้ปัญหารถติดสะสมแยกสัญญาณไฟจราจร

ชมคลิป.แถลงในสภาฯ

วันที่ 7 เมษายน 2565 นายพาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์ (ส.ส.โหน่ง ) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 2 จ.นครปฐม พรรคชาติไทยพัฒนา ลงพื้นที่อำเภอกำแพงแสน พร้อมกับนายธนพันธ์ โชคดำรงสุข ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหัวัดนครปฐม  ส.อบจ.เขตอำเภอกำแพงแสน เพื่อตรวจเยี่ยมติดตามการก่อสร้างถนนสายกำแพงแสน-พระแท่น ส่วนขยายขาเข้า ตัดถนนมาลัยแมน ตำบลกำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เป็นการเพิ่มเส้นทางเบี่ยงช่องซ้ายอีกหนึ่งช่องทางเพื่อให้ยานพาหนะ ของประชาชนที่มุ่งหน้าเข้าชุมชน มาจากพระแท่น จ.กาญจนบุรีไป จ.สุพรรณบุรี ได้ใช้ช่องทางที่สะดวกมากขึ้น ลดปัญหาการจราจรติดขัด และรถติดสะสมในผิวจราจรช่วงเวลาเร่งด่วน และลดอุบัติเหตุได้เป็นอย่างดี

  นายพาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์  กล่าวว่า โครงการขยายช่องทางเพิ่มถนนพระแท่น-กำแพงแสน นี้เป็นโครงการที่ตนได้ขอยื่นอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อของบประมาณมาดำเนินการ 30ล้านบาท เพื่อลดปัญหาการจราจร และลดอุบัติเหตุ เนื่องจากถนนเส้นนี้เป็นถนนเส้นทางตัดระหว่างเมือง (อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม – อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี) ถนนเส้นนี้เป็นเส้นทางที่มีรถบรรทุกขนาดใหญ่ เช่น รถบรรทุกทราย รถบรรทุกอ้อย และพืชผลการเกษตร รถยนต์ส่วนบุคคล ใช้เส้นทางนี้จำนวนมากทุกวัน และในช่วงวันเสาร์-วันอาทิตย์ จะมีรถนักท่องเที่ยวกลับจาก จ.กาญจนบุรี วิ่งมาทางนี้เพื่อขึ้นถนนมาลัยแทน ไปตาม.สุพรรณบุรี ไป จ.ปทุมธานี จ.นนทบุรี จ.พระนครศรีอยุธยา และกรุงเทพมหานคร  เป็นจำนวนมาก เมื่อแล้วเสร็จถนนส่วนขยายเส้นนี้จะอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนเป็นอย่างมาก

  ด้านนายธนพันธ์ โชคดำรงสุข หรือ ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหัวัดนครปฐม  ส.อบจ.เขตอำเภอกำแพงแสน กล่าวว่าการขยายถนนเพิ่มช่องทางด้านซ้ายแก่ถนนเส้นนี้ตั้งแต่ประตูมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ฝั่งโรงเรียนสาธิต จะช่วยการระบายรถได้เป็นอย่างดี เพราะช่วงโรงเรียนเปิด จะมีผู้ปกครองมาส่งลูกหลานจำนวนมากทำให้มีรถยนต์จอดสะสมมากทำให้การจราจรติดขัด เพราะเดิมมีแค่ 2 ช่องทาง ก็ต้องขอขอบคุณส.ส.โหน่ง ที่คอยดูแลแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนชาวกำแพงแสน เพราะถนนสายกำแพงแสน-พระแท่น นี้เป็นถนนหลักเชื่อมระหว่าง 3 จังหวัด มีรถบรรทุกขนาดใหญ่ใช้จำนวนมาก

ข้อมูล ภาพ-ข่าว ทวีพล หลิมชัยสุวรรณ

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS-PRESS รายงาน

อบจ.นครปฐม แต่งดำแสดงสัญลักษณ์ พร้อม อบจ.ทั่วประเทศ ประทัวงรัฐฯ โอน รพ.สต.ให้บริหาร แต่ไม่จัดงบให้ตามข้อตกลง.

วันจันทร์ที่ 4 เมษายน 2565 ที่หน้าองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม (อบจ.) นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วย สมาชิกสภาฯ ประธาน อสม., ผอ.รพ.สต. ในจังหวัดนครปฐม และส่วนราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม พร้อมใจกันแสดงสัญลักษณ์ด้วยการแต่งกายชุดดำ พร้อมร่วมถือป้ายเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาอุปสรรคในการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต.
       โดยในวันนี้ทาง อบจ.ทุกแห่งทั่วประเทศที่ได้ดำเนินภารกิจถ่ายโอน รพ.สต. จะพร้อมใจกันแสดงสัญลักษณ์นี้โดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อร่วมกันยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีและจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อไป


นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า วันนี้พวกเราชาว อบจ.ทั่วประเทศได้ร่วมกันแต่งชุดดำแสดงสัญลักษณ์ ให้รัฐบาลหรือหน่วยงานที่โอนภารกิจ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ให้ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือ อบจ.มาบริหาร แต่ทางรัฐฯ ไม่จัดสรรงบประมาณตามประกาศคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทำให้เรา อบจ.ทั่วประเทศไม่สามารถบริหารจัดการได้
  โดยทาง อบจ.นครปฐม ได้รับโอน รพ.สต.มาทั้งหมด 134 แห่งแบ่งเป็น 3 รอบ รอบแรกผ่านการประเมินจำนวน 36 แห่ง เราของบไป ทั้งสิ้น 399,029,700 บาท ได้อนุมัติมาแค่ 14,172,100 บาทจาก 36 แห่ง เหลือ 4 แห่ง และ 4 แห่งนี้จากงบ แห่งละ 1-2 ล้าน ได้มาแค่แห่งละ 4 แสน  ทำให้ทาง อบจ.ทั้งทางนครปฐม และทั่วประเทศได้รับผลกระทบเหมือนกัน เราจึงออกมาแต่งชุดดำแสดงให้ทางรัฐบาลรับทราบปัญหา.

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS-PRESS รายงาน

นครปฐม..ผบช.ภ.7 แถลงจับก๊วนวัยรุ่น มั่วสุมยา พกพาอาวุธปืน

ผบช.ภ.7 แถลงจับก๊วนวัยรุ่น มั่วสุมยา พกพาอาวุธปืน

เมื่อเวลา 15.30น.วันที่ 25 มีนาคม ที่สภ.เมืองนครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์
ผบช.ภ.7แถลงว่าพล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์
ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.พงษกร  อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม ว่าที่ พ.ต.อ.อรรถการ กองสุผล ผกก.สส.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ไพบูลย์ แพรสีนวล ผกก.สภ.เมืองนครปฐม พร้อมพวกสืบสวน จับกุม กลุ่มวัยรุ่นลักลอบจัดปาร์ตี้ยาอี และเสพยาเสพติด ในรีสอร์ทแห่งหนึ่งหมู่3 ต.วังตะกู อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2565 เวลาประมาณ 00.30 น. เป็นชาย หญิง รวมกัน 24 คน และตรวจยึดอาวุธปืนขนาด 9 มม.จํานวน 5 กระบอก อาวุธปืนขนาด11มม.จํานวน3กระบอก(อาวุธปืนรวม 8 กระบอก เป็นปืนมีทะเบียนจํานวน 7 กระบอก และไม่มีทะเบียนจํานวน 1 กระบอก) เครื่องกระสุนปืน จํานวน 67 นัด
ยาเคตามีน จํานวน 20.1 กรัม และยาอี จํานวน 6 เม็ด

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาฝ่าฝืนพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ทั้งหมด24 คน และแบ่งกลุ่มผู้ต้องหาตามข้อหาความผิดเป็น 4 กลุ่ม มีผู้ต้องหาที่กระทําความผิด ตาม พรบ.อาวุธปืนฯ จํานวน 5 ราย ผู้ต้องหาที่กระทําความผิด ตาม พรบ.อาวุธปืนฯ และ พรบ.ยาเสพติดฯ จํานวน 3 ราย ผู้ต้องหาที่กระทําความผิด ตาม พรบ.ยาเสพติดฯ จํานวน 8 ราย และผู้ต้องหาที่ตรวจไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย และผลตรวจไม่พบสารเสพติด อีกจำนวน 8 ราย ได้แจ้งข้อหา “ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558”

ผบช.ภ.7 กล่าวว่า ตามวันและเวลาเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตํารวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่า ที่เกิดเหตุมีกลุ่มวัยรุ่นมา เปิดห้องพักลักลอบมั่วสุมเสพยาเสพติดและส่งเสียงดัง หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ไปตรวจสอบ เมื่อไป ถึงพบกลุ่มวัยรุ่นมั่วสุมอยู่ จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตํารวจ ตรวจสอบพบกลุ่มบุคคลจํานวน 24 คนรวมตัว มั่วสุมกัน จึงทําการแยกชาย-หญิงและทําการตรวจค้นพบสิ่งของผิดกฎหมาย จึงยึดไว้เป็นของกลาง จากนั้นนํา ตัวกลุ่มบุคคลดังกล่าวไปตรวจสารเสพติด พบบางส่วนมีสารเสพติด จึงจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นําส่งพนักงานสอบสวน

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS▪︎PRESS รายงาน

จากสื่อมวลชน..”สู่นักชงมืออาชีพ”

22-02-2022 ถือเป็นวันดีผู้รู้บอกว่า 200 ปีจะมีครั้งหนึ่ง KEY8 NEWS▪︎PRESS ก็เลยถือโอกาสเป็นวันปฐมฤกษ์เปิดคอลัมน์ “ร้อยเรื่องเล่า” (Hundrdes of stories) ที่หาเรื่องหลากหลายมาเล่าให้ฟังจากวิถีชีวิตคน จากอาชีพทำมาหากิน สำหรับเรื่องเล่าเรื่องแรกที่อยากเล่าในวันนี้ เป็นเรื่องของเพื่อนนักข่าวนครปฐมคนเจดีย์ใหญ่บ้านเรานี่เอง

อาชีพสื่อมวลชน หรือที่เรียกกันแบบบ้านๆ ว่า “นักข่าว” ถือว่าเป็นอาชีพที่มีเกียรติและมีศักดิ์ศรี แต่จะยึดอาชีพนี้เพื่อเลี้ยงครอบครัวเป็นหลักอย่างเดียวคงยาก โดยเฉพาะสื่อต่างจังหวัด ดังนั้นสื่อหลายคนต้องหาอาชีพเสริมเลี้ยงครอบครัว เพื่อสร้างรายได้เสริม

ทวีพล หลิมชัยสุวรรณ
ผู้สื่อข่าว’มติชน’ จังหวัดนครปฐม

ทวีพล หลิมชัยสุวรรณ หรือตี๋ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์มติชนประจำจังหวัดนครปฐม หรือที่ทุกคนรู้จักกันในนาม “ตี๋ มติชน” ที่เดินเส้นทางสายสื่อมาเกิน 25 ปี ปัจจุบันเปิดร้านกาแฟในตรอกเล็กๆ ชื่อ ” 8 Success “

ทวีพลได้เปิดใจว่า.. ทำไมถึงเปิดร้านกาแฟและก็เป็นเพียงร้านเล็กๆ ที่ไม่เน้นทำเล บนความท้าทายของธุรกิจกาแฟในยุคปัจจุบัน ที่มาของ 8 Success coffee คืออะไร คำถามนี้มันกว้างมากเลย ผมว่ามันเป็นคำถามขั้นพื้นฐานทั่วไป มากกว่า เพราะชื่อร้านเราก็บอกอยู่แล้ว ว่าเราเกิดมาจากความสำเร็จ มิได้เกิดมาเพื่อความสำเร็จ เลข 8 คือ เลขมงคลของผมคือ ผมเกิดวันที่ 8 ส่วน Success หมายถึงความสำเร็จ เพราะสิ่งที่ผมจะทำในแต่ละสิ่ง ผมมีการวิเคราะห์ มีการสืบค้น เรียนรู้ เพื่อให้ถึงแก่นมิใช่รู้เพียงกระพี้ และนั่นคือสิ่งที่สำคัญ

สถานที่ร้านอยู่หลังธนาคารไทยพานิชย์ สาขาใหญ่ตลาดนครปฐม
แจ็ก แปปโฮ ลูกค้าประจำร้าน

บริการจากใจ. การบริการของผมจะให้เกียรติลูกค้าทุกคน ผมจะส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุด ที่สรรหามาด้วยองค์ความรู้เสิร์ฟให้ลูกค้า ทุกเสิร์ฟล้วนมาจากใจ มาจากความรัก และหลงไหลในกาแฟ

อยากแบ่งปันรสชาต. ผมเชื่อสนิทใจว่า หากเรารักในรสชาตของกาแฟแบบนี้ เราก็อยากแบ่งปันรสชาตกาแฟแบบนั้นให้แก่คนที่รัก เพราะเราตระหนักว่า ลูกค้าทุกคนที่แวะเวียนมา หรือลูกค้าประจำ เป็นเสมือนญาติ เสมือนคนรักของเรา

ลูกค้าคือเพื่อนพี่น้อง. ทุกเช้าผมต้องกระตือรือร้นเพื่อรอการมาเยือนของญาติและเพื่อนรักที่เข้ามาดื่มกาแฟแก้วแรก จากมือผม ผมจะชะเง้อมองเฝ้าสังเกตุทุกเช้าเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว ญาติ และเพื่อนรักผมทำไมยังไม่มา ด้วยความห่วงหา มากกว่าหวังเงินทอง ทำเลร้านผมอาจดูไม่ใหญ่โต แต่สิ่งที่ผมกล่าวมาข้างต้นต่างหากที่ผมทำมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา บนโลกใบน้อยๆ ในอาณาจักรเล็กๆ ริมทางรถไฟ หลังสถาบันการเงินสีม่วง (ธนาคารไทยพานิชย์)

ทวีพลกล่าวว่าทิ้งท้าย..ตรรกะของเราคือ เราต้องการให้ทุกคนได้ดื่มกาแฟในแบบที่เราคิดเอาไว้ และถ้าคุณเลือกกาแฟที่รสชาตที่อร่อยมากกว่าบรรยากาศ “เราว่าคุณมาถูกทาง”
แต่อาจจะไม่มีอะไรอร่อยสักอย่าง ถ้าคุณตั้งเงื่อนไขว่าไม่ชอบ เราอยากให้คุณได้ดื่มกาแฟที่เราคิด สรรหามาก่อน แล้วค่อยมาบอกว่าอะไรอร่อย ดีกว่า ซึ่งเราไม่กล้าที่จะบอกว่าเราดีกว่าใคร เพียงแต่สิ่งที่เราได้คิด สรรหามานั้น เพียงแค่ต้องการให้คุณๆ ได้ดื่ม ในสิ่งที่เรารัก สิ่งที่เราค้นคิดไว้ ตาม Concept ของ 8 Success coffee คือเราจะเสิร์ฟน้ำผลไม้สีทอง ที่เราคิดว่าเหมาะสมที่สุดแล้วให้กับคนที่เรารักและญาติมิตรของเราเพราะ "กาแฟที่เราชง เราใส่ใจในทุกแก้ว"

เส้นทางไปชิมกาแฟ 8 Success Coffee
https://maps.app.goo.gl/PsR5hqi5Kg9mXJMi7

“ร้อยเรื่องเล่า” By Key8 News▪︎Press 22022022

นครปฐม.จัดกิจกรรมจำหน่ายสินค้าราคาถูก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน

จังหวัดนครปฐมจัดกิจกรรมจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาประหยัด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน

วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บริเวณโดม หน้าองค์พระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม นายรัฐศาสตร์ ชิดชู รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เป็นประธานเปิดกิจกรรมจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาประหยัดให้กับประชาชน โดยจังหวัดนครปฐม ร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานพาณิชย์ สำนักงานปศุสัตว์ สำนักงานประมง สำนักงานเกษตร สำนักงานสหกรณ์ สำนักงานพัฒนาชุม สำนักงานอุตสาหกรรม สำนักงานประชาสัมพันธ์ สถานประกอบการ บริษัทผู้ผลิตสินค้า ทั้งรายใหญ่และรายย่อย กลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มสหกรณ์ กลุ่มผู้ประกอบการ OTOP และกลุ่มเกษตรกรต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ภายใต้โครงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนของประชาชนจังหวัดนครปฐม ประจำปีงบประมาณ 2565 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ในเรื่องของภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน อีกทั้งกระจายสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างทั่วถึง ตลอดจนเพิ่มช่องทางการเลือกซื้อสินค้าที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ในราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป

สำหรับสินค้าที่นำมาจัดจำหน่ายในครั้งนี้ ได้แก่ เนื้อหมู กิโลกรัมละ 115 บาท, ไข่ไก่ เบอร์ 3 แผงละ 70 บาท, น้ำมันพืช 1 ลิตร ขวดละ 53 บาท, ข้าวหอมมะลิ 5 กิโลกรัม 135 บาท, ข้าวเหลืองอ่อน 5 กิโลกรัม 105 บาท, เนื้อโคขุนกำแพงแสน สะโพกใน 0.5 กิโลกรัม 180 บาท เนื้อแดง 0.5 กิโลกรัม 130 บาท นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป ให้ประชาชนได้เลือกซื้ออีกเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ กิจกรรมจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคราคาประหยัดให้กับประชาชนในครั้งต่อไป จะมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามพื้นที่อำเภอต่างๆ ได้แก่ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 ณ บริเวณลานข้างหอประชุมที่ว่าการอำเภอนครชัยศรี, วันที่ 4 มีนาคม 2565 ณ บริเวณที่ว่าการอำเภอสามพราน, วันที่ 11 มีนาคม 2565 ณ บริเวณที่ว่าการอำเภอพุทธมณฑล, วันที่ 18 มีนาคม 2565 ณ ตลาดอำนาจ อำเภอดอนตูม, วันที่ 25 มีนาคม 2565 ณ บริเวณองค์การบริหารส่วนตำบลนราภิรมย์ อำเภอบางเลน และวันที่ 29 มีนาคม 2565 บริเวณองค์การบริหารส่วนตำบลสระพัฒนา อำเภอกำแพงแสน ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างเคร่งครัด


สนง.ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม-ข่าว

ขจร ว้ตรเอก KEY8 NEWS▪︎PRESS รายงาน

ตำรวจภาค7 จับมือสมาคมพระเครื่องนครปฐม สร้างท้าวเวสสุวรรณ รุ่น 1 หากองทุนให้ขวัญกำลังใจตำรวจ

ตำรวจภาค7 จับมือสมาคมพระเครื่องนครปฐม สร้างท้าวเวสสุวรรณ รุ่น 1 หากองทุนให้ขวัญกำลังใจตำรวจ

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ห้องเสสะเวช สำนักงานตำรวจภูธรภาค 7 ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค7 ได้เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการจัดสร้างวัตถุมงคล ท้าวเวสสุวรรณโณ ครั้งที่1 /2565 โดยมี นายยุทธชัย ปฐมวัฒนศิริ นายกสมาคมพระเครื่องจังหวัดนครปฐม เป็นที่ปรึกษาร่วม เพื่อหารายได้สมทบกองทุนเสริมสร้างขวัญกำลังใจ สวัสดิการตำรวจภูธรภาค7

โดยครั้งนี้นายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชา ได้เข้าร่วมประชุม คือ พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.รักษ์จิต หม้อมงคล รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.นิรันดร ศิริสังข์ไชย
ผบก.อก.ภ.7 พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์
ผบก.ภ.จว.นครปฐม พล.ต.ต.ปิติ นฤขัตรพิชัย
ผบก.ภ.จว.ราชบุรี พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย
ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พล.ต.ต.สุเมธ ปุณสีห์
ผบก.ภ.จว.สมุทรสงคราม พล.ต.ต.อภิชาติ วรรณภักดิ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร รอง ผบก. ผกก.และเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม

ทั้งนี้ การจัดสร้างวัตถุมงคล ท้าวเวสสุวรรณโณวัดจุฬามณี (ตำรวจภูธรภาค7) นี้เป็นการจัดสร้างขึ้นโดยตำรวจภูธรภาค7 กับ สมาคมพระเครื่องจังหวัดนครปฐม เพื่อสมทบกองทุนเสริมสร้างขวัญกำลังใจ และสวัสดิการตำรวจภูธรภาค7 ซึ่งเป็นการสร้างวัตถุมงคล ท้าวเวสสุวรรณ โณ เป็นครั้งแรก และเป็นรุ่นที่1ด้วย

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS▪︎PRESS รายงาน

อบจ.นครปฐม มอบเงิน 5 ล้าน อุดหนุนโครงการชุมชนป้องกันยาเสพติด ให้กับตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม

อบจ.นครปฐม มอบเงินอุดหนุนโครงการชุมชนป้องกันยาเสพติด กว่า 5 ล้านบาท ให้กับตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม
  เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนเข้ามาเป็นเครือข่ายสอดส่องและให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่ ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม มอบเงินมอบเงินอุดหนุนโครงการเครือข่ายชุมชนป้องกันยาเสพติด จำนวน 5,162,000 บาท

ให้กับ พลตำรวจตรีชมชวิณ  ปุระธนานนท์ ผู้บังการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ตามโครงการเครือข่ายชุมชนป้องกันยาเสพติด ประจำปี 2565 เพื่อเสริมสร้างให้หมู่บ้าน/ชุมชนและประชาชนเกิดความเข้มแข็ง โดยการให้รู้ถึงพิษภัยของยาเสพติต สร้างการรับรู้ถึงปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดในชุมชน และเปิดโอกาสให้ประชาชาชนเข้ามาเป็นเครือข่าย มีส่วนร่วมในการสอดส่อง ฝ้าระวัง และให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ ประชาชนที่ประสงค์จะเป็นเครือข่ายของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยไม่จำกัดเพศ อายุ อาชีพ ของหมู่บ้าน/ชุมขนในจังหวัดนครปฐม ที่มีปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด จำนวน 600 หมู่บ้าน หมู่บ้าน/ชุมชนละ 50 คน รวมทั้งสิ้น 30,000 คน


สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม ภาพ/ข่าว

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS▪︎PRES รายงาน

ราชบุรี..ผู้บัญชาการตำรวจภาค 7 เข้าเยี่ยมมอบสิ่งของ’ให้หนุ่มยอดกตัญญูเลี้ยงพ่อแม่พิการ’

ราชบุรี  – ผู้บัญชาการตำรวจภาค 7 เข้าเยี่ยมมอบสิ่งของให้หนุ่มยอดกตัญญูเลี้ยงพ่อ  แม่พิการ
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 7 นำสิ่งของใช้จำเป็นมอบให้หนุ่มยอดกตัญญูเลี้ยงพ่อ  แม่พิการ  ที่ราชบุรี


    พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์  ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7   นางนภัสนันท์ วุฒิจรัสธำรงค์  ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 7  ได้นำสิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภค ข้าวสาร  น้ำดื่ม น้ำยาถูพื้น  น้ำยาซักผ้า ถุงดำ น้ำดื่ม น้ำยาซักผ้า ทิชชูเปียก และสิ่งของอีกส่วนจากพระธรรมวชิรเมธี   (มีชัย วีรปัญโญ) เจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร กรุงเทพฯ สิ่งของใช้ที่จำเป็น อาทิ  น้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างห้องน้ำ แพมเพิส ชุดทำแผลปลอดเชื้อ  เจลล้างมือ หน้ากากอนามัย ชุดปฐมพยาบาล น้ำยาซักผ้า ผลไม้ และสิ่งของที่จำเป็นต่อความเป็นอยู่แก่ นายกันค์กวี ณ บางช้าง อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/2 หมู่7 ต.เตาปูน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี หลังจากที่หนุ่มคนนี้เคยไปแข่งขันร้องเพลงรายการไมค์ปลดหนี้เสี่ยงโชค

โดยครอบครัวของหนุ่มคนดังกล่าวมีความเป็นอยู่ที่ลำบาก สภาพบ้านสร้างแบบชั้นเดียวเป็นปูน ผนังกั้นด้วยฟากไม้ไผ่เก่าๆ โดยมีนายปรีดา สุธาพจน์ อายุ 60 ปี เป็นบิดา พิการนอนป่วยจากการเป็นเส้นเลือดในสมองแตก ส่วนนางอารีย์ สุธาพจน์ อายุ 55 ปี ประสบอุบัติเหตุที่บริเวณสะโพก เดินไม่สะดวก นอกจากนี้ยังมี ด.ญ.มีนตรา สุธาพจน์ อายุ 9 ปี ซึ่งเป็นหลาน และนายณัฐภาคน์ สุธาพจน์ บุตรชาย   อาศัยอยู่ด้วย  โดยมีนายกันค์กวี ณ บางช้าง  หรือ นัท ซึ่งมีอาชีพเป็นพ่อครัวร้านอาหารแห่งหนึ่งแถวสุขุมวิท ขายอาหารไทยภาคตะวันออกเป็นผู้คอยส่งเสียเลี้ยงดูครอบครัวมาโดยตลอด  แม้จะต้องไปกู้หนี้นอกระบบเพื่อนำเงินมารักษาพ่อกับแม่ด้วยความกตัญญูรู้คุณเป็นตัวอย่างที่น่ายกย่อง

 
              พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์  ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7  เปิดเผยว่า ได้ชมรายการไมค์ปลดหนี้ ทราบว่าลูกชายของครอบครัวนี้เป็นลูกกตัญญู ท่านพระธรรมมีชัย แห่งวัดหงส์ ได้ดูทีวีและเห็นว่าน้องเป็นคนดีกตัญญู เลี้ยงดูพ่อแม่ รู้สึกสารในหัวอกลูกที่ต้องดูแลเลี้ยงดูพ่อแม่ และมีหนี้สินด้วย ท่านจึงประสานมายังผมในฐานะเจ้าของพื้นที่รับผิดชอบราชบุรี และประสานมายังผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และ สภ.เขาดิน ให้มาตรวจสอบบ้านอยู่ตรงไหน วันนี้จึงเดินทางมาพร้อมกับสิ่งของ โดยสิ่งของส่วนหนึ่งเป็นของเจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนาราม ฯ ซึ่งท่านเป็นผู้มีเมตตาธรรมช่วยเหลือทุกภาคส่วน  อีกบางส่วนเป็นของชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 7 และภูธรจ.ราชบุรี มาช่วยกันเบื้องต้น  และขอให้กำลังใจแก่น้องนัทด้วย สิ่งที่น้องทำวันนี้คือการตอบแทนบุญคุณที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเป็นลูกกตัญญูที่เลี้ยงดูแลครอบครัว วันนี้นำสิ่งของมาให้พร้อมกับเงินบางส่วนแก่ครอบครัว  และมีอะไรที่อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดูแลก็จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลต่อไป
                  นางอารีย์ สุธาพจน์ มารดา กล่าวว่า อยู่บ้านจะขายอาหารตามสั่ง ขายกก๋วยเตี๋ยว ได้เงินประมาณ 400-500 บาท คนไม่มากปัญหาจากโควิด ตัวเองยืนนานไม่ได้ เพราะเคยประสบอุบัติเหตุข้อเท้าไม่ค่อยมีแรง เวลาทำเสร็จแล้วก็จะวางไว้ให้ลูกค้าเดินมาหยิบไปเอง ส่วนสามีก็ล้มป่วยนอนติดเตียงจะต้องจ้างคนดูแลทุกวัน ที่บ้านอยู่กัน 4 คน คนที่ทำงานจะมีตนเองและนัท ที่ทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว
              นายกันค์กวี ณ บางช้าง  หรือ นัท เปิดเผยว่า พ่อป่วยเป็นเป็นเส้นเลือดในสมองแตกทางซีกขวาเป็นเส้นเลือดฝอยเป็นเส้นเลือดความจำ ตอนนี้นอนติดเตียงอยู่บ้าน เมื่อวันจันทร์ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาที่บ้านบอกว่า จะเข้ามามอบสิ่งของให้โดยทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 จะมาเยี่ยมที่บ้าน เนื่องจากได้ดูเทปรายการไมค์ปลดหนี้เสี่ยงโชคที่นัทไปออกรายการ ท่านเมตตาช่วยเหลือนัท สอบถามว่าอยากได้อะไรพิเศษมั๊ย ของใช้ขอพ่อ จึงบอกไปว่าเป็นของใช้พวกแพมเพิส ถุงดำ กระดาษเปียก ที่ใช้เยอะ  ท่านนำมาให้แล้ว ทำให้ลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ไปได้เยอะมาก รู้สึกตกใจมาก และต้องขอขอบคุณท่านเจ้าคุณมีชัย เจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนารามฯ ที่เมตตาครอบครัว ให้ความช่วยเหลือทั้งปัจจัยและสิ่งของที่นำมาให้วันนี้
                 ส่วนร่างกายแม่นั้นก่อนหน้านี้ถูกรถกระบะชนแต่ต้นปี 63 ทำให้กระดูกสะโพกเกิดการเสื่อมเดินไม่ปกติ จึงได้ไปกู้เงินนอกระบบมาใช้รักษาแม่ จนแม่ช่วยเหลือตัวเองได้ อยู่บ้านก็ขายขนมครกตอนเช้า พอสายจะขายอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว ลูกค้าจะรู้ว่าแม่เดินไม่ได้ก็จะลุกมาหยิบเอาไปรับประทานเอง และยังมีรายจ่ายต้องจ้างคนมาดูแลพ่ออีก ตนเองต้องหาเงินใช้หนี้ ส่งดอกเบี้ยทุกเดือน และจ้างป้าข้างบ้านเก็บจานล้างอีก  ตอนนี้เป็นหนี้อยู่ 1.2 แสนบาท  ใช้หนี้ไปได้แล้วกว่า 20,000 บาท จากที่ผู้ชมรายการมีเมตตาโอนเงินมาให้คนละเล็กน้อย นำไปใช้หนี้นอกระบบก่อน ส่วนหนี้ที่ร้านอาหารเบิกเจ้านายมาก็ยังไม่ได้ใช้คืน  ช่วงโควิดตอนนี้ได้รับเงินเดือนประมาณ 11,000 บาท 
ผู้ที่อยากช่วยเหลือสามารถโอนเข้าบัญชีกสิกรไทย  หมายเลขบัญชี 0632843100  ชื่อ นายกันค์กวี ณ บางช้าง   หรือ สอบถาม  ที่เบอร์ 063-5946190


                                       
ภาพ-ข่าว พันธุ์ – จรรยา  แก้วนุ้ย จ.ราชบุรี

ขจร วัตรเอก KEY8 NEWS▪︎PRESS รายงาน

ผบช.ภ.7 สั่งเด้ง 5 เสือโรงพักศรีประจันต์ พิษบ่อนไฮโลในไร่

ผบช.ภ.7 สั่งเด้ง 5 เสือโรงพักศรีประจันต์ พิษบ่อนไฮโลในไร่

วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค7 อ.เมือง จ.นครปฐม พล.ต.ท. ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์  ผบช.ภ.7 เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครปฐม ว่าได้มีคำสั่งตำรวจภูธรภาค 7 ที่ 77/2565 ให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 7 โดยขาด จากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่ง

ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ 2565 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง มี พ.ต.อ.วรภพ จำปาเงิน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี, พ.ต.ท.สุรศักดิ์ เรืองวิทย์ รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี,  พ.ต.ท.พีรพงษ์ ตนะทิพย์ รองผู้กำกับการสืบสวน สถานีตำรวจภูธรศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี, พ.ต.ท.ชวการ ถิราพิพัฒน์ สารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรศรีประจันต์จังหวัดสุพรรณบุรี และ พ.ต.ท.สุเทพ พิกุลขาว สารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรศรีประฉันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2565 เวลา 21.30 พ.ต.ท.เสนีย์ เวชพัฒ รองผู้กำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 กับพวก ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายคำรณ กลำพบุตร กับพวกรวม 19 คน ในข้อหา ร่วมกันลักลอบเล่นการพนัน (ไฮโล) พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ ลักลอบเล่นการพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมั่วสุมฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ 56/2565 เรื่อง มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19 ) ในเขตพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมของกลาง จำนวน 18 รายการ ที่ไร่ไม้ล้อมริมถนนในหมู่บ้าน หมู่ที่ 3 ตำบลดอนปรู อำเภอศรีประจัต์ จังหวัดสุพรรณบุรี

KEY 8 NEWS▪︎PRESS

ขอบคุณ ภาพ.ข่าว ทวีพล หลิมชัยสุวรรณ

ขจร วัตรเอก รายงาน

ตำรวจ,ทหาร จับกุม 185 เมียนม่าร์ ลักลอบเข้าเมือง อ้างจ่ายค่าหัว 22,000-27,000 ต่อคน

ตำรวจ,ทหาร จับกุม 185 เมียนมาร์ลักลอบเข้าเมือง อ้างจ่ายค่าหัว 22,000-27,000 ต่อคน

  ที่สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค7 พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7  แจ้งต่อผู้สื่อข่าวว่าพล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี , พ.ต.อ.สมเกียรติ โฉมฉาย  ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี พร้อม เจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า เจ้าหน้าที่ทหารพราน 1404 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.136  และเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง จับกุมผู้หลบหนีเข้าเมืองชาวเมียนมาร์ 185 คน เป็นชาย 119 คน หญิง 65 คน พร้อมผู้ติดตามชาย 1 คน ที่บริเวณชายป่าหมู่สุพรรณ (ศาลเจ้าพ่อเขาแดน) ม.2 ต.บ้านเก่า อ.เมืองจ.กาญจนบุรีเมื่อ18.00น.วันที่31 มกราคม ที่ผ่านมา

  จากการสอบถามพูดคุย ผ่านล่าม ว่าผู้หลบหนีเข้าเมืองชาวเมียนมาร์ทั้งหมดเดินทางมาจาก เมืองพะโค เมืองยะไข่ เมืองเมาะลำใย เมืองมะเกว เมืองมะชิวา เมืองเมียวดี และ เมืองย่างกุ้ง  ประเทศเมียนมาร์ โดยจะไปทำงานที่กรุงเทพมหานคร , สมุทรสาคร , ชลบุรี , ราชบุรี , ปทุมธานี และกาญจนบุรี  ยังไม่ทราบชนิดงาน บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองทั้งหมดเดินเท้ามาตามช่องทางธรรมชาติ เสียค่าใช่จ่ายในการเดินทาง คนละ 22,000 – 27,000 บาท โดยจ่ายเงินแล้ว แต่ไม่พบตัวผู้นำพา และช่วยเหลือ จึงได้นำไปบูรณาการร่วมกัน และผลักดันที่จุดผ่อนปรนช่องทางพุน้ำร้อน ม.12 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จว.กาญจนบุรี ตามมติข้อตกลงในการประชุมศูนย์สั่งการชายแดน จว.กาญจนบุรี

KET 8 NEWS▪︎PRESS

ภาพ-ข่าว ทวีพล หลิมชัยสุวรรณ

ขจร วัตรเอก รายงาน

ทึ่ง ! นักธุรกิจสาว จัดจระเข้แทนหมู ทำอาหารเซ่นไหว้บรรพบุรุษ’ตรุษจีน’

นครปฐม. นักธุรกิจสาว จัดจระเข้แทนหมู ทำอาหารเซ่นไหว้บรรพบุรุษ’ตรุษจีน’

เมื่อเวลา 10.30น.วันที่ 31 มกราคม ที่ฟาร์มรุ่งทวีชัย (ฟาร์มจระเข้) เลขที่ 31 ม.9 ต.สามง่าม อ.ดอนตูม จ.นครปฐม นางสาววิสาชิณี รุ่งทวีชัย หรือคุณแน๊ส เจ้าของฟาร์มรุ่งทวีชัย พร้อมครอบครัว จัดเครื่องเซ่นไหว้บรรพบุรุษ เนื่องในเทศกาลตรุษจีน 2022 โดยใช้จระเข้น้ำจืดความยาว 2 เมตร น้ำหนัก 30 กิโลกรัมต้มสุก 1 ตัว และอาหารเมนูเนื้อจระเข้ อีก 6เมนู มีจระเข้ต้มหน่อไม้จีน เนื้อจระเข้ผัดเผ็ด เนื้อจระเข้ผัดผักรวม เนื้อจระเข้ ทอดกระเทียมพริกไท และ บ่องตันตุ๋นยาจีน ซึ่งเป็นส่วนที่อร่อยที่สุด และแพงที่สุดของชิ้นส่วนจระเข้ นอกจากอาหารคาวแล้วยังมี ผลไม้ที่ได้จากสวนตัวเอง อาทิ ส้มโอ กล้วย มะพร้าว ลำไย ฝรั่ง พร้อมเครื่องเซ่นไหว้กระดาษอื่น จากนั้นจุดประทัด 20,000 นัด

นางสาววิสาชิณี รุ่งทวีชัย กล่าวว่า วันตรุษจีนปีนี้ เป็นปีที่ 30 ของการก่อร่างสร้างตัวฟาร์มเลี้ยงจระเข้ แห่งนี้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของรุ่นลูกอย่างพวกเรา จึงได้หารือกันในครอบครัว ว่าจะนำจระเข้น้ำหนัก 30 กิโลกรัม สัก 1 ตัวเพื่อเป็นเคล็ด ให้แก่บรรพบุรุษ พร้อมเมนูอาหารคาว ที่ทำจากเนื้อ และชิ้นส่วนจระเข้ และผลไม้ที่ปลูกในสวนในฟาร์ม ไหว้อากง อาม่า และบรรพบุรุษ เพราะเชื่อว่า สิ่งเหล่านี้ ที่เรานำมาเซ่นไหว้อากง อาม่าได้รับและรับรู้ในคำอธิษฐานบอกกล่าว เพื่อเป็นสิริมงคลของลูกหลาน และสิ่งของเหล่านี้ลูกหลานก็จะนำมาแบ่งปันกันไปรับประทาน โดยปีที่ผ่านๆ มา เราก็ใช้ หมู ไก่ เป็ด ตามปกติ ประกอบกับปีนี้หมูไก่หายาก และก็แพงขึ้นเราเลยคิดว่าใช้เนื้อจระเข้ที่เรามีอยู่มาแทน หมูและไก่ดีกว่า

   เราเลี้ยงจระเข้น้ำจืด จำหน่ายในประเทศไทย และส่งออกต่างประเทศ  ระยะหลัง ทัวร์จีนไม่มา
จากทัวร์จีนไม่มา ธุระกิจพวกเราก็แย่ลง เพราะเราเน้นคนจีน และเจอโควิดด้วย ส่งออกไม่ได้
  ดังนั้น การไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ตรุษจีน ปีนี้จึงต้องเซฟค่าใช้จ่ายมาก ประหยัดเรื่องของไหว้ฟุ่มเฟือย ใช้ของส่วนใหญ่ที่มี หาได้ในฟาร์ม เพื่อจะได้เหลือเงินไว้เป็นอั่งเปาให้คนงาน ดีกว่า เพราะธุรกิจเราขับเคลื่อนได้ด้วยกำลังคน  เราต้องดูแลคนของเราให้ดี อยู่กับปัจจุบันให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในยุคนี้

KEY8 NEWS▪︎PRESS รายงาน

ผบช.ภ.7 แถลงข่าวการจับกุม ขบวนการฉ้อโกงลอตเตอรี่ มูลค่า 24 ล้านบาท

พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 แถลงข่าวการจับกุมตัว 4 ผู้ต้องหาคดีขบวนการฉ้อโกงลอตเตอรี่ มูลค่า 24 ล้าน

ที่ สภ.ห้วหิน จ.ประจวบคีรีจันธ์ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 ได้แถลงข่าวการจับกุมตัว 4 ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง สลากกินแบ่งรัฐบาล 
โดยมีผู้ต้องหาคือ
1.นายภาณุพงศ์ หรือชีส ชุมภารี อายุ 24 ปี
2.นายบัณฑิต หรือปอง เฟื่องฟู อายุ 23 ปี
3.นายอนุสรณ์ หรือกอล์ฟ ชุมภารี อายุ 29 ปี
4.นายอนุชา หรือแซม ทุ่งคำ อายุ 33 ปี
  ซึ่งหมดเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดหัวหิน ที่ จ.5-8/2565 ลงวันที่ 28 ม.ค. 65 ตามลำดับ ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน”

     สืบเนื่องจาก นายภาณุพงศ์หรือชีสฯ นายบัณฑิตหรือปองฯ และนายอนุสรณ์หรือกอล์ฟฯ ผู้ต้องหามีพฤติการณ์ร่วมกันโดยแบ่งหน้าที่กันทำ ด้วยการติดต่อชักชวนประชาชนทั่วไปโดยการติดต่อชักชวนคนที่รู้จัก และประกาศข้อความทางเฟชบุ๊ค(Facebook) ให้บุคคลทั่วไปทราบ โดยอ้างว่ามีโควต้าผู้ใหญ่ซึ่งมีโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลในสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ชักชวนให้ร่วมสั่งจองโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลกับกลุ่มผู้ต้องหาซึ่งสามารถซื้อได้ในราคาถูกใบละ 78-79 บาท เป็นเหตุให้ นายสิทธิชัย สายบัว กับพวกรวม 32 คน ผู้เสียหายที่หลงเชื่อว่าเป็นความจริง ได้โอนเงินสั่งจองสลากกินแบ่งรัฐบาลกับกลุ่มผู้ต้องหาช่วงแรกจะได้สลากตามที่สั่งซื้อ เมื่อผู้เสียหายสั่งซื้อสลากจำนวนเงินเพิ่มมากขึ้น กลุ่มของผู้ต้องหาได้เงินไปแล้ว แต่ไม่ได้สลากมาส่งมอบสลากให้ผู้เสียหายตามที่สั่งซื้อ และเมื่อผู้เสียหายติดตามทวงถามเงินคืน นายภาณุพงศหรือชีสฯ จึงให้ข้อเท็จจริงว่า นายอนุชาหรือแซมฯ เป็นผู้รับเงินต่อไปอีกทอดหนึ่ง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้ง 32 คนได้รับความเสียหายรวมเป็นเงินจำนวน 24,063,640 บาท
    ทางพนักงานสอบสวน เมื่อรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว จึงขอศาลจังหวัดหัวหิน ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 4 จากนั้นต่อมา จึงได้ทำการจับกุมตัวนายภาณุพงศ์ หรือชีส ชุมภารี, นายอนุสรณ์ หรือกอล์ฟ ชุมภารี และนายบัณฑิต หรือปอง เฟื่องฟู ได้ในวันที่ 28 มกราคม 2565 และนายอนุชา หรือแซม ทุ่งคำ ได้ในวันที่ 29 มกราคม 2565

   ในการปฏิบัติในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมบูรณาการกำลังตามหลักการ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” จนกระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในเวลาอันรวดเร็ว การปฏิบัติการดังกล่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งนี้จึงถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในการพิทักษ์และรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง

KEY8 NEWS▪︎PRESS 300122

ตำรวจภาค 7 แถลงข่าวจับมือวางเพลิง โกดังน้ำมัน ‘ ประภากรออยล์ ‘ อ้อมใหญ่

วันที่ 1 ธันวาคม 2564 ที่สถานีตำรวจภูธรโพธิ์แก้ว อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม พลตำรวจโท ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมด้วย นายรัฐศาสร์ ชิดชู รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรโพธิ์แก้ว นายอำเภอสามพราน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมแถลงผลการจับกุมนางสาวสิราสินี หรือแอน ศรียา อายุ 38 ปี ชาวอำเภอสามพราน หลังจากก่อเหตุวางเพลิงโกดังเก็บน้ำมันหล่อลื่น ของบริษัท ประภากรออยล์ จำกัด ในพื้นที่ตำบลอ้อมใหญ่ อำเภอสามพราน

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งนางสาวสิราสินี เป็นพนักงานของบริษัทแห่งนี้ ส่งผลให้น้ำมันหล่อลื่นที่อยู่ภายในโกดังนับ 100,000 ลิตร มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท ถูกเพลิงไหม้เสียหายทั้งหมด โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันบริหารเหตุการณ์ฉุกเฉิน ระดมรถดับเพลิง 40 คัน จนสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้


พลตำรวจโท ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวว่า จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน คือ นางสาวสิราสินี ตำแหน่งหัวหน้าคลังสินค้า ได้ให้การว่าก่อนเหตุได้พบชาย 2 คน เข้ามาก่อเหตุและได้หลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามสืบสวนตามพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ประกอบกับนางสาวสิราสินีมีพิรุธในการให้ปากคำจึงได้สอบสวนเชิงลึกจนสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุ โดยใช้ไฟแช๊คจุดกระดาษแล้ววางไว้ในกล่องกระดาษบรรจุน้ำมันหล่อลื่นจำนวน 2 จุด จนเกิดเพลิงไหม้ดังกล่าว ไม่ได้มีคนร้าย 2 คนตามที่ให้การครั้งแรกแต่อย่างใด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บหลักฐานทั้งหมดรวบรวมเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งโทษมีสูงสุดประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต โดยเจ้าตัวสารภาพว่ารู้สึกโกรธที่ถูกนายจ้างตำหนิจึงได้ก่อเหตุดังกล่าว


ด้านนายรัฐศาสตร์ ชิดชู รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า จากการเกิดเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ทางจังหวัดได้ตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ โดยผู้ว่าราชการจังหวัด ลงมาดูพื้นที่ด้วยตนเอง และในวันนี้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย ในส่วนของบริษัท ประภากรออยล์ จำกัด ทางจังหวัดได้สั่งระงับใบอนุญาตตั้งแต่วันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ในระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าการจัดเก็บน้ำมันประเภท 3 ได้มีการข้ออนุญาตถูกต้องหรือไม่
ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ได้มอบหมายให้ทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ศูนย์ดำรงธรรม สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 5 สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เพื่อสำรวจความเสียหายและดูแลพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลจากอัคคีภัยในครั้งนี้ ซึ่งมีประมาณ 50 ครัวเรือน โดยทางผู้ประกอบการได้ตั้งจุดรับเรื่องร้องทุกข์ของประชาชน และพร้อมเยียวยาทุกครัวเรือนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ในครั้งนี้


ข้อมูล สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครปฐม

KEY8 NEWS▪︎PRESS รายงาน

โจรตัดโซ่ งัดเข้าร้านอาหารดังช่วงน้ำท่วมขโมยเหล้านอก

โจรตัดโซ่ งัดเข้าร้านอาหารดังช่วงน้ำท่วม ขโมยสุราต่างประเทศ พร้อมตัดกล้องวงจรปิดไปด้วย รวมมูลค่านับแสน


นายอู๋ (สงวนนามสกุล) เจ้าของร้าน แจ้งว่าเมื่อคืนวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ฝนตกน้ำท่วมตลอดทั้งคืน ได้มีคนร้ายเข้าไปตัดโซ่กุญแจงัดเข้าไปในร้าน” ร้านอิ่มนาน” (ข้างผับวันทรูทรี)  ถนนยิงเป้า อ.เมืองนครปฐม
ได้ถูกโจรนักงัดแงะ ขโมยของในร้านไปหลายรายการเช่น เหล้านอก จอนห์นี่วอคเกอร์หลายขนาด รีเจนซี่ทั้งแบนและกลม เบียร์ลีโอ เบียร์ช้าง เงินเหรียญที่อยู่ลิ้นชักโต๊ะคอมพิวเตอร์ แถมได้ต้ดกล้องวงจรปิดไปด้วยหวังทำลายหลักฐาน รวมมูลค่าประมาณแสนกว่าบาท  เหมือนเป็นการซ้ำเติมกันช่วงน้ำท่วมนี้ เตือนร้านอื่นๆ ด้วยนะครับ ระวังกันหน่อย.

ใครมีเบาะแส หรือภาพจากกล้องหน้ารถแจ้งมาได้ครับ 081-9444795 อู๋ (เจ้าของร้าน) มีรางวัลให้ครับ.

KEY8 NEWS•PRESS รายงาน

นครปฐมจมน้ำ หลังจากฝนเททั้งคืนทั่วพื้นที่

ฝนเททั้งคืน นครปฐมจมน้ำทั้งจุดเดิม และเพิ่มจุดใหม่กระจายทั่วพื้นที่

เมื่อคืนวันที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา จังหวัดนครปฐม มีฝนตกหนักตลอดทั้งคืน ปริมาณน้ำในแม่น้ำท่าจีน หรือแม่น้ำนครชัยศรีมีระดับน้ำสูงขึ้น ทำให้น่ำเอ่อล้นเข้าพื้นที่การเกษตร ปศุสัตว์ และบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำ อ.บางเลน อ.นครชัยศรี อ.สามพราน

ส่วนในพื้นที่เขตเทศบาลนครนครปฐม อ.เมืองนครปฐม มีน้ำสะสมบนผิวจราจรถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าห้างโลตัส สาขานครปฐมมีน้ำท่วมสูงรถเล็กไม่สามารถผ่านได้ และถนนหลักในเขตชุมชน รอบองค์พระปฐมเจดีย์ หมูบ้านจัดสรรตามชุมชนเก่าหลายแห่ง เนื่องจากระดับน้ำในคลองเจดีย์บูชา ช่วงกลางสูงเกือบล้น และตอนปลายของคลองเจดีย์บูชา(ซอย7)หลังโรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย น้ำได้เอ่อล้นคลองออกมาสู่ถนนทั้งสองข้าง

ในส่วนของถนนรอบองค์พระปฐมเจดีย์ ซึ่งเป็นพื้นที่กลางเมือง น้ำท่วมรอการระบายหลายเส้นทาง อาทิ ถนนขวาพระ ถนนหลังพระ ถนนราชวิถี ถนนราชวิถีตัดสระบัว ถนนทหารบก ถนน25มกรา ถนนข้างวัง บางส่วน

ขณะที่หน่วยงานรับผิดชอบกำลังดำเนินการผลักดันน้ำ เพื่อเร่งการระบายน้ำให้เร็วที่สุด ลดปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน

ขอบคุณข้อมูล ทวีพล 8 success ภาพข่าวจาก fb.ทุกท่าน

KET8 NEWS•PRESS รายงาน

นครปฐม..ฝนถล่มหนัก ต้นจามจุรียักษ์ 100 ปี โค่นขวางคลองเจดีย์บูชา

จากเมื่อคืนวันที่ 17 ตุลาคม 64 ที่เกิดฝนตกอย่างหนักตลอดทั้งคืนในพื้นที่เมืองนครปฐม จนเป็นสาเหตุให้ต้นจามจุรีขนาดใหญ่ อายุกว่า100ปี ริมคลองเจดีย์บูชาได้โค่นล้มลงมาขวางคลองเจดีย์บูชา

เกิดเหตุบริเวณระหว่างซอย 1 กับซอย 2 ต้นจามจุรีได้ล้มลงขวางกลางคลอง จนปลายยอดได้ฟาดไปถึงฝั่งตรงข้าม โชคดีไม่มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ แต่ต้นจามจุรีดังกล่าวที่มีขาดวงรอบกว่า 3คนโอบ ที่ได้ล้มลงก็ขวางทางน้ำในคลองเจดีย์บูชา ทำให้กระแสน้ำไหลไม่สะดวกอาจเป็นเหตุให้น้ำระบายได้ช้า และกัดเซาะตลิ่งใต้พื้นดินทำให้อาจถนนทรุดตัวลง

นางสมจิต สงวนนามสกุล แม่ค้าขายของอยู่ริมคลองเจดีย์บูชาห่างจากต้นจามจุรีไปประมาณ 10 เมตร บอกว่า ได้ยินเสียงต้นไม้ลั่นแล้วค่อยๆ เอียงล้มลงกลางคลองลำต้นและปลายฟาดกับเหล็กดังมาก และที่โคนและรากได้งัดปูนฟุตบาท และผิวจราจรที่เป็นคอนกรีตเสียหาย

นางหม่วย อายุ 65 ปี ที่บ้านอยู่ใกล้ต้นจามจุรีกล่าวว่า ต้นไม้ต้นนี้อายุ 100 กว่าปี คาดว่าปลูกขึ้นตั้งแต่ขุดคลองเจดีย์บูชา เมื่อก่อนจะเห็นตามแนวคลองเจดีย์บูชา ตี้งแต่วังปฐมนคร(เทศบาลเมืองนครปฐมหลังเก่า) หรือซอย 1ถึงซอย 7 แต่ปัจจุบันเหลือไม่กี่ต้น ต้นนี้น่าจะเกิดจากที่ฝนตกหนักทั้งคืน ทำให้ดินชุ่มน้ำ และน้ำในคลองสูงขึ้นกว่าปกติ

สนับสนุนข้อมูล 8 SUCCESS COFFEE

KWY8 NEWS•PRESS รายงาน

นครปฐมจมน้ำ หลังจากฝนเททั้งคืนทั่วพื้นที่

ฝนเททั้งคืน นครปฐมจมน้ำทั้งจุดเดิม และเพิ่มจุดใหม่กระจายทั่วพื้นที่

เมื่อคืนวันที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา จังหวัดนครปฐม มีฝนตกหนักตลอดทั้งคืน ปริมาณน้ำในแม่น้ำท่าจีน หรือแม่น้ำนครชัยศรีมีระดับน้ำสูงขึ้น ทำให้น่ำเอ่อล้นเข้าพื้นที่การเกษตร ปศุสัตว์ และบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำ อ.บางเลน อ.นครชัยศรี อ.สามพราน

ส่วนในพื้นที่เขตเทศบาลนครนครปฐม อ.เมืองนครปฐม มีน้ำสะสมบนผิวจราจรถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าห้างโลตัส สาขานครปฐมมีน้ำท่วมสูงรถเล็กไม่สามารถผ่านได้ และถนนหลักในเขตชุมชน รอบองค์พระปฐมเจดีย์ หมูบ้านจัดสรรตามชุมชนเก่าหลายแห่ง เนื่องจากระดับน้ำในคลองเจดีย์บูชา ช่วงกลางสูงเกือบล้น และตอนปลายของคลองเจดีย์บูชา(ซอย7)หลังโรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย น้ำได้เอ่อล้นคลองออกมาสู่ถนนทั้งสองข้าง

ในส่วนของถนนรอบองค์พระปฐมเจดีย์ ซึ่งเป็นพื้นที่กลางเมือง น้ำท่วมรอการระบายหลายเส้นทาง อาทิ ถนนขวาพระ ถนนหลังพระ ถนนราชวิถี ถนนราชวิถีตัดสระบัว ถนนทหารบก ถนน25มกรา ถนนข้างวัง บางส่วน

ขณะที่หน่วยงานรับผิดชอบกำลังดำเนินการผลักดันน้ำ เพื่อเร่งการระบายน้ำให้เร็วที่สุด ลดปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน

ขอบคุณข้อมูล ทวีพล 8 success ภาพข่าวจาก fb.ทุกท่าน

KET8 NEWS•PRESS รายงาน

แฟนเพลงสุดอาลัย’อ๊อด คีรีบูรณ์’ นักร้องดังยุค 80 เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งสมอง

เปิดประวัติ ‘อ๊อด คีรีบูน’ จากบอยแบนด์ยุคบุกเบิก สู่เจ้าของโรงเรียนสอนดนตรี
เผยประวัติ อ๊อด คีรีบูน นักร้องชื่อดังยุค 80 เริ่มต้นจากบอยแบนด์ยุคบุกเบิก จนกลายมาเป็นเจ้าของโรงเรียนสอนดนตรี

กลายเป็นข่าวเศร้าของวงการเพลง เมื่อช่วง 22.15 น.ของวันที่ 16 ต.ค. ที่ผ่านมา อ๊อด คีรีบูน นักร้องชื่อดังยุค 80 ได้เสียชีวิตไปจากอาการป่วยมะเร็งสมอง โดย ชมพู ฟรุตตี้ ศิลปินยุคเดียวกันจะโพสต์เฟซบุ๊กอาลัยถึงเพื่อนรัก ทำให้เราได้ทราบข่าวเศร้ากันเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา…

สำหรับ “อ๊อด คีรีบูน” หรือชื่อจริงคือ “รณชัย ถมยาปริวัฒน์” นั้น เป็นนักร้อง นักดนตรี นักแสดงและนักแต่งเพลงชาวไทย อดีตนักร้องนำและหัวหน้า วงคีรีบูน แนวสตริงคอมโบ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 มีบทเพลงที่มีชื่อเสียงคือ “รอวันฉันรักเธอ” โดยมีผลงานในนามวงจำนวน 6 ชุด จบปริญญาตรีจากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ในช่วงที่อยู่กับวง “คีรีบูน” อ๊อดได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในกลุ่มนักร้องชายหญิง ที่ร้องเพลงคู่แนวลูกกรุง ในชุด รวมดาว, พบดาว และ นพเก้า ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 โดยส่วนใหญ่ร้องคู่กับ อัจฉพรรณี หาญณรงค์ หรือ “โอ ปุยฝ้าย” จนได้ออกอัลบั้มเต็มคู่กัน 1 ชุด

อ๊อด คีรีบูน มีอัลบั้มเดี่ยวออกมาอีกนับสิบชุด ภายหลังการยุบวง และเคยมีผลงานแสดงภาพยนตร์โดยเป็นพระเอกเพียงเรื่องเดียว คือ ความรักของคุณฉุย ในปี พ.ศ. 2532 คู่กับ รัชนก พูนผลิน

ปัจจุบัน อ๊อด คีรีบูน เป็นเจ้าของโรงเรียนสอนดนตรีเพื่อการเรียนรู้ “คีรีบูน จีเนียส มิวสิก” และมีบุตรสาว 1 คน คือ น้องเอิ๊ก ส่วนผลงานในช่วงหลัง เจ้าตัวได้ไปออกรายการ The Mask Singer หน้ากากนักร้อง ซีซันที่ 4 แข่งใน Group C ฉายา หน้ากากมะพร้าว ร้องเพลง ชาวนากับงูเห่า แพ้ หน้ากากพ่อมด นอกจากนี้เมื่อปี 62 อ๊อด ได้ร่วมแสดงในละครชุดเรื่อง Fleet of Time กาลครั้งหนึ่ง รักของเรา ทางช่อง จีเอ็มเอ็ม 25 โดยรับบทเป็น พ่อของวิน

ขอบคุณข้อมูล เดลินิวส์ออนไลน์

KEY8 NEWS▪︎PRESS รายงาน

เสี่ยสุคนธ์ เหยื่อมือปืน ซุ่มยิง ยื่นใบสมัครลงชิงนายก’โคกพระเจดีย์’ นครชัยศรี

เสี่ยสุคนธ์ เหยื่อมือปืน ซุ่มยิง ยื่นใบสมัครลงชิงนายก”โคกพระเจดีย์” ไม่หวั่นอิทธิพล สังกัด’กลุ่มชาวบ้าน’ ค่ายบ้านใหญ่นครปฐม

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2564 ที่องค์การบริหารส่วนตำบลโคกพระเจดีย์ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม นายสุคนธ์ ศรีสำราญ หรือเสี่ยคนธ์ เจ้าของสนามฟุตบอล  Triple S football club เลขที่ 3234 ตำบลโคกพระเจดีย์ และธุรกิจจำหน่าย หิน ทราย และถมดิน  เดินทางมาสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)โคกพระเจดีย์ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ลำดับที่ 3 ในนามหัวหน้ากลุ่มชาวบ้านตำบลโคกพระเจดีย์ ทั้งที่บริเวณลำคอยังต้องใส่อุปกรณ์ป้องกันการเคลื่อนไหว เนื่องจากแพทย์ยังต้องการให้ผู้ป่วยได้พักฟื้น และรักษาอาการภายใน เป็นเวลา 3 เดือนจึงจะเอาอุปกรณ์ดังกล่าวออกได้  โดยมีนายเทวิญ นวลมณี ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลโคกพระเจดีย์  ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลโคกพระเจดีย์ และเจ้าหน้าที่ดำเนินการรับสมัครฯเป็นที่เรียบร้อย

จากนั้นนายสุคนธ์ ศรีสำราญ ได้ลงมาทักทายประชาชนชาวตำบลโคกพระเจดีย์ ที่มามอบดอกไม้ให้กำลังใจ แล้วเข้าโผกอด

    นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ นายกอองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม ในนามกลุ่มชาวบ้าน ที่ให้การสนับสนุนให้ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกพระเจดีย์ โดยใช้ในนามกลุ่มชาวบ้านตำบลโคกพระเจดีย์ อ.นครชัยศรี

   นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ ให้กล่าวว่า มาให้กำลังใจนายสุคนธ์ ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกพระเจดีย์ ตนเองในนามกลุ่มชาวบ้านโคกพระเจดีย์

ส่วนเรื่องคดีที่นายสุคนธ์ โดนมือปืนซุ่มยิงได้รับบาดเจ็บเมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา ที่สนามฟุตบอล  Triple S ก็ขอให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะเร่งติดตามคดีจับคนร้ายมาลงโทษ  เนื่องจากนายสุคนธ์ ยืนยันว่าไม่มีเรื่องอื่น นอกจากเรื่องการเมืองท้องถิ่น มี่กำลังฟอร์มทีมลงสมัครเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลโคกพระเจดีย์  และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลโคกพระเจดีย์ 6 คน ในนามกลุ่มชาวบ้านโคกพระเจดีย์ 

    ด้านนายสุคนธ์ ศรีสำราญ กล่าวว่า ขณะนี้อาการบาดเจ็บดีขึ้นมากตามลำดับ แผลหายดีแล้ว แต่หมอให้พักฟื้น 3 เดือนด้วยการใส่อุปกรณ์ป้องกันการเคลื่อนตัวบริเวณลำคอถึงหน้าผากศีรษะ ซึ่งถามว่าจะเป็นอุปสรรคในการหาเสียงไหม ก็ต้องยอมรับว่าเป็นอุปสรรคมาก แต่เชื่อว่าประชาชนชาวตำบลโคกพระเจดีย์ ที่เชื่อมั่นในตัวผมจะเลือกผมเข้าไปบริหารท้องถิ่น เพราะผมตั้งใจเข้ามาบริหาร และพัฒนาตำบลโคกพระเจดีย์ ให้เจริญยิ่งขึ้น ส่วนที่เลือกใช้ชื่อทีมว่า “กลุ่มช่วบ้านโคกพระเจดีย์” นั้นเพราะผมศรัทธาผู้ใหญ่ของกลุ่มชาวบ้าน ศรัทธาบ้านใหญ่นครปฐม และเชื่อว่าประชาชนก็ศรัทธาผู้ใหญ่ของบ้านใหญ่นครปฐม และศรัทธากลุ่มชาวบ้าน เหมือนผมเช่นกัน

ทั้งนี้ องค์การบริหารส่วนตำบลโคกพระเจดีย์ ได้เปิดรับสมัครนายก และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลโคกพระเจดีย์ ตั้งแต่วันที่ 11-15 ตุลาคม โดยมีนายกประชา ฟุ้งขจร มาสมัครนายกอบต.โคกพระเจดีย์ คนแรก และนายสมศักดิ์ สังข์แก้ว มาสมัครนายกอบต.โคกพระเจดีย์ รายที่ 2 และนายสุคนธ์ ศรีสำราญ มาสมัครนายกอบต.โคกพระเจดีย์ รายที่ 3

รายงานข่าวแจ้งว่า แนวทางการสืบสวนหาตัวคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนลอบยิงนายสุคนธ์ ศรีสำราญ เมื่อเวลา 20 40 น.วันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมานั้น ทางตำรวจพอจะรู้ตัวแต่ด้วยพยานหลักฐานนั้นน้อยมาก ส่วนสาเหตุตัดลงมาสั่นสุดเหลือประเด็นเดียว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้เกรงว่าจะทำให้รูปคดีเสีย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บ้านใหญ่นครปฐม ประกาศกร้าว หากตำรวจสามารถจับกุมตัวคนร้าย และผู้บงการในคดีนี้ได้ บ้านใหญ นครปฐมำมอบเงิน 1ล้านบาทให้ เพราะทางผู้ใหญ่ในบ้านใหญ่นครปฐม อยากรู้เหมือนกันว่า สาเหตุใดที่ต้องมา ทำร้ายร่างกายกันแบบนี้ ลอบยิงกันแบบนี้มันรุนแรงมากบนเส้นทางการเมืองยุคนี้ต้องไม่มีการเมืองแบบนี้แล้ว ต้องเล่นการเมืองแบบสร้างสรรค์

KEY8 NEWS•PRESS รายงาน